“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
คำพูดของ “บิ๊กตู่” ระหว่างเดินทางไปตรวจราชการ ยังจังหวัดราชบุรีกับกาญจนบุรี และประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2562 ณ จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่11-12 พฤศจิกายน 2562 ชวนให้ฉุกคิด..
ประชาชนมักได้ยินคำพูดซ้ำซาก ของ “นายกฯ รัฐประหาร” ที่ “สืบทอดอำนาจ”ได้เป็น “นายกฯเลือกตั้ง” หลังการเลือกตั้งครั้งล่าสุด..
โดย “บิ๊กตู่”มักพูดแบบ “เผด็จการ” ทำนองว่า..ต้องคิดอย่างผม!..ต้องคิดแบบนี้สิ!
“บิ๊กตู่” ต้องยอมรับความจริงนะว่า นับแต่วินาทีแรกที่ “บิ๊กตู่” ในฐานะ “ผบ.ทบ.” เป็น“หัวหน้าคณะรัฐประหาร ”ยึดอำนาจรัฐ ด้วยการโค่นล้มรัฐบาลเลือกตั้ง “พี่คิด-น้องโกง” แถม “บิ๊กตู่” ยังยึดตำแหน่ง“นายกรัฐมนตรี”ไว้ในกำมืออีกด้วย..
ดังนั้น..“บิ๊กตู่”จึงเป็น“นักการเมืองเต็มตัว”ที่มาจาก“รัฐประหาร” ควบหลายสถานะตั้งแต่“ข้าราชการทหาร”ในตำแหน่ง “ผบ.ทบ.”, “หัวหน้าคณะรัฐประหาร” กับตำแหน่ง“นายกรัฐมนตรี”
“บิ๊กตู่”ปรับตัวเป็น“นักการเมือง”ได้รวดเร็วมาก จาก “บิ๊กตู่-นายกฯเผด็จการทหาร” มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ด้วยมาตรา 44 ในกำมือนานกว่า 5 ปี ต่อเนื่องด้วย “นายกฯ บิ๊กตู่” ที่มาจากการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ทำให้ “บิ๊กตู่” มีประสบการณ์ทั้งบวกและลบ ส่ง “ผลดี” และ“ผลเสีย”ให้ชาติอย่างมากมาย ฯลฯ เช่น
“นักการเมืองทหารบางคน”ไม่ต่างอะไรกับ “นักการเมืองนายทุนบางคน”และ“นักการเมืองสามานย์หลายคน” คือ หนึ่ง-ไม่ทำตาม“คำพูด”ในหลายเรื่อง! สอง-โกหก,บิดเบือน,ปกปิดความจริงในหลายเรื่อง ทั้งยังมีเรื่องให้ร้ายป้ายสีฝ่ายตรงข้ามในบางเรื่อง! สาม-ใช้อำนาจรัฐโกงชาติในหลายเรื่อง ด้วยการอ้างทำเพื่อประชาชน! ฯลฯ
สำหรับ “บิ๊กเหลี่ยม”นั้น ไม่ต้องยกตัวอย่างมากมายให้เปลืองหน้ากระดาษ แค่เรื่อง “บิ๊กเหลี่ยม”ประกาศว่า “รวยแล้วไม่โกง”นั้น ประชาชนไทยส่วนใหญ่ล้วนรู้ว่า “บิ๊กเหลี่ยม” มีพฤติกรรม“รวยแล้วยังโกง”และ“โกงทั้งโคตร” อีกด้วย..
ส่วน“นักการเมืองบิ๊กตู่” ก็เคยประกาศ ต่อประชาชนในห้วงทำรัฐประหารไว้ว่า จะปราบการคอร์รัปชั่นโกงชาติ-จะลดความเหลื่อมล้ำมิติต่างๆในชาติ-จะปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง ฯลฯ
ทว่า..เมื่อ “บิ๊กตู่” ยึดอำนาจรัฐไว้ได้แบบเบ็ดเสร็จ และขึ้นเป็น“นายกรัฐมนตรี” เรียบร้อยแล้ว
“บิ๊กตู่” ก็แสดงฤทธิ์เดชในฐานะ“นักการเมือง” โดยไม่แยแสต่อ “คำพูดของตนเอง”หน้าตาเฉย!
อ้อ..นอกจาก“บิ๊กตู่”จะ“ไม่ทำตามคำพูดตนเองแล้ว” บางเรื่องยังกลับ “ทำตรงข้ามกับคำพูดตนเอง”อีกด้วย เช่น ไม่ปราบการคอร์รัปชั่นโกงชาติจริงจังเท่าที่ควร! จนอันดับการคอร์รัปชั่นของไทยร่วงผล็อยๆมาตลอด!
ไม่ได้ลดความเหลื่อมล้ำมิติต่างๆในชาติ โดยเฉพาะทำให้ปัญหา“รวยกระจุกจนกระจาย” เพิ่มขึ้น จนพุ่งขึ้นไปติดอันดับหนึ่งในเอเชีย และติดอันดับต้นๆของโลกแล้ว!
ที่“บิ๊กตู่”ทำตรงกันข้ามอีกเรื่องอย่างชัดแจ้ง นั่นคือ ไม่ได้ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง..แต่กลับเลือกตั้งโดยไร้การปฏิรูปชาติ(ว่ะ)..!
ดังนั้น ตลอดห้วงเวลากว่า 5 ปี ที่ “บิ๊กตู่” เป็น“หัวหน้าคณะรัฐประหาร” ควบตำแหน่ง “นายกฯ เผด็จการ”นั้น “บิ๊กตู่”ไม่เคยอธิบายอย่างชัดแจ้งสักคราว่า ทำไม“บิ๊กตู่” จึงไม่ทำตาม “คำพูดของตนเอง”? และ“อะไร” ทำให้ “บิ๊กตู่”ไม่ทำตาม “คำพูดของตนเอง”? อืม..แล้วจากนี้..“บิ๊กตู่” จะทำตาม “คำพูดของตนเอง” หรือเปล่า? ฯลฯ
“คำถาม” ข้างต้น ไม่เคยมี “คำตอบ” ชัดเจน หรือเป็นทางการจาก “นักการเมืองบิ๊กตู่” เลย..!
เมื่อ “ตอบคำถาม”ไม่ได้ในหลายเรื่อง “นักการเมืองบิ๊กตู่” เลยใช้วิธี “นิ่งสงบ-สยบการเคลื่อนไหว”! บางเรื่อง “บิ๊กตู่” ต้องใช้วิธีปล่อยให้วันเวลา ทำหน้าที่ช่วย “บิ๊กตู่” กลบเกลื่อนการ “ทำผิดคำพูด”!
อืม..น่าเสียดายที่ความจริงของ “การทำผิดคำพูดหลายเรื่องของบิ๊กตู่” จะต้องเลือนหายไปหลัง“บิ๊กตู่” สิ้นอำนาจวาสนา!
ห้วงนี้“นักการเมืองบิ๊กตู่”จึงมากด้วย “คำอ้อน-คำหวาน” เพราะ“คำพูด”ของ“บิ๊กตู่”จะเต็มไปด้วยการให้“ความหวัง”ต่อผู้คนอยู่เสมอ ดังถ้อยคำใหญ่โตที่ยากจะเป็นจริง เช่น “รัฐบาลนี้จะไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง” แต่ในความเป็นจริงของสังคมไทยนั้น วันนี้“คนรวย-รวยยิ่งขึ้น”และ“คนจน-จนยิ่งขึ้น” ช่องว่างจึงถ่างออกไปเรื่อยๆทุกวี่วัน..
เรียกว่า..คนมีรายได้น้อยและคนจน ที่เป็นพลเมืองส่วนใหญ่ในประเทศ ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบ หนักขึ้นชนิดไม่หยุดหย่อนในการดำรงชีวิตให้อยู่รอด
ทั้งนี้เพราะ“รัฐบาลบิ๊กตู่” มิได้ใช้อำนาจรัฐกำกับให้เกิดความเป็นธรรม ต่อการกระจายรายได้ ให้คนส่วนใหญ่ในชาติไทยเท่าที่ควร โดย “บิ๊กตู่” กลับจงใจปล่อยให้สังคมไทย ตกอยู่ในสภาพ “มือใครยาวสาวได้สาวเอา” กันอย่างเต็มที่ อันเป็นการปล่อยให้ “ปลาใหญ่สวาปามปลาเล็ก”อย่างเสรี ชาติไทยจึงกลายเป็น “สังคมคนกินคน” ที่ไร้ความเอื้ออาทรและสิ้นคุณธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ
ส่งผลให้สังคมไทยในวันนี้ เต็มไปด้วยข่าวการวิ่งราวจี้ปล้นชิงทรัพย์กันเป็นว่าเล่น ข่าวการปิดกิจการของธุรกิจทั้งบริษัทห้างร้านเพิ่มขึ้นไม่หยุดหย่อน จนส่งผลให้ผู้คนต้องตกงานกันอย่างมากมาย ตามด้วยข่าวการฆ่าตัวตายที่เกิดขึ้นแทบทุกวี่วัน แถมข่าว “ฆ่าล้างครัว” ก็เกิดขึ้นราวดอกเห็ด ฯลฯ
จนรัฐบาล “บิ๊กตู่” ต้องใช้สูตร“ประชานิยม”มาแก้ปัญหา โดยหวังผลเลิศลมๆแล้งๆว่า “ยิงปืนนัดเดียวจะได้นกหลายตัว” อันเป็นการ“มองโลกสวยเกินจริง” เพราะหวังจะกระตุ้นทั้งเศรษฐกิจชาติที่ตกต่ำลง ผสมผสานไปกับหวังจะแก้ไขความฝืดเคือง ของผู้มีรายได้น้อยที่หดหายไป ด้วยนโยบายประชานิยมทั้ง “ลด-แลก-แจก-แถม” ซ้ำซาก! เรียกว่า..รัฐบาล “บิ๊กตู่” ถนัดในการ“แก้ผ้าเอาหน้ารอด”ไปวันๆเท่านั้นเอง..
เพราะนโยบายประชานิยมเหล่านั้น เป็นได้ก็แค่แก้ปัญหาชั่วคราวแบบ“ไฟไหม้ฟาง”โดยแท้!
เอาล่ะ..คราวนี้มาดูวิธี “คิด” แบบ “บิ๊กตู่” ที่พูดในวันไปประชุม ครม.นอกสถานที่ ซึ่งมีทั้งถูกและมีทั้งผิดกันหน่อย โดย “บิ๊กตู่”ได้พูดคำใหญ่คำโตไว้ว่า..
“วันนี้เรามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ผมเองก็ได้จากการเลือกตั้งเหมือนกัน ซึ่งที่ผ่านมามันคนละเรื่องกัน..”
ใช่เลย..ต้องยอมรับความจริงว่า รัฐบาล“บิ๊กตู่” ยุคนี้มาจากการเลือกตั้ง เป็นการ“สืบทอดอำนาจ”ได้สำเร็จ “ที่ผ่านมามันคนละเรื่องกัน”ก็จริงอีก! เพราะเมื่อ 5 ปีก่อน“บิ๊กตู่”เป็น “นายกฯ รัฐประหาร” แต่วันนี้ “บิ๊กตู่”ได้เป็น“นายกฯ เลือกตั้งเป็ดง่อย” เพราะมีเสียง สส.ในสภาฯแบบปริ่มน้ำ จะล้มครืนวันใดวันหนึ่งได้ตลอดเวลา..จริงไหม?
แต่คำพูด “บิ๊กตู่ ที่ว่า “..การเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีก็มาจาก ส.ส. ส่วน สว.ยังไม่ทันได้เลือก ผมก็ได้แล้ว..ขอให้เข้าใจกันเสียด้วย”นั้น..ตัดตอนความจริงไปโดยสิ้นเชิง!..
งานนี้..ถ้า “ปู่มีชัย”ไม่เขียนรัฐธรรมนูญให้ “บิ๊กตู่”ได้ประโยชน์สารพัด โดยเฉพาะการให้“สว.เลือกนายกฯ”ร่วมกับ สส.ได้ แถม “ปู่มีชัย” ยังให้สิทธิพิเศษกับ“บิ๊กตู่” เป็นผู้แต่งตั้ง“สว. 250 คน”ได้แบบ“ตามใจตู่”ชนิดเต็มร้อย ซึ่งนั่นเท่ากับ “บิ๊กตู่” มีเสียง สว.ตุนไว้ในกระเป๋าแล้ว
อิทธิพลลับๆ ล่อๆ ของ “บิ๊กตู่”อยู่ที่ “สว.250 เสียง” แถมห้วงนั้น“บิ๊กตู่” ยังมีกองทัพหนุนเต็มสูบอีกด้วย ทำให้นักการเมืองพรรคต่างๆรู้อยู่เต็มอกว่า แค่พรรคหนุน“บิ๊กตู่” บวกกับ “สว. 250 เสียง” ก็ทำให้ตำแหน่งนายกฯของ“บิ๊กตู่”อยู่แค่เอื้อมแล้ว..จริงไหม?
นั่นทำให้พรรคการเมืองใหญ่น้อยในวันนั้น จำต้องเดินมาลง “เรือแป๊ะตู่”เป็นทิวแถว แต่ สว.ก็ทำได้แค่เลือกนายกฯเท่านั้น ส่วนเกมการเมืองในสภานั้น ยังไงๆ“บิ๊กตู่” ก็เป็นได้แค่รัฐบาลปริ่มน้ำอยู่ดี..จริงไหม?
แหม..ถ้า “บิ๊กตู่”ไม่ได้ตั้ง “สว.250 เสียง” และหาก “สว.”เป็นอิสระทางการเมือง สถานการณ์การเมืองห้วงนั้น-จะเปลี่ยนไปทันที! เพราะ“พรรคภูมิใจไทย” และ“พรรคประชาธิปัตย์” คงไม่ถูก “บีบบังคับ”ให้จำต้องเข้าร่วมรัฐบาลกับ “บิ๊กตู่” แน่นอน
แถม “บิ๊กหนู” หรือ “บิ๊กมาร์ค” คนใดคนหนึ่ง คงจะเป็น“นายกฯ” แทน “บิ๊กตู่”ไปแล้ว ด้วยฝ่ายค้านจะเป็น “ป๋าดัน” เทคะแนนเสียงให้หมดหน้าตักไงล่ะ
“สว.250 เสียง” จึงเป็นตัวแปรสำคัญทางการเมือง ทำให้ “บิ๊กตู่”ได้เป็น “นายกฯ เลือกตั้ง” ในวันนี้ไงล่ะ..
อ้อ..ต้องบอก “บิ๊กตู่” อย่าคุยโม้จนลืมไปว่า “คนไทยไม่ได้กินแกลบ” และ “โง่ทุกคน” นะเฟ้ย..!