xs
xsm
sm
md
lg

หลังเลือกตั้งยังไงก็ประยุทธ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ


กรณีหมูป่าติดถ้ำและฟุตบอลโลกทำให้การเมืองบ้านเรากลายเป็นเรื่องรอง แต่เบื้องหลังการออกล่าแต้มของกลุ่มสามมิตรเพื่อกวาดต้อนคนมาร่วมพรรคก็ยังคงดำเนินต่อไปไม่เลิกรา

มีข่าวออกมาเป็นระยะๆ ว่า อดีต ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยหลายคนเปลี่ยนใจมาสนับสนุนพรรคที่จะชูพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ หลายคนเข้ามาร่วมกับกลุ่มสามมิตรที่เชื่อว่าจะใช้พรรคพลังประชารัฐเป็นหัวในการลงเลือกตั้ง บางคนรวมตัวกันตั้งพรรคกันเองแต่ยืนยันว่าจะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์

ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์เองถึงตอนนี้ก็ยังคงย้ำว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเล่นการเมืองหรือไม่ แต่แม้ตัดสินใจแล้วว่าจะเล่นการเมืองต่อแน่ๆ ยังไงก็จะต้องพูดทำนองนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหาว่าลงไปหาเสียง แม้การลงพื้นที่ ครม.สัญจรและนโยบายที่ออกมาในช่วงหลังนี้หลายนโยบายมีเป้าหมายที่จะซื้อใจประชาชนนั่นเอง

ส่วนชะตากรรมของพรรคเพื่อไทยหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ตอนนี้มีความเห็นจากหลายฝ่ายว่า พรรคเพื่อไทยน่าจะถดถอยแล้ว เพราะท่อน้ำเลี้ยงไม่เดิน ทักษิณไม่น่าจะสู้ต่อเพราะเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทักษิณจะไม่ลงทุนแล้ว โดยส่วนตัว ผมยังเชื่อว่าฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยในภาคเหนือและอีสานยังคงแน่นหนา คนส่วนใหญ่ยังน่าจะปักใจเลือกพรรคเพื่อไทยของทักษิณมากกว่าที่จะยึดที่ตัวบุคคลแบบคนใต้ที่ยังไงก็เลือกพรรคประชาธิปัตย์

แต่มีคนแย้งว่า เอาทัศนคติทางการเมืองแบบคนใต้มาใช้กับคนเหนือและอีสานไม่ได้ เพราะเขามีความผูกพันกับบุคคลที่ใกล้ตัวมากกว่าตัวพรรค ในอดีต ส.ส.ในภาคอีสานและเหนือจึงมีการเปลี่ยนพรรคบ่อย โดยเป็นไปตามทิศทางลมและกระแสของแต่ละยุค

ซึ่งจะต้องดูเมื่อผลการเลือกตั้งออกมาว่าสิ่งที่ผมคิดนั้นถูกหรือผิด แต่ผมค่อนข้างมีความเชื่อว่า ความแตกต่างทางความคิดอุดมการณ์ทางการเมืองและการเลือกข้างในช่วงสิบกว่าปีมานี้ ทำให้คนทุกชนชั้นมีความใกล้ชิดกับการเมืองมากขึ้น โดยเฉพาะคนชั้นล่างที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ และเขาเชื่อว่าสิ่งที่เขาเชื่อและเลือกข้างนั้นเป็นฝ่ายที่ถูกและเสียงส่วนใหญ่ที่เลือกพรรคของทักษิณมาตลอดก็คือชนชั้นล่างนี่แหละ คำถามว่า มองเห็นปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้คนชั้นล่างเปลี่ยนใจ สำหรับผมแล้วยังมองไม่เห็น

แถมการเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ใช่แค่เป็นการเลือกตั้งที่ให้ใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น แต่เป็นการเลือกตั้งเพื่อศักดิ์ศรีและอุดมการณ์ทางการเมืองของสองฝ่ายที่ต่อสู้กันมาตลอดสิบกว่าปีมานี้ด้วย

ความเชื่อของคนชั้นล่างที่เชื่อว่า ตัวแทนของเขานั้นถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ตัวเองถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่ได้รับความเป็นธรรม ความยุติธรรมสองมาตรฐาน เป็นพลเมืองชั้นสองยังคงอยู่ เพียงแต่ถูกกดทับด้วยอำนาจรัฐประหารไม่ออกมาเคลื่อนไหว และรอวันระเบิดออกมาในหีบเลือกตั้งที่ทุกคนมีหนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงเท่ากัน

นิยายเรื่องชนชั้นยังเอามาใช้ได้ตลอด แม้ว่าจริงๆ แล้วสังคมไทยไม่ได้เป็นสังคมที่แบ่งชนชั้น ลูกคนยากจนหลายคนสามารถขึ้นมาประสบความสำเร็จทางธุรกิจ ทางราชการ และทางการเมือง เพียงแต่เส้นทางแบบนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทำให้คนชั้นล่างส่วนมากยังคงย่ำอยู่ที่เดิมแล้วเก็บความอัดอั้นเอาไว้ เมื่อเชื่อว่าทักษิณและพรรคของทักษิณเป็นตัวแทนของพวกเขาถูกกลั่นแกล้งทำลาย เพราะเอาเงินมาให้ เอาโอกาสมาให้คนชั้นล่างได้กินดีอยู่ดีขึ้น ความรักและความผูกพันต่อทักษิณและพรรคของทักษิณยิ่งมีมากขึ้น

นี่จึงเป็นความเชื่อของผมที่อาจจะแตกต่างจากหลายคนที่มองว่า ยังไงพรรคที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์จะได้รับเลือกตั้งจำนวนมากเพราะ ส.ส.ของเพื่อไทยที่เปลี่ยนใจมาสนับสนุน แต่ผมกลับเชื่อว่า คนอีสานและคนเหนือจะยังเลือกพรรคเพื่อไทย

ผมยังเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะยังคงมีเสียงข้างมากเป็นที่หนึ่งเหนือกว่าทุกพรรคแม้จะลดลงในระดับพอสมควร เพราะระบบนับคะแนนแบบใหม่จะทำให้โอกาสที่พรรคใหญ่จะได้เสียงจากบัญชีรายชื่อน้อยลง ยกเว้นเพียงแต่ว่า ในเขตที่ชนะการเลือกตั้งทั้งหมดนั้นมีคะแนนทิ้งห่างคนที่ได้ที่ 2 จำนวนมาก

แต่โอกาสอย่างนั้นในปัจจุบันน่าจะเกิดขึ้นยากก็เพราะ ส.ส.ที่ถูกดูดมาสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐนี่แหละที่จะทำหน้าที่แบ่งปันคะแนน เพราะแม้ว่าจะได้หรือไม่ได้รับการเลือกตั้งก็จะมีคะแนนเสียงพอประมาณซึ่งเป็นความต้องการของพรรคที่ไม่หวังจะชนะในพื้นที่ แต่ต้องการเอาคะแนนเสียงนั้นมารวบรวมเป็นก้อนเพื่อจะหารเก้าอี้บัญชีรายชื่อที่คาดการณ์กันว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 70,000 เสียงต่อ 1 ที่นั่ง

ผมว่ากลุ่มสามมิตรที่ออกมาไล่ดูดอดีต ส.ส.เข้าพรรคก็น่าจะมุ่งหวังตรงจุดนี้ ไม่ได้ ส.ส.ในพื้นที่ไม่เป็นไร แต่ให้ได้คะแนนมาเป็นก้อนไม่ทิ้งห่างคนชนะเลือกตั้งมาก เพื่อไปเอาบัญชีรายชื่อแทน

แต่ผมเชื่อว่า แม้ว่าพรรคเพื่อไทยมีโอกาสที่จะได้รับการเลือกตั้งในเชิงปริมาณเหมือนทุกครั้ง แต่โอกาสของพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งหน้าสำหรับผมนั้นแทบจะไม่มีเลย

อย่างที่ผมเคยเขียนอธิบายไปแล้วว่าด้วยวิธีการเลือกนายกรัฐมนตรีตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญในครั้งนี้นั้น พรรคที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์มีแต้มต่อมากขึ้นต้องการเสียง ส.ส.แค่เกินครึ่งของ 500 คนคือ 251 คนขึ้นไปเพื่อมารวมกับ ส.ว. แต่ฝ่ายที่ไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ต้องการเสียง ส.ส.เกินครึ่งหนึ่งของสองสภาคือต้องมากกว่า 376 คนขึ้นไป

ความเป็นไปได้ในการที่พรรคเพื่อไทยจะยังคงเป็นรัฐบาลก็คือ พรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งน่าจะมีโอกาสน้อยมากที่สองพรรคจะกล้าจับมือกัน เพราะเท่ากับเป็นการทำลายศรัทธามวลชนของพรรคทั้งสองฝ่ายเหมือนกัน และอีกทางคือ พรรคที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์นั่นแหละดึงพรรคเพื่อไทยมาร่วมรัฐบาล ซึ่งผมก็คิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นนะ

และสิ่งที่ต้องจับตาคือข้อเสนอของเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ที่เคยเสนอไว้เรื่อง Grand Coalition นั่นคือการรวมตัวของพรรคการเมืองทุกพรรคเพื่อจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ซึ่งเอนกก็พยายามแย้มพรายแนวคิดนี้ออกมาอีกครั้งเมื่อเข้าร่วมพรรครวมพลังประชาชาติไทย นั่นเป็นอีกทางหนึ่งจะเกิดสิ่งเกินคาดฝันจากฝ่ายนักการเมืองได้

ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องทฤษฎีความเป็นไปได้ แต่ยังไงโอกาสที่จะเป็นไปได้จริงและง่ายที่สุดด้วยเหตุผลและปัจจัยที่มองเห็นและมองไม่เห็นเกือบทุกด้านก็คือ การกลับมาอีกครั้งของพล.อ.ประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่พรรคการเมืองสนับสนุนหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า

ถ้าจะให้ลุ้นตอนนี้เหลือเรื่องเดียวคือ พล.อ.ประยุทธ์จะหนีบพี่ชายสองคน ป.ป้อม กับป.ป๊อกให้ไปต่อกับตัวเองหรือไม่เท่านั้นเอง

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น