เอเจนซีส์ - รัฐบาลฟิลิปปินส์ระบุในวันศุกร์ (26 พ.ค.) ว่ามีชาวอินโดนีเซียและชาวมาเลเซียอยู่ในกลุ่มพวกญิฮัดต่างชาติที่มาต่อสู้กับทหารของกองทัพ หลังการปิดล้อมเมืองทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ อันเป็นเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่าเป็นการ "รุกราน" ของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส)
กองทัพฟิลิปปินส์ได้จัดส่งเฮลิคอปเตอร์จู่โจมหลายลำ พร้อมด้วยกองกำลังพิเศษเข้าไปขับไล่พวกกลุ่มกบฏ "มาอูเต" ที่เชื่อมโยงไปถึงกลุ่มไอเอส ให้หมดไปจากเมืองมาราวี โดยพบว่ามีชาวมาเลเซีย ชาวอินโดนีเซีย รวมถึงชาวต่างชาติอื่นๆ รวมอยู่ในกลุ่มคนร้ายที่เสียชีวิต 6 รายเมื่อวันพฤหัสบดี
มีการประกาศยกระดับภัยคุกคามจากสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญและทางกองทัพต่างก็บอกว่า เป็นความเคลื่อนไหวของพวกไอเอส ที่ฉวยโอกาสหาประโยชน์จากความยากจนและไร้กฏระเบียบของชาวมุสลิมบนเกาะมินดาเนา เพื่อหวังจะก่อตั้งฐานสำหรับพวกหัวรุนแรงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
"สิ่งที่เกิดขึ้นในมินดาเนา ไม่ใช่การก่อกบฏของชาวฟิลิปปินส์อีกแล้ว" โจเซ คาลิดา อัยการสูงสุดฟิลิปปินส์ ระบุในการแถลงข่าว
"มันได้แปรสภาพไปเป็นการรุกรานโดยผู้ก่อการร้ายต่างชาติ ที่ใส่ใจทำตามข้อเรียกร้องของไอซิส ที่บอกให้ไปฟิลิปปินส์ หากพบความยากลำบากในการเดินทางไปอิรักและซีเรีย" เขากล่าว โดยใช้อีกหนึ่งชื่อเรียกของกลุ่มรัฐอิสลาม
ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ได้ประกาศกฏอัยการศึกบนเกาะมินดาเนา ซึ่งเป็นเกาะใหญ่อันดับสองของประเทศ เพื่อหยุดยั้งการกระจายตัวของพวกอิสลามหัวรุนแรง เขายังได้ขอให้บรรดาพ่อเมืองบนเกาะมินดาเนา รวมถึงเหล่าผู้นำทางศาสนา ให้ร่วมมือกับรัฐบาลในการรับมือพวกหัวรุนแรง
ก่อนหน้านี้ดูเตอร์เตได้เคยเตือนไว้ว่าพวกสมาชิกไอเอสที่ถูกขับไล่ออกมาจากอิรักและซีเรียอาจจะมาลงเอยกันทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ ทำให้ประเทศของเขามีความเสี่ยงที่จะด่างพร้อย
"มาอูเต" ซึ่งเป็นกลุ่มกบฏที่ได้สวามิภักดิ์ต่อกลุ่มไอเอส มีการครอบครองที่มั่นตามอาคารและสะพานหลายจุดในวันศุกร์ (26 พ.ค.) ขณะที่ทหารราบของฟิลิปปินส์นั้นเปิดฉากรุกตั้งแต่รุ่งสางเพื่อขับไล่พวกคนร้ายที่ยังหลงเหลืออยู่ หลังจากการสู้รบในช่วงที่ผ่านมาได้ทำให้ทหารเสียชีวิตไปแล้ว 11 นาย ส่วนคนร้ายนั้นเสียชีวิต 31 ราย
ทางด้านทำเนียบขาวได้ระบุในวันพฤหัสบดี ว่าสนับสนุนฟิลิปปินส์ในการต่อสู้กับพวกผู้ก่อการร้ายขี้ขลาดตาขาวเหล่านั้น
กลุ่มติดอาวุธที่ก่อเหตุร้ายครั้งนี้ ได้อาละวาดไปทั่ว มีการยึดและเผาโรงเรียน วิทยาลัย รวมถึงโรงพยาบาล ทั้งยังมีการปล่อยนักโทษกว่า 100 ราย แล้วจับตัวบาทหลวงและชาวคริสต์ไว้เป็นตัวประกันที่โบสถ์ในเมือง
ขบวนรถที่อัดแน่นไปด้วยผู้อพยพ ซึ่งได้รับการคุ้มกันจากทหารติดอาวุธ ได้หลั่งไหลเข้าสู่เมืองอิลิแกนที่อยู่ใกล้เคียง โดยที่มีชาวคริสต์รายหนึ่งบรรยายถึงสภาพการหลบหนีของพวกนักเรียน ท่ามกลางความหวาดกลัวว่าพวกกบฏจะบุกมายึดมหาวิทยาลัย
"เรากำลังเตรียมตัวสอบ แล้วก็ได้ยินเสียงปืนกับระเบิด พวกเรากลัวกันมาก เช่นเดียวกับพี่น้องชาวมุสลิมทั้งชายหญิง เรามั่นใจว่าพวกมันต้องมาเล่นงานเราแน่ ผู้ก่อการร้ายพวกนี้มันไม่ใช่มุสลิมที่แท้จริง" ผู้อยู่ในเหตุการณ์กล่าว
อัยการสูงสุด ระบุว่า กลุ่มมาอูเตและพวกไอเอสนั้นวาดฝันกันว่าจะสร้างจังหวัดไอซิสของพวกเขาขึ้นมาบนเกาะมินดาเนา แถมรัฐบาลฟิลิปปินส์นั้นไม่ใช่เป้าหมายเดียวของพวกนี้
"ผู้คนธรรมดาล้วนถูกมองว่าเป็นพวกนอกศาสนาไปหมด ไม่ว่าจะเป็นชาวคริสต์หรือชาวมุสลิมล้วนตกเป็นเป้าหมาย สิ่งที่น่ากังวลก็คือเรื่องที่พวกไอซิสปลูกฝังแนวคิดหัวรุนแรงให้แก่เยาวชนชาวฟิลิปปินส์" อัยการสูงสุด กล่าว
ดูเตอร์เตนั้นเคยรับมือกับพวกกลุ่มก่อความไม่สงบเพื่อแบ่งแยกดินแดนมาตลอดช่วงเวลา 22 ปีที่เขาเป็นพ่อเมืองดาเวา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดบนเกาะมินดาเนา แต่การลุกฮือขึ้นมาก่อเหตุของกลุ่มมาอูเต และสัญญาณของความร่วมมือที่มีต่ออีกหนึ่งเครือข่ายอย่าง "อาบูไซยาฟ" ทำให้นี่เป็นอีกหนึ่งความท้าทายอันใหญ่หลวงของประธานาธิบดี ผู้ชนะการเลือกตั้งมาด้วยคำสัญญาว่าจะฟื้นฟูกฏหมายและความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ข่าวกรองของฟิลิปปินส์บ่งชี้ว่ามีสองกลุ่มจากต่างสถานที่บนเกาะมินดาเนามาร่วมมือกัน ผ่านคนกลางอย่าง "อิสนิลอน ฮาปิลอน" หนึ่งในแกนนำของ "อาบูไซยาฟ"
ฮาปิลอนคือเป้าหมายการจู่โจมของทหารฟิลิปปินส์เมื่อวันอังคาร แต่ปฏิบัติการบุกรังของพวกมาอูเตในเมืองมาราวีครั้งนั้นล้มเหลว นอกจากนี้อัยการสูงสุดยังบอกด้วยว่า ไอเอสได้ประกาศให้ฮาปิลอนเป็นประมุขของไอเอสในฟิลิปปินส์
อาบูไซยาฟมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ในด้านเลวร้ายจากการเป็นโจรสลัด ลักพาตัว รวมถึงตัดหัวผู้ที่จับตัวมาได้ ส่วนกลุ่มมาอูเตนั้นได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นคู่ต่อสู้ในสมรภูมิที่บ้าระห่ำ โดยสามารถประคับประคองสถานการณ์ไว้ได้แม้จะถูกถล่มด้วยปืนใหญ่และการโจมตีทางอากาศหลายวัน ทั้งยังสามารถกลับมารวมกลุ่มกันได้อีกหลังจากที่โดนถล่มเสียหายยับเยินไปแล้ว
ดูเตอร์เตเริ่มเตือนเรื่องการแพร่กระจายของพวกหัวรุนแรงตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว หลังเกิดเหตุระเบิดในเมืองดาเวาช่วงเดือนกันยายน ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บอีกหลายสิบ ขณะที่กลุ่มมาอูเตก็ถูกโทษว่าเป็นตัวการก่อเหตุระเบิดใกล้สถานทูตอเมริกาในกรุงมะนิลาเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนอีกด้วย