เจอเข้ากับพายุ “เซินกา” คราวนี้...ต้องเรียกว่า “อ่วมอรทัย” กันไปไม่น้อย สำหรับภาคเหนือและภาคอีสานบ้านเฮา แต่คงไม่ได้ต่างอะไรไปจากเพื่อนบ้านใกล้เคียงอย่างลาวและเวียดนาม ที่ต้องตกน้ำป๋อมแป๋มกันมาก่อนหน้านี้ ทำไงได้...เมื่อต้องเจอกับธรรมชาติที่ท่านออกจะกราดเกรี้ยวหนักขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลังๆ หนทางที่จะบรรเทาเบาบาง รับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้ดีที่สุด เหลือแต่เพียงต้องนำเอา “คุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์” ที่ธรรมชาติท่านมอบติดตัวมาให้กับมวลมนุษย์ทุกผู้ ทุกนามทุกชาติ ทุกภาค หรือนำเอา “น้ำใจ” มาสู้กับ “น้ำท่วม” กันแบบจริงๆ จังๆ แบบเป็นระบบและเป็นกระบวนการ นั่นแล...
แต่ระหว่างกำลังรวบรวมน้ำใจเพื่อสู้น้ำท่วมช่วงนี้...ลองเหลือบไปดู “โลก” ติดปลายนวมเอาไว้ซักเล็กๆ น้อยๆ เพราะอะไรต่อมิอะไรมันออกจะ “อ่วมอรทัย” ไม่น้อยไปกว่ากันมากมายซักเท่าไหร่ เผลอๆ อาจหนักซะยิ่งกว่าด้วยซ้ำ เพราะ “ภัยพิบัติจากธรรมชาติ” นั้น...ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่ “ภัยพิบัติจากน้ำมือของมนุษย์” นั้น มันหนักไปทางพร้อมเจาะ-เกาะ-ติดไล่เบียด ไล่บี้ ชนิดไม่เปิดจังหวะให้มีโอกาสหายใจ หายคอได้บ้างเลย อย่างเช่น ช่วงใกล้เที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก็เอาอีกแร้วว์ว์ว์...หัวหน้าแก๊งยันหว่างแห่งคาบสมุทรเกาหลีผู้ถูกเรียกขานกันในนาม “คิมน้อย” เริ่มเปิดฉากปฏิบัติการทดสอบขีปนาวุธลูกใหม่ บริเวณเขตพื้นที่ภาคเหนือของเกาหลีเหนือ ยิงจรวดขึ้นไปในระดับความสูงประมาณ 3,000 (2,803) กิโลเมตรจากภาคพื้น ใช้เวลาร่อนอยู่ในชั้นบรรยากาศประมาณ 40 นาที อันส่งผลให้เกิดการประเมินคาดคะเนว่าน่าจะเป็นขีปนาวุธระดับ “ICBM” หรือ “ขีปนาวุธระดับข้ามทวีป” แหงมๆ...
ยิ่งหลังจากทดสอบขีปนาวุธสำเร็จเรียบโร้ยย์ย์ย์โรงเรียนเกาหลีเหนือแล้ว “คิมน้อย” หรือ “คิม จองอึน” ยังได้ออกมาสำทับไว้ซะอีกต่างหากว่า ศักยภาพของขีปนาวุธเกาหลีเหนือนั้น มีขีดความสามารถพอที่จะครอบคลุมไปยังพื้นที่ทุกจุดของประเทศคู่กัดอย่างคุณพ่ออเมริกาได้แบบเบิร์ดๆ สบายๆ หรือไม่ใช่แค่เฉพาะชาวอเมริกันในแถบอลาสกา ฮาวาย เท่านั้น ที่อาจต้องใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ แม้แต่ผู้คนในแอลเอ เดนเวอร์ ชิคาโก บอสตัน นิวยอร์ก วอชิงตัน ฯลฯ ย่อมมีสิทธิถูกขีปนาวุธคิมน้อยหล่นใส่หัวกบาลได้ทุกเมื่อ จริง-ไม่จริง...คงต้องไปวิเคราะห์รายละเอียดกันอีกที แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ภายใต้ฉากสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมทำให้ปัญหาเกาหลีเหนือนั้น กลายเป็นปัญหาเร่งด่วน เป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุด ของคุณพ่ออเมริกาไปแล้ว อย่างมิอาจปฏิเสธได้...
และการรับมือกับปัญหาที่ว่านี้...ยังก่อให้เกิดความกระอักกระอ่วน ความหนักอก หนักใจ ต่ออภิมหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกาอย่างเห็นได้ชัดเจน ดังที่หัวหน้าคณะเสนาธิการกองทัพบก “พลเอก Mark Milley” ได้เปิดเผยถึงความรู้สึก ณ สโมสรผู้สื่อข่าวแห่งชาติ (National Press Club) เมื่อช่วงวันพฤหัสที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมานั่นแหละว่า... “เรามาถึงจุดที่ต้องเลือกเอาทางใดทางหนึ่ง (ในการรับมือกับปัญหาเกาหลีเหนือ) โดยที่แต่ละทางนั้น ไม่ได้เป็นที่น่าพึงพอใจใดๆ แม้แต่น้อย หรือไม่มีทางเลือกทางใดที่ถือว่า...ดี...ได้เลย” ด้วยเหตุเพราะ “การเปิดฉากสงครามกับเกาหลีเหนือ (ทางเลือกทางทหาร) นั้น เลี่ยงไม่พ้นต้องแลกด้วยค่าใช้จ่ายจากจำนวนผู้สูญเสียชีวิตระดับสูงเอามากๆ แต่สหรัฐฯ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกเลยที่จะรับมือกับรัฐอันธพาลแห่งนี้”...
เช่นเดียวกับรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ “นายJames Mattis” ที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ว่าการเปิดฉากสงครามกับเกาหลีเหนือนั้น สามารถนำไปสู่ฉากเหตุการณ์แบบ “กลียุค” ได้ทุกเมื่อ แต่ในเมื่อยังไม่อาจตัดสินใจว่าจะใช้ทางเลือกแบบไหนกันดี ปัญหาดังกล่าว จึงแทบไม่ต่างไปจากอุจจาระคาริดสีดวงทวาร หรือ “ขี้คาตูด” สหรัฐฯ ไปอีกนานเท่านาน หรือทำให้สถานะของสหรัฐฯ แทบไม่เหลือจังหวะช่วงชิงความได้เปรียบ ในแนวรบด้านเอเชีย 1 ใน 3 แนวรบที่ถือเป็น “จุดเปลี่ยน” ของโลกทั้งโลก อันประกอบไปด้วยแนวรบในยุโรป ตะวันออกกลาง เอเชีย โดยเฉพาะแถบทะเลจีนใต้ รวมทั้งคาบสมุทรเกาหลีควบคู่ไปด้วย...
อย่างไรก็ตาม...ขณะ “ขี้ยังคาตูด” ในแนวรบด้านนี้ สำหรับแนวรบด้านอื่นๆ สถานะของอภิมหาอำนาจสูงสุดอย่างสหรัฐฯ ก็ออกอาการท้องผูก ไม่ก็ท้องร่วง อย่างเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นทุกที ในแนวรบตะวันออกกลางนั้น...ต้องถือว่า “แพ้แล้ว” หลังจากประธานาธิบดี ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ และผู้อำนวยการซีไอเอได้สุมหัวปรึกษาหารือก่อนประกาศอย่างเป็นทางการว่า รัฐบาลมีคำสั่งให้หน่วยงานซีไอเอยุติโครงการช่วยเหลือบรรดา “กบฏซีเรีย” ผู้มีจุดมุ่งหมายโค่นล้มระบอบการปกครองรัฐบาล “อัล-อัสซาด” ไม่ว่าในด้านเงินทุน การฝึก ตลอดไปจนการจัดหาเครื่องไม้ เครื่องมือ อาวุธยุทโธปกรณ์ หรือเท่ากับยอมรับสภาพว่า...ความพยายามโค่นล้มรัฐบาลซีเรีย ที่อเมริกาและพันธมิตรตะวันตกเคยถือเป็นบรรทัดฐานในการแก้ปัญหาเสถียรภาพในตะวันออกกลางก่อนหน้านี้ เป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว!!! (อ่านตอนต่อไปวันพรุ่งนี้)...