xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“พปชร.”เจอศึกใน2ด้าน “ปชป.-ภท.”เริ่มแผลงฤทธิ์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มือซ้ายกอด มือขวาไขว้หลังกำมีด น่าจะเป็นบุคลิกของ “รัฐบาลบิ๊กตู่ 2”ที่ชักจะแสดงออกให้เห็นบ่อยๆ หลายครั้งเข้า

เอาที่เห็นชัดๆ กันสดๆ ร้อนๆ ที่ผ่านมา ก็บนเวทีใหญ่ที่โรงงานกระดาษกาญจนบุรี ที่ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต้องหอบคณะรัฐมนตรีไปพบปะพี่น้องประชาชน

เสนาบดีมาในรัฐบาลมากันเกือบครบ “บิ๊กตู่”ถือโอกาสแนะนำตัวรัฐมนตรีเรียงคน ต้องการจะสื่อสารกับคนกาญจนบุรีว่า เป็นรัฐบาลผสมมาจากหลายพรรค แต่สมัครสมานสามัคคี ทำงานกันได้

ชี้รายตัว รัฐมนตรีคนไหนตำแหน่งอะไร มาจากพรรคไหน แต่สักพักเจอแต่พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา ถึงขั้นถามหา“ประชาธิปัตย์”ไปไหน

ถึงตอนนั้นเพิ่งรู้ตัวว่า ไม่มีรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมในเวทีนี้สักคน หลักๆ มีแค่พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา

แม้แต่ตอนไปลอยกระทง ก็มีแค่“หมอตี๋”สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข คนเดียวที่มาจากพรรคสีฟ้า ทั้งที่น่าจะอยู่กันครบๆ

ที่ขาดๆ ไปเป็นรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด ปมนี้ไม่น่าจะผิดคิว

แต่น่าจะมาจากความตั้งใจ อย่างที่รู้กัน จ.กาญจนบุรี นี้ก็มีแผล โดยเฉพาะการที่พรรคสีฟ้าสูญพันธุ์จากถิ่นสะพานข้ามแม่น้ำแคว ไม่เหลือส.ส.สักคนเดียว ครั้งที่คราวก่อน ตอนเลือกตั้งปี 2554 กวาดมาถึง 3 คน จาก 5 เขต

ตามคิวที่พรรคพลังประชารัฐ ใช้พลังภายในดึง“กำนันเซี้ยะ”ประชา โพธิพิพิธ คนมากบารมีเมืองกาญจน์ จากอ้อมอกพรรคประชาธิปัตย์มาอยู่กับตัวเอง เท่ากับดึงที่นั่งส.ส.ไปด้วย

ลูกชาย 2 คนของ “กำนันเซี้ยะ”ทั้ง ธรรมวิชญ์? โพธิพิพิธ? และ อัฏฐพล? โพธิพิพิธ เข้าวินได้เป็นส.ส.ทั้งคู่ รวมถึง “กำนันฉอย”สมเกียรติ วอนเพียร ที่อยู่ในขุมข่ายเดียวกัน

ส.ส.ที่น่าจะเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ มาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐทั้งหมด โดย 5 เขต ใน จ.กาญจนบุรี “พลังประชารัฐ”กวาดไป 4 ที่นั่ง เป็นของ“กำนันเซี้ยะ” 3 ที่นั่ง

พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ ที่ย้ายขั้วมาจากพรรคเพื่อไทย 1 ที่นั่ง ขณะที่อีก 1 เก้าอี้ใน จ.กาญจนบุรี เสร็จพรรคภูมิใจไทย ไม่เหลือผู้แทนจากพรรคประชาธิปัตย์สักคน

โดยอารมณ์มันก็มีเคืองๆ กันอยู่ !

กับอีกปมร้อนที่คาบเกี่ยวกับช่วงประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ หรือ “ครม.สัญจร”ก็คือ คิวแย่งเก้าอี้ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ที่พรรคประชาธิปัตย์ ชิงจังหวะเสนอชื่อแสลงใจท็อปบูต “เดอะมาร์ค”อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้นั่งหัวโต๊ะ แต่พรรคพลังประชารัฐไม่ยอม ส่ง “ตี๋กร่าง”สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 มาเบรก

เรียกว่า เป็นช็อตต่อเนื่องกันมา พรรคพลังประชารัฐประกาศลั่นอย่างไรเก้าอี้ตัวนี้ไม่ยอมให้พรรคประชาธิปัตย์อีกแล้ว จะเป็น “คนนอก”หรือ “คนใน”ไม่เกี่ยง แต่ต้องเป็นโควตาที่แกนนำรัฐบาลเป็นคนเลือก ไม่ใช่ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม

นั่นเพราะ“อภิสิทธิ์”เป็นคู่กรณีโดยตรงของ “บิ๊กตู่”ตั้งแต่ประกาศไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ และประกาศไม่สนับสนุน“บิ๊กตู่”นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีต่อ ซึ่งมันมีปมในใจกันอยู่แล้ว

การจะเอามานั่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ รื้อรัฐธรรมนูญ ย่อมยอมไม่ได้ เสี่ยงเกินไปที่จะทำเละเทะ จนถึงขั้นสั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาล

ต่างฝ่ายต่างยืนยันว่า ต้องเป็นคนของตัวเอง สุดท้ายต้องไปเคลียร์กันในที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร หรือ วิปรัฐบาล เพื่อเคลียร์ปัญหา ซึ่งน้ำหนักตอนนี้ เทไปทางฝั่งพรรคพลังประชารัฐ เพราะที่ผ่านมาอุตสาห์ยอมให้พรรคสีฟ้าทุกเรื่อง ดังนั้น หากจะขอบ้างก็ต้องให้


ศึกขบเหลี่ยมระหว่าง “พลังประชารัฐ”กับ “ประชาธิปัตย์”ในรัฐบาลว่าหนัก แต่ “ศึกใน”ไม่ได้มีแค่ศึกเดียว ตามคิวที่ในห้วงเวลาเดียวกันกับ“ภูมิใจไทย”ก็ทำสงครามจิตวิทยากัน อย่างกรณีอภิปรายไม่ไว้วางใจที่อยู่ๆ “เพื่อไทย” ล็อกเป้าไปที่ “เสี่ยโอ๋”ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย

ตั้งป้อมจะล่อประเด็นความไม่ชอบมาพากลในกระทรวงคมนาคม โดยเฉพาะการดำเนินการรื้อโครงการและบิ๊กโปรเจกต์ต่างๆ ตั้งแต่เข้ามาดำรงตำแหน่งนี้ จนถูกตั้งข้อสังเกตว่า ทำไปเพื่อจะเอื้อให้กับพรรคพวกตัวเอง

ไม่ว่าจะเป็นการคัดค้านการสร้างเซ็นทรัล วิลเลจ ตรงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือการไล่บี้ให้ “ซีพีเอช”รีบๆ เซ็นสัญญารถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน

“ภูมิใจไทย”คลางแคลงใจว่า “พลังประชารัฐ”ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอาจ“เล่นไม่ซื่อ”เสิร์ฟข้อมูลให้กับ 7 พรรคฝ่ายค้าน กระหน่ำ“ศักดิ์สยาม”ในศึกซักฟอก

เรื่องนี้มันมีลิ่มความขัดแย้งกันมาตั้งแต่สมัยแบ่งโควตารัฐมนตรี ที่พรรคพลังประชารัฐ พยายามทวงคืนกระทรวงคมนาคมกลับมาอยู่ในมือตัวเอง หลังพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ อย่าง “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ดันไปยกให้

ถึงขนาดมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างกันว่า “บิ๊กเศรษฐกิจรัฐบาล”ถึงกับตัดพ้อเลยว่า ท่านเอาเงินหลายแสนล้านบาทไปยกให้เขาทำไม เพราะมีโครงการใหญ่ที่ฝั่งรัฐบาลวางรากฐานเอาไว้ตั้งแต่เป็น คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งกำลังจะผลิดอกออกผล

แต่สุดท้ายความพยายามดึงกลับไม่เป็นผล ทุกอย่างยึดดีลแรกหมด และเป็นไปตามคาด เมื่อ “ภูมิใจไทย”กุมคมนาคมไว้ในมือ โครงการต่างๆที่ “เฮียกวง”เป็นตัวตั้งตัวตี ถูกรื้อเพียบ

มันจึงมีรายการอยากดึงกลับมาอยู่ในมือ “พลังประชารัฐ”อีกครั้ง โดยล่อเป้าเรื่องความไม่ชอบมาพากลในกระทรวง ตี“ศักดิ์สยาม”กระทบชิ่งไปถึง“เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รวมไปถึงเจ้าของพรรคตัวจริงที่บุรีรัมย์

ขณะเดียวกัน ยังมีสื่อดัง คอยโหมประโคมประเด็น“ศักดิ์สยาม”รายวัน เพื่อตอกลิ่มให้ประเด็นอื้อฉาวในกระทรวงคมนาคม ให้กลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ กดดัน “เสี่ยหนู”เลยต้องรีบเทคแอ็กชั่น สั่งทีมกฎหมายฟ้องสื่อเจ้าดังกล่าว พร้อมกับส่งสัญญาณถึงบิ๊กรัฐบาล ถ้า “เสี่ยโอ๋”ไม่อยู่“เสี่ยหนู”ก็ไม่อยู่เหมือนกัน

ต่อรองในลักษณะ“ภูมิใจไทย”พร้อมถอนยวง กระโดดหนีรัฐบาล หากคิดจะใช้ไม้นี้ เพื่อบีบให้คลายกระทรวงคมนาคม กลับคืนสู่พรรคพลังประชารัฐ

จริงๆ มันไม่ใช่ศึกระหว่าง“พลังประชารัฐ”กับ “ภูมิใจไทย”เสียทีเดียว แต่มันเป็นการเปิดศึกสงครามเย็นกันระหว่าง ทีมเศรษฐกิจชุดก่อน ที่ไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเรื่องนโยบายเศรษฐกิจในรัฐบาลปัจจุบัน กับ“ภูมิใจไทย”

เป็นศึก “ขาใหญ่”ทำสงครามจิตวิทยา!

เป็นรอยร้าวที่น่ากลัวในอนาคต และส่งสัญญาณให้เห็นความไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในรัฐบาล ที่พร้อมจะเกิดปรากฎแตกหักได้ทุกเวลา หากผลประโยชน์ไม่ลงตัว


กำลังโหลดความคิดเห็น