"โสภณ องค์การณ์"
ยุคปลอดบรรยากาศเสรีประชาธิปไตย ประเทศไทย 4.0 ทำให้ได้เห็นเหตุการณ์ พฤติกรรมของคนตั้งแต่รากหญ้าชนบทถึงรากหญ้าป่าคอนกรีต จนถึงกลุ่มคนมีอันจะกิน และเหลือกินเหลือใช้ ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนมั่งคั่งยิ่งถ่างกว้าง เห็นความเหลื่อมล้ำน่าเป็นห่วง
กลัวเหลือเกินว่าระบบทุนนิยมสามานย์ มือใครยาวสาวได้สาวเอาในด้านเศรษฐกิจจะทำให้บ้านเมืองถลำตัวเข้าไปในสภาพที่มีฐานคนจนขยายกว้าง ระดับคนชั้นกลางเริ่มแคบ แต่สัดส่วนของคนร่ำรวยเพิ่มขึ้นพร้อมกับการเร่งอัตราการ ขยายตัวของเศรษฐกิจ
เราเห็นสภาวะของประเทศเวเนซุเอลาแล้วแทบไม่เชื่อว่าดินแดนที่มีปริมาณน้ำมันดิบสำรองมากที่สุดในโลก มีแหล่งก๊าซธรรมชาติสำรองมหาศาลนั้นจะอยู่ในสภาพน่าอนาถ ประชาชนลำบากยากเข็ญ คนเริ่มไม่มีอาหารกิน มีเงินมากมายก็หาซื้อสินค้าไม่ได้
ทุกข์ท่วมแผ่นดินของเวเนซุเอลาเกิดจากการบริหารบ้านเมืองผิดพลาด นโยบายประชานิยมถมไม่เต็มด้วยเงินจากการขายน้ำมันและก๊าซยามมีราคาสูงทำให้เกิดการใช้จ่ายงบประมาณโดยไม่ระวัง เมื่อราคาน้ำมันตกต่ำจึงส่งผลให้ขาดดุลงบประมาณรุนแรง
เวเนซุเอลา ใช่ว่าจะเป็นประเทศเดียวที่มีการบริหารงานผิดพลาด ไม่คำนึงถึงจุดอ่อน จุดแข็ง และจุดบอดของตัวเอง ถึงขนาดที่ร้านค้าต่างๆ ไม่มีของขาย ไม่มีสินค้านำเข้าเพราะรัฐบาลควบคุมการปริวรรตเงินตรา ประชาชนน้ำหนัก ตัวลดโดยเฉลี่ย 8 กก.
ใครจะนึกว่าประเทศรวยด้วยน้ำมันจะมีประชาชนอดอยากเกือบทั่วทั้ง แผ่นดิน ต้องอพยพหนีตายไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านซึ่งยังมีอาหารการกิน สินค้าจำเป็นต่างๆ พวกที่มองไม่เห็นอนาคต มีเงินเพียงพอ ก็ไปหาชีวิตใหม่ในต่างประเทศ ยอมรับการเปลี่ยนแปลง
มองบ้านเรา อนาคตแบบไหนรออยู่ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสภาพทั่วไป มีคำตอบง่ายๆ “ถ้าประเทศไทยมีผู้บริหารใจซื่อมือสะอาด มีความสามารถ ไม่โกงกิน มุ่งแต่ทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมอย่างแท้จริง รับรองเจริญรุ่งเรือง เป็นที่อิจฉาของทุกชาติ”
ประเทศไทยมีความอุดมสมบูรณ์ ความพร้อมทั้งทรัพยากรธรรมชาติ ปลอดจากอุบัติภัยธรรมชาติร้ายแรง มีเพื่อนบ้านเป็นปราการป้องกันภัยรอบทิศ มีอาหารการกินเหลือเฟือ ส่งออกข้าวมากถึง 10 ล้านตันต่อปีไปเลี้ยงชาวโลก ผลิตผลการเกษตรสารพัด
ถ้ามีการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างถูกต้อง สมดุล มีหรือประเทศไทยจะไม่มั่งคั่งเกินหน้าเพื่อนบ้านซึ่งฝากประชากรมาให้เลี้ยงหลายล้านคน ส่งเงินทองไปเลี้ยงดูครอบครัว ลดภาระด้านงบประมาณเพื่อสังคม การรักษาพยาบาลให้เพื่อนบ้านมากมาย
เราเคยมีรัฐบาลในฝันบ้างหรือยัง? รัฐบาลในฝันก็ยังอยู่ในความฝัน ที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นรัฐบาลเหมือน “ฝันร้าย” มากกว่า เพราะเห็นแต่พวกโกงกินทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นพวกทุ่มเงินซื้อเสียงเข้ามาโกงกิน กอบโกย เปิดช่องให้มีรัฐประหารซึ่งตามมาโกงกินด้วย
เราเคยมีรัฐบาลดี น่าจะเป็นเพียงรัฐบาลเดียวตั้งแต่ พ.ศ. 2475 และมีกลุ่มจ้องหาผลประโยชน์น้อยที่สุด นั่นคือรัฐบาลพระราชทานโดยสมีอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี แม้องค์ประกอบไม่พร้อม ผลงานไม่ได้ดังใจนัก คนก็ยอมรับได้เต็มสภาพ
ไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองก็จริง เมื่อคำนึงถึงปัญหาสารพัด ความยุ่งเหยิงในบรรยากาศประชาธิปไตยหลังวันมหาวิปโยค 14 ตุลาคม 2516 มีการเดินขบวนทุกวันโดยกลุ่มผู้ใช้แรงงาน กลุ่มเรียกร้องต่างๆ ก็ยังนำพาประเทศไปได้พร้อมรัฐธรรมนูญที่เหมาะสม
มาถึงยุคปัจจุบัน ผู้บริหารบ้านเมืองมีอำนาจคับประเทศ มีกฎหมายพิเศษพร้อมจัดการปัญหาต่างๆ อยู่มานานเกือบ 3 ปีเต็ม ยังไม่มีวี่แววว่าจะไปเมื่อไหร่ เมื่อประเมินผลโดยรวมถือว่าผลงานไม่เป็นที่น่าพอใจเมื่อคำนึงถึงอำนาจ คำประกาศคำโตอาสาทำงาน
สภาวะเศรษฐกิจไม่ดีขึ้นก็ไม่ว่ากัน เป็นอย่างนี้ทั่วโลก ตั้งแต่ทำงานมาประชาชนยังไม่เห็นเจตนาอย่างมุ่งมั่น แรงกล้า ที่จะทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ มีชาวบ้านบ่นว่า “พูดอย่างทำอย่าง” “ดีแต่พูด” อวยแต่กลุ่มทุนธุรกิจใหญ่ เอาใจต่างชาติ
ออกนอกกรุงเทพจะเห็นได้ชัดว่าจำนวนร้านแผง เพิง ซุ้มขายสินค้าริมทางและตามสถานีบริการขนาดเล็กพากันล้มหายตายจากเพราะขาดลูกค้า และการแข่งขันโดยร้านสะดวกซื้อซึ่งมีความพร้อมทุกด้าน หนุนด้วยทุนขนาดใหญ่ สายป่านยาว มีเครือข่ายกว้าง
ทุกวันนี้เราเห็นคนไทยที่อยู่ในสภาพด้อยโอกาสก้าวหน้า เส้นทางทำมาหากินคับแคบ มนุษย์เงินเดือนรายได้ชักหน้าไม่ถึงหลัง ต่างมีสีหน้าหมองคล้ำ เบ้าตาแหกผากอมทุกข์ มองไปข้างหน้าไม่เห็นช่องทางทำมาหากินให้ชีวิตดิ้นพ้นสภาพลำบากได้อย่างไร
ประชาชนมีรายได้ต่างกัน มีความต้องการไม่เท่ากัน เป็นไปตามระดับฐานะ
อัตราเงินเฟ้อของแต่ละกลุ่มต่างกันขึ้นอยู่กับราคาสินค้าเพื่ออุปโภค บริโภค กลุ่มคนรายได้ดีสามารถทานอาหารมื้อละหลายพันบาทหรือมากกว่า แต่เงินจำนวนนั้นทำให้หลายครอบครัวกินอยู่ได้ทั้งเดือน คนรายได้คงที่ รายจ่ายเพิ่มย่อมต้องทนต่อความกดดัน
มีหลายครอบครัวดำรงชีพอยู่ไปแต่ละวันอย่างแร้นแค้น ไม่มีสัญญาณอันใดที่บ่งชี้ว่าสภาพโดยรวมจะดีขึ้น เพิ่มรายได้เปิดช่องทางให้ลืมตาอ้าปาก มีเงินออมไว้บ้างเพื่อป้องกันการขัดสน ทุกวันนี้นอกจากบ้านเมือไร้ทางออกแล้ว ยังมีแววความเสี่ยงวิกฤตด้วย
ที่น่าห่วงอย่างแรงคือ อนาคตบ้านเมืองภายไต้การเลือกตั้ง ซื้อเสียงโดยกลุ่มทุนจะนำไปสู่การแสวงหาผลประโยชน์เมื่อโครงสร้างยังมีเปลี่ยนแปลง การปฏิรูปยังไม่เกิด และกลุ่มหน้าเดิมจะหวนคืนสู่อำนาจ ประสานกับกลุ่มอำนาจปัจจุบัน บ้านเมืองติดในบ่วงเวร
ผู้กุมอำนาจต่างออกกฎหมายเพื่อเอื้ออวยกลุ่มผลประโยชน์เพื่อตัวเองและพวกพ้อง ส่อแววให้เห็นพฤติกรรม ความต้องการที่จะปิดปาก กดหัวประชาชน ทั้งกฎหมายควบคุมการชุมนุม การควบคุมสื่อ ขณะที่ปัญหาการทุจริต คอร์รัปชั่นไม่ได้รับการแก้ไขจริงจัง
ที่เลวร้ายคือมีอำนาจพิเศษ กฎหมายที่จะล้างผลาญทรัพยากรธรรมชาติ ทำสังคมชนบทให้ล่มสลายด้วยการผลักดันราคาที่ดินให้สูง จูงใจให้ขายที่ดินเพื่อการถือครองโดยทุนใหญ่และทุนต่างชาติ ถ้าแนวโน้มเป็นอย่างนี้ ประชาชนจึงไม่ควรหวังว่าชีวิตจะดีขึ้น