“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
รัฐประหารยึดอำนาจรัฐนานกว่า 4 ปี! แถมมีอำนาจพิเศษ “มาตรา44” ที่ “นายกฯตู่” สามารถบันดาลผลงานดีงามให้ชาติได้แบบ “พลิกฝ่ามือ” ทั้งเรื่องปราบขบวนการคอร์รัปชั่นโกงชาติ! ลดและขจัดความเหลื่อมล้ำในมิติสำคัญ เช่นสภาพ “รวยกระจุกจนกระจาย”!
แต่ผลงาน “นายกฯ ตู่” ในเรื่องดังกล่าวกลับมีเพียงน้อยนิด แถมไม่ได้ปฏิรูปชาติไทยทุกภาคส่วน! โดยเฉพาะไม่ได้ปฏิรูปการเมือง ให้คนดีได้ขึ้นบริหารชาติอย่างมั่นคง กีดกันคนชั่วไม่ให้มีอำนาจโกงชาติ ฯลฯ
แหม..แค่ทำท่าจะมีเลือกตั้งก่อนการปฏิรูปชาติ! ทั้งยังไม่ “ปลดล็อก” ให้ “พรรคการเมือง” เคลื่อนไหวกันได้แบบเต็มร้อย ก็ส่อเค้าลางจะใช้ “สงครามน้ำลาย” ทำร้ายชาติและประชาชน ทั้งทางเศรษฐกิจ-การเมือง-สังคม ฯลฯ โดยเฉพาะทำร้ายมิติทางคุณธรรม-จริยธรรม-ศีลธรรมกันแล้ว
ดังนั้น “ก่อน” และ “หลัง” เลือกตั้งที่ไร้การปฏิรูป “นักการเมืองทุนสามานย์” ที่จมปลักอยู่กับจิตสำนึกผิดๆ ที่เห็นแก่เงินทอง-อำนาจ-ผลประโยชน์ ก็จะยังไม่สำนึก-ควรหรือไม่ควร-ถูกหรือผิด-ชั่วหรือดี ฯลฯ อยู่ต่อไป..
โดยเฉพาะ “นายเหลี่ยมจัด” ที่ยังมีเงินทอง และอิทธิพลจากธุรกิจการเมือง ทั้ง “ก่อนเป็น-ขณะเป็น-หลังเป็น-นายกฯ” ในวันนี้ “เขา” ยังคงเป็น “คนหน้าไหว้หลังหลอก” เหมือนเดิม
เพราะ “ปากเหลี่ยม” พร่ำพูดซ้ำซากว่า “วางมือทางการเมือง” แล้ว แต่ในความเป็นจริง “นายเหลี่ยมจัด” ยังแอบชักใยบรรดา“ ผีโม่แป้ง-ทางการเมือง” อยู่ตลอดเวลา โดยแสร้งไม่รู้ในสิ่งชั่วร้ายที่ “ตน” ทำ ว่าควรหรือไม่ควร-ถูกหรือผิด-ชั่วหรือดี ฯลฯ
แน่นอน..หลักความจริงได้สอนว่า การจะพิเคราะห์ “ใครสักคน” นั้น ต้องมองด้วยใจเที่ยงธรรมไร้อคติ ต้องจำแนกทั้งความดีและความเลว ต้องคำนึงถึงช่วงเวลา กับสภาพการณ์ในห้วงนั้นอย่างตรงไปตรงมา เพราะบางเรื่อง “คน” ที่คิดว่าเลวอาจทำดี! บางเรื่อง “คน” ที่คิดว่าดีกลับแอบทำเลวก็ได้..
แถมบางเรื่องที่เลวร้าย “คนร้าย” อาจมิใช่คนร้ายตัวจริงก็ได้! บางเรื่องที่ “คนดีบางคน” ได้ทั้งชื่อเสียงและอำนาจ อาจมิใช่ผลงานของ “คนดี” คนนั้นก็ได้! คำว่า “ความลับไม่มีในโลก” นั้น-ก็จริง แต่ความลับที่ไม่ถูกเปิดเผยก็มีมากมายมิใช่หรือ? แถมบางความลับก็ยังเป็น“ความลับ” ตราบจนวันนี้ เพราะ “คนทำ-คนรู้-ความลับ” ได้ตายจากโลกไปแล้ว..
“น้อยนัก” ที่จะมี “คนทำเลว” ทั้งชีวิต! “น้อยนัก” ที่จะไร้ “คนทำดี” บ้างในบางเรื่อง! ดังนั้น การกระทำของ “เหลี่ยม” ก็เช่นกัน บาง “ความคิด” บาง “การกระทำ” ของ “เหลี่ยม” ในบางเรื่อง ยังเป็นผลดีต่อชาติและประชาชนมาจนทุกวันนี้ เช่น
ความเลวของ “เหลี่ยม” เป็นบทเรียนสอนว่า “ผู้มีอำนาจ” อย่าริอ่านทำชั่วต่อชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์-และประชาชนโดยเด็ดขาด เพราะ “กรรมติดจรวด” จะถล่มใส่น่ะสิ
“เหลี่ยม” กับเครือข่ายสำคัญไฉน? ใยผู้รักชาติบ้านเมืองทั้งหลายจึงไม่ “ก้าวข้ามเหลี่ยม” หรือไม่ต้องการให้ “เหลี่ยม” กลับมายึดอำนาจรัฐอีกครา คงไม่เกินจริงอย่างแน่นอนถ้าจะพูดว่า การเมืองไทยทั้งปัจจุบันและอนาคต จะดีขึ้นหรือเลวลง “เหลี่ยม” ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแน่นอน ไม่มากก็น้อย
เพราะ “เหลี่ยม” ยังมีเงิน-มีอิทธิพล-มีเครือข่ายมากมาย และรู้ว่าการยึดครองอำนาจรัฐไว้ในกำมือนั้น จะนำมาซึ่งเงินทองและผลประโยชน์มากมายมหาศาล เพียงไม่กี่ปีที่ยึดครองอำนาจรัฐได้ “เหลี่ยม” ก็เพิ่มความร่ำรวยให้ตนเองได้หลายแสนล้านบาท ว้าว!
นอกจาก “เหลี่ยม” จะรู้ว่าอำนาจรัฐ นำมาซึ่งผลประโยชน์มหาศาลแล้ว ยังนำมาซึ่งชื่อเสียงกับเครือข่ายและอิทธิพลทั้งดีและเลว ฯลฯ ธุรกิจการเมืองจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มเกินคุ้ม จนทำให้มหาเศรษฐีหลายคน กระโจนเข้ามาทำธุรกิจการเมือง บางคนแอบชักใยนักการเมืองแบบลับๆล่อๆ บางคนเข้ามาไล่ล่าตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงสำคัญๆ บางคนฝันไกลถึงขั้นเป็น “นายกฯ ชาติไทยใหญ่อุดม ”โน่นเลย
“เหลี่ยม” คือตัวอย่าง “นายกฯมหาเศรษฐี” ที่ “กลุ่มนักการเมือง” ทั้งเลือกตั้งและรัฐประหาร ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างแม้แต่น้อย เพราะโกงสารพัดชนิดไม่รู้จักพอ และบ้าอำนาจจนเวอร์ อีกทั้งเล่นพรรคเล่นพวกไม่ลืมหูลืมตา แถมยังบังอาจหนุนขบวนการล้มเจ้าอีกด้วย ฯลฯ
ดังนั้น “เหลี่ยม” กับพวกจะชนะเลือกตั้งทุกครั้ง แต่กลับอยู่ในอำนาจไม่ได้ เพราะมี “ศัตรู” ที่เข้มแข็งที่สุดในชาติไทย นั่นคือ ประชาชนผู้รักชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์!
ที่ผ่านมา! “เหลี่ยม” ชนะเลือกตั้งทุกครั้ง..แต่ล้มลงด้วย “ตัวเอง”ทุกครั้ง! ทั้งนี้เพราะ “เหลี่ยม”ไม่เคยกลับเนื้อกลับตัว ทั้งๆที่ประชาชนไทยเป็นคนใจกว้างพร้อมให้อภัยเสมอถ้ารู้จักรับผิด! เมื่อผิดก็ต้องรับเคราะห์กรรมตามความผิด..เท่านั้นก็จบ..
แต่จนถึงวันนี้ “เหลี่ยม” และพลพรรค ยังคงโฆษณาชวนเชื่อหลอกผู้คนมิหยุดหย่อนว่า การกระทำทุกเรื่องของ “เหลี่ยม” และพวกพ้อง เป็นเรื่องดีเป็นสิ่งถูกต้องทุกประการ แถมยังอ้างเป็นการทำเพื่อชาติและประชาชน แต่ “ผู้ไม่หวังดีต่อเหลี่ยม” ให้ร้ายป้ายสี ฯลฯ
ทั้งนี้เพราะ “ประชาชนรักเหลี่ยม” จน “นักการเมืองฝ่ายตรงข้าม” อิจฉาตาร้อน(ว่ะ) ส่วนเรื่อง “ล้มเจ้า” ก็ไม่จริ๊งไม่จริง! “เหลี่ยม” และพวก “เถียงคอเป็นเอ็นเทนนิส” เลยว่า มันเป็นแค่ “นิยาย” ที่คนไม่ชอบ “เหลี่ยม” แต่งขึ้นมา “หลอกเด็ก”(ว่ะ)! ทว่า “เหลี่ยม” พูดโกหกชนิด “ขาวเป็นดำ-ดำเป็นขาว” ได้อย่างหน้าตาเฉย เพราะ “คนล้มเจ้า” ยังแวดล้อมอยู่รอบตัว “เหลี่ยม” เต็มไปหมด!
“เหลี่ยม” คงลืมตรรกะที่ว่า “แต่ก่อนคนเรายังโง่อยู่” ทว่าเพราะ “เหลี่ยม” ทำชั่วโดยไม่กลัวกฎหมาย จึงทำให้ “ผู้คนตาสว่าง” ไม่โง่ดั่งที่ “เหลี่ยม” คิดอีกแล้ว! แต่ “เหลี่ยม” ก็ยังเห็นแก่ตัวและคิดเอาแต่ได้ว่า “คนฉลาด” ที่รู้ว่า “เหลี่ยม” ไม่ดีนั้นเป็น “คนส่วนน้อย” ทั้งนี้เพราะ “เหลี่ยม” ยึดตรรกสามานย์ที่ว่า “คนโง่มีมากกว่าคนฉลาด” ดังนั้น “เหลี่ยม” จึงเชื่อว่า
“..ยังสามารถหลอกคนโง่ที่เป็นคนส่วนใหญ่ ให้มาสนับสนุนตน(ทำชั่ว)ได้เหมือนเดิม..”
การกระทำของ “เหลี่ยม” และพลพรรค มักอ้างประชาธิปไตยเลือกตั้งกำมะลอ ที่ใช้เงินซื้อเสียงและโกงเลือกตั้งผสมนโยบายประชานิยม เข้ายึดอำนาจรัฐเพื่อโกงชาติครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ชาติไทยไม่เคยมีประชาธิปไตยเพื่อประชาชนที่แท้จริง มีแต่ประชาธิปไตยจอมปลอมของทุนสามานย์ ที่เต็มไปด้วยสิ่งเลวร้ายมากกว่าสิ่งดีงาม
กลุ่มทุนสามานย์และนักการเมืองเลวทั้งหลาย ที่เข้ายึดสภาด้วยเสียงข้างมาก จะยกมือเป็น “ฝักถั่ว” หนุนรัฐบาลโกงชาติเป็นหลัก จนสภาอันควรทรงเกียรติสำหรับทำงานเพื่อชาติและประชาชน กลายสภาพเป็น “สภาโจรรับใช้รัฐบาลมหาโจร” ทำให้การเมืองชาติไทยกลายเป็นเรื่องสกปรก เหมาะสำหรับคนเลวที่ไร้คุณธรรม-จริยธรรม-ศีลธรรม ฯลฯ
นักการเมืองเลวทั้งหลายทำให้การเมืองชั่วร้าย ขนาด “ปลาเน่าตัวเดียวทำให้เหม็นทั้งข้อง” แต่สภาไทยบางยุคสมัยมี “นักการเมืองเลวเกินครึ่งสภา”! “นักการเมืองดี” จึงถูก “น้ำเน่าการเมือง” สาดใส่ จนเหม็นคลุ้งไปด้วยโดยปริยาย
“การเมืองน้ำเน่า” เช่นนั้น ทำให้ “คนดี” ไม่อยากเข้าไปแปดเปื้อน “น้ำเน่า” สภาไทยจึงเป็นดั่ง “แก้วน้ำ” ที่มี “น้ำเน่ามากกว่าน้ำดี”
นักการเมืองควรเป็นอาชีพที่ทรงเกียรติ สำหรับคนดีได้ใช้ความสามารถ เข้าไปช่วยกันทำงานให้ชาติและประชาชน คนดีทุกคนควรจะอยากเข้าไปทำงานในสภาอันทรงเกียรติ และทรงคุณค่ายิ่ง แต่การเมืองไทยวันนี้กลับกลายเป็นพื้นที่ของคนเลว กลายเป็นสถานที่อันน่ารังเกียจ น่าขยะแขยง น่าชิงชัง ชนิดที่คนดีไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือเฉียดกรายเข้าไปด้วยซ้ำ ฯลฯ
งานนี้..ฟันธงได้เลยว่า การเลือกตั้งก่อนปฏิรูปนั้น จะทำให้ชาติบ้านเมืองเลวร้ายเสียหายยิ่งขึ้น!
ใครต้องรับผิดชอบ? ในสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดกับชาติและประชาชนหว่า?
“บิ๊กเหลี่ยม” ที่ยังไม่หยุดเคลื่อนไหวทำร้ายชาติ-ต้องรับผิดชอบไหม? “บิ๊กตู่” ที่ไม่ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง-ต้องรับผิดชอบไหม?
“บิ๊กเหลี่ยม” ที่ไร้อำนาจในวันนี้ กับ “บิ๊กตู่”ที่วันนี้มีอำนาจปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง ใครผิดมากกว่ากันหว่า..?
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
รัฐประหารยึดอำนาจรัฐนานกว่า 4 ปี! แถมมีอำนาจพิเศษ “มาตรา44” ที่ “นายกฯตู่” สามารถบันดาลผลงานดีงามให้ชาติได้แบบ “พลิกฝ่ามือ” ทั้งเรื่องปราบขบวนการคอร์รัปชั่นโกงชาติ! ลดและขจัดความเหลื่อมล้ำในมิติสำคัญ เช่นสภาพ “รวยกระจุกจนกระจาย”!
แต่ผลงาน “นายกฯ ตู่” ในเรื่องดังกล่าวกลับมีเพียงน้อยนิด แถมไม่ได้ปฏิรูปชาติไทยทุกภาคส่วน! โดยเฉพาะไม่ได้ปฏิรูปการเมือง ให้คนดีได้ขึ้นบริหารชาติอย่างมั่นคง กีดกันคนชั่วไม่ให้มีอำนาจโกงชาติ ฯลฯ
แหม..แค่ทำท่าจะมีเลือกตั้งก่อนการปฏิรูปชาติ! ทั้งยังไม่ “ปลดล็อก” ให้ “พรรคการเมือง” เคลื่อนไหวกันได้แบบเต็มร้อย ก็ส่อเค้าลางจะใช้ “สงครามน้ำลาย” ทำร้ายชาติและประชาชน ทั้งทางเศรษฐกิจ-การเมือง-สังคม ฯลฯ โดยเฉพาะทำร้ายมิติทางคุณธรรม-จริยธรรม-ศีลธรรมกันแล้ว
ดังนั้น “ก่อน” และ “หลัง” เลือกตั้งที่ไร้การปฏิรูป “นักการเมืองทุนสามานย์” ที่จมปลักอยู่กับจิตสำนึกผิดๆ ที่เห็นแก่เงินทอง-อำนาจ-ผลประโยชน์ ก็จะยังไม่สำนึก-ควรหรือไม่ควร-ถูกหรือผิด-ชั่วหรือดี ฯลฯ อยู่ต่อไป..
โดยเฉพาะ “นายเหลี่ยมจัด” ที่ยังมีเงินทอง และอิทธิพลจากธุรกิจการเมือง ทั้ง “ก่อนเป็น-ขณะเป็น-หลังเป็น-นายกฯ” ในวันนี้ “เขา” ยังคงเป็น “คนหน้าไหว้หลังหลอก” เหมือนเดิม
เพราะ “ปากเหลี่ยม” พร่ำพูดซ้ำซากว่า “วางมือทางการเมือง” แล้ว แต่ในความเป็นจริง “นายเหลี่ยมจัด” ยังแอบชักใยบรรดา“ ผีโม่แป้ง-ทางการเมือง” อยู่ตลอดเวลา โดยแสร้งไม่รู้ในสิ่งชั่วร้ายที่ “ตน” ทำ ว่าควรหรือไม่ควร-ถูกหรือผิด-ชั่วหรือดี ฯลฯ
แน่นอน..หลักความจริงได้สอนว่า การจะพิเคราะห์ “ใครสักคน” นั้น ต้องมองด้วยใจเที่ยงธรรมไร้อคติ ต้องจำแนกทั้งความดีและความเลว ต้องคำนึงถึงช่วงเวลา กับสภาพการณ์ในห้วงนั้นอย่างตรงไปตรงมา เพราะบางเรื่อง “คน” ที่คิดว่าเลวอาจทำดี! บางเรื่อง “คน” ที่คิดว่าดีกลับแอบทำเลวก็ได้..
แถมบางเรื่องที่เลวร้าย “คนร้าย” อาจมิใช่คนร้ายตัวจริงก็ได้! บางเรื่องที่ “คนดีบางคน” ได้ทั้งชื่อเสียงและอำนาจ อาจมิใช่ผลงานของ “คนดี” คนนั้นก็ได้! คำว่า “ความลับไม่มีในโลก” นั้น-ก็จริง แต่ความลับที่ไม่ถูกเปิดเผยก็มีมากมายมิใช่หรือ? แถมบางความลับก็ยังเป็น“ความลับ” ตราบจนวันนี้ เพราะ “คนทำ-คนรู้-ความลับ” ได้ตายจากโลกไปแล้ว..
“น้อยนัก” ที่จะมี “คนทำเลว” ทั้งชีวิต! “น้อยนัก” ที่จะไร้ “คนทำดี” บ้างในบางเรื่อง! ดังนั้น การกระทำของ “เหลี่ยม” ก็เช่นกัน บาง “ความคิด” บาง “การกระทำ” ของ “เหลี่ยม” ในบางเรื่อง ยังเป็นผลดีต่อชาติและประชาชนมาจนทุกวันนี้ เช่น
ความเลวของ “เหลี่ยม” เป็นบทเรียนสอนว่า “ผู้มีอำนาจ” อย่าริอ่านทำชั่วต่อชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์-และประชาชนโดยเด็ดขาด เพราะ “กรรมติดจรวด” จะถล่มใส่น่ะสิ
“เหลี่ยม” กับเครือข่ายสำคัญไฉน? ใยผู้รักชาติบ้านเมืองทั้งหลายจึงไม่ “ก้าวข้ามเหลี่ยม” หรือไม่ต้องการให้ “เหลี่ยม” กลับมายึดอำนาจรัฐอีกครา คงไม่เกินจริงอย่างแน่นอนถ้าจะพูดว่า การเมืองไทยทั้งปัจจุบันและอนาคต จะดีขึ้นหรือเลวลง “เหลี่ยม” ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแน่นอน ไม่มากก็น้อย
เพราะ “เหลี่ยม” ยังมีเงิน-มีอิทธิพล-มีเครือข่ายมากมาย และรู้ว่าการยึดครองอำนาจรัฐไว้ในกำมือนั้น จะนำมาซึ่งเงินทองและผลประโยชน์มากมายมหาศาล เพียงไม่กี่ปีที่ยึดครองอำนาจรัฐได้ “เหลี่ยม” ก็เพิ่มความร่ำรวยให้ตนเองได้หลายแสนล้านบาท ว้าว!
นอกจาก “เหลี่ยม” จะรู้ว่าอำนาจรัฐ นำมาซึ่งผลประโยชน์มหาศาลแล้ว ยังนำมาซึ่งชื่อเสียงกับเครือข่ายและอิทธิพลทั้งดีและเลว ฯลฯ ธุรกิจการเมืองจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มเกินคุ้ม จนทำให้มหาเศรษฐีหลายคน กระโจนเข้ามาทำธุรกิจการเมือง บางคนแอบชักใยนักการเมืองแบบลับๆล่อๆ บางคนเข้ามาไล่ล่าตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงสำคัญๆ บางคนฝันไกลถึงขั้นเป็น “นายกฯ ชาติไทยใหญ่อุดม ”โน่นเลย
“เหลี่ยม” คือตัวอย่าง “นายกฯมหาเศรษฐี” ที่ “กลุ่มนักการเมือง” ทั้งเลือกตั้งและรัฐประหาร ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างแม้แต่น้อย เพราะโกงสารพัดชนิดไม่รู้จักพอ และบ้าอำนาจจนเวอร์ อีกทั้งเล่นพรรคเล่นพวกไม่ลืมหูลืมตา แถมยังบังอาจหนุนขบวนการล้มเจ้าอีกด้วย ฯลฯ
ดังนั้น “เหลี่ยม” กับพวกจะชนะเลือกตั้งทุกครั้ง แต่กลับอยู่ในอำนาจไม่ได้ เพราะมี “ศัตรู” ที่เข้มแข็งที่สุดในชาติไทย นั่นคือ ประชาชนผู้รักชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์!
ที่ผ่านมา! “เหลี่ยม” ชนะเลือกตั้งทุกครั้ง..แต่ล้มลงด้วย “ตัวเอง”ทุกครั้ง! ทั้งนี้เพราะ “เหลี่ยม”ไม่เคยกลับเนื้อกลับตัว ทั้งๆที่ประชาชนไทยเป็นคนใจกว้างพร้อมให้อภัยเสมอถ้ารู้จักรับผิด! เมื่อผิดก็ต้องรับเคราะห์กรรมตามความผิด..เท่านั้นก็จบ..
แต่จนถึงวันนี้ “เหลี่ยม” และพลพรรค ยังคงโฆษณาชวนเชื่อหลอกผู้คนมิหยุดหย่อนว่า การกระทำทุกเรื่องของ “เหลี่ยม” และพวกพ้อง เป็นเรื่องดีเป็นสิ่งถูกต้องทุกประการ แถมยังอ้างเป็นการทำเพื่อชาติและประชาชน แต่ “ผู้ไม่หวังดีต่อเหลี่ยม” ให้ร้ายป้ายสี ฯลฯ
ทั้งนี้เพราะ “ประชาชนรักเหลี่ยม” จน “นักการเมืองฝ่ายตรงข้าม” อิจฉาตาร้อน(ว่ะ) ส่วนเรื่อง “ล้มเจ้า” ก็ไม่จริ๊งไม่จริง! “เหลี่ยม” และพวก “เถียงคอเป็นเอ็นเทนนิส” เลยว่า มันเป็นแค่ “นิยาย” ที่คนไม่ชอบ “เหลี่ยม” แต่งขึ้นมา “หลอกเด็ก”(ว่ะ)! ทว่า “เหลี่ยม” พูดโกหกชนิด “ขาวเป็นดำ-ดำเป็นขาว” ได้อย่างหน้าตาเฉย เพราะ “คนล้มเจ้า” ยังแวดล้อมอยู่รอบตัว “เหลี่ยม” เต็มไปหมด!
“เหลี่ยม” คงลืมตรรกะที่ว่า “แต่ก่อนคนเรายังโง่อยู่” ทว่าเพราะ “เหลี่ยม” ทำชั่วโดยไม่กลัวกฎหมาย จึงทำให้ “ผู้คนตาสว่าง” ไม่โง่ดั่งที่ “เหลี่ยม” คิดอีกแล้ว! แต่ “เหลี่ยม” ก็ยังเห็นแก่ตัวและคิดเอาแต่ได้ว่า “คนฉลาด” ที่รู้ว่า “เหลี่ยม” ไม่ดีนั้นเป็น “คนส่วนน้อย” ทั้งนี้เพราะ “เหลี่ยม” ยึดตรรกสามานย์ที่ว่า “คนโง่มีมากกว่าคนฉลาด” ดังนั้น “เหลี่ยม” จึงเชื่อว่า
“..ยังสามารถหลอกคนโง่ที่เป็นคนส่วนใหญ่ ให้มาสนับสนุนตน(ทำชั่ว)ได้เหมือนเดิม..”
การกระทำของ “เหลี่ยม” และพลพรรค มักอ้างประชาธิปไตยเลือกตั้งกำมะลอ ที่ใช้เงินซื้อเสียงและโกงเลือกตั้งผสมนโยบายประชานิยม เข้ายึดอำนาจรัฐเพื่อโกงชาติครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ชาติไทยไม่เคยมีประชาธิปไตยเพื่อประชาชนที่แท้จริง มีแต่ประชาธิปไตยจอมปลอมของทุนสามานย์ ที่เต็มไปด้วยสิ่งเลวร้ายมากกว่าสิ่งดีงาม
กลุ่มทุนสามานย์และนักการเมืองเลวทั้งหลาย ที่เข้ายึดสภาด้วยเสียงข้างมาก จะยกมือเป็น “ฝักถั่ว” หนุนรัฐบาลโกงชาติเป็นหลัก จนสภาอันควรทรงเกียรติสำหรับทำงานเพื่อชาติและประชาชน กลายสภาพเป็น “สภาโจรรับใช้รัฐบาลมหาโจร” ทำให้การเมืองชาติไทยกลายเป็นเรื่องสกปรก เหมาะสำหรับคนเลวที่ไร้คุณธรรม-จริยธรรม-ศีลธรรม ฯลฯ
นักการเมืองเลวทั้งหลายทำให้การเมืองชั่วร้าย ขนาด “ปลาเน่าตัวเดียวทำให้เหม็นทั้งข้อง” แต่สภาไทยบางยุคสมัยมี “นักการเมืองเลวเกินครึ่งสภา”! “นักการเมืองดี” จึงถูก “น้ำเน่าการเมือง” สาดใส่ จนเหม็นคลุ้งไปด้วยโดยปริยาย
“การเมืองน้ำเน่า” เช่นนั้น ทำให้ “คนดี” ไม่อยากเข้าไปแปดเปื้อน “น้ำเน่า” สภาไทยจึงเป็นดั่ง “แก้วน้ำ” ที่มี “น้ำเน่ามากกว่าน้ำดี”
นักการเมืองควรเป็นอาชีพที่ทรงเกียรติ สำหรับคนดีได้ใช้ความสามารถ เข้าไปช่วยกันทำงานให้ชาติและประชาชน คนดีทุกคนควรจะอยากเข้าไปทำงานในสภาอันทรงเกียรติ และทรงคุณค่ายิ่ง แต่การเมืองไทยวันนี้กลับกลายเป็นพื้นที่ของคนเลว กลายเป็นสถานที่อันน่ารังเกียจ น่าขยะแขยง น่าชิงชัง ชนิดที่คนดีไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือเฉียดกรายเข้าไปด้วยซ้ำ ฯลฯ
งานนี้..ฟันธงได้เลยว่า การเลือกตั้งก่อนปฏิรูปนั้น จะทำให้ชาติบ้านเมืองเลวร้ายเสียหายยิ่งขึ้น!
ใครต้องรับผิดชอบ? ในสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดกับชาติและประชาชนหว่า?
“บิ๊กเหลี่ยม” ที่ยังไม่หยุดเคลื่อนไหวทำร้ายชาติ-ต้องรับผิดชอบไหม? “บิ๊กตู่” ที่ไม่ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง-ต้องรับผิดชอบไหม?
“บิ๊กเหลี่ยม” ที่ไร้อำนาจในวันนี้ กับ “บิ๊กตู่”ที่วันนี้มีอำนาจปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง ใครผิดมากกว่ากันหว่า..?