"โสภณ องค์การณ์"
ดูสภาพเศรษฐกิจ สังคม ชีวิตความเป็นอยู่โดยทั่วไปของบ้านเราแล้วถามว่าเป็นอย่างไร มีส่วนหนึ่งบอกว่าเป็นอารมณ์ซังกะตาย อีกคนบอกว่าเหมือนตายซาก ไร้ชีวิตชีวา มองไม่เห็นอนาคต แม้จะยังดูดี มีคนต่างชาติพากันเดินทางท่องเที่ยวเข้ามาหาความสุขก็ตาม
ภาคการเมืองอยู่ในสภาวะถูกแช่แข็ง แทบห้ามกระดิก ไม่ต่างจากด้านสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก การชุมนุมเรียกร้อง ยังถูกกฎหมายพิเศษ พ.ร.บ. ห้ามการชุมนุมกดหัว งานสัมมนาหมิ่นเหม่ต่อการทำให้ผู้มีอำนาจไม่สบายใจ ถูกทหารสั่งให้เลิกจัดกลางคัน
นักการเมืองส่งเสียงอย่างไร ผู้มีอำนาจก็ปราม “จะรีบร้อนไปไหน กฎกติกาสำหรับการหาเสียงเลือกตั้ง และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องยังร่างไม่เสร็จ” นักธุรกิจการเมืองซื้อเสียงต้องจำยอมกล้ำกลืน ชาวบ้านทั่วไปเข็ดกับการโกงกินมูมมาม ไม่รู้สึกเดือดร้อน
แต่การทำมาหากินของกลุ่มคนรายได้ปานกลาง และระดับล่าง จมปลักอยู่ในสภาวะลำบากฝืดเคือง พวกมีรายได้ไม่แน่นอน ทำมาค้าขายรายวันทุนน้อยเลือดตาแทบกระเด็น เป็นสภาพที่มองไม่เห็นอนาคตสดใจ ปัจจัยภายนอกและภายในไม่เกื้อหนุน
กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ เงินทุนหนา เครือข่ายกว้างขวาง สายปานยาว ธุรกิจการเงิน การธนาคารหากินสบายกับค่าธรรมเนียมแพงๆ ยังไปได้ดี มีกำไรเอาไว้แจกโบนัสพนักงาน ในภาคอุตสาหกรรม การค้า พนักงานยังเสี่ยงถูกเลิกจ้าง ดังนั้นจึงอยู่ในสภาพเสี่ยงตกงาน
เงินหายาก เมื่อหาได้ ก็ซื้อหาอะไรไม่ได้มากนัก เป็นสภาวะเงินฝืดปนเงินเฟ้อจริงๆ ใครจะมาเถียงว่าไม่จริง เชิญไปสำรวจการทำมาหากินของผู้ค้ารายย่อยและร้านค้าทั่วไปก็จะรู้ว่าการขายสินค้าฝืดเคือง ถ้ายังไม่ขาดทุนก็ปริ่มอยู่ที่เส้นแบ่งระว่างต้นทุนและขาดทุน
วันก่อนเจ้าของร้านค้ายางรถยนต์โอดครวญว่าตั้งแต่ทำธุรกิจมา ปีนี้สาหัสที่สุด จากที่เคยพอมีกำไรบ้าง ก็อยู่ในสภาพนิ่ง แม้จะมีหลายสาขา ยอดขายก็ไม่กระเตื้อง เป็นจุดเปลี่ยนระหว่างตัวเลขบัญชีสีดำและตัวแดง มีแต่คนขอซื้อยางเก่าพอใช้ได้แทนยางใหม่
ร้านค้ายางรถยนต์รายใหญ่ให้บริการผ่อน 10 งวด 10 เดือนโดยไม่มีดอกเบี้ย บนถนนยังมีรถยนต์แน่นหนา ทำไงได้ละ ยังดีราคาน้ำมันไม่แพงแบบโหดมากนัก แต่ก็ยังแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ผู้มีอำนาจไม่อธิบายให้รู้ว่าทำไมคนไทยยังต้องซื้อน้ำมันราคาแพง
ทุกวันนี้เป็นสภาวะที่หลายคนรู้สึกคับแค้นใจ แต่จำต้องกล้ำกลืนฝืนทน กว่า 2 ปี นึกว่าอะไรน่าจะดีขึ้น บ้านเมืองดูมีอนาคต ที่ไหนได้ ความเสื่อมทรามยังคงอยู่เหมือนเดิม ไม่มีวี่แววว่าจะมีผู้กล้าหาญรับผิดชอบแก้ไข มีแต่เสียงแก้ตัวไปวันๆ ตีกินจนชาวบ้านสุดทน
โดยทั่วไป สภาพเศรษฐกิจน่าจะย่ำแย่กว่าช่วงหลังการลดค่าเงินบาท ช่วงเศรษฐีคนเคยรวยเปิดท้ายรถขายของหาเงินเพื่อดำรงสภาพคล่อง ช่วงนั้นภาคธุรกิจ อุตสาหกรรมลำบาก ธนาคาร สถาบันการเงินเจ๊งก็เยอะ โรงงานถูกปิด คนกลับภูมิลำเนาเพื่ออยู่รอด
ช่วงนั้น ภาคชนบทยังมีแรงอุ้มพวกกระเซอะกระเซิงจากสังคมเศรษฐกิจในเมืองซึ่งลำบาก หนี้สินยังไม่มีมาก ยุคกองทุนหมู่บ้าน สร้างสมหนี้สินในยุคประชานิยมยังไม่เริ่ม ภาคชนบทประคับประคองเยียวยาแรงงานจากในเมืองตกงานไร้อาชีพอยู่แบบพอเพียง
ยุคนี้คนรายได้น้อยทั้งในป่าคอนกรีตและภาคชนบทต่างอยู่ในกองทุกข์มีหนี้สินกันถ้วนหน้า ชาวประชาไม่หน้าใส มีแต่ความหม่นหมอง อนาคตดูมืดมัว ยิ่งรัฐบาลอำนาจเข้มจัดระเบียบการค้าระดับถนน พ่อค้าแม่ค้าตายเรียบ แลกกับความสะอาดของเมืองหลวง
ทุกวันนี้ประชาชนอยู่ในบรรยากาศแบบตายซาก แต่ได้ยินได้ฟังเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก แผนให้ต่างชาติเช่าทีดิน 99 ปี อ้างว่าเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ แผนให้คนต่างชาติได้วีซ่าอยู่นาน 10 ปีถ้ามีเงินฝากเบื้องต้น 3 ล้านบาท
นี่มันอะไรกัน คนระดับชนชั้นกลางลงมาจะเป็นพลเมืองชั้น 2 น่ารังเกียจหรือ คนยากคนจน พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยถูกย่ำยีไล่ที่ทำมาค้าขาย จนสิ้นอาชีพซึ่งต้องเลี้ยงดูคนในครอบครัว รัฐบาลทุนนิยมมุ่งแต่ใช้เงินภาษีไปสร้างพื้นฐานให้ทุนใหญ่ทุนนอกทำธุรกิจ
ชาวบ้านคับแค้นใจเริ่มตะโกนด้วยความเหลืออด “มีรัฐบาลไว้ทำอะไร” แต่โวยวายไปก็เท่านั้น ชาวบ้านตาดำๆ หน้าแห้งๆ ไร้ทำอำนาจต่อรองเรียกร้อง สิ้นทางทำมาหากินจะทำอะไรได้ ทางเลือกคือค้ายาบ้าหรือเป็นโจรเท่านั้นละมั้ง! น่าอนาถจริงประเทศไทย 4.0
ไหนล่ะ “ศาสตร์พระราชา เศรษฐกิจพอเพียง เกษตรอินทรีย์ ครัวไทยสู่ครัวโลก” คำหวานเหล่านี้เป็นเหมือนผายลมของสุนัขแก่ยามบ่ายเท่านั้น! ทุกวันนี้มีคำคุยว่าเศรษฐกิจเงยหัวฟื้นจากจุดต่ำสุดมาแล้ว อาจจะจริง เพราะราคาสินค้าเกษตรดีขึ้น ชาวนาชาวไรมีเงิน
ใครก็ตาม ถ้าไม่บ้องตื้นงี่เง่าเกินไป น่าจะรู้ว่าถ้าคนในภาคเกษตรมีรายได้เพิ่ม เศรษฐกิจก็จะฟื้นตัวอย่างมีพลังต่อเนื่อง รากฐานแข็งแกร่งยั่งยืน แต่กระนั้นก็ยังพร่ำเพ้อกับ เศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาทุนต่างชาติ ต้องให้เช่าที่ดิน 99 ปี หรือต้อง “ขายชาติ” เท่านั้น
เอาเขตเศรษฐกิจพิเศษไปไว้ในพื้นที่กันดาร ดักดาน หรือในเมืองเก่าโบราณซึ่งควรเป็นแหล่งท่องเที่ยว สะท้อนให้เห็นความไม่เข้าท่าในความคิดการวางแผน ทุกวันนี้ต่างชาติเข้ามาแทรกซึมทำธุรกิจกินรวบ คนไทยแทบไร้กำลังซื้อบ้านที่อยู่อาศัยด้วยราคาสูงเกินไป
เดี๋ยวนี้นักธุรกิจชาวจีนมาแผนสูง ไม่ต้องเช่าที่ดินปลูกกล้วยหอมเหมือนในลาว หรือในเชียงราย ทำให้เสี่ยงมากอีกต่อไป แต่เลือกที่จะไปซื้อเหมาไร่กล้วยหอม มีต้นกล้วยสูงเมตรกว่า ในราคาต้นละ 200 บาท เร่งใส่ปุ๋ยเคมีพิษแรงจนกล้วยแก่แล้วตัดเอาไปเมืองจีน
สภาพดินเสียหายเหมือนในลาวซึ่งทยอยยกเลิกสัญญาให้คนจีนเช่าที่ดิน แต่ในประเทศไทยคนสิ้นคิดพยายามดันให้คนตางชาติเข้ามาครอบครองที่ดินนานถึง 99 ปี พวกกุมอำนาจที่คิดสร้างมรดกบาปไว้นั้นจะอยู่ยาวได้อีกสักกี่ปี คนไทยรักชาติทนไม่ได้แล้วนะ
ถ้ายังเป็นอย่างนี้ อนาคตประเทศมืดมนแน่ ยิงถ้านักการเมืองหน้าเดิมๆ ซื้อเสียงเข้ามากุมอำนาจรัฐถอนทุนบวกกำไรเหมือนก่อนรัฐประหาร บ้านเมืองคงรอดวิกฤตยาก จะมีผู้กล้าหน้าไหนออกมารับผิดชอบความหายนะ มีแต่จะซุกหัวอยู่ในกองเงินกองทองเท่านั้น
ดูสภาพเศรษฐกิจ สังคม ชีวิตความเป็นอยู่โดยทั่วไปของบ้านเราแล้วถามว่าเป็นอย่างไร มีส่วนหนึ่งบอกว่าเป็นอารมณ์ซังกะตาย อีกคนบอกว่าเหมือนตายซาก ไร้ชีวิตชีวา มองไม่เห็นอนาคต แม้จะยังดูดี มีคนต่างชาติพากันเดินทางท่องเที่ยวเข้ามาหาความสุขก็ตาม
ภาคการเมืองอยู่ในสภาวะถูกแช่แข็ง แทบห้ามกระดิก ไม่ต่างจากด้านสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก การชุมนุมเรียกร้อง ยังถูกกฎหมายพิเศษ พ.ร.บ. ห้ามการชุมนุมกดหัว งานสัมมนาหมิ่นเหม่ต่อการทำให้ผู้มีอำนาจไม่สบายใจ ถูกทหารสั่งให้เลิกจัดกลางคัน
นักการเมืองส่งเสียงอย่างไร ผู้มีอำนาจก็ปราม “จะรีบร้อนไปไหน กฎกติกาสำหรับการหาเสียงเลือกตั้ง และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องยังร่างไม่เสร็จ” นักธุรกิจการเมืองซื้อเสียงต้องจำยอมกล้ำกลืน ชาวบ้านทั่วไปเข็ดกับการโกงกินมูมมาม ไม่รู้สึกเดือดร้อน
แต่การทำมาหากินของกลุ่มคนรายได้ปานกลาง และระดับล่าง จมปลักอยู่ในสภาวะลำบากฝืดเคือง พวกมีรายได้ไม่แน่นอน ทำมาค้าขายรายวันทุนน้อยเลือดตาแทบกระเด็น เป็นสภาพที่มองไม่เห็นอนาคตสดใจ ปัจจัยภายนอกและภายในไม่เกื้อหนุน
กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ เงินทุนหนา เครือข่ายกว้างขวาง สายปานยาว ธุรกิจการเงิน การธนาคารหากินสบายกับค่าธรรมเนียมแพงๆ ยังไปได้ดี มีกำไรเอาไว้แจกโบนัสพนักงาน ในภาคอุตสาหกรรม การค้า พนักงานยังเสี่ยงถูกเลิกจ้าง ดังนั้นจึงอยู่ในสภาพเสี่ยงตกงาน
เงินหายาก เมื่อหาได้ ก็ซื้อหาอะไรไม่ได้มากนัก เป็นสภาวะเงินฝืดปนเงินเฟ้อจริงๆ ใครจะมาเถียงว่าไม่จริง เชิญไปสำรวจการทำมาหากินของผู้ค้ารายย่อยและร้านค้าทั่วไปก็จะรู้ว่าการขายสินค้าฝืดเคือง ถ้ายังไม่ขาดทุนก็ปริ่มอยู่ที่เส้นแบ่งระว่างต้นทุนและขาดทุน
วันก่อนเจ้าของร้านค้ายางรถยนต์โอดครวญว่าตั้งแต่ทำธุรกิจมา ปีนี้สาหัสที่สุด จากที่เคยพอมีกำไรบ้าง ก็อยู่ในสภาพนิ่ง แม้จะมีหลายสาขา ยอดขายก็ไม่กระเตื้อง เป็นจุดเปลี่ยนระหว่างตัวเลขบัญชีสีดำและตัวแดง มีแต่คนขอซื้อยางเก่าพอใช้ได้แทนยางใหม่
ร้านค้ายางรถยนต์รายใหญ่ให้บริการผ่อน 10 งวด 10 เดือนโดยไม่มีดอกเบี้ย บนถนนยังมีรถยนต์แน่นหนา ทำไงได้ละ ยังดีราคาน้ำมันไม่แพงแบบโหดมากนัก แต่ก็ยังแพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ผู้มีอำนาจไม่อธิบายให้รู้ว่าทำไมคนไทยยังต้องซื้อน้ำมันราคาแพง
ทุกวันนี้เป็นสภาวะที่หลายคนรู้สึกคับแค้นใจ แต่จำต้องกล้ำกลืนฝืนทน กว่า 2 ปี นึกว่าอะไรน่าจะดีขึ้น บ้านเมืองดูมีอนาคต ที่ไหนได้ ความเสื่อมทรามยังคงอยู่เหมือนเดิม ไม่มีวี่แววว่าจะมีผู้กล้าหาญรับผิดชอบแก้ไข มีแต่เสียงแก้ตัวไปวันๆ ตีกินจนชาวบ้านสุดทน
โดยทั่วไป สภาพเศรษฐกิจน่าจะย่ำแย่กว่าช่วงหลังการลดค่าเงินบาท ช่วงเศรษฐีคนเคยรวยเปิดท้ายรถขายของหาเงินเพื่อดำรงสภาพคล่อง ช่วงนั้นภาคธุรกิจ อุตสาหกรรมลำบาก ธนาคาร สถาบันการเงินเจ๊งก็เยอะ โรงงานถูกปิด คนกลับภูมิลำเนาเพื่ออยู่รอด
ช่วงนั้น ภาคชนบทยังมีแรงอุ้มพวกกระเซอะกระเซิงจากสังคมเศรษฐกิจในเมืองซึ่งลำบาก หนี้สินยังไม่มีมาก ยุคกองทุนหมู่บ้าน สร้างสมหนี้สินในยุคประชานิยมยังไม่เริ่ม ภาคชนบทประคับประคองเยียวยาแรงงานจากในเมืองตกงานไร้อาชีพอยู่แบบพอเพียง
ยุคนี้คนรายได้น้อยทั้งในป่าคอนกรีตและภาคชนบทต่างอยู่ในกองทุกข์มีหนี้สินกันถ้วนหน้า ชาวประชาไม่หน้าใส มีแต่ความหม่นหมอง อนาคตดูมืดมัว ยิ่งรัฐบาลอำนาจเข้มจัดระเบียบการค้าระดับถนน พ่อค้าแม่ค้าตายเรียบ แลกกับความสะอาดของเมืองหลวง
ทุกวันนี้ประชาชนอยู่ในบรรยากาศแบบตายซาก แต่ได้ยินได้ฟังเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก แผนให้ต่างชาติเช่าทีดิน 99 ปี อ้างว่าเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ แผนให้คนต่างชาติได้วีซ่าอยู่นาน 10 ปีถ้ามีเงินฝากเบื้องต้น 3 ล้านบาท
นี่มันอะไรกัน คนระดับชนชั้นกลางลงมาจะเป็นพลเมืองชั้น 2 น่ารังเกียจหรือ คนยากคนจน พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยถูกย่ำยีไล่ที่ทำมาค้าขาย จนสิ้นอาชีพซึ่งต้องเลี้ยงดูคนในครอบครัว รัฐบาลทุนนิยมมุ่งแต่ใช้เงินภาษีไปสร้างพื้นฐานให้ทุนใหญ่ทุนนอกทำธุรกิจ
ชาวบ้านคับแค้นใจเริ่มตะโกนด้วยความเหลืออด “มีรัฐบาลไว้ทำอะไร” แต่โวยวายไปก็เท่านั้น ชาวบ้านตาดำๆ หน้าแห้งๆ ไร้ทำอำนาจต่อรองเรียกร้อง สิ้นทางทำมาหากินจะทำอะไรได้ ทางเลือกคือค้ายาบ้าหรือเป็นโจรเท่านั้นละมั้ง! น่าอนาถจริงประเทศไทย 4.0
ไหนล่ะ “ศาสตร์พระราชา เศรษฐกิจพอเพียง เกษตรอินทรีย์ ครัวไทยสู่ครัวโลก” คำหวานเหล่านี้เป็นเหมือนผายลมของสุนัขแก่ยามบ่ายเท่านั้น! ทุกวันนี้มีคำคุยว่าเศรษฐกิจเงยหัวฟื้นจากจุดต่ำสุดมาแล้ว อาจจะจริง เพราะราคาสินค้าเกษตรดีขึ้น ชาวนาชาวไรมีเงิน
ใครก็ตาม ถ้าไม่บ้องตื้นงี่เง่าเกินไป น่าจะรู้ว่าถ้าคนในภาคเกษตรมีรายได้เพิ่ม เศรษฐกิจก็จะฟื้นตัวอย่างมีพลังต่อเนื่อง รากฐานแข็งแกร่งยั่งยืน แต่กระนั้นก็ยังพร่ำเพ้อกับ เศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาทุนต่างชาติ ต้องให้เช่าที่ดิน 99 ปี หรือต้อง “ขายชาติ” เท่านั้น
เอาเขตเศรษฐกิจพิเศษไปไว้ในพื้นที่กันดาร ดักดาน หรือในเมืองเก่าโบราณซึ่งควรเป็นแหล่งท่องเที่ยว สะท้อนให้เห็นความไม่เข้าท่าในความคิดการวางแผน ทุกวันนี้ต่างชาติเข้ามาแทรกซึมทำธุรกิจกินรวบ คนไทยแทบไร้กำลังซื้อบ้านที่อยู่อาศัยด้วยราคาสูงเกินไป
เดี๋ยวนี้นักธุรกิจชาวจีนมาแผนสูง ไม่ต้องเช่าที่ดินปลูกกล้วยหอมเหมือนในลาว หรือในเชียงราย ทำให้เสี่ยงมากอีกต่อไป แต่เลือกที่จะไปซื้อเหมาไร่กล้วยหอม มีต้นกล้วยสูงเมตรกว่า ในราคาต้นละ 200 บาท เร่งใส่ปุ๋ยเคมีพิษแรงจนกล้วยแก่แล้วตัดเอาไปเมืองจีน
สภาพดินเสียหายเหมือนในลาวซึ่งทยอยยกเลิกสัญญาให้คนจีนเช่าที่ดิน แต่ในประเทศไทยคนสิ้นคิดพยายามดันให้คนตางชาติเข้ามาครอบครองที่ดินนานถึง 99 ปี พวกกุมอำนาจที่คิดสร้างมรดกบาปไว้นั้นจะอยู่ยาวได้อีกสักกี่ปี คนไทยรักชาติทนไม่ได้แล้วนะ
ถ้ายังเป็นอย่างนี้ อนาคตประเทศมืดมนแน่ ยิงถ้านักการเมืองหน้าเดิมๆ ซื้อเสียงเข้ามากุมอำนาจรัฐถอนทุนบวกกำไรเหมือนก่อนรัฐประหาร บ้านเมืองคงรอดวิกฤตยาก จะมีผู้กล้าหน้าไหนออกมารับผิดชอบความหายนะ มีแต่จะซุกหัวอยู่ในกองเงินกองทองเท่านั้น