รอยเตอร์ - กองทัพฟิลิปปินส์ในวันจันทร์ (29 พ.ค.) เปิดเผยว่าใกล้ยึดคืนเมืองมาราวี ที่ถูกกลุ่มกบฏมุสลิมฝักใฝ่ไอเอสเข้ายึดมากว่า 7 วันแล้ว หลังส่งเฮลิคอปเตอร์ยิงจรวดถล่มฐานที่มั่นต่างๆ ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มกบฏอย่างต่อเนื่อง
ปฏิบัติการบุกยึดเมืองมาราวีของกบฏมาอูเต กลายเป็นความท้าทายด้านความมั่นคงครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่ โรดริโก ดูเตอร์เต เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อ 11 เดือนก่อน โดยพวกมือปืนขัดขืนการโจมตีทั้งทางอากาศและทางภาคพื้นที่ของกองทัพ ยังควบคุมพื้นที่ต่างๆ แถบใจกลางของเมืองที่มีประชากรราว 200,000 คนแห่งนี้
กองทัพเผยว่า บางทีกบฏอาจได้รับความช่วยเหลือจากพวกที่เอาใจเข้าข้างและพวกนักรบที่พวกเขาปลดปล่อยเป็นอิสระระหว่างปฏิบัติการออกอาละวาดที่เริ่มขึ้นเมื่อวันอังคารที่แล้ว (23 พ.ค.) ซึ่งมันสร้างความประหลาดใจแก่กองทัพอย่างยิ่ง
“พวกผู้บังคับบัญชาการทางภาคพื้นของเราให้คำรับประกันว่าสถานการณ์ใกล้สิ้นสุดแล้ว” โฆษกกองทัพเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว "เรากำลังพยายามตัดขาดแหล่งซ่อนตัวของพวกกบฏทั้งหมด
จากข้อมูลของกองทัพระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ความรุนแรงครั้งนี้แล้วราว 100 คน ส่วนใหญ่เป็นนักรบ ส่วนชาวบ้านเกือบทั้งหมดหลบหนีออกนอกเมืองไปแล้ว ขณะที่สมากชิกกลุ่มมาอูเตยังคงปรากฏตัวให้เห็นอยู่ใน 9 จากทั้งหมด 96 หน่วยปกครองท้องถิ่นของเมือง
การที่ มาอูเต มีศักยภาพต่อกรกับกองทัพนานหลายวัน ได้กระพือความหวั่นเกรงว่าอุดมการณ์ของรัฐอิสลาม (ไอเอส) กำลังแผ่ขยายในภาคใต้ของฟิลิปปินส์และมันอาจกลายเป็นแหล่งซ่อนตัวของพวกนักรบจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และที่อื่นๆ ทั้งนี้ในบรรดานักรบที่ถูกสังหารนั้น มีชาวมาเลเซียและอินโดนีเซีย รวมอยู่ด้วย
รัฐบาลเชื่อว่าพวกมาอูเต ลงมือจู่โจมก่อนเดือนรอมฎอน ก็เพื่อเรียกความสนใจจากไอเอสและเพื่อให้ได้รับการรับรองในฐานะเครือข่ายระดับภูมิภาคของไอเอส
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าพบเห็นกลุ่มชายคาดผมด้วยผ้าสีดำแบบเดียวกับไอเอสอยู่บนท้องถนนสายต่างๆในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ส่วนภาพถ่ายจากชาวบ้านคนหนึ่งเป็นรูปชาย 10 คนถือปืนไรเฟิลและแต่งกายในชุดสีดำล้วน ขณะที่ช่างภาพรอยเตอร์ระบุเห็นธงของไอเอสปักอยู่ในถังน้ำมันที่ถูกนำมาวางไว้บนถนนร้างสายหนึ่งในวันจันทร์ (29 พ.ค.)
ทหารบางส่วนพยายามกำจัดพลซุ่มยิงของมาอูเตในวันจันทร์ (29 พ.ค.) ส่วนอื่นๆ ยื่นคุ้มกันถนนสายต่างๆ ระหว่างปฏิบัติการทวงคืนทีละช่วงตึก โดยระหว่างนั้นพบเห็นเฮลิคอปเตอร์บินวนรอบเมืองและกลุ่มควันลอยพวงพุ่งขึ้นจากอาคารบางแห่ง รวมถึงได้ยินเสียงระเบิดของลูกกระสุนปืนใหญ่ดังกึกก้อง
เมืองอิลิแกนที่อยู่ติดกัน ต้องปิดการเข้าออกเนื่องจากเกรงว่าพวกนักรบมาอูเตอาจลอบหนีออกจากเมืองมาราวีด้วยการแฝงตัวมากับพลเรือน “เราไม่ต้องการให้สิ่งที่เกิดขึ้นในมาราวี ลุกลามเข้าสู่อิลิแกน” พ.อ.อเล็กซ์ อาดูคา ผู้บัญชาการกองพันทหารราบยานเกราะที่ 4 เปิดเผย
รวมแล้วมีนักรบ 61 คน สมาชิกกองกำลังด้านความมั่นคง 20 นาย และพลเรือน 19 คนเสียชีวิตในเหตุความรุนแรงตั้งแต่วันอังคารที่แล้ว จากเหตุกบฏมาอูเตออกอาละวาดเข้ายึดเมืองมาราวี ตอบโต้ปฏิบัติการกองทัพที่จู่โจมหมายเข้าจับกุม อิสนิลอน ฮาปิลอน ผู้นำกลุ่มอาบูเซยาฟที่ขึ้นชื่อเรื่องการจับตัวประกันเรียกค่าไถ่และการสังหารชาวต่างชาติ และรัฐบาลเชื่อว่า เป็นตัวแทนของไอเอสในฟิลิปปินส์
แม้ชาวบ้านส่วนใหญ่อพยพหลบหนีออกมาแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายพันคนที่ตกค้างอยู่ภายในเมือง เนื่องจากเกรงว่าอาจถูกพวกนักรบสกัดหากพยายามหลบหนี
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นฟิลิปปินส์รายงานว่าชาวบ้าน 10 คนที่ถูกจับเป็นตัวประกันขณะกำลังอพยพออกจากมาราวี สามารถหลบหนีจากเงื้อมมือของนักรบมาอูเต ระหว่างปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของกองทัพเมื่อวันจันทร์ (29 พ.ค.) และอยู่ในความปลอดภัย ท่ามกลางรายงานว่าพวกเขาเพิ่งเห็นตัวประกันคนอื่นๆของตัดศีรษะหนึ่งวันก่อนหน้านี้
กองทัพเตือนว่าพวกมาอูเต อาจกระทำการที่โหดร้ายป่าเถื่อน หลังพบศพพลเรือนที่ถูกประหารชีวิต 8 ศพในหุบเขาลึกแห่งหนึ่งรอบนอกเมืองมาราวีเมื่อวันอาทิตย์ (28 พ.ค.) บางรายถูกมัดมือมัดเท้า
อย่างไรก็ตาม เซีย อลอนโต อาดิออง นักการเมืองที่เข้าร่วมปฏิบัติการอพยพชาวบ้าน เผยว่าพลเรือนที่ติดค้างอยู่ในมาราวีต้องการให้หยุดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ “การเผชิญหน้ากับความตาย เลวร้ายกว่าความตาย” เขาบอกกับสถานีโทรทัศน์เอเอ็นซี “เราร้องขอกองทัพของเราใช้แนวทางอื่น” กระนั้นโฆษกของกองทัพยืนยันว่าปฏิบัติการทางอากาศโจมตีอย่างแม่นยำต่อตำแหน่งต่างๆ ของศัตรูที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว
ทั้งมาราวี และอิลิแกน ตั้งอยู่ในมินดาเนา เกาะที่มีประชากร 22 ล้านคน ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดูเตอร์เต ประกาศกฎอัยการศึกทั่วมินดาเนา เพื่อปัดเป่าสถานการณ์ความไม่สงบและพยายามจัดการกับพวกหัวรุนแรง