"โสภณ องค์การณ์"
ตูม! เสียงระเบิดจากแจกันดังขึ้นในห้องรับแขกวีไอพีของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ ตะปูและเศษวัสดุกระจายไปทั่ว ทำให้คนอยู่ใกล้บริเวณนั้นบาดเจ็บประปรายมีแผลตามร่างกาย ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต เป็นเหตุร้ายในสถานที่ซึ่งไม่ควรมีใครทำนอกจากกากเดนคน
เป็นตูมเดียวซึ่งทำให้ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ทหาร หน่วยงานข่าวกรองเต้น วิ่งวุ่นหาหลักฐานจะเอาตัวการมาลงโทษให้ได้ นี่เป็นการกระทำอุกอาจท้าทายกฎหมายมาก
ผู้นำรัฐบาล รัฐมนตรี แม่ทัพนายกองประณาม แช่งด่าให้คนวางระเบิดมีอันเป็นไป ซึ่งก็จะเป็นไปตามนั้น มือวางระเบิดต้องตายเป็นผีแน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เท่านั้น
แค่ตูมเดียวของเสียงระเบิดทำเอาข่าวฉาวโฉ่เรื่องข้าราชการเสพกามกับสาวรุ่นในแม่ฮ่องสอนลดระดับความสำคัญในพื้นที่ข่าว เพราะยังมีความต่อเนื่องในการสืบสวนเมื่อยังไม่ได้ตัวผู้กระทำความผิด และตูมเดียวกันก็มีคำถามเรื่องความเป็นอยู่ของท่านบิ๊กป้อม
ท่านบิ๊กป้อมรับผิดชอบโดยตรงกับงานความมั่นคง นี่เป็นตูมที่ 3 แล้วผู้รับผิดชอบยังจับกุมตัวใครไม่ได้ ไม่มีแม้แต่หลักฐานว่าผู้กระทำเป็นใคร รูปร่างเป็นอย่างไร ไม่มีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ คุณท่านผู้นำบอกว่าอาจเป็นการจ้างวานด้วยค่าแรงไม่กี่ร้อยบาท
เหตุการณ์ทำนองนี้เคยเกิดขึ้นในปี 2553 เมื่อม็อบเสื้อแดงของขบวนการเหลี่ยมร้ายบุกเข้าไปใน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สร้างความโกลาหล คนไข้และพนักงานหวาดหวั่นต้องอพยพหนี ไม่นึกว่าแผ่นดินไทยจะมีกากเดนคนโสโครกกล้ากระทำต่ำทรามเยี่ยงนั้น
ทำให้มีคำกล่าวเชิงประชดเหน็บแนมว่าความชั่วช้าของพฤติกรรมสัตว์นรกแบบนี้จะมีในประเทศไทยเท่านั้นเมื่อการต่อสู้ทางการเมืองหรือขบวนการขี้ข้าต่อสู้เพื่อเจ้านายเงินไม่คำนึงถึงกฎกติกาสังคม จริยธรรม ศีลธรรม อย่างใดทั้งสิ้น มุ่งจ้องจะหาความได้เปรียบ
พฤติกรรมต่ำทรามยังเกิดขึ้นก่อนหน้านี้เมื่อทาสนายเงินหลายร้อยคนบุกเข้า โรงแรมรอยัลคลิฟฟ์ ที่พัทยา ทำลายการประชุมสำคัญระดับผู้นำประเทศในเอเซียและออสเตรเลียทำให้เจ้าหน้าที่ต้องอารักขาพาผู้นำประเทศหนีกระเจิดกระเจิงเป็นความอัปยศฉาวทั่วโลก
หลังจากเหตุร้าย เจ้าหน้าที่ยังจับมือใครดมไม่ได้ เพียงแต่บอกว่าเป็นกลุ่มเดิมที่ได้ก่อเหตุหน้าที่ทำการกองสลากฯเดิมและหน้าโรงละครแห่งชาติเพราะวัสดุที่ใช้ ลักษณะการประกอบเป็นฝีมือคนเดียวกัน ล่าสุดมีเพียงการร่างภาพเสก็ตซ์ใบหน้าผู้ต้องสงสัยเท่านั้น
และก็เป็นปัญหาเดิมเหมือนกรณีก่อนหน้านี้ กล้องวงจรปิดใช้การได้เพียงจำนวนหนึ่งจากที่ติดตั้งไว้ทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะในโรงพยาบาลนี้ แต่เป็นหลายจุดซึ่งมีเหตุร้ายแรง เป็นเพราะการจัดซื้อกล้องคุณภาพห่วยเพราะการทุจริต หรือขาดการซ่อมดูแลก็สุดแล้วแต่
ไม่แปลก ก่อนหน้านี้ กทม. ยังยอมรับหน้าตาเฉยว่ามี กล้องกลวง หรือกล้องดัมมี่ ไม่มีอุปกรณ์บันทึกภาพติดตั้งไว้จำนวนหนึ่ง โดยหวังว่าจะหลอกพวกอาชญากรหน้าโง่ โดยความเป็นจริงผู้รับผิดชอบน่าจะมองว่าประชาชนโง่ยอมเชื่อว่าเป็นกล้องใช้การได้
พวกตั้งใจจะโกงกินจากโครงการจัดซื้อจัดจ้างใช่วาจะมีจินตนาการบรรเจิดคิดเหตุผลได้แบบข้างๆ คูๆ เท่านั้น ยังสามารถแต่งนิทานปัญญาอ่อนให้ชาวบ้านใจเย็นรับฟังอีกด้วย เหตุเช่นนี้ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่จะต้องมีเรื่องอื่นๆ ตามมาด้วยคำว่า “กล้องใช้การไม่ได้”
ชาวบ้านอยากตะโกนดังๆ ว่าเรื่องเฮงซวยพรรค์นี้มีหน้าไหนรับผิดชอบบ้าง?!
ทุกวันนี้มีเหตุร้ายจากอาชญากรรมสารพัดจากสภาวะเศรษฐกิจซบเซา คนว่างงาน คนมีรายได้ไม่เพียงพอ ปัญหาจากหนี้พนัน ยาเสพติด วิกฤติสังคมเด็กแว้นท้าทายกฎหมายทั่วเมือง การติดตั้งกล้องวงจรปิดถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญเพื่อสืบเสาะหาหลักฐาน
อุบัติเหตุร้ายแรง การจี้ปล้น หรือการมีเรื่องโต้เถียงชกต่อยทำร้ายร่างกายกันในหลายกรณีได้หลักฐานจากกล้องวงจรปิดติดรถยนต์ทั้งด้านหน้าและหลัง จากอาคารของภาคเอกชนซึ่งยอมลงทุนติดตั้งครั้งเดียว ประหยัดกว่าการจ้างคนรักษาความปลอดภัย
กล้องวงจรปิดได้เป็นอุปกรณ์ธรรมดาสำหรับอาคารบ้านเรืองและพื้นที่สาธารณะ ไม่ต่างจากความจำเป็นของคนทั่วไปที่ต้องมีโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนซึ่งสามารถเปิดดูความเป็นไปในพื้นที่ติดตั้งกล้องได้ทุกเวลา ลงทุนครั้งเดียวใช้ได้จนกว่าจะหมดอายุการใช้งาน
กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่มีกล้องวงจรปิดติดตั้งมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลกร่วมกับมหานครลอนดอนและกรุงปักกิ่ง และยังมีหน่วยงานภาครัฐเพิ่มจำนวนในหลายพื้นที่ รวมทั้งภาคเอกชนซึ่งจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการป้องกัน รักษาความปลอดภัยด้วย
กล้องในกรุงลอนดอนมีความชัดแจ่ม เจ้าหน้าที่สามารถสืบเสาะค้นหาตัวผู้กระทำความผิด หลักฐานแวดล้อมประกอบ ทำให้การคลี่คลายคดีเป็นไปด้วยความง่ายดาย แต่กล้องติดตั้งในประเทศไทยบางครั้งแยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิงหรือแต่งเป็นกะเทย
ถึงเวลาหรือยังที่รัฐบาลโดยคุณท่านผู้นำจะสั่งการให้หน่วยงานทุกแห่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดทุกจุดว่ายังใช้การได้ดีมีภาพแจ่มชัดหรือไม่ และยังมีจุดอับที่ใดสมควรมีการติดตั้งเพิ่มเติมเพื่อรักษาความปลอดภัยในขั้นสูงสุด และขอความร่วมมือภาคเอกชนด้วย
รัฐบาลควรตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคุณภาพกล้อง เอาที่มีประสิทธิภาพเยี่ยม ทนทานที่สุด แพงหน่อยก็ยังดีกว่าแบบห่วยๆ จากนั้นให้แต่ละหน่วยงานแจ้งจำนวนกล้องที่ต้องการ รัฐบาลกำหนดงบประมาณไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ไม่ต้องแยกซื้อแยกยี่ห้อ
การติดตั้งรอบใหม่ต้องอยู่ภายไต้ศูนย์ควบคุมจุดเดียวหรือหลายจุดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจราจร การรักษาความปลอดภัย ป้องกันอาชญากรรมอุบัติเหตุทั่วไป การก่อการร้ายและเหตุอื่นๆ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนเต็มที่
แบบนี้จะเป็นไปได้หรือ เพราะเป็นการขัดขวางการเขมือบของพวกจ้องโกงเต็มที่เลย แน่นอนมาตรา 44 ทำให้เกิดขึ้นได้ ถ้าไม่เกรงว่าจะมีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยว่าเรื่องกระจอกระดับนี้ยังต้องใช้กฎหมายอำนาจพิเศษเลยหรือ แสดงว่าปัญหาการจ้องเขมือบรุนแรงมาก
ถ้าคุณท่านผู้นำรักประชาชน ห่วงใยสวัสดิภาพความปลอดภัยของคนในประเทศ ก็ต้องทำ เงินมีเยอะ ถ้าไม่มีการโกงกินในการจัดซื้อ จะเอากล้องระบบไหน ราคาไหนก็คุ้ม มีประโยชน์รวดเร็วทันใจ เหมาะกับสภาพการณ์ปัจจุบันมากกว่า ได้ใช้งานทุกนาทีถ้าไม่เจ๊ง
การซื้อกล้องวงจรปิดติดเมืองทั่วประเทศคุ้มค่ากว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำในการรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินและชีวิตของประชาชนแน่ๆ ยิ่งต้องสอดแนมการก่อการร้าย อาชญากรรมร้ายแรงด้วยแล้ว นี่ต้องถือว่าเป็นภารกิจสำคัญด้านความมั่นคงของประเทศ
ซื้อเถอะ ซื้อแต่ของดี อย่ากลัวว่าคนมีอำนาจหน้าไหนจะไม่พอใจ กลัวว่ากล้องวงจรปิดทำงานดีเกินไปสามารถเก็บภาพตัวเองพากิ๊กไปเที่ยว เป็นหลักฐานจนทำบ้านแตกได้!