xs
xsm
sm
md
lg

“ลุงตู่”อยู่เป็นของแท้ ลอยตัว-ไม่ขวางแก้รธน. !!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

หากจะบอกว่า “อยู่เป็น”ตามศัพท์แสงทางการเมืองที่กำลังฮิตฮอตในเวลานี้ก็ต้องมีชื่อ“ลุงตู่”หรือ “บิ๊กตู่”ติดโผอยู่ในระดับแถวหน้าแน่นอน เพราะเมื่อพิจารณาจากท่าทีในเรื่องสำคัญเขาก็สามารถรู้จักวางน้ำหนักได้อย่างเหมาะสม หรือเรียกอีกอย่างปรับตัวเข้ากับทุกสถานการณ์ รู้จักอ่อนหรือแข็ง ไม่ได้แข็งโป๊กหรือยึดหลักการตายตัว
แน่นอนว่าเวลานี้เริ่มมีการพูดถึงเรื่องการผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญมากขึ้น ซึ่งหลายฝ่ายก็มองว่าอาจกลายเป็นวิกฤติทางการเมืองรอบใหม่ขึ้นมาอีก เนื่องจากมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย และคัดค้าน
สำหรับ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แสดงท่าทีชัดเจนมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า เขาไม่คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่โยนให้เป็นเรื่องของทุกฝ่าย โดยเฉพาะรัฐสภาที่ต้องไประดมความเห็นกันมา
สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ เขายอมให้เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญบรรจุอยู่ในนโยบายของรัฐบาล ตามการผลักดันของพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค อย่างพรรคประชาธิปัตย์ แม้ว่าอีกมุมหนึ่งอาจมองว่าเป็นเพราะเงื่อนไขของรัฐบาลผสมที่มีเสียงปริ่มน้ำที่มีพลังต่อรองสูงก็ตาม
อย่างไรก็ดีสิ่งที่ต้องพิจารณาถึงความ “อยู่เป็น”ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็คือจะไม่ยอมให้ “ถูกลากลงไปสู่ความขัดแย้ง”ได้ง่ายๆ โดยเริ่มจากก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน 7 พรรค เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี“ถือธงนำ”ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีการโยนหินสร้างกระแสในทำนองว่า พวกแกนนำฝ่ายค้านจะเดิน
เข้าทำเนียบฯ เพื่อนำหนังสือเชิญมาแล้ว ซึ่งครั้งนั้นนายกฯได้ปัดเผือกร้อนออกไปทันควันโดยย้ำว่า เป็นเรื่องของรัฐสภาที่ต้องไปว่ากันมา ว่าจะเห็นอย่างไร โดยไม่ขัดข้องหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพียงแต่ว่าต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนเท่านั้น
ขณะเดียวกัน หากพิจารณากันแบบเข้าใจก็ย่อมมองออกว่าการส่งเทียบเชิญ “ลุงตู่”ให้ถือธงนำในการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ มันก็เหมือนกับ“หวังดีประสงค์ร้าย”นั่นแหละ เพราะเป้าหมายของฝ่ายค้านสำหรับบการแก้ไขนั้นก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะแก้ไขแบบไหน จะแก้ไขบางมาตรา หรือว่าจะรื้อทิ้งทั้งฉบับแล้วร่างใหญ่ แต่สิ่งต้องพิจารณากันตามความเป็นจริงก็คือ ไม่ว่าจะบางมาตราหรือรื้อใหม่ ล้วนเป็นงานหิน ยากถึงยากที่สุดที่จะทำได้สำเร็จ หากไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะหากผ่านกลไกรัฐสภา ก็ต้องเป็นฉันทามติร่วมกัน นั่นคือต้องได้รับความร่วมมือจากส.ว.ด้วย
**นอกเหนือจากนี้ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน คือฉบับปี 2560 ไม่ว่าจะถูกโจมตีมาต่างๆ นานา ว่ามีต้นตอมาจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคสช. เป็นเผด็จการ แต่ถึงอย่างไรก็ผ่านประชามติได้รับความเห็นชอบจากประชาชนทั่วประเทศถึง 16.8 ล้านเสียง ถือเป็น “กำแพงเหล็ก”ป้องกันเอาไว้ชั้นหนึ่งได้เหมือนกัน
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวของชาวบ้านในเวลานี้ ผ่านการสำรวจของสำนักต่างๆ ก็ต่างมีผลออกมาตรงกันว่ายังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เพราะสิ่งที่ชาวบ้านต้องการให้แก้ไขยังเป็นเรื่องเศรษฐกิจปากท้องเป็นสำคัญ
**ดังนั้นหากสรุปในเวลานี้ก็ถือว่ามีเพียงพวก“นักการเมือง”เท่านั้น ที่ต้องการให้แก้ไขในสิ่งที่ตัวเองต้องการ หรือเป็นผลประโยชน์ของพวกเขาเท่านั้น ส่วนชาวบ้านรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้คล้อยตามไปกับการคำพูดที่อ้างว่า หากแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พวกเขาบอกว่าเป็นประชาธิปไตยแล้วจะแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ทุกเรื่อง
นอกเหนือจากนี้สิ่งที่ต้องพิจารณากันก็คือ เมื่อกระแสของการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน และแก้ไขยากนั้น ทำให้มองได้อีกมุมหนึ่งหากโฟกัสเฉพาะความเคลื่อนไหวของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่ามีวาระซ่อนเร้นอะไรแอบแฝงหรือไม่ หรือมีความพยายามเพียงแค่สร้างกระแสบางอย่างขึ้นมา เพราะจะว่าไปแล้วก็มีฝ่ายค้านบางพรรค เช่น พรรค อนาคตใหม่ ก็ได้ประโยชน์มากมายจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จนทำให้การคิดคำนวณคะแนนจนได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์จำนวนมากที่สุด
และแม้ว่านาทีนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่พรรคร่วมรัฐบาล ระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่พยายามเสนอ "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" อดีตหัวหน้าพรรค และอดีตนายกฯ มาเป็นประธานกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังไม่ได้ข้อยุติ ซึ่งแนวโน้มน่าจะเป็น“คนนอก”เพื่อหาทางออก แต่นี่ก็เป็นเพียงเริ่มต้น ที่หน ทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล
แต่หากแยกมาโฟกัสเฉพาะท่าทีของ “ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บอกว่า “อยู่เป็น”ก็คือ รู้สึกลอยตัวเหนือความขัดแย้ง เพราะถ้ากระโดดลงไปเต็มตัวก็มีแต่เปลืองตัวทั้งขึ้น ทั้งล่อง ซ้ายก็“ตั้งธง” ขวาก็ชี้นำ บนก็สืบทอดอำนาจ ล่างก็ไม่ชอบธรรม สารพัด เอาเป็นว่านาทีนี้ “ไม่ขัดข้อง”แต่ก็ไม่วายเหน็บคันๆ ว่าให้ไปว่ามาตามความต้องการของชาวบ้าน ไม่ใช่ความต้องการของนักการเมือง
ดังนั้น สิ่งที่หลลายฝ่ายมีความกังวลว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจก่อวิกฤติในบ้านเมืองขึ้นมาอีกนั้น ก็อาจกังวลได้ แต่เมื่อพิจารณาจากท่าทีของฝ่ายอำนาจที่รู้จักลู่ตามลม ไปตามสถานการณ์ เพราะทางหนึ่งก็รู้อยู่แล้วว่า มันแก้ไขยาก อีกทั้งกระแสชาวบ้านก็เฉยๆ ยิ่งเห็นหน้าพวก “นักประชาธิปไตย”แต่ละคนแล้วก็ล้วนไม่น่าไว้ใจ มันก็พอเบาใจได้ระดับหนึ่ง ที่สำคัญมองเห็นตรงกันก็คือ“รัฐธรรมนูญมันกินไม่ได้”ต่างหาก !!

--------
กำลังโหลดความคิดเห็น