(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
Q&A with Angelo Codevilla: US can shoot down North Korea’s missiles — but China remains elephant in room
By Doug Tsuruoka
29/04/2017
ระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯนั้นออกแบบขึ้นมาโดยเบื้องต้นแล้วก็เพื่อใช้รับมือกับขีปนาวุธเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ตามการทดสอบที่แท้จริงอยู่ที่การนำมาใช้ตอบโต้กับสมรรถนะทางด้านนี้ของจีน
ความว้าวุ่นกระวนกระวายใจว่าจะเกิดสงครามบนคาบสมุทรเกาหลีเพิ่มทวีขึ้นอย่างมากเมื่อราวปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ภายหลังจากสหรัฐฯมีการเคลื่อนไหวทางทหารหลายอย่างหลายประการ
สหรัฐฯได้ยิงจรวดร่อน (cruise missile) หลายสิบลูกเข้าใส่สนามบินแห่งหนึ่งในซีเรีย และยังได้ใช้ระเบิดลูกยักษ์ใหญ่มหึมาถล่มใส่สถานที่ตั้งแห่งหนึ่งของกลุ่ม “รัฐอิสลาม” ในอัฟกานิสถาน การสำแดงแสนยานุภาพทางทหารทั้ง 2 ครั้งนี้ได้รับการตีความว่าเป็นการส่งเสียงขู่คำรามตักเตือนอย่างเป็นนัยๆ ถึงเกาหลีเหนือ ซึ่งทำให้นึกหวนไปถึงคำพังเพยของจีนที่ว่า “เชือดคอไก่ให้ลิงดู”
ทว่าเอาเข้าจริงแล้ว สหรัฐฯมีทางเลือกในทางทหารอะไรบ้างในการจัดการกับเปียงยางโดยไม่ถึงขั้นลุกลามกลายเป็นการเปิดทำสงครามกันอย่างเต็มขั้น?
แองเจโล โคเดวิลลา (Angelo Codevilla) อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของคณะกรรมาธิการข่าวกรองแห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ (ดูรายละเอียดประวัติของเขาเพิ่มเติมได้ที่ข้างล่างข้อเขียนนี้) บอกว่าทางเลือกทางทหารที่สำคัญที่สุดคือการทำลายขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือยิงทดสอบในขณะที่มันขึ้นมาจากฐานส่งยังไม่นานนัก เขาระบุว่าเรื่องนี้สามารถกระทำได้อยู่แล้วโดยใช้ระบบต่อต้านขีปนาวุธหลายๆ ระบบที่มีอยู่ในคลังแสงสหรัฐฯ
ตามคำบอกเล่าของโคเดวิลลา สิ่งซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้ต้องขบคิดใคร่ครวญกันมากหากจะใช้ทางเลือกนี้ จริงๆ แล้วก็คือประเทศจีน เขากล่าวว่าสำหรับจีนแล้ว เรื่องที่พวกเขามีความวิตกกังวลยิ่งกว่าเรื่องใดๆ ในวิกฤตการณ์นี้ ได้แก่ระบบป้องกันขีปนาวุธที่มุ่งยิงสกัดขีปนาวุธของข้าศึกในขณะอยู่ในบรรยากาศชั้นสูง หรือ “ทาด” (Terminal High Altitude Area Defense หรือ THAAD) ของสหรัฐฯในเกาหลีใต้ ซึ่งถูกนำไปติดตั้งประจำการเพื่อคอยสกัดขีปนาวุธเกาหลีเหนือที่ยิงเข้ามา
เขาบอกว่าจีนแสดงการคัดค้านความเคลื่อนไหวเช่นนี้อย่างดุเดือดรุนแรง เนื่องจากกลัวเกรงว่าลงท้ายแล้ววอชิงตันจะต่อยอดยกระดับระบบป้องกันขีปนาวุธประเภทนี้ ด้วยระบบเชิงแสงที่ตั้งฐานอยู่ในอวกาศระดับก้าวหน้า (advanced space-based optical systems) ซึ่งสามารถตรวจจับและทำลายขีปนาวุธของจีนขณะทำการยิง –ไม่ว่าจะยิงจากที่ไหนก็ตามในประเทศจีน
อดีตผู้คุมงานด้านความมั่นคงแห่งชาติคนหนึ่งในยุคประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ผู้นี้กล่าวว่า เรื่องนี้จะกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมทีเดียว โดยสหรัฐฯจะเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างมากมายมหาศาล จากการติดตั้งประจำการระบบป้องกันขีปนาวุธซึ่งสามารถทำทำหน้าที่เป็นโล่ป้องกันแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯจากขีปนาวุธของจีนและรัสเซียได้ด้วย
ทั้งนี้ โคเดวิลลาได้สนทนากับเอเชียไทมส์เกี่ยวกับภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ, จีน, และยุทธศาสตร์การป้องกันต่อต้านขีปนาวุธของสหรัฐฯ ในช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้:
เอเชียไทมส์: สหรัฐฯสามารถที่จะประสบความสำเร็จในการสกัดกั้นขีปนาวุธเกาหลีเหนือได้ไหม โดยใช้ระบบต่อต้านขีปนาวุธหรือเทคโนโลยีอย่างอื่นๆ ที่มีอยู่?
โคเดวิลลา: เมื่อพูดกันในขณะนี้เลย คำตอบก็คือได้ครับ ในความเป็นจริงแล้ว ระบบต่อต้านขีปนาวุธต่างๆ ของสหรัฐฯซึ่งได้รับการออกแบบขึ้นมานั้นเบื้องต้นทีเดียวคือมุ่งสกัดกั้นขีปนาวุธเกาหลีเหนือ จริงๆ แล้วระบบเหล่านี้ไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้หรอก
แต่เมื่อขีปนาวุธเกาหลีเหนือกำลังมีความสลับซับซ้อนและละเอียดประณีตมากขึ้นทุกที รวมทั้งกำลังถูกยิงออกมาจากพื้นที่ซึ่งอยู่ห่างจากแถบชายฝั่งของพวกเขายิ่งขึ้นเรื่อยๆ และก็ยังสามารถยิงขึ้นไปสูงขึ้นทุกทีเพื่อให้มีพิสัยทำการไกลขึ้น ขีปนาวุธเกาหลีเหนือจึงอาจจะสร้างความยุ่งยากเพิ่มมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯทั้งในเกาหลีและรอบๆ เกาหลี ตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่ว่าขีปนาวุธเกาหลีเหนือจะยิงออกมาในจำนวนน้อย ไม่มีสักกี่ลูกหรอก ดังนั้นหากพวกเขายิงออกมาได้คราวละมากกว่าทีละหยิบมือแล้ว มันก็จะกลายเป็นปัญหาอย่างยิ่ง
เอเชียไทมส์: ถ้าสหรัฐฯเริ่มเข้าทำการสกัดกั้นขีปนาวุธเกาหลีเหนือแล้ว มันจะก่อให้เกิดผลต่อเนื่องทางการทหารหรือทางการเมืองตามา จากฝ่ายเกาหลีเหนืออย่างไรหรือไม่?
โคเดวิลลา: ผลต่อเนื่องในทางการทหารจากเกาหลีเหนือ ในทางปฏิบัติแล้วจะเท่ากับศูนย์ เพราะโดยพื้นฐานแล้ว ในทางการทหาร เราไม่ได้มีอะไรที่จะต้องเกรงกลัวว่าเกาหลีเหนือจะทำการโจมตีด้วยขีปนาวุธ (เพื่อเป็นการตอบโต้เรา) ในขณะนี้ ยิ่งผลต่อเนื่องในทางการเมือง (จากเกาหลีเหนือ) ด้วยแล้ว มันจะยิ่งน้อยลงไปอีกด้วยซ้ำ ผมขอท้าพนันว่าเกาหลีเหนือจะไม่ทำอะไรเลยเนื่องจากในขณะที่พวกเขาอาจจะบ้าๆ ห่ามๆ นั้น –พวกเขาก็ไม่ได้งี่เง่าหรอก
(ถ้าเกาหลีเหนือทำการตอบโต้ด้วยขีปนาวุธ)ไม่เพียงขีปนาวุธของพวกเขาน่าที่จะถูกยิงตกร่วงลงมาเท่านั้น แต่การยิงขีปนาวุธเช่นนั้นยังน่าที่จะสร้างความลำบากยุ่งยากซึ่งพวกเขาไม่สามารถที่จะเยียวยาแก้ไขได้ –อย่างเช่นการเผชิญกับมาตรการห้ามนำเข้าอาหาร และการเข้าปิดล้อมทางทะเล ซึ่งจะทำให้ระบอบปกครองนี้พังครืนลงมา
เอเชียไทมส์: เกาหลีเหนือจะทำอะไรได้บ้างล่ะ?
โคเดวิลลา: ผมไม่คิดว่าเกาหลีเหนือจะทำอะไรมากไปกว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่แล้วอย่างประสบความสำเร็จในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา –ซึ่งควรจะต้องเรียกว่า— เป็นกลอุบายในการแบล็กเมล์ ที่ปรากฏว่าสหรัฐฯก็ยินยอมเล่นตามไปด้วยอย่างสมบูรณ์แบบทีเดียว
เอเชียไทมส์: หนังสือพิมพ์ที่ดำเนินการโดยภาครัฐของจีน คือ โกลบอลไทมส์ (Global Times) (หนังสือพิมพ์ฉบับนี้อยู่ในเครือของเหรินหมินรึเป้า หรือ พีเพิลส์ เดลี่ ปากเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน –ผู้แปล) เมื่อเร็วๆ นี้ได้ตีพิมพ์เผยแพร่บทบรรณาธิการชิ้นหนึ่งแสดงท่าทีว่า ปักกิ่งจะอดทนอดกลั้นต่อ “การโจมตีอย่างเฉียบคมแม่นยำ”ที่เล่นงานพวกสิ่งปลูกสร้างทางด้านนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ (ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://koreajoongangdaily.joins.com/news/article/article.aspx?aid=3032601&cloc=joongangdaily|home|newslist1) เรื่องนี้ถือเป็นตัวแทนแสดงถึงการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญในจุดยืนของจีนที่มีต่อเปียงยางใช่หรือไม่?
โคเดวิลลา: ถ้ามองกันในลักษณะเช่นนี้ มันก็เท่ากับเป็นการเสนอแนะว่าจีนได้เปลี่ยนแปลงนโยบายของตนที่มีต่อเกาหลีเหนือแล้ว และก็จะไม่คัดค้านการที่สหรัฐฯดำเนิน “การโจมตีอย่างเฉียบคมแม่นยำ” ต่อโปรแกรมนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ โดยอิงอาศัยข้อความบางตอนที่ปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ซึ่งดำเนินการโดยรัฐฉบับหนึ่ง จีนน่ะกล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีกในคำแถลงอย่างเป็นทางการฉบับต่างๆ ของพวกเขา โดยแสดงความไม่เห็นด้วยกับเรื่องนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ตลอดจนในการที่พวกเขาพูดถึงเรื่องมาตรการลงโทษคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเกาหลีเหนือ แน่นอนทีเดียวว่า ถ้าสหรัฐฯทำการโจมตีแบบเฉียบขาดแม่นยำต่อเกาหลีเหนือ การตอบโต้ของจีนที่จะเกิดขึ้นมา จะไม่ใช่กลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 หรอก
อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นครั้งแรกด้วยนะที่จีนพูดออกมาด้วยตนเอง แบบเดียวกับคำข่มขู่ของเกาหลีเหนือที่ว่าจะทำให้โซลประสบความวิบัติหายนะในกรณีที่มีการโจมตีดังกล่าวขึ้นมา จีนยังกระทั่ง (ส่งสัญญาณ) ว่าจะทำการรุกราน (แทรกแซงเข้าไปในคาบสมุทรเกาหลี) ถ้าสหรัฐฯหรือเกาหลีใต้พยายามที่จะรวมเอาคาบสมุทรกลับมาเป็นเอกภาพโดยใช้กำลัง ดังนั้น ไม่ใช่หรอกครับ –เกมที่จีนหรือเกาหลีเหนือเล่นอยู่ ยังคงเป็นเกมเดียวกันกับช่วงระหว่างเวลาครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา
เอเชียไทมส์: จีนกำลังเล่นบทอะไรอยู่ในการโต้แย้งกันเกี่ยวกับระบบ ทาด (THAAD) และพวกเขามีความวิตกกังวลทางด้านความมั่นคงอะไรจริงๆ จากความร่วมมือด้านระบบป้องกันขีปนาวุธระหว่างสหรัฐฯกับเกาหลีใต้?
โคเดวิลลา: จีนคือปัญหาใหญ่ตัวจริงที่ทำให้ต้องขบคิดใคร่ครวญกันมากในเรื่องที่สหรัฐฯนำเอาระบบป้องกันขีปนาวุธเข้าไปประจำการในเกาหลีใต้ การออกมาร้องแรกแหกกระเชอทั้งหลายทั้งปวงของจีนในเรื่องเกี่ยวกับการติดตั้งระบบทาดในเกาหลีใต้นั้น ไม่ได้มีอะไรเลยสักนิดเดียวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเกาหลีเหนือ ทุกๆ อย่างเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับขีปนาวุธของจีนทั้งนั้น
เรดาร์ของระบบทาดในปัจจุบันมีพิสัยทำการประมาณ 1,000 ไมล์หรืออาจจะสั้นกว่านั้นนิดหน่อย ขีปนาวุธ(เกาหลีเหนือ) มีพิสัยทำการราวๆ 600 ไมล์ ระบบนี้จึงเพียงพอที่จะปกป้องคุ้มครองเกาหลีใต้และหลายๆ ส่วนของญี่ปุ่นจากขีปนาวุธที่ออกมาจากจีนได้นิดๆ หน่อยๆ ด้วย ผมขอย้ำคำๆ นี้นะครับ “นิดๆ หน่อยๆ”
สิ่งที่จีนรู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ เจ้า “นิดๆ หน่อยๆ” นี้จะกลายเป็นอะไรซึ่งใหญ่โตขึ้นไปอีกมาก
เอเชียไทมส์: คุณช่วยอธิบายขยายความเกี่ยวกับเรื่องนี้ในทางเทคนิคให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ ?
โคเดวิลลา: การที่จะสกัดกั้นขีปนาวุธที่ถูกยิงเข้ามาได้นั้น ขีปนาวุธของเราซึ่งใช้เพื่อการสกัดกั้นจะต้องมีข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเป้าหมายอย่างละเอียดแม่นยำ ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเป้าหมายเช่นนี้ต้องได้มาก่อนที่ขีปนาวุธที่ถูกยิงเข้ามาจะเคลื่อนที่มาจนใกล้กับเราเกินไปแล้ว เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องระยะเวลาและระยะทางซึ่งจะทำให้ฝ่ายที่เข้าสกัดกั้นได้เปรียบ ข้อมูลข่าวสารนี้จะต้องได้มาตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วขีปนาวุธที่กำลังเคลื่อนเข้ามานี้ยังจะต้องถูกยิงขึ้นไปภายในพิสัยทำการของเรดาร์ของขีปนาวุธฝ่ายสกัดกั้นด้วย ทั้งนี้โดยต้องคำนึงถึงลักษณะที่เป็นรูปโค้งของโลกเรา
ถ้าคุณไม่สามารถยิงขีปนาวุธสกัดกั้นขึ้นไปได้ตั้งแต่เนิ่นๆ อย่างเพียงพอแล้ว ขีปนาวุธที่กำลังเคลื่อนเข้ามาก็อาจจะไม่ได้ถูกลงโทษอะไรเลย เนื่องจากเมื่อถึงเวลาที่สามารถตรวจหามันเจอนั้น มันก็สายเกินกว่าจะทำการยิงให้ตกลงมาได้เสียแล้ว ประเทศจีนนั้นเป็นประเทศที่กว้างใหญ่มาก สภาพเช่นนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถยิงขีปนาวุธจากจุดที่ส่วนใหญ่แล้วอยู่นอกพิสัยทำการของเรดาร์ต่อต้านขีปนาวุธของสหรัฐฯในปัจจุบัน
(กระทั่ง) เรดาร์ของระบบทาดที่ตั้งอยู่ในเกาหลีใต้ ยังไม่ต้องไปพูดถึงที่ตั้งอยู่บนเกาะกวมหรอก ก็ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดเพียงพอที่จะให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแม่นยำตั้งแต่เนิ่นๆ จนเพียงพอที่จะป้องกันภัยคุกคามนี้ได้ นี่คือเหตุผลที่ทำไมระบบทาดมีผลกระทบอย่างแท้จริงต่อตัวประเทศจีนอย่างเก่งที่สุดก็แค่ในระดับน้อยนิดเหลือเกินเท่านั้น
เอเชียไทมส์:แล้วสหรัฐฯจะทำอย่างไรในการปกป้องคุ้มครองเกาหลีใต้และญี่ปุ่นจากขีปนาวุธซึ่งยิงออกมาจากจีน ?
โคเดวิลลา: ตอบกันอย่างสั้นๆ ก็คือ ถ้าจะป้องกันอาณาบริเวณแถบริมชายฝั่งแปซิฟิกจากขีปนาวุธของจีน สหรัฐฯก็จะต้องยืดขยายโครงสร้างแบบแผนในการหาข้อมูลข่าวสารของตนออกไปเพื่อให้เข้าถึงครอบคลุมทั่วทั้งประเทศจีน ถ้าคุณต้องการเอาชนะปัญหาเรื่องข้อจำกัดทางด้านระยะเวลาและระยะทางของระบบป้องกันขีปนาวุธแล้ว คุณไม่สามารถที่จะทำการป้องกันจากพื้นผิวโลกด้วยการใช้เรดาร์ที่ประจำอยู่บนพื้นผิวโลกได้ คุณจะต้องทำเรื่องนี้จากบนอวกาศ
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการใช้ระบบแสง(ที่ไม่ใช่เรดาร์)ในวงโคจร ((non-radar) optical systems in orbit) ซึ่งสามารถที่จะ “มองเห็น” ขีปนาวุธที่โจมตีเข้ามาเหล่านี้ไม่ว่ามันจะยิงจากจุดไหนในประเทศจีนก็ตามที ดังนั้นระบบเช่นนี้ก็จะสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลข่าวสารที่ละเอียดแม่นยำได้ และถ่ายทอดมันไปยังขีปนาวุธสกัดกั้นโดยตรง เพื่อที่จะได้ยิงมันออกมาสกัดกั้นได้อย่างถูกต้องเหมาะเจาะโดยอิงอยู่กับข้อมูลข่าวสารดังกล่าวนี้
เอเชียไทมส์: เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็กำลังพูดกันเรื่องโล่ต่อต้านขีปนาวุธที่ได้รับการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นกว่าเดิมของสหรัฐฯ ซึ่งสามารถที่จะปกป้องคุ้มครองเกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้มากขึ้น ใช่ไหมครับ?
โคเดวิลลา: ครับ ถูกต้อง เรายังกำลังพูดกันถึงเรื่องระบบต่อต้านขีปนาวุธที่สามารถที่จะปกป้องคุ้มครองแผ่นดินสหรัฐฯทั่วทั้งหมดอีกด้วย
เอเชียไทมส์: แล้วสหรัฐฯสามารถที่จะพัฒนาระบบเชิงแสงที่ตั้งฐานอยู่ในอวกาศอย่างที่ว่านี้ได้หรือไม่ ?
โคเดวิลลา: เทคโนโลยีเรื่องนี้อยู่ในสภาพถูกเก็บเข้าลิ้นชักเอาไว้ ตอนนั้นเรากำลังพัฒนาระบบที่เรียกชื่อว่า SBIRS-Low กันอยู่แล้ว ทว่าต้องทิ้งไป เพราะระบบนี้ละเมิดสนธิสัญญาต่อต้านขีปนาวุธนำวิถีปี 1972 (1972 Anti-Ballistic Missile Treaty) (ซึ่งสหรัฐฯกับสหภาพโซเวียตในตอนนั้นทำกันไว้) โดยสนธิสัญญาดังกล่าวมีข้อห้ามไม่ใช้สร้างระบบที่สามารถ “เข้าแทนที่” เรดาร์ซึ่งตั้งฐานอยู่บนภาคพื้นดินได้ และแม้กระทั่งหลังจากเราบอกยกเลิกสนธิสัญญาฉบับนั้นอย่างเป็นทางการไปแล้ว ระบบนี้ก็ยังไม่ได้ถูกรื้อฟื้นคืนชีพมาแต่อย่างใด
แต่ทั้งจีนกับรัสเซียต่างกลัวว่า เวลานี้สหรัฐฯกำลังค่อยๆ เกิดความตระหนักถึงความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่า ถ้าหากเราจะทำการปกป้องคุ้มครองเกาหลี, ญี่ปุ่น, อิสราเอล หรือประเทศอื่นๆ แล้ว เราก็จะต้องใช้ระบบพวกนี้แหละ
เอเชียไทมส์: เมื่อเป็นเช่นนี้มันจะกลายเป็นการล้มข้อตกลงควบคุมอาวุธฉบับต่างๆ ที่มีอยู่ระหว่างสหรัฐฯ, รัสเซีย, และจีน ไปเลยหรือไม่?
โคเดวิลลา: แน่นอนอยู่แล้วว่าเราคงจะต้องทำสิ่งที่ขัดแย้งกับเจตนารมณ์ (ของข้อตกลง) เหล่านี้ เรื่องที่สำคัญมากกว่าเพื่อนเลยก็คือ เราจะต้องล้มเลิกนโยบายของสหรัฐฯในปัจจุบันที่ว่า เราจะไม่สร้างสิ่งกีดขวางใดๆ มากั้นขวางเส้นทางซึ่งพวกขีปนาวุธของจีนและของรัสเซียจะยิงเข้ามายังสหรัฐฯ
เอเชียไทมส์: (การที่สหรัฐฯมี) ระบบต่อต้านขีปนาวุธที่ปรับปรุงยกระดับดีขึ้นเช่นนี้ จะส่งผลกระทบกระเทือนอย่างไรหรือไม่ต่อความสัมพันธ์ที่จีนมีอยู่กับเกาหลีเหนือ?
โคเดวิลลา: การที่สหรัฐฯมีระบบต่อต้านขีปนาวุธที่ปรับปรุงยกระดับดีขึ้นแล้ว จะไม่เพียงมีความสำคัญในสงครามทั่วๆ ไประหว่างสหรัฐฯกับจีนหรือกับรัสเซียเท่านั้น –แต่มันยังจะมีความสำคัญในการต่อรองประลองกำลังกันในแต่ละวันทางกิจการระหว่างประเทศอีกด้วย
เป้าหมายทางการปฏิบัติการที่สำคัญที่สุดของจีนในเอเชียตะวันออกเหนือ ได้แก่การพยายามแยกเกาหลีใต้ให้ออกห่างจากสหรัฐฯ จีนกระทำเช่นนี้ด้วยการพูดว่า “ดูให้ดีซี่ อเมริกันไม่สามารถปกป้องคุ้มครองคุณหรอก” ถ้าฝ่ายเกาหลีใต้ถามว่า “มันเป็นยังไงเหรอ?” ฝ่ายจีนก็จะตอบว่า “เพราะอเมริกันนะแม้กระทั่งปกป้องคุ้มครองตัวเองก็ยังทำไม่ได้เลย” คราวนี้ถ้าฝ่ายอเมริกันมีระบบป้องกันขีปนาวุธระบบใหม่ –นี่แหละมันจะกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมทีเดียว
เอเชียไทมส์: มีรายงานของสื่อบางชิ้นเสนอแนะว่า ขีปนาวุธของเกาหลีเหนือลูกหนึ่งซึ่งเกิดระเบิดหลังจากยิงขึ้นไปเมื่อวันที่ 16 เมษายนนั้น เป็นเพราะมันถูกก่อวินาศกรรม เป็นไปได้หรือไม่ที่สหรัฐฯกำลังใช้การโจมตีทางไซเบอรืและทางอิเล็กทรอนิกส์เล่นงานการทดลองขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ?
โคเดวิลลา: ผมไม่ทราบหรอกครับ แต่การที่คุณมีโปรแกรมขีปนาวุธที่ยังอยู่ในขั้นเป็นตัวอ่อนอยู่เลย แล้วบริหารจัดการโดยคนในเกาหลีเหนือซึ่งไม่ได้มีความรู้อะไรจริงๆ ว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ มันก็ควรต้องถือว่าทำงานได้อย่างไม่ธรรมดาเลย ที่ไม่ได้เกิดความล้มเหลวมากไปกว่าลูกที่ระเบิดขึ้นเมื่อกลางเดือนเมษายน การทดสอบถึงยังไงก็เป็นการทดสอบนะครับ
เอเชียไทมส์: แต่สหรัฐฯสามารถที่จะเอาเทคโนโลยีแบบนี้มาใช้ขัดขวางขีปนาวุธเกาหลีเหนือได้หรือไม่ครับ?
โคเดวิลลา: มีความเป็นไปได้ แต่การที่จะประสบความสำเร็จในการโจมตีทางไซเบอร์นั้น เราจะต้องมีข่าวกรองในปริมาณมากทีเดียว และพูดได้ว่าต้องรู้จักรายละเอียดต่างๆ ของระบบเชื้อเพลิงจรวดของพวกเขา ไม่เช่นนั้นแล้ว การโจมตีทางไซเบอร์ประเภทเดียวเท่านั้นที่คุณสามารถทำได้ ย่อมได้แก่ การโจมตีแบบใช้กำลังเข้าเล่นงานอย่างเถื่อนๆ กันเลย (การใช้ซอฟต์แวร์อัตโนมัติในการเจาะหาข้อมูลที่เข้ารหัสไว้) ผมสันนิษฐานว่า ทำอย่างนั้นนะสามารถทำได้นะ ทว่ามันก็จะโจ่งแจ้งชัดเจนเหลือเกิน ไม่มีอะไรให้เป็นข้อสงสัยกันอีกเลย
แองเจโล เอ็ม. โคเดวิลลา ซึ่งเกิดในอิตาลี เป็นศาสตราจารย์เกียรติคุณด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยบอสตัน เขาเคยรับราชการเป็นนายทหารเรือและข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ และเคยทำงานให้คณะกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภา รวมทั้งอยู่ในทีมงานถ่ายโอนอำนาจของประธานาธิบดี โคเดวิลลาเป็นนักวิจัยอาวุโสของสถาบันฮูเวอร์อยู่ 1 ทศวรรษ เขาเขียนหนังสือมาแล้ว 14 เล่ม เป็นต้นว่า เรื่อง War Ends and Means, The Character of Nations, Advice to War Presidents, และเล่มล่าสุดคือ To Make and Keep Peace Among Ourselves and with All Nations.
ดั๊ก สึรุโอกะ เป็นบรรณาธิการประจำกองบรรณาธิการ (Editor-at-Large) ของเอเชียไทมส์ เขาเป็นอดีตบรรณาธิการใหญ่ของเอเชียไทมส์ รวมทั้งเคยทำงานให้ฟาร์อีสเทิร์นอีโคโนมิกรีวิว, นิวสวีก, เอเชียไทมส์ที่เป็นเอดิชั่นตีพิมพ์ดั้งเดิม, และสื่อสำคัญอื่นๆ สึรุโอกะเคยทำหน้าที่รายงานข่าวจากญี่ปุ่น, เกาหลี, มาเลเซีย, และที่อื่นๆ อีกในเอเชีย
Q&A with Angelo Codevilla: US can shoot down North Korea’s missiles — but China remains elephant in room
By Doug Tsuruoka
29/04/2017
ระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯนั้นออกแบบขึ้นมาโดยเบื้องต้นแล้วก็เพื่อใช้รับมือกับขีปนาวุธเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ตามการทดสอบที่แท้จริงอยู่ที่การนำมาใช้ตอบโต้กับสมรรถนะทางด้านนี้ของจีน
ความว้าวุ่นกระวนกระวายใจว่าจะเกิดสงครามบนคาบสมุทรเกาหลีเพิ่มทวีขึ้นอย่างมากเมื่อราวปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ภายหลังจากสหรัฐฯมีการเคลื่อนไหวทางทหารหลายอย่างหลายประการ
สหรัฐฯได้ยิงจรวดร่อน (cruise missile) หลายสิบลูกเข้าใส่สนามบินแห่งหนึ่งในซีเรีย และยังได้ใช้ระเบิดลูกยักษ์ใหญ่มหึมาถล่มใส่สถานที่ตั้งแห่งหนึ่งของกลุ่ม “รัฐอิสลาม” ในอัฟกานิสถาน การสำแดงแสนยานุภาพทางทหารทั้ง 2 ครั้งนี้ได้รับการตีความว่าเป็นการส่งเสียงขู่คำรามตักเตือนอย่างเป็นนัยๆ ถึงเกาหลีเหนือ ซึ่งทำให้นึกหวนไปถึงคำพังเพยของจีนที่ว่า “เชือดคอไก่ให้ลิงดู”
ทว่าเอาเข้าจริงแล้ว สหรัฐฯมีทางเลือกในทางทหารอะไรบ้างในการจัดการกับเปียงยางโดยไม่ถึงขั้นลุกลามกลายเป็นการเปิดทำสงครามกันอย่างเต็มขั้น?
แองเจโล โคเดวิลลา (Angelo Codevilla) อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของคณะกรรมาธิการข่าวกรองแห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ (ดูรายละเอียดประวัติของเขาเพิ่มเติมได้ที่ข้างล่างข้อเขียนนี้) บอกว่าทางเลือกทางทหารที่สำคัญที่สุดคือการทำลายขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือยิงทดสอบในขณะที่มันขึ้นมาจากฐานส่งยังไม่นานนัก เขาระบุว่าเรื่องนี้สามารถกระทำได้อยู่แล้วโดยใช้ระบบต่อต้านขีปนาวุธหลายๆ ระบบที่มีอยู่ในคลังแสงสหรัฐฯ
ตามคำบอกเล่าของโคเดวิลลา สิ่งซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้ต้องขบคิดใคร่ครวญกันมากหากจะใช้ทางเลือกนี้ จริงๆ แล้วก็คือประเทศจีน เขากล่าวว่าสำหรับจีนแล้ว เรื่องที่พวกเขามีความวิตกกังวลยิ่งกว่าเรื่องใดๆ ในวิกฤตการณ์นี้ ได้แก่ระบบป้องกันขีปนาวุธที่มุ่งยิงสกัดขีปนาวุธของข้าศึกในขณะอยู่ในบรรยากาศชั้นสูง หรือ “ทาด” (Terminal High Altitude Area Defense หรือ THAAD) ของสหรัฐฯในเกาหลีใต้ ซึ่งถูกนำไปติดตั้งประจำการเพื่อคอยสกัดขีปนาวุธเกาหลีเหนือที่ยิงเข้ามา
เขาบอกว่าจีนแสดงการคัดค้านความเคลื่อนไหวเช่นนี้อย่างดุเดือดรุนแรง เนื่องจากกลัวเกรงว่าลงท้ายแล้ววอชิงตันจะต่อยอดยกระดับระบบป้องกันขีปนาวุธประเภทนี้ ด้วยระบบเชิงแสงที่ตั้งฐานอยู่ในอวกาศระดับก้าวหน้า (advanced space-based optical systems) ซึ่งสามารถตรวจจับและทำลายขีปนาวุธของจีนขณะทำการยิง –ไม่ว่าจะยิงจากที่ไหนก็ตามในประเทศจีน
อดีตผู้คุมงานด้านความมั่นคงแห่งชาติคนหนึ่งในยุคประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ผู้นี้กล่าวว่า เรื่องนี้จะกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมทีเดียว โดยสหรัฐฯจะเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างมากมายมหาศาล จากการติดตั้งประจำการระบบป้องกันขีปนาวุธซึ่งสามารถทำทำหน้าที่เป็นโล่ป้องกันแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯจากขีปนาวุธของจีนและรัสเซียได้ด้วย
ทั้งนี้ โคเดวิลลาได้สนทนากับเอเชียไทมส์เกี่ยวกับภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ, จีน, และยุทธศาสตร์การป้องกันต่อต้านขีปนาวุธของสหรัฐฯ ในช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยมีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้:
เอเชียไทมส์: สหรัฐฯสามารถที่จะประสบความสำเร็จในการสกัดกั้นขีปนาวุธเกาหลีเหนือได้ไหม โดยใช้ระบบต่อต้านขีปนาวุธหรือเทคโนโลยีอย่างอื่นๆ ที่มีอยู่?
โคเดวิลลา: เมื่อพูดกันในขณะนี้เลย คำตอบก็คือได้ครับ ในความเป็นจริงแล้ว ระบบต่อต้านขีปนาวุธต่างๆ ของสหรัฐฯซึ่งได้รับการออกแบบขึ้นมานั้นเบื้องต้นทีเดียวคือมุ่งสกัดกั้นขีปนาวุธเกาหลีเหนือ จริงๆ แล้วระบบเหล่านี้ไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้หรอก
แต่เมื่อขีปนาวุธเกาหลีเหนือกำลังมีความสลับซับซ้อนและละเอียดประณีตมากขึ้นทุกที รวมทั้งกำลังถูกยิงออกมาจากพื้นที่ซึ่งอยู่ห่างจากแถบชายฝั่งของพวกเขายิ่งขึ้นเรื่อยๆ และก็ยังสามารถยิงขึ้นไปสูงขึ้นทุกทีเพื่อให้มีพิสัยทำการไกลขึ้น ขีปนาวุธเกาหลีเหนือจึงอาจจะสร้างความยุ่งยากเพิ่มมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯทั้งในเกาหลีและรอบๆ เกาหลี ตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่ว่าขีปนาวุธเกาหลีเหนือจะยิงออกมาในจำนวนน้อย ไม่มีสักกี่ลูกหรอก ดังนั้นหากพวกเขายิงออกมาได้คราวละมากกว่าทีละหยิบมือแล้ว มันก็จะกลายเป็นปัญหาอย่างยิ่ง
เอเชียไทมส์: ถ้าสหรัฐฯเริ่มเข้าทำการสกัดกั้นขีปนาวุธเกาหลีเหนือแล้ว มันจะก่อให้เกิดผลต่อเนื่องทางการทหารหรือทางการเมืองตามา จากฝ่ายเกาหลีเหนืออย่างไรหรือไม่?
โคเดวิลลา: ผลต่อเนื่องในทางการทหารจากเกาหลีเหนือ ในทางปฏิบัติแล้วจะเท่ากับศูนย์ เพราะโดยพื้นฐานแล้ว ในทางการทหาร เราไม่ได้มีอะไรที่จะต้องเกรงกลัวว่าเกาหลีเหนือจะทำการโจมตีด้วยขีปนาวุธ (เพื่อเป็นการตอบโต้เรา) ในขณะนี้ ยิ่งผลต่อเนื่องในทางการเมือง (จากเกาหลีเหนือ) ด้วยแล้ว มันจะยิ่งน้อยลงไปอีกด้วยซ้ำ ผมขอท้าพนันว่าเกาหลีเหนือจะไม่ทำอะไรเลยเนื่องจากในขณะที่พวกเขาอาจจะบ้าๆ ห่ามๆ นั้น –พวกเขาก็ไม่ได้งี่เง่าหรอก
(ถ้าเกาหลีเหนือทำการตอบโต้ด้วยขีปนาวุธ)ไม่เพียงขีปนาวุธของพวกเขาน่าที่จะถูกยิงตกร่วงลงมาเท่านั้น แต่การยิงขีปนาวุธเช่นนั้นยังน่าที่จะสร้างความลำบากยุ่งยากซึ่งพวกเขาไม่สามารถที่จะเยียวยาแก้ไขได้ –อย่างเช่นการเผชิญกับมาตรการห้ามนำเข้าอาหาร และการเข้าปิดล้อมทางทะเล ซึ่งจะทำให้ระบอบปกครองนี้พังครืนลงมา
เอเชียไทมส์: เกาหลีเหนือจะทำอะไรได้บ้างล่ะ?
โคเดวิลลา: ผมไม่คิดว่าเกาหลีเหนือจะทำอะไรมากไปกว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่แล้วอย่างประสบความสำเร็จในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา –ซึ่งควรจะต้องเรียกว่า— เป็นกลอุบายในการแบล็กเมล์ ที่ปรากฏว่าสหรัฐฯก็ยินยอมเล่นตามไปด้วยอย่างสมบูรณ์แบบทีเดียว
เอเชียไทมส์: หนังสือพิมพ์ที่ดำเนินการโดยภาครัฐของจีน คือ โกลบอลไทมส์ (Global Times) (หนังสือพิมพ์ฉบับนี้อยู่ในเครือของเหรินหมินรึเป้า หรือ พีเพิลส์ เดลี่ ปากเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน –ผู้แปล) เมื่อเร็วๆ นี้ได้ตีพิมพ์เผยแพร่บทบรรณาธิการชิ้นหนึ่งแสดงท่าทีว่า ปักกิ่งจะอดทนอดกลั้นต่อ “การโจมตีอย่างเฉียบคมแม่นยำ”ที่เล่นงานพวกสิ่งปลูกสร้างทางด้านนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ (ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://koreajoongangdaily.joins.com/news/article/article.aspx?aid=3032601&cloc=joongangdaily|home|newslist1) เรื่องนี้ถือเป็นตัวแทนแสดงถึงการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญในจุดยืนของจีนที่มีต่อเปียงยางใช่หรือไม่?
โคเดวิลลา: ถ้ามองกันในลักษณะเช่นนี้ มันก็เท่ากับเป็นการเสนอแนะว่าจีนได้เปลี่ยนแปลงนโยบายของตนที่มีต่อเกาหลีเหนือแล้ว และก็จะไม่คัดค้านการที่สหรัฐฯดำเนิน “การโจมตีอย่างเฉียบคมแม่นยำ” ต่อโปรแกรมนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ โดยอิงอาศัยข้อความบางตอนที่ปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ซึ่งดำเนินการโดยรัฐฉบับหนึ่ง จีนน่ะกล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีกในคำแถลงอย่างเป็นทางการฉบับต่างๆ ของพวกเขา โดยแสดงความไม่เห็นด้วยกับเรื่องนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ตลอดจนในการที่พวกเขาพูดถึงเรื่องมาตรการลงโทษคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเกาหลีเหนือ แน่นอนทีเดียวว่า ถ้าสหรัฐฯทำการโจมตีแบบเฉียบขาดแม่นยำต่อเกาหลีเหนือ การตอบโต้ของจีนที่จะเกิดขึ้นมา จะไม่ใช่กลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 หรอก
อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นครั้งแรกด้วยนะที่จีนพูดออกมาด้วยตนเอง แบบเดียวกับคำข่มขู่ของเกาหลีเหนือที่ว่าจะทำให้โซลประสบความวิบัติหายนะในกรณีที่มีการโจมตีดังกล่าวขึ้นมา จีนยังกระทั่ง (ส่งสัญญาณ) ว่าจะทำการรุกราน (แทรกแซงเข้าไปในคาบสมุทรเกาหลี) ถ้าสหรัฐฯหรือเกาหลีใต้พยายามที่จะรวมเอาคาบสมุทรกลับมาเป็นเอกภาพโดยใช้กำลัง ดังนั้น ไม่ใช่หรอกครับ –เกมที่จีนหรือเกาหลีเหนือเล่นอยู่ ยังคงเป็นเกมเดียวกันกับช่วงระหว่างเวลาครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา
เอเชียไทมส์: จีนกำลังเล่นบทอะไรอยู่ในการโต้แย้งกันเกี่ยวกับระบบ ทาด (THAAD) และพวกเขามีความวิตกกังวลทางด้านความมั่นคงอะไรจริงๆ จากความร่วมมือด้านระบบป้องกันขีปนาวุธระหว่างสหรัฐฯกับเกาหลีใต้?
โคเดวิลลา: จีนคือปัญหาใหญ่ตัวจริงที่ทำให้ต้องขบคิดใคร่ครวญกันมากในเรื่องที่สหรัฐฯนำเอาระบบป้องกันขีปนาวุธเข้าไปประจำการในเกาหลีใต้ การออกมาร้องแรกแหกกระเชอทั้งหลายทั้งปวงของจีนในเรื่องเกี่ยวกับการติดตั้งระบบทาดในเกาหลีใต้นั้น ไม่ได้มีอะไรเลยสักนิดเดียวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเกาหลีเหนือ ทุกๆ อย่างเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับขีปนาวุธของจีนทั้งนั้น
เรดาร์ของระบบทาดในปัจจุบันมีพิสัยทำการประมาณ 1,000 ไมล์หรืออาจจะสั้นกว่านั้นนิดหน่อย ขีปนาวุธ(เกาหลีเหนือ) มีพิสัยทำการราวๆ 600 ไมล์ ระบบนี้จึงเพียงพอที่จะปกป้องคุ้มครองเกาหลีใต้และหลายๆ ส่วนของญี่ปุ่นจากขีปนาวุธที่ออกมาจากจีนได้นิดๆ หน่อยๆ ด้วย ผมขอย้ำคำๆ นี้นะครับ “นิดๆ หน่อยๆ”
สิ่งที่จีนรู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ เจ้า “นิดๆ หน่อยๆ” นี้จะกลายเป็นอะไรซึ่งใหญ่โตขึ้นไปอีกมาก
เอเชียไทมส์: คุณช่วยอธิบายขยายความเกี่ยวกับเรื่องนี้ในทางเทคนิคให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ ?
โคเดวิลลา: การที่จะสกัดกั้นขีปนาวุธที่ถูกยิงเข้ามาได้นั้น ขีปนาวุธของเราซึ่งใช้เพื่อการสกัดกั้นจะต้องมีข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเป้าหมายอย่างละเอียดแม่นยำ ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเป้าหมายเช่นนี้ต้องได้มาก่อนที่ขีปนาวุธที่ถูกยิงเข้ามาจะเคลื่อนที่มาจนใกล้กับเราเกินไปแล้ว เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องระยะเวลาและระยะทางซึ่งจะทำให้ฝ่ายที่เข้าสกัดกั้นได้เปรียบ ข้อมูลข่าวสารนี้จะต้องได้มาตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วขีปนาวุธที่กำลังเคลื่อนเข้ามานี้ยังจะต้องถูกยิงขึ้นไปภายในพิสัยทำการของเรดาร์ของขีปนาวุธฝ่ายสกัดกั้นด้วย ทั้งนี้โดยต้องคำนึงถึงลักษณะที่เป็นรูปโค้งของโลกเรา
ถ้าคุณไม่สามารถยิงขีปนาวุธสกัดกั้นขึ้นไปได้ตั้งแต่เนิ่นๆ อย่างเพียงพอแล้ว ขีปนาวุธที่กำลังเคลื่อนเข้ามาก็อาจจะไม่ได้ถูกลงโทษอะไรเลย เนื่องจากเมื่อถึงเวลาที่สามารถตรวจหามันเจอนั้น มันก็สายเกินกว่าจะทำการยิงให้ตกลงมาได้เสียแล้ว ประเทศจีนนั้นเป็นประเทศที่กว้างใหญ่มาก สภาพเช่นนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถยิงขีปนาวุธจากจุดที่ส่วนใหญ่แล้วอยู่นอกพิสัยทำการของเรดาร์ต่อต้านขีปนาวุธของสหรัฐฯในปัจจุบัน
(กระทั่ง) เรดาร์ของระบบทาดที่ตั้งอยู่ในเกาหลีใต้ ยังไม่ต้องไปพูดถึงที่ตั้งอยู่บนเกาะกวมหรอก ก็ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดเพียงพอที่จะให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแม่นยำตั้งแต่เนิ่นๆ จนเพียงพอที่จะป้องกันภัยคุกคามนี้ได้ นี่คือเหตุผลที่ทำไมระบบทาดมีผลกระทบอย่างแท้จริงต่อตัวประเทศจีนอย่างเก่งที่สุดก็แค่ในระดับน้อยนิดเหลือเกินเท่านั้น
เอเชียไทมส์:แล้วสหรัฐฯจะทำอย่างไรในการปกป้องคุ้มครองเกาหลีใต้และญี่ปุ่นจากขีปนาวุธซึ่งยิงออกมาจากจีน ?
โคเดวิลลา: ตอบกันอย่างสั้นๆ ก็คือ ถ้าจะป้องกันอาณาบริเวณแถบริมชายฝั่งแปซิฟิกจากขีปนาวุธของจีน สหรัฐฯก็จะต้องยืดขยายโครงสร้างแบบแผนในการหาข้อมูลข่าวสารของตนออกไปเพื่อให้เข้าถึงครอบคลุมทั่วทั้งประเทศจีน ถ้าคุณต้องการเอาชนะปัญหาเรื่องข้อจำกัดทางด้านระยะเวลาและระยะทางของระบบป้องกันขีปนาวุธแล้ว คุณไม่สามารถที่จะทำการป้องกันจากพื้นผิวโลกด้วยการใช้เรดาร์ที่ประจำอยู่บนพื้นผิวโลกได้ คุณจะต้องทำเรื่องนี้จากบนอวกาศ
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการใช้ระบบแสง(ที่ไม่ใช่เรดาร์)ในวงโคจร ((non-radar) optical systems in orbit) ซึ่งสามารถที่จะ “มองเห็น” ขีปนาวุธที่โจมตีเข้ามาเหล่านี้ไม่ว่ามันจะยิงจากจุดไหนในประเทศจีนก็ตามที ดังนั้นระบบเช่นนี้ก็จะสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลข่าวสารที่ละเอียดแม่นยำได้ และถ่ายทอดมันไปยังขีปนาวุธสกัดกั้นโดยตรง เพื่อที่จะได้ยิงมันออกมาสกัดกั้นได้อย่างถูกต้องเหมาะเจาะโดยอิงอยู่กับข้อมูลข่าวสารดังกล่าวนี้
เอเชียไทมส์: เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็กำลังพูดกันเรื่องโล่ต่อต้านขีปนาวุธที่ได้รับการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นกว่าเดิมของสหรัฐฯ ซึ่งสามารถที่จะปกป้องคุ้มครองเกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้มากขึ้น ใช่ไหมครับ?
โคเดวิลลา: ครับ ถูกต้อง เรายังกำลังพูดกันถึงเรื่องระบบต่อต้านขีปนาวุธที่สามารถที่จะปกป้องคุ้มครองแผ่นดินสหรัฐฯทั่วทั้งหมดอีกด้วย
เอเชียไทมส์: แล้วสหรัฐฯสามารถที่จะพัฒนาระบบเชิงแสงที่ตั้งฐานอยู่ในอวกาศอย่างที่ว่านี้ได้หรือไม่ ?
โคเดวิลลา: เทคโนโลยีเรื่องนี้อยู่ในสภาพถูกเก็บเข้าลิ้นชักเอาไว้ ตอนนั้นเรากำลังพัฒนาระบบที่เรียกชื่อว่า SBIRS-Low กันอยู่แล้ว ทว่าต้องทิ้งไป เพราะระบบนี้ละเมิดสนธิสัญญาต่อต้านขีปนาวุธนำวิถีปี 1972 (1972 Anti-Ballistic Missile Treaty) (ซึ่งสหรัฐฯกับสหภาพโซเวียตในตอนนั้นทำกันไว้) โดยสนธิสัญญาดังกล่าวมีข้อห้ามไม่ใช้สร้างระบบที่สามารถ “เข้าแทนที่” เรดาร์ซึ่งตั้งฐานอยู่บนภาคพื้นดินได้ และแม้กระทั่งหลังจากเราบอกยกเลิกสนธิสัญญาฉบับนั้นอย่างเป็นทางการไปแล้ว ระบบนี้ก็ยังไม่ได้ถูกรื้อฟื้นคืนชีพมาแต่อย่างใด
แต่ทั้งจีนกับรัสเซียต่างกลัวว่า เวลานี้สหรัฐฯกำลังค่อยๆ เกิดความตระหนักถึงความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่า ถ้าหากเราจะทำการปกป้องคุ้มครองเกาหลี, ญี่ปุ่น, อิสราเอล หรือประเทศอื่นๆ แล้ว เราก็จะต้องใช้ระบบพวกนี้แหละ
เอเชียไทมส์: เมื่อเป็นเช่นนี้มันจะกลายเป็นการล้มข้อตกลงควบคุมอาวุธฉบับต่างๆ ที่มีอยู่ระหว่างสหรัฐฯ, รัสเซีย, และจีน ไปเลยหรือไม่?
โคเดวิลลา: แน่นอนอยู่แล้วว่าเราคงจะต้องทำสิ่งที่ขัดแย้งกับเจตนารมณ์ (ของข้อตกลง) เหล่านี้ เรื่องที่สำคัญมากกว่าเพื่อนเลยก็คือ เราจะต้องล้มเลิกนโยบายของสหรัฐฯในปัจจุบันที่ว่า เราจะไม่สร้างสิ่งกีดขวางใดๆ มากั้นขวางเส้นทางซึ่งพวกขีปนาวุธของจีนและของรัสเซียจะยิงเข้ามายังสหรัฐฯ
เอเชียไทมส์: (การที่สหรัฐฯมี) ระบบต่อต้านขีปนาวุธที่ปรับปรุงยกระดับดีขึ้นเช่นนี้ จะส่งผลกระทบกระเทือนอย่างไรหรือไม่ต่อความสัมพันธ์ที่จีนมีอยู่กับเกาหลีเหนือ?
โคเดวิลลา: การที่สหรัฐฯมีระบบต่อต้านขีปนาวุธที่ปรับปรุงยกระดับดีขึ้นแล้ว จะไม่เพียงมีความสำคัญในสงครามทั่วๆ ไประหว่างสหรัฐฯกับจีนหรือกับรัสเซียเท่านั้น –แต่มันยังจะมีความสำคัญในการต่อรองประลองกำลังกันในแต่ละวันทางกิจการระหว่างประเทศอีกด้วย
เป้าหมายทางการปฏิบัติการที่สำคัญที่สุดของจีนในเอเชียตะวันออกเหนือ ได้แก่การพยายามแยกเกาหลีใต้ให้ออกห่างจากสหรัฐฯ จีนกระทำเช่นนี้ด้วยการพูดว่า “ดูให้ดีซี่ อเมริกันไม่สามารถปกป้องคุ้มครองคุณหรอก” ถ้าฝ่ายเกาหลีใต้ถามว่า “มันเป็นยังไงเหรอ?” ฝ่ายจีนก็จะตอบว่า “เพราะอเมริกันนะแม้กระทั่งปกป้องคุ้มครองตัวเองก็ยังทำไม่ได้เลย” คราวนี้ถ้าฝ่ายอเมริกันมีระบบป้องกันขีปนาวุธระบบใหม่ –นี่แหละมันจะกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมทีเดียว
เอเชียไทมส์: มีรายงานของสื่อบางชิ้นเสนอแนะว่า ขีปนาวุธของเกาหลีเหนือลูกหนึ่งซึ่งเกิดระเบิดหลังจากยิงขึ้นไปเมื่อวันที่ 16 เมษายนนั้น เป็นเพราะมันถูกก่อวินาศกรรม เป็นไปได้หรือไม่ที่สหรัฐฯกำลังใช้การโจมตีทางไซเบอรืและทางอิเล็กทรอนิกส์เล่นงานการทดลองขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ?
โคเดวิลลา: ผมไม่ทราบหรอกครับ แต่การที่คุณมีโปรแกรมขีปนาวุธที่ยังอยู่ในขั้นเป็นตัวอ่อนอยู่เลย แล้วบริหารจัดการโดยคนในเกาหลีเหนือซึ่งไม่ได้มีความรู้อะไรจริงๆ ว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ มันก็ควรต้องถือว่าทำงานได้อย่างไม่ธรรมดาเลย ที่ไม่ได้เกิดความล้มเหลวมากไปกว่าลูกที่ระเบิดขึ้นเมื่อกลางเดือนเมษายน การทดสอบถึงยังไงก็เป็นการทดสอบนะครับ
เอเชียไทมส์: แต่สหรัฐฯสามารถที่จะเอาเทคโนโลยีแบบนี้มาใช้ขัดขวางขีปนาวุธเกาหลีเหนือได้หรือไม่ครับ?
โคเดวิลลา: มีความเป็นไปได้ แต่การที่จะประสบความสำเร็จในการโจมตีทางไซเบอร์นั้น เราจะต้องมีข่าวกรองในปริมาณมากทีเดียว และพูดได้ว่าต้องรู้จักรายละเอียดต่างๆ ของระบบเชื้อเพลิงจรวดของพวกเขา ไม่เช่นนั้นแล้ว การโจมตีทางไซเบอร์ประเภทเดียวเท่านั้นที่คุณสามารถทำได้ ย่อมได้แก่ การโจมตีแบบใช้กำลังเข้าเล่นงานอย่างเถื่อนๆ กันเลย (การใช้ซอฟต์แวร์อัตโนมัติในการเจาะหาข้อมูลที่เข้ารหัสไว้) ผมสันนิษฐานว่า ทำอย่างนั้นนะสามารถทำได้นะ ทว่ามันก็จะโจ่งแจ้งชัดเจนเหลือเกิน ไม่มีอะไรให้เป็นข้อสงสัยกันอีกเลย
แองเจโล เอ็ม. โคเดวิลลา ซึ่งเกิดในอิตาลี เป็นศาสตราจารย์เกียรติคุณด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยบอสตัน เขาเคยรับราชการเป็นนายทหารเรือและข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ และเคยทำงานให้คณะกรรมาธิการข่าวกรองของวุฒิสภา รวมทั้งอยู่ในทีมงานถ่ายโอนอำนาจของประธานาธิบดี โคเดวิลลาเป็นนักวิจัยอาวุโสของสถาบันฮูเวอร์อยู่ 1 ทศวรรษ เขาเขียนหนังสือมาแล้ว 14 เล่ม เป็นต้นว่า เรื่อง War Ends and Means, The Character of Nations, Advice to War Presidents, และเล่มล่าสุดคือ To Make and Keep Peace Among Ourselves and with All Nations.
ดั๊ก สึรุโอกะ เป็นบรรณาธิการประจำกองบรรณาธิการ (Editor-at-Large) ของเอเชียไทมส์ เขาเป็นอดีตบรรณาธิการใหญ่ของเอเชียไทมส์ รวมทั้งเคยทำงานให้ฟาร์อีสเทิร์นอีโคโนมิกรีวิว, นิวสวีก, เอเชียไทมส์ที่เป็นเอดิชั่นตีพิมพ์ดั้งเดิม, และสื่อสำคัญอื่นๆ สึรุโอกะเคยทำหน้าที่รายงานข่าวจากญี่ปุ่น, เกาหลี, มาเลเซีย, และที่อื่นๆ อีกในเอเชีย