ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - พรรครวมพลังประชาชาติไทยเปิดฉากรุกเมืองย่าโม “ดร.เอนก” นำทีมเปิดเวทีถก “หลังเลือกตั้งโคราชรุ่งหรือร่วง” ชี้การเมืองไทยไม่ง่ายแค่เพียงจะเอาหรือไม่เอา “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ แต่ครั้งนี้มีความสลับซับซ้อนมาก ชู “รปช.” พรรคแบบใหม่ผ่าทางตัน ยังไม่ตั้งเป้าแย่งที่นั่ง ส.ส.โคราช
ช่วงบ่ายวันนี้ (17 ก.ค.) ที่โรงแรมซิตี้พาร์ค อ.เมือง จ.นครราชสีมา ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ แกนนำก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) นำผู้ร่วมก่อตั้งพรรค รปช. อดีตแกนนำ กปปส. เช่น ดร.จักษ์ พันชูเพชร, นายไชยวัฒน์ สินธุ์สุวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีต 5 แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.), นายสำราญ รอดเพชร ร่วมเวทีปาฐกถาพิเศษและมุมมองของผู้คร่ำหวอดในวงการ เรื่อง “เศรษฐกิจหลังเลือกตั้ง โคราชรุ่งหรือร่วง พลิกวิกฤติเป็นโอกาสให้ความหวังของชาวชุมชน” โดยมีอดีตแกนนำ กปปส.นครราชสีมา เช่น นายจักริน เฉิดฉาย, ทันตแพทย์ ศุภผล เอี่ยมเมธาวี และเครือข่ายอดีตสมาชิก กปปส., พธม. ประชาชนชาวโคราช ร่วมรับฟังกว่า 300 คน ทั้งนี้มี นายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ อดีต ส.ส.นครราชสีมา รวมทั้ง ส.ท. เทศบาลนครนครราชสีมา กลุ่มพรรคชาติพัฒนา ร่วมสังเกตการณ์
ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ แกนนำผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) กล่าวว่า ดีใจที่ได้มีโอกาสมาเยี่ยมและพบปะประชาชนเพื่อนมิตรชาวโคราช ซึ่งตนมาโคราชเป็นประจำในหลายสถานะ และก่อนหน้านี้มาในฐานะประธานปฏิรูปการเมือง ในฐานะประธานเขียนแผนการกระจายอำนาจ แต่ละครั้งได้ความรู้ความต้องการของชาวโคราช ซึ่งเป็นจังหวัดที่เข้มแข็ง มีคนที่มีความรู้ คนเก่งมากมาย ที่สำคัญอยู่ที่ประชาชนชาวโคราชจะสามัคคีกันรักกันช่วยเหลือกัน โดยไม่รังเกียจเดียดฉันท์ว่าใครอยู่พรรคไหนอยู่พวกไหน ขอให้รวมกำลังกันให้มากที่สุด และให้ชาวโคราชเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง ขอให้คิดให้ดี คิดให้กว้างขวาง คิดให้รอบคอบ ตนเชื่อว่าผลการเลือกตั้งออกมาจะทำให้โคราชเจริญก้าวหน้าต่อไปไม่หยุดหย่อน
ทั้งนี้ การวิพากษ์วิจารณ์ความร้อนแรงทางการเมืองเรื่องการดูด ส.ส. ซึ่งใช้เงินจำนวนมากนั้น ตนเข้าใจว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเมืองไทย แต่ถ้าจะพูดก็พูดในฐานะก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ซึ่งเราไม่ได้คิดเรื่องการดูด เพราะเราต้องการทำพรรคการเมืองแบบใหม่โดยคนรุ่นใหม่ให้มากที่สุด ซึ่งคนรุ่นใหม่หมายถึงคนที่มีความคิดใหม่ อายุเท่าไหร่ก็ได้ เช่นอาจจะ 80 ปี หรือ 20 ปีก็ได้ที่มีความคิดใหม่ว่า พรรคการเมืองที่จะทำให้บ้านเมืองไปรอดต้องเป็นพรรคที่มีคุณภาพรวมกับประชาชนได้ดีและทำให้ประชาชนเข้มแข็ง แล้วประชาชนมาเป็นเจ้าของพรรคร่วมตัดสินใจในพรรคได้ ซึ่งต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งการเลือกตั้ง ซึ่งเราเริ่มทำงานจัดตั้งพรรคให้สมบูรณ์ในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้ จากนั้นเริ่มทำงานหาสมาชิก โดยจะระดมคนเข้ามาเป็นสมาชิกและจะอบรมบ่มเพาะสมาชิกให้ดีแล้วใช้สมาชิกทำงานประกาศอุดมการณ์และแนวนโยบายต่างๆ
ตนเชื่อว่าคนต้องการอะไรใหม่ๆ พรรคแบบใหม่ นักการเมืองแบบใหม่ แนวนโยบายแบบใหม่ แต่ที่ผ่านมามันไม่ค่อยมีอะไรให้เห็นว่าใหม่ได้จริง เราก็พยายามที่จะทำให้เกิดอะไรใหม่ๆ คิดว่าจะทำให้ได้มากที่สุดและจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ถ้าประชาชนคิดแบบเรา ตรงกับเราพรรคนี้จะมีผลต่อการพัฒนาการเมืองและการปฏิรูปการเมือง
ส่วนจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยนั้น อันนี้เราไม่ได้เริ่มจากเรื่องนี้ ถ้าเราเริ่มคิดจากเรื่องนี้การเมืองไทยจะเข้าทางตันวังวนอีก เราต้องคิดว่าจะสร้างพรรคการเมืองแบบใหม่ มีแนวนโยบายแบบใหม่ เรื่องใครจะเป็นหัวหน้าพรรค ใครจะร่วมกับใครเป็นเรื่องที่ ณ เวลานี้ยังไม่คิด เราต้องการให้การเมืองไทยได้ทบทวนตัวเอง จับกลุ่มกันเองโดยที่ไม่ต้องไปผูกขาผูกมัดตัวเองไว้กับอะไร และตอนนี้ต้องฟังเสียงประชาชนให้มากที่สุด
“ผมคิดว่าการเมืองคงไม่ง่ายแค่เพียงว่าจะเอาพลเอก ประยุทธ์ หรือไม่เอาพลเอก ประยุทธ์ หรือจะเอาพรรคนั้น หรือจะเอาพรรคนี้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ผมคิดว่าประชาชนต้องการการคิดอะไรที่มันรอบคอบ รอบด้านหลายแง่หลายมุม การเมืองเที่ยวนี้มันมีอะไรที่สลับซับซ้อนมากมาย สำหรับพรรคเราไม่ได้เริ่มต้นว่าใครจะเป็นหัวหน้าพรรค ใครจะเป็นเลขาธิการพรรค ไม่ได้เริ่มต้นแบบนั้น เราใช้เวลาเป็นเดือนเพื่อจะรวบรวมจัดตั้งให้ได้ 500 คน แล้วอีกไม่กี่สัปดาห์จะเลือกหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคชุดแรกและหลังจากนั้นอีกเป็นเดือนก็จะเลือกกรรมการ หัวหน้า และเลขาธิการชุดถาวร” ศ.ดร.เอนกกล่าว
ศ.ดร.เอนกกล่าวอีกว่า สนามโคราชเป็นสนามการเลือกตั้งที่สำคัญ มีคนมากที่สุดในภาคอีสาน เป็นที่สองรองจากกรุงเทพฯ เรายังไม่คาดหวังอะไรเพราะจะเหมือนกับพรรคอื่น แต่เราค่อยๆ ทำไป คาดว่าจะทำให้ดีที่สุด ส่วนจะได้กี่ที่นั่งยังไม่คิด