xs
xsm
sm
md
lg

กว่า 5 ปี พาชาติสู่วิกฤตเศรษฐกิจ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"โสภณ องค์การณ์"

ท่านผู้นำประชานิยมจมไม่ลง ถมไม่เต็มยังแสดงอาการร่าเริง มั่นอกมั่นใจในฐานอำนาจ ประกาศให้ชาวบ้านได้รู้ว่า “จะยังอยู่อีกนาน” ส่วนชาวบ้านรายได้น้อย ด้อยสิทธิเผชิญกับพิษเศรษฐกิจอกไหม้ไส้ขมระทมทั้งแผ่นดิน แทบไม่มีจะกินครบ 3 มื้อ

ยังจัดหนักในโครงการ “ชิมช้อปใช้” ด้วยเงินของชาวบ้านผู้เสียภาษี และพร้อมจะกู้เพิ่ม ถ้ามีปัญหา นโยบายประชานิยมไม่อยู่ในแนวทางของเศรษฐกิจพอเพียงที่ท่านผู้ผยองอำนาจไปพ่นให้ชาวต่างประเทศฟัง ทำให้ตัวเองดูดีมีหลักการน่าเชื่อถือ

เป็นเคราะห์กรรมของคนไทยที่ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรจากปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นประเด็นของการโอดครวญหนักหนาสาหัสว่าแม้ในยุคต้มยำกุ้ง ลดค่าเงินบาท ก็ยังไม่แร้นแค้นเท่าปัจจุบัน ทั้งยังชมดังๆ ว่าเป็นสุดยอดของนักบริหารบ้านเมือง

อยู่มานานกว่า 5 ปี ทำให้คนไทยอยู่ในสภาพอย่างนี้ ถือว่าไม่ธรรมดา!

สมกับคำประกาศมือบริหารเศรษฐกิจก่อนหน้านี้ว่า “อีกไม่นานคนจนจะหมดไป” และแน่นอน จะเหลือเพียงคนรวยเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ กุมความมั่งคั่งเกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ ส่วนที่เหลือกลายสภาพเป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอก ยากจนข้นแค้น

ข่าวโรงงานกิจการค้าขายต่างๆ ปลดพนักงาน เลิกจ้างเพิ่มจำนวนคนว่างงาน ปิดบริษัทน้อยใหญ่ และยังมีบัณฑิตมหาวิทยาลัยตกงานหลายแสนคน มองไม่เห็นอนาคตว่าจะครองชีพได้อย่างไร มีทางเลือกคืออาชีพอิสระ ใช้มอเตอร์ไซด์ยังชีพ

ถามใครต่อใครก็บอกว่าเกิดมาไม่เคยประสบเหตุการณ์เศรษฐกิจการเงินฝืดเคืองขนาดนี้ กรรมกรคนยากไร้ต้องพึ่งพาร้านค้าย่อยที่รู้จักใกล้บ้าน ขอซื้อบะหมี่สำเร็จรูป 1 ห่อ ไข่ไก่ 1 ฟอง เอาไปกิน รอรับเงินค่าจ้างรายวันเอามาจ่ายให้ช่วงเย็น

แม่บ้านกรรมกรที่บ้านมีแต่ข้าวสาร ไปขอซื้อปลากระป๋องเอาไปต้มยำให้ลูกกินก่อนไปโรงเรียน ตอนเย็นสามีรับค่าจ้างเอามาจ่ายให้ บึงเล็กๆ ใกล้บ้านชานเมืองไม่มีปลาเหลือให้ตกเบ็ด ทอดแห ผักบุ้งริมบึงโตไม่ทันให้ชาวบ้านได้เก็บกินเลี้ยงชีพ

อย่างนี้เป็นเหตุการณ์ธรรมดาสำหรับคนไร้อาชีพ แต่ไม่ถึงขั้นร้ายแรงสำหรับกรรมกรที่ยังพอมีรายได้ชักหน้าไม่ถึงหลัง ทุกวันนี้สภาวะซบเซาทางเศรษฐกิจกระจายไปทั่วทุกหัวระแหง แม้แต่ภาคธุรกิจยังไม่สามารถเอาตัวรอดจากปัญหาได้

แล้วจะทำอย่างไร แต่ละวันมีแต่เรื่องอาชญากรรมลักวิ่งชิงปล้น ร้านทอง ร้านสะดวกซื้อเป็นแหล่งสะดวกสำหรับนักปล้น เป็นข่าวบ้าง ไม่เป็นบ้าง เพราะผู้บริหารบ้านเมืองไม่ชอบรับรู้ข่าวร้าย ไม่เป็นที่สบอารมณ์ ต้องเรื่องการลงทุนอย่างเดียว

ผู้กุมอำนาจไม่แสดงท่าทีแยแสกับวิกฤตที่ส่อเค้าว่าจะเริ่มหนักหนาสาหัสทุกวัน ทุกวันนี้อาศัยสื่อกองเชียร์ ขบวนการติ่งออกมาปกป้องยกย่องในฝีมือการบริหารบ้านเมือง เป็นเพราะกลุ่มของตัวเองได้รับผลประโยชน์ต่อเนื่องจากอำนาจเอื้ออวย

ข่าวประชาชนเดินขบวนประท้วงเรียกร้อง ขับไล่ผู้นำรัฐบาลในหลายประเทศ ไม่ทำให้ผู้กุมอำนาจประชานิยมรู้สึกเดือดร้อน มั่นใจว่าฐานค้ำอำนาจแข็งแกร่ง ทำให้ระบบปัจจุบันมีนักการเมือง นายทุน ขุนศึก ศักดินา ร่วมเป็น “รัฐกล้วย” สมบูรณ์

ย้ำอีกครั้ง กว่า 5 ปี สามารถทำให้ประเทศไทยอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้ ถือว่าเป็นคณะที่ไม่ธรรมดาจริงๆ แม้แต่ความลำบากยุคต้มยำกุ้งยังต้องเปิดทางให้แซง

เหลือแต่ว่าจากนี้ไป ถ้าวิกฤตหาทางออกสำหรับคนสิ้นหนทางไม่ได้ทันเวลา ประเทศไทยจะเอาที่ไหนเป็นโมเดลสำหรับการแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อผู้กุมอำนาจ ซึ่งถูกมองว่าไม่เห็นหัวเห็นหางคนยากจน มีระบบแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

เอาเงินคนอื่นมาแจกผ่านโครงการต่างๆ นั้นไม่ต้องเอาคนมีมันสมองเยอะ ก็ทำได้! เอ๊ะ! หรือว่ามีมันสมองไม่เยอะ สิ้นคิด สิ้นปัญญา สิ้นท่า จึงต้องทำอย่างนี้?

คนไทยมีความอดทนสูง อะไรที่พอยอมได้ก็ทนต่อไป ถ้าเกิดวิกฤต คนลุกฮือเป็นวงกว้างกลายเป็นมิคสัญญีกลียุค ใครก็จะเอาไม่อยู่ ต่อให้ผู้มีอำนาจขู่คำรามอย่างไรก็ตาม เพราะความหิว ความโกรธแค้น ทำให้หน้ามืดตามัวได้ง่ายดาย

จะทำอย่างไรกับคนว่างงาน ทั้งคนไทยและแรงงานต่างด้าวที่ต้องถูกเลิกจ้าง แม้แต่บัณฑิตจบใหม่ มีความรู้ มีปริญญา ถูกตั้งคำถามว่ามีความรู้จริง สมกับปริญญา ทำงานเป็นหรือไม่ มีคุณภาพช่วยเหลือตัวเองได้มีรายได้เพียงพอหรือไม่

หรือสิ้นสภาพต้องใช้มอเตอร์ไซด์ส่งอาหาร ส่งคน ไม่คุ้มกับเป็นทรัพยากรมนุษย์ผ่านการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย แต่สภาพเศรษฐกิจไม่อำนวย

วันก่อนมีข่าวเรื่องการจัดอันดับความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ของประชาชนในประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ โดยองค์กร EF Education First ในสวิตเซอร์แลนด์ “พบว่าชาวญี่ปุ่นมีทักษะภาษาอังกฤษลดลงอย่างต่อเนื่อง”

ชาวญี่ปุ่นถูกจัดเกณฑ์อยู่ในระดับ “ต่ำ” อันดับ 53 จาก 100 ประเทศ ลดลงจากปีที่แล้ว ที่อยู่ในอันดับ 49 เมื่อเทียบกับชาติในเอเชียแล้ว ชาวญี่ปุ่นใช้ภาษาอังกฤษด้อยกว่าชาวสิงคโปร์ ที่อยู่ในอันดับที่ 5, ชาวฟิลิปปินส์ อันดับที่ 20,

ชาติอื่นๆ ในเอเชีย มีเกาหลีใต้ อยู่ในอันดับที่ 37, ไต้หวัน อันดับที่ 38, จีน อันดับที่ 40 ส่วนเวียดนามอยู่อันดับที่ 52… แล้วประเทศไทยว่าอย่างไร

น่าอนาถหรือไม่ ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในระดับ “ต่ำมาก” อันดับที่ 74 ในอาเซียนมีเพียงพม่าและกัมพูชา ที่ด้อยกว่า แต่ดูแล้วไม่แน่ใจว่าพม่านั้น “ต่ำกว่า” จริงหรือไม่ เพราะนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยโดยเฉลี่ยแล้วเหนือกว่าเด็กไทยแน
แล้วเราจะไปแข่งขันกับใครได้ในประชาคมโลก ยิ่งเปิดประเทศมีอีอีซี การดึงทุนต่างประเทศสารพัด เราพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้มีคุณภาพเพียงพอหรือยัง

คนในคณะรัฐมนตรีพูดภาษาอังกฤษได้เกินครึ่งหรือเปล่า? อย่าอ้างว่าไม่จำเป็น เพราะการพูดเป็นแต่ไม่พูด กับการพูดไม่เป็นเพราะไม่มีความรู้ทางภาษาเป็นคนละเรื่อง! เรื่องภาษาอังกฤษ ต่อให้ไม่มีการสอน ก็จำเป็นต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง

ท่านผู้นำแสดงความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษทักทายวัวสายพันธุ์จากนอก “Hello! How are you?” เป็นตลกร้ายที่ทำให้คนไทยหัวเราะไม่ออก!

หรือจะเป็นแบบ “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา” อย่างที่เขาว่าจริงๆ?


กำลังโหลดความคิดเห็น