xs
xsm
sm
md
lg

ปัญหาของคนมีเงินโดนต้ม...

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


"โสภณ องค์การณ์"

แต่ละวันมีโฆษณาผ่านหูผ่านตาผู้บริโภคสื่อในรูปแบบต่างๆ ว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง” ซึ่งเป็นการเตือนผู้มีเงิน และอยากหารายได้เพิ่มนอกจากการฝากเงินในธนาคารซึ่งให้ดอกเบี้ยต่ำเป็นผลตอบแทนแทบไม่คุ้มกับภาษีและเงินเฟ้อในแต่ละปี

ดังนั้น คนมีเงินมากหรือน้อยก็สุดแล้วแต่ ซึ่งอยู่ในสภาพที่ยังดิ้นรนหาช่องทางต่อยอดจากเงินที่มีอยู่ ว่าจะเพิ่มรายได้อย่างไร เช่นเล่นแชร์ ซื้อทอง เล่นหุ้น หรือลงทุนในกิจการต่างๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำเป็นที่น่าพอใจ

คนส่วนหนึ่งไม่ยอมฟังคำเตือนที่ว่า “ความโลภไม่ปรานีใคร” และใครก็ตามเห็นเงินในกระเป๋าคนอื่นแล้วตาโต จนขาดความรอบคอบ ยอมให้ความโลภ ความอยากได้ใคร่มีครอบงำ จึงเสี่ยงต่อการสูญเสียทรัพย์สินเงินทองให้พวกนักต้มตุ๋น

และยังมีคำพูดของฝรั่งที่ว่า “มีคนบ้องตื้นเกิดมาในโลกทุกนาที” พวกนี้มีศักยภาพสูงในการหาเงิน และพร้อมจะตกเป็นเหยื่อ เช่นกัน ทำให้คนทั่วไปสงสัยว่าถ้ามีความเก่งฉกาจ มีฝีมือในการหาเงินได้มากกว่าคนอื่นๆ ทำไมจึงถูกต้มง่ายดาย

ถ้าไม่โลภ อยากได้ทรัพย์สินจากกระเป๋าคนอื่นจนขาดสติ ความยั้งคิด ก็ไม่ต้องรับเคราะห์ ลืมคิดไปว่าคนอื่นๆ ก็อยากได้เงินในกระเป๋าของเราเช่นกัน

เหมือนในตลาดหุ้น เมื่อมีคนได้เงิน ก็ย่อมมีคนเสียเงิน ทำไมหุ้นตกจึงมีคนช้อนซื้อ เพราะมีความเชื่อต่างกัน ขึ้นอยู่กับจังหวะความเสี่ยงว่าจะอวยโชคให้ฝ่ายไหน ไม่มีตลาดหุ้นที่ราคาหุ้นจะตกตลอดกาล และขึ้นตลอดกาล มีขึ้นมีลงเสมอ

สื่อต่างๆ ได้เสนอข่าว “แก๊งตกทอง” มานานหลายสิบปี แต่เล่ห์เหลี่ยมต้มตุ๋นอย่างนี้ก็ยังใช้หากินได้ ใครก็ตามที่เจอคนเสนอจะแบ่งสร้อยคอทองคำที่อ้างว่าเก็บตกได้ ทำไมไม่ฉุกใจคิดว่าจู่ๆ จะมีคนเอาลาภลอยมาให้เราทำไม โดยไม่รู้จักกัน

น่าจะคิดว่า “อะไรที่เป็นของดี มีคุณค่า มักจะไม่ตกถึงมือเรา” เช่นกัน ถ้ามีคนเสนอแผนอะไรที่หาเงินได้ง่าย ต้องคิดว่าเราเป็นคนมีบุญวาสนาหรือ จึงได้มีคนเสนอช่องทางให้เรามีรายได้ ทำไมคนนั้นไม่เก็บเอาไว้เอง ทำไมเขาใจดีอย่างนี้

ไม่ฉุกคิดว่านั่นเป็นกับดักสำหรับเหยื่อที่ถูกความโลภครอบงำจนขาดสติ!

“แก๊งตกทอง” “แก๊งไพ่สามใบ” หรือ “แก๊งต้มให้เล่นพนันฝายาหม่องครอบเหรียญสลึง” เอาไว้ตุ๋น โดยมีหน้าม้าเป็นตัวชักนำให้ตายใจ จึงยังอยู่คู่ฟ้าดิน

กรณีแชร์ลูกโซ่ที่เป็นข่าวฮือฮา มีวงเงินคนเสียหายหลายร้อยล้านบาท และมีเหยื่อบางรายไม่กล้าเปิดเผยตัวเพราะกลัวอายที่เสียรู้คนและเสียท่านักต้มตุ๋น ยังเป็นกลเม็ดที่หากินได้เสมอ เหยื่อหลายรายหลายยุค ไม่ยอมเข็ดหลาบ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเสี่ยง

ตั้งแต่ “แชร์แม่ชม้อย” หลายสิบปีก่อน ตามมาด้วย แชร์แม่นกแก้ว แชร์เสมาฟ้าคราม แชร์ชาร์เตอร์ แชร์บลิสเชอร์ จนกระทั่งแชร์สัมมนา แชร์ข้าวสาร แชร์ก๋วยเตี๋ยว และนั่นนี่โน่น เกิดขึ้นต่อเนื่อง เสนอผลตอบแทนอย่างงาม ได้เหยื่อมากแล้วก็ล้ม

วงเงินมีตั้งแต่ระดับล้าน จนหลายร้อยล้าน พันล้าน ขึ้นอยู่กับจำนวนที่ลง ระดับความมั่งคั่งของเหยื่อ และขนาดของเครือข่าย ผู้ที่ลงเงินรอบแรกๆ เห็นผลกำไรงาม ก็ชักชวนคนอื่นเข้าร่วม รับเป็นหัวหน้าสาย แม่ข่าย ได้ผลตอบแทนงามเช่นกัน

ฝรั่งก็มี “พีระมิดเกม” “ปอนซี่สกีม” ในยุค 1920 ในสหรัฐฯ ก่อนเศรษฐกิจตกต่ำ จนมาถึงรายใหญ่ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ คือ “มาดอฟฟ์ ปอนซี่ สกีม” ในปี 2008 สร้างความเสียหายมากถึง 64.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นกองทุนลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์

เป็นการ “ต้ม” คนระดับเศรษฐี กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นการต้มตุ๋นมโหฬาร ก็กินเวลานาน ผลสุดท้ายนายมาดอฟฟ์ ถูกศาลตัดสินจำคุก 150 ปี ต้องรับภาระชดใช้เงินมากถึง 1.5 แสนล้านดอลลาร์ คงเป็นไปไม่ได้ที่ “มาดอฟฟ์” จะทำได้ทั้ง 2 อย่าง

ในบ้านเรา “แชร์ลูกโซ่” มีอยู่ตลอด ล่าสุดก็เป็นของ “แม่มณี” “แม่มะนาว” และเครือข่าย ว่ากันเป็นร้อยๆ ล้านเช่นกัน เจ้าหน้าที่ยังสอบสวนอยู่ว่ายอดเงินเท่าไหร่กันแน่ อาจจะมากกว่าที่เปิดเผย เพราะยังรอผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำ

ที่น่าสนใจก็คือ ทำไม “นักลงทุน” ที่เป็น “เหยื่อ” ไม่เอะใจสงสัยว่าผลตอบแทนจากการลงทุน 100 บาท ได้ 93 บาทนั้น เป็นไปได้อย่างไร สำหรับหญิงต่างจังหวัดที่อายุยังไม่มาก สร้างเครือข่ายและความเสียหายให้คนจำนวนมาก

นั่นเป็นเพราะ “นักลงทุน” และเครือข่ายช่วงต้นได้รับผลตอบแทนจริง เมื่อได้ระยะหนึ่งก็มั่นใจ จึงตัดสินใจเพิ่มยอด ทั้งสร้างลูกข่าย ได้ทั้งกำไรและค่านายหน้า ต่างก็ยินดีปรีดา นึกว่าเป็นโชควาสนาหาเงินได้เก่ง จึงเพิ่มการลงทุนไม่หยุด

เมื่อถึงจุดหนึ่งตัวการเจ้ามือไม่สามารถเอาเงินใหม่มาจ่ายให้ลูกข่ายนักลงทุนได้เพียงพอ เกิดภาวะอิ่มตัว ทำให้การเงินไม่ลื่นไหล แต่ตัวเองต้องเก็บเงินลงทุนในกิจการต่างๆ บำเรอความสุขให้ตัวเอง ซื้อบ้านหรู รถยนต์หรู เป็นเศรษฐีอย่างเร็วไว

เมื่อเงินไม่ไหลคล่อง ลูกข่ายไม่ได้รับเงิน ย่อมมีเสียงโวยวาย โดยเฉพาะกลุ่มล่าสุด สุดท้ายวงก็แตก เจ้ามือวงแชร์หาตัวยาก ขาดการติดต่อ เหยื่อจึงตื่นตระหนก ออกอาการโวยวายฟูมฟาย เสียดายเงินที่จะไปลงทุนหวังรายได้เป็นลาภก้อนใหญ่

เมื่อหูตาสว่าง รู้ว่าถูกเบี้ยว ถูกต้อง ก็ไปแจ้งความและมีรายละเอียดความสูญเสียเงินระดับแสนถึงสิบล้านบาท มาเป็นกลุ่มก็มี ช่วงได้เงินตอบแทนตามกำหนด ไม่ฟังคำเตือนของใครทั้งนั้น แถมบางรายยังด่าคนเตือนว่าโง่ ไม่รู้จักต่อยอดรายได้!

ล่าสุด มีข่าวแพลมออกมาว่าการเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราวงใหญ่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ น่าจะมียอดเงินแซงหน้า “แชร์แม่มณี” ถึงหมื่นล้านบาทโน่น! เป็นภาระของเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ได้มีส่วนได้ มีแต่ส่วนเสียต้องสืบสวน จับกุมพวกตัวการ

ก่อนหน้านี้มีอย่างน้อย 2-3 วงต้นตออยู่ที่อังกฤษและเกาหลีเลิกราไปแล้ว หลังจากต้มตุ๋นนักลงทุนไทยไปมากพอสมควร ไปไล่ล่าก็ไม่ได้เพราะทุกอย่างเป็นการลงทุนในระบบออนไลน์ ตอนได้เงินไม่บ่น ตอนเสียเงินก็ฟูมฟายเสียดายเงิน

น่าจะยังมีแชร์ลูกโซ่ การลงทุนฟอร์เร็กซ์อีกในรูปแบบการต้มตุ๋น ที่รอวงแตก และยังจะต้องมีวงใหม่อีก เพราะในโลกนี้มีคนบ้องตื้นเกิดมาทุกนาที มาเป็นเหยื่อของความโลภที่ไม่ปรานีใคร เป็นบทเรียนจากเหตุที่เกิดซ้ำซาก แต่ไม่มีคนจดจำ!

สามารถหาเงินได้ แต่ต้องเสียรู้คนที่หาเงินได้เก่งกว่า จากกระเป๋าของเราเอง!


กำลังโหลดความคิดเห็น