"โสภณ องค์การณ์"
กฎหมายพิเศษ มาตรา 44 ถือว่าเป็นอำนาจรัฐขั้นสูงสุด ทำให้ผู้ใช้ทำอะไรก็ได้ แม้กระทั่งออกคำสั่งประหารชีวิตผู้กระทำความผิดอาญาร้ายแรง หลายครั้งการตัดสินใจใช้อำนาจนี้ได้สร้างความสงสัยให้สังคมวิญญูชนว่าเหมาะสมหรือไม่ ทำเพื่อประโยชน์ของใครกันแน่
การใช้กฎหมายพิเศษเพื่อลัดขั้นตอนตามปกติ เท่ากับย่ำยีหรือไม่ใส่ใจกฎ ระเบียบ หรือกฎหมายที่ใช้บังคับผู้อื่น แต่เพื่อวัตถุประสงค์จะเลี่ยงการเสียเวลา การตรวจสอบ หรือการอ้างความจำเป็นอย่างอื่น ต้องใช้มาตรา 44 เพื่อความรวดเร็ว ไม่คำนึงถึงความเสียหาย
ระยะหลังมีการใช้มาตรา 44 ย่ำยีขี่คอกดหัวกฎหมายอื่นๆ โดยมีคำอ้างว่า “เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างประเทศ” โดยเฉพาะเป็นการเลี่ยงกฎหมายเกี่ยวกับผลกระทบด้านลบต่อสังคมชุมชน ความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม
ชาวบ้านเข้าใจได้ทันทีว่ารัฐบาลเห็นแก่นักลงทุนต่างชาติ บรรยากาศการลงทุน มากกว่าเห็นหัว และเข้าใจความคับแค้นในหัวอกคนไทยเจ้าของประเทศเพียงในนามไม่ว่าจะเป็นโครงการระเบียงเศรษฐกิจ เอาพื้นที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออกเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษโดยใช้มาตรา 44 ก้าวข้ามขั้นตอนทุกอย่างที่กฎหมายปกติบังคับให้ต้องกระทำ เท่ากับว่าเป็นการใช้อำนาจตามอำเภอใจ ไม่สนใจถามไถ่ชาวบ้านว่าคิดอย่างไร
ก่อนหน้านั้นก็ประกาศเขตเศรษฐกิจพิเศษในหลายจังหวัดชายแดน ใช้มาตรา 44 กรุยทางเพื่อความสำเร็จลัดขั้นตอน ไม่ดูว่าเมืองอะไรเหมาะสมกับการพัฒนาแบบไหน เช่นเอาเชียงแสนเมืองโบราณแห่งแรกของไทยมาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษกับเขาด้วย
มีประเทศไหนที่เอาเมืองหลวงเก่าอย่างอยุธยา พื้นที่สมบูรณ์เป็นอู่ข้าวอู่น้ำในที่ราบลุ่มภาคกลางไปทำเป็นเขตนิคมอุตสาหกรรมจนจมน้ำในปี 2554 ส่งสารพิษกระจายไปทั่ว และใครสมองใส ทำแผนเอานิคมอุตสาหกรรมไปไว้เหนือทางน้ำก่อนไหลเข้าคลองประปา
เอาเถอะ ความเสียหายด้านแผนพัฒนาเชิงทำลายได้เกิดขึ้นก่อนรัฐบาลคุณท่านเข้ามารับงาน แต่ทำไมถึงไม่ปรับทัศนคติ มุ่งแนวคิดเชิงอนุรักษ์แผ่นดินไทยเพื่อคนไทยทั้งๆ ที่ปากพร่ำแต่ “ศาสตร์พระราชา เศรษฐกิจพอเพียง ต้านภาวะโลกร้อน” แต่มุ่งจะเอาถ่านหิน
ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือที่ปล่อยให้มีการนำเข้าสารพิษเคมีเกษตรเข้ามาถมแผ่นดินไทยมากถึงแสนตันต่อปี ทำให้คนไทยตายผ่อนส่งด้วยสารพิษปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์เกษตร อาหารกลายเป็นของบริโภคมีพิษ อิทธิพลของพ่อค้าสารเคมีอยู่เหนืออำนาจรัฐเช่นนั้นหรือ
การทำตามแรงกดดันของพ่อค้าใหญ่กุมชะตาเศรษฐกิจ การเมือง สังคม เท่ากับว่าผู้บริหารบ้านเมืองไร้ความหมาย เป็นที่พึ่งของประชาชนไม่ได้ ดังนั้นจะไม่ให้มีคำถามหรือ
“มีรัฐบาลเอาไว้ทำอะไร” ถามแล้วประชาชนก็เจ็บปวดกระดองใจเมื่อต้องถามตัวเองว่า “ยอมได้อย่างไร” ที่ยอมเพราะตกเป็นตัวประกัน ถ้าไม่ยอม ไอ้ตัวร้ายเดิมจะกลับมา!
เมื่อใช้อำนาจพิเศษ หรือใช้อำนาจบาตรใหญ่ล้มกฎระเบียบ ความถูกต้องตามทำนองคลองธรรมให้เห็นชัดๆ แล้วจะให้ชาวบ้านทั่วไปเคารพกฎหมายได้อย่างไร
มีการย่ำยีกฎระเบียบ กฎหมายให้เห็น เรื่องการตั้งกังหันลมขนาดยักษ์ผลิตกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ สปก. ในจังหวัดชัยภูมิ ศาลปกครองสั่งให้รื้อถอนตามคำร้องของชาวบ้าน ผลสุดท้ายมีระบบซิกแซกออกคำสั่งให้เป็นไปว่า “ให้อยู่ต่อไป ไม่ต้องรื้อ”
ลงทุนไปแล้วกว่า 1 หมื่นล้านบาท จะให้เสียประโยชน์ไปได้อย่างไร...งั้นนิ?!
คำสั่งศาลปกครองไร้ความหมายเพราะอำนาจเงินนักลงทุนอยู่เหนือผู้บริหารบ้านเมือง! จะมาอีหรอบเดียวกันเมื่อมีคำรำพันว่าคำสั่งยกเลิกทำเหมืองทองคำวิบัติอาจยกเลิกถ้าคณะกรรมการแร่อะไรนั่นมีความเห็นเป็นอย่างอื่น จะให้เหมืองกลับมาทำอีก!!
คนไทยได้อะไรจากทองที่ขุดแล้วขนไปต่างประเทศ นอกจากสารพิษมหาภัยตกค้างในแผ่นดินแม่น้ำพื้นที่นา และหลุมขนาดใหญ่ทำประโยชน์อะไรไม่ได้เพราะมีแต่น้ำพิษ จะให้เข้าใจเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากว่ามีเงินก้อนมหาศาลล่อใจให้ขุดแร่ทองคำที่เหลืออยู่
นี่คือประเทศไทย ไร้วินัย ไร้กฎระเบียบ ถึงมีก็ถูกย่ำยีเพราะเรื่องผลประโยชน์ อะไรก็ทำได้ มีข้ออ้างแม้จะฟังดูแล้วก็เป็นตรรกะของคนหน้าด้านทำเพื่อกลุ่มเงินทุนใหญ่
จะให้ตัวเลขจีดีพีเลอเลิศประเสริฐศรี เป็นผลงานเอกอุของมือบริหารเศรษฐกิจ เห็นตัวเลขการฟื้นตัวของสภาวะเศรษฐกิจซึ่งเป็นระดับมหภาคพวกเจ้าสัว แต่คนระดับชาวบ้านมนุษย์เงินเดือนทั่วไปนอกจากรายได้ไม่เพิ่ม ค่าครองชีพเพิ่มแล้ว หนี้สินยังพุ่งกระฉูด!
วันก่อนแว่วมาอีกแล้วว่าจะใช้มาตรา 44 เบิกทางให้โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนเดินหน้าไปได้ ไม่ต้องไปเสียเวลารอการศึกษาผลกระทบต่อชุมชน สิ่งแวดล้อมอีกแล้ว ถ้าจีนอยากได้ ก็ให้จีนสร้าง คนไทยไม่ต้องแบบภาระหนี้ของประเทศที่เพิ่มขึ้นทุกวัน
เก่งแต่กู้ ใช่หรือไม่? งบประมาณปี 2561 จะต้องกู้ถึง 4.5 แสนล้านไม่ใช่หรือ?
ที่ผ่านมา ชาวบ้านสงสัยว่าจะสร้างรถไฟความเร็วสูงหาพระแสงด้ามยาวอะไรเมื่อสร้างไปเพียงระยอง โคราช หัวหิน ระยะทางขับรถไปเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น นอกจากจะสร้างเพื่อให้เป็นภาระหนี้สินพอกพูนก่อวิกฤตในระยะต่อไปเมื่อมีปัญหาเศรษฐกิจรุนแรง
ยังมีคำถามอีกว่า คนไทยได้อะไรจากเขตเศรษฐกิจพิเศษเมื่อเป็นผู้ต้องเสียภาษีไปก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค แต่นักลงทุนได้รับการยกเว้นภาษีเกือบทุกอย่าง? ชาวบ้านทั่วไปได้อะไรจากรถไฟความเร็วสูงนอกจากต้องร่วมแบกหนี้แต่ไม่มีเงินซื้อตั๋วโดยสาร
ทุกวันนี้โครงการรถไฟฟ้าในเมืองจะมีมากถึง 10 สาย ใช้เงินสร้างหลายแสนล้านบาท แต่จะมีชาวบ้านใช้บริการสักกี่คนเมื่อค่าโดยสารแพงเกินไปสำหรับคนรายได้น้อย แทนที่จะมุ่งพัฒนาการศึกษาสร้างทรัพยากรมนุษย์ แต่ดันมุ่งสร้างโครงการขนาดใหญ่
มีโครงการ เรียกร้องนักลงทุนเข้ามา แต่ไม่มีแรงงานรองรับ จะมีผลอะไร? น่าภูมิใจนักหรือเมื่อตัวเลขคนรายได้น้อยมีมากกว่า 14 ล้านคน เท่ากับ 1 ใน 6 คนของประชากรคนหนุ่มร่างกายแข็งแกร่งต้องมายอมรับงานเป็นมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ขาดโอกาสดีของชีวิต
มาจากเลือกตั้งหรือรัฐประหาร วันหนึ่งก็ต้องไป จะกล้ารับผิดชอบความเสียหายหรือไม่? อย่าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ถ้าคนไทยสงสัยว่านี่เป็นฉากอำพรางธุรกรรมขายชาติ!
กฎหมายพิเศษ มาตรา 44 ถือว่าเป็นอำนาจรัฐขั้นสูงสุด ทำให้ผู้ใช้ทำอะไรก็ได้ แม้กระทั่งออกคำสั่งประหารชีวิตผู้กระทำความผิดอาญาร้ายแรง หลายครั้งการตัดสินใจใช้อำนาจนี้ได้สร้างความสงสัยให้สังคมวิญญูชนว่าเหมาะสมหรือไม่ ทำเพื่อประโยชน์ของใครกันแน่
การใช้กฎหมายพิเศษเพื่อลัดขั้นตอนตามปกติ เท่ากับย่ำยีหรือไม่ใส่ใจกฎ ระเบียบ หรือกฎหมายที่ใช้บังคับผู้อื่น แต่เพื่อวัตถุประสงค์จะเลี่ยงการเสียเวลา การตรวจสอบ หรือการอ้างความจำเป็นอย่างอื่น ต้องใช้มาตรา 44 เพื่อความรวดเร็ว ไม่คำนึงถึงความเสียหาย
ระยะหลังมีการใช้มาตรา 44 ย่ำยีขี่คอกดหัวกฎหมายอื่นๆ โดยมีคำอ้างว่า “เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างประเทศ” โดยเฉพาะเป็นการเลี่ยงกฎหมายเกี่ยวกับผลกระทบด้านลบต่อสังคมชุมชน ความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม
ชาวบ้านเข้าใจได้ทันทีว่ารัฐบาลเห็นแก่นักลงทุนต่างชาติ บรรยากาศการลงทุน มากกว่าเห็นหัว และเข้าใจความคับแค้นในหัวอกคนไทยเจ้าของประเทศเพียงในนามไม่ว่าจะเป็นโครงการระเบียงเศรษฐกิจ เอาพื้นที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออกเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษโดยใช้มาตรา 44 ก้าวข้ามขั้นตอนทุกอย่างที่กฎหมายปกติบังคับให้ต้องกระทำ เท่ากับว่าเป็นการใช้อำนาจตามอำเภอใจ ไม่สนใจถามไถ่ชาวบ้านว่าคิดอย่างไร
ก่อนหน้านั้นก็ประกาศเขตเศรษฐกิจพิเศษในหลายจังหวัดชายแดน ใช้มาตรา 44 กรุยทางเพื่อความสำเร็จลัดขั้นตอน ไม่ดูว่าเมืองอะไรเหมาะสมกับการพัฒนาแบบไหน เช่นเอาเชียงแสนเมืองโบราณแห่งแรกของไทยมาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษกับเขาด้วย
มีประเทศไหนที่เอาเมืองหลวงเก่าอย่างอยุธยา พื้นที่สมบูรณ์เป็นอู่ข้าวอู่น้ำในที่ราบลุ่มภาคกลางไปทำเป็นเขตนิคมอุตสาหกรรมจนจมน้ำในปี 2554 ส่งสารพิษกระจายไปทั่ว และใครสมองใส ทำแผนเอานิคมอุตสาหกรรมไปไว้เหนือทางน้ำก่อนไหลเข้าคลองประปา
เอาเถอะ ความเสียหายด้านแผนพัฒนาเชิงทำลายได้เกิดขึ้นก่อนรัฐบาลคุณท่านเข้ามารับงาน แต่ทำไมถึงไม่ปรับทัศนคติ มุ่งแนวคิดเชิงอนุรักษ์แผ่นดินไทยเพื่อคนไทยทั้งๆ ที่ปากพร่ำแต่ “ศาสตร์พระราชา เศรษฐกิจพอเพียง ต้านภาวะโลกร้อน” แต่มุ่งจะเอาถ่านหิน
ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือที่ปล่อยให้มีการนำเข้าสารพิษเคมีเกษตรเข้ามาถมแผ่นดินไทยมากถึงแสนตันต่อปี ทำให้คนไทยตายผ่อนส่งด้วยสารพิษปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์เกษตร อาหารกลายเป็นของบริโภคมีพิษ อิทธิพลของพ่อค้าสารเคมีอยู่เหนืออำนาจรัฐเช่นนั้นหรือ
การทำตามแรงกดดันของพ่อค้าใหญ่กุมชะตาเศรษฐกิจ การเมือง สังคม เท่ากับว่าผู้บริหารบ้านเมืองไร้ความหมาย เป็นที่พึ่งของประชาชนไม่ได้ ดังนั้นจะไม่ให้มีคำถามหรือ
“มีรัฐบาลเอาไว้ทำอะไร” ถามแล้วประชาชนก็เจ็บปวดกระดองใจเมื่อต้องถามตัวเองว่า “ยอมได้อย่างไร” ที่ยอมเพราะตกเป็นตัวประกัน ถ้าไม่ยอม ไอ้ตัวร้ายเดิมจะกลับมา!
เมื่อใช้อำนาจพิเศษ หรือใช้อำนาจบาตรใหญ่ล้มกฎระเบียบ ความถูกต้องตามทำนองคลองธรรมให้เห็นชัดๆ แล้วจะให้ชาวบ้านทั่วไปเคารพกฎหมายได้อย่างไร
มีการย่ำยีกฎระเบียบ กฎหมายให้เห็น เรื่องการตั้งกังหันลมขนาดยักษ์ผลิตกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ สปก. ในจังหวัดชัยภูมิ ศาลปกครองสั่งให้รื้อถอนตามคำร้องของชาวบ้าน ผลสุดท้ายมีระบบซิกแซกออกคำสั่งให้เป็นไปว่า “ให้อยู่ต่อไป ไม่ต้องรื้อ”
ลงทุนไปแล้วกว่า 1 หมื่นล้านบาท จะให้เสียประโยชน์ไปได้อย่างไร...งั้นนิ?!
คำสั่งศาลปกครองไร้ความหมายเพราะอำนาจเงินนักลงทุนอยู่เหนือผู้บริหารบ้านเมือง! จะมาอีหรอบเดียวกันเมื่อมีคำรำพันว่าคำสั่งยกเลิกทำเหมืองทองคำวิบัติอาจยกเลิกถ้าคณะกรรมการแร่อะไรนั่นมีความเห็นเป็นอย่างอื่น จะให้เหมืองกลับมาทำอีก!!
คนไทยได้อะไรจากทองที่ขุดแล้วขนไปต่างประเทศ นอกจากสารพิษมหาภัยตกค้างในแผ่นดินแม่น้ำพื้นที่นา และหลุมขนาดใหญ่ทำประโยชน์อะไรไม่ได้เพราะมีแต่น้ำพิษ จะให้เข้าใจเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากว่ามีเงินก้อนมหาศาลล่อใจให้ขุดแร่ทองคำที่เหลืออยู่
นี่คือประเทศไทย ไร้วินัย ไร้กฎระเบียบ ถึงมีก็ถูกย่ำยีเพราะเรื่องผลประโยชน์ อะไรก็ทำได้ มีข้ออ้างแม้จะฟังดูแล้วก็เป็นตรรกะของคนหน้าด้านทำเพื่อกลุ่มเงินทุนใหญ่
จะให้ตัวเลขจีดีพีเลอเลิศประเสริฐศรี เป็นผลงานเอกอุของมือบริหารเศรษฐกิจ เห็นตัวเลขการฟื้นตัวของสภาวะเศรษฐกิจซึ่งเป็นระดับมหภาคพวกเจ้าสัว แต่คนระดับชาวบ้านมนุษย์เงินเดือนทั่วไปนอกจากรายได้ไม่เพิ่ม ค่าครองชีพเพิ่มแล้ว หนี้สินยังพุ่งกระฉูด!
วันก่อนแว่วมาอีกแล้วว่าจะใช้มาตรา 44 เบิกทางให้โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนเดินหน้าไปได้ ไม่ต้องไปเสียเวลารอการศึกษาผลกระทบต่อชุมชน สิ่งแวดล้อมอีกแล้ว ถ้าจีนอยากได้ ก็ให้จีนสร้าง คนไทยไม่ต้องแบบภาระหนี้ของประเทศที่เพิ่มขึ้นทุกวัน
เก่งแต่กู้ ใช่หรือไม่? งบประมาณปี 2561 จะต้องกู้ถึง 4.5 แสนล้านไม่ใช่หรือ?
ที่ผ่านมา ชาวบ้านสงสัยว่าจะสร้างรถไฟความเร็วสูงหาพระแสงด้ามยาวอะไรเมื่อสร้างไปเพียงระยอง โคราช หัวหิน ระยะทางขับรถไปเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น นอกจากจะสร้างเพื่อให้เป็นภาระหนี้สินพอกพูนก่อวิกฤตในระยะต่อไปเมื่อมีปัญหาเศรษฐกิจรุนแรง
ยังมีคำถามอีกว่า คนไทยได้อะไรจากเขตเศรษฐกิจพิเศษเมื่อเป็นผู้ต้องเสียภาษีไปก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค แต่นักลงทุนได้รับการยกเว้นภาษีเกือบทุกอย่าง? ชาวบ้านทั่วไปได้อะไรจากรถไฟความเร็วสูงนอกจากต้องร่วมแบกหนี้แต่ไม่มีเงินซื้อตั๋วโดยสาร
ทุกวันนี้โครงการรถไฟฟ้าในเมืองจะมีมากถึง 10 สาย ใช้เงินสร้างหลายแสนล้านบาท แต่จะมีชาวบ้านใช้บริการสักกี่คนเมื่อค่าโดยสารแพงเกินไปสำหรับคนรายได้น้อย แทนที่จะมุ่งพัฒนาการศึกษาสร้างทรัพยากรมนุษย์ แต่ดันมุ่งสร้างโครงการขนาดใหญ่
มีโครงการ เรียกร้องนักลงทุนเข้ามา แต่ไม่มีแรงงานรองรับ จะมีผลอะไร? น่าภูมิใจนักหรือเมื่อตัวเลขคนรายได้น้อยมีมากกว่า 14 ล้านคน เท่ากับ 1 ใน 6 คนของประชากรคนหนุ่มร่างกายแข็งแกร่งต้องมายอมรับงานเป็นมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ขาดโอกาสดีของชีวิต
มาจากเลือกตั้งหรือรัฐประหาร วันหนึ่งก็ต้องไป จะกล้ารับผิดชอบความเสียหายหรือไม่? อย่าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ถ้าคนไทยสงสัยว่านี่เป็นฉากอำพรางธุรกรรมขายชาติ!