กลุ่มกองทัพก่อการร้ายมุสลิมไอซิสใกล้ถึงกาลอวสานในสภาพของกองกำลังขนาดใหญ่แล้ว ขณะนี้อยู่ในภาวะระส่ำระสาย หัวหน้าระดับบนเผ่นหนีตายจากการปิดล้อมโจมตีในเมืองรัคกะห์ของซีเรีย ซึ่งไอซิสหมายมั่นปั้นมือจะเอาไว้เป็นเมืองหลวงอาณาจักรกาหลิบ
ไอซิสมีนักรบหลายหมื่นคนเมื่อ 2-3 ปีก่อน มีผู้อาสาช่วยรบหลายร้อยคนเดินทางจากยุโรป สหรัฐฯ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภายในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้นำหลายชาติในพื้นที่นั้น ปัจจุบันสถานการณ์ได้แปรเปลี่ยนไปมาก
ช่วงนี้นักรบไอซิสกระจัดกระจายแยกย้ายกันหนีเอาตัวรอดจากเมืองรัคกะห์ เมื่อถูกรุกไล่โดยการทิ้งระเบิดโดยเครื่องบินของกองทัพอากาศรัสเซีย และของกลุ่มพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯ นอกจากนั้นกองทัพซีเรียเริ่มปิดล้อม หวังเช็กบิลปิดบัญชีให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด
อิหร่านยังช่วยยิงถล่มด้วยจรวดขีปนาวุธในฐานที่ตั้งของขบวนการไอซิสซึ่งอยู่ในสภาพโดนรุมกินโต๊ะ โอกาสจะฟื้นฟูให้เติบใหญ่เหมือนช่วงแรกนั้นคงยาก ตราบใดที่ซีเรียยังมีรัสเซียเป็นตัวช่วยหลัก นอกเหนือจากนั้นยังมีตุรกีซึ่งมีแค้นฝังหุ่นกับไอซิสเช่นกัน
ฝ่ายกองกำลังรัสเซียสงสัยว่าตัวหัวหน้าใหญ่ของขบวนการไอซิส อาบู บาการ์ อัล-บักดาดี อาจเสียชีวิตแล้วจากการโจมตีทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่มีหลักฐานพิสูจน์ให้เห็นชัด ที่ผ่านมา อัล-บักดาดีมักหลบซ่อนอยู่กลางทะเลทราย แต่ละแห่งไม่เกิน 72 ชั่วโมง
ด้วยความไม่ไว้ใจใคร อัล-บักดาดีไม่ใช้โทรศัพท์หรืออุปกรณ์การสื่อสารทุกชนิด ไม่ยอมให้เข้าใกล้ตัว กันโดนสอดแนมหรือดักฟังโดยฝ่ายตรงข้าม เหมือนดังที่บิน ลาดิน เคยโดน ดังนั้นจึงใช้พลนำสารซึ่งใช้วิธีถ่ายทอดคำพูดมากกว่าการส่งข้อความทางอุปกรณ์
อัล-บักดาดียังระวังตัวแจ กลัวคนใกล้ชิดหักหลังเพราะเห็นเงินสินบนนำจับก้อนใหญ่แล้วอาจคิดไม่ซื่อ เพราะเงินค่าหัวที่สหรัฐฯ ตั้งไว้สูงถึง 25 ล้านดอลลาร์มันยั่วใจมาก
เงินมากขนาดนั้น ทำให้คนธรรมดากล้าทำอะไรได้หลายอย่าง ทั้งหักหลังหัวหน้า! ดังนั้น อัล-บักดาดีย่อมรู้ชะตาตัวเองว่าความคิดจะเป็นใหญ่ตั้งอาณาจักรกาหลิบ สร้างความกลัวให้บรรดาชาติอาหรับได้อีกนั้น คงเป็นเพียงแค่ฝันกลางแดดในทะเลทราย
จากกองทัพมีนักรบหลายสัญชาติรวมกันแล้วหลายหมื่นคน ปัจจุบันเหลือเพียงหลักร้อยเท่านั้น เสียชีวิตมากมายจากการถูกระเบิดถล่มจากเครื่องบินรบ หนีตายไปอยู่พื้นที่อื่น นักรบจากยุโรป เอเชีย ก็เผ่นกลับบ้าน ไปรับบท “หมาป่าโดดเดี่ยว” งานก่อการร้าย
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นได้ภาพคลิปแอบถ่ายสภาพในเมืองรัคกะห์ ซึ่งแสดงให้เห็นอิทธิพลลดถอยลงของกลุ่มไอซิส ชีวิตชาวบ้านยังเป็นไปตามปกติ แต่มีการเฝ้าระวังความปลอดภัยแบบบ้านใครบ้านมัน มีกองกระสอบทรายกระจายป้องกันแรงระเบิดหน้าบ้าน
สองข้างทางในชุมชนยังมีสินค้าอาหารสด ผลไม้สดกองขายมากมายแสดงให้เห็นถึงความไม่ขาดแคลนแร้นแค้นของอาหารและผลไม้ มีการใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ และอุปกรณ์สื่อสาร โทรศัพท์มือถือ ซึ่งก่อนหน้านี้จะถูกยึดและเจ้าของโดนทำโทษอย่างแรง
ในเมืองรัคกะห์ แกนนำนักรบคุมหน่วยงานยังคงเหลืออยู่จนนาทีสุดท้าย ถ้ายังมีโอกาสได้หนี ชาวบ้านเริ่มกลัวน้อยลง มีอาการแข็งขืนเช่นไม่ยอมจ่ายภาษีให้กลุ่มไอซิส กล้าพูดเปิดเผยมากกว่าเดิม และรัคกะห์ไม่ได้เป็นอาณาจักรแห่งความกลัวอีกแล้ว
นักรบไอซิสซึ่งเป็นคนท้องถิ่นพยายามปรับสภาพ โกนหนวดเครา เปลี่ยนการแต่งกายเพื่อให้ดูกลมกลืนเข้ากับชาวบ้าน แต่ต้องระวังตัวแจเช่นกัน เพราะถ้ากองกำลังลดน้อยลงอาจโดนชาวบ้านรุมจับตัวหรือรุมฆ่าก็เป็นได้ พวกต่างชาติก็หนีตายกลับประเทศ
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้ไอซิสสูญพันธุ์ เพราะยังมีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับงานก่อการร้ายโดยเฉพาะในประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกา รวมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยุโรปได้เป็นพื้นที่สำหรับปฏิบัติการณ์โดยไอซิสซึ่งปนไปกับผู้ลี้ภัยและนักรบจากซีเรีย อิรัก
ประเทศแรกที่ได้รับการทดสอบจากพลังของเครือข่ายไอซิสคือฟิลิปปินส์ เพื่อนบ้านในอาเซียนนี่เอง วันดีคืนดีมีกองกำลังมาอูเต ซึ่งแปรสภาพมาจากกองกำลังกบฏโมโรฝังรากในเกาะมินดาเนามากกว่า 50 ปี ก็ใช้กำลังประมาณ 100 คนเข้ายึดเมืองมาราวีได้
ถือว่าเป็นปฏิบัติการณ์สายฟ้าแลบ ช็อกรัฐบาลฟิลิปปินส์มากทีเดียว!
กองทัพรัฐบาลได้ทุ่มกำลังเข้ากวาดล้างอย่างหนัก ใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดโจมตี และกองกำลังทหารราบ การต่อสู้เกิดขึ้นเกือบระยะประชิดตัว ไล่ล่าบ้านต่อบ้าน ประชาชนหนีตายไปอยู่นอกพื้นที่ บ้านเมืองเสียหาย ตัวเลขทหารและคนบาดเจ็บล้มตายเพิ่มขึ้นทุกวัน
กองทัพฟิลิปปินส์ได้เสียทหารไป 66 นาย และมีบาดเจ็บอีกหลายร้อย ถือเป็นความสูญเสียอย่างหนักของกองทัพรัฐบาล โรงพยาบาลทหารในค่ายอีแวนเจลิสตา ที่ดูแลรักษาเหยื่อสงครามได้รายงานว่าตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการกวาดล้าง โรงพยาบาลได้รับผู้บาดเจ็บมากกว่า 330 คนแล้ว และมีจำนวนเพิ่มเรื่อยๆ ฝ่ายมาอูเตก็เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง
ไม่ใช่เรื่องง่ายในงานกวาดล้างขุดรากถอนโคนพวกกบฏมาอูเต แม้มีข่าวว่าหัวหน้ากบฏได้หนีออกไปจากเกาะมินดาเนาแล้วก็ตาม ยังต้องรอการยืนยัน ทหารที่บาดเจ็บเล่าว่าพวกกองโจรรบเก่ง ใช้ยุทธศาสตร์การรบแบบกองโจรในเมืองที่ไอซิสใช้ในอิรักและซีเรีย
มีการใช้ระเบิดแบบประดิษฐ์ขึ้นเองและจรวดอาร์พีจี สร้างความเสียหายมากสำหรับทหารและชาวบ้านซึ่งถูกลูกหลง นอกจากนั้นยังใช้สิ่งก่อสร้างสูงสำหรับพลซุ่มยิงอีกด้วย ที่สำคัญหน่วยรบของมาอูเตก็เหมือนกลุ่มกองโจรไอซิส คือต่อสู้โดยไม่กลัวความตายเช่นกัน
เมื่อไอซิสต้องสลายในตะวันออกกลาง ย่อมสร้างความแค้น สร้างความต้องการเอาคืน ประเทศในกลุ่มอาเซียนรวมทั้งไทยต้องพร้อมรับภัยร้ายดังเช่นที่เกิดในฟิลิปปินส์ด้วย