"โสภณ องค์การณ์"
ยุคนี้คำว่า “นี่คือประเทศไทย” หรือ “แบบไทยๆ” มีความหมายหลากหลายมิติ ขึ้นอยู่ผู้พูดว่าต้องการสื่อความหมายอย่างไร เป็นคำเสียดสี ประชด หรือชื่นชมแม้แนวทางเชิงลบในการแก้ปัญหาทำให้เป็นผลสำเร็จ มีทั้งพยายามแก้ไข หรือให้กาลเวลาจัดการให้ผ่านไปได้
ว่าด้วยเรื่องการเมืองก็ถือว่าเป็นความแปลกประหลาด เป็นประเทศที่มีรัฐประหารมากติดอันดับต้นๆ ของโลก น่าจะไม่ต่ำกว่าอันดับ 3 และเป็นการรัฐประหารที่ไม่แก้ปัญหาได้สำเร็จ ขาดความเด็ดขาด ไม่มีการสะสางปัญหาอะไรก็ตามที่เรื้อรังสะสมมายาวนาน
บางยุคเรียกว่าเป็นการรัฐประหารนำไปสู่ความหน่อมแน้ม การรัฐประหารล่าสุดเป็นการกระทำแบบต้นทุนต่ำ โลว์คอสต์มากๆ ไม่มีรถถัง ปืนใหญ่ พาหนะแสดงอาวุธ ไม่มีทหารจำนวนมากประจำสถานที่สำคัญ แต่มีกองกระสอบทรายวางตามสี่แยกไว้ก่อนแล้ว
การรัฐประหารแบบไทยๆ จึงไม่มีเลือดตกยางออก ฆ่าล้างผลาญฝ่ายตรงข้ามแบบโหดเหี้ยมเหมือนกลุ่มประเทศในกาฬทวีป หรือละตินอเมริกา ในปี 2526 มี ผบ.กองพล 1 เสียชีวิต ยังเติร์กรัฐประหารเมษาฮาวายมีผู้สื่อข่าวฝรั่งซวยโดนลูกหลงตาย 1 คนเท่านั้น
การประหารในยุคคณะ รสช. คมช. และ คสช. ไม่มีผู้เสียชีวิตเลย! เมื่อมีเหตุแบบนี้ฝรั่งอยู่ในเมืองไทยและต่างประเทศแตกตื่นมาก หวั่นการลงทุนเสียหาย แต่ญี่ปุ่นและพวกเอเชียรู้สึกปกติ เพราะรู้อยู่ว่าคนไทยไม่ทำอะไรกันถึงขั้นเอาเป็นเอาตาย เล่นแบบสบายๆ
ด้านการเมืองก็เช่นกัน สส. ด่ากันในสภาผู้แทน แทบไม่เผาผีกัน ออกจากห้องประชุมหัวเราะเอิ๊กอ๊าก กอดคอ นั่งในสโมสร เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนอยู่ในวงการก็รู้ว่าบทบาทแสดงในสภาด้วยถ้อยคำเชือดเฉือนกันก็เหมือนเป็นปาหี่ยี่เกเท่านั้น ทุกอย่างปกติ
อาจมีการชกต่อยบางโอกาส นั่นเป็นพวกไม่คุ้นกับบรรยากาศซูเอี๋ย หยวนๆ “ไม่มีอะไร ขอกันกินมากกว่านี้” หรืออะไรทำนองนั้น ด้วยเหตุนี้การย้ายพรรค หรือเซ็งลี้ความจงรักภักดี สับเปลี่ยนนาย ขายตัว จึงเป็นเรื่องธรรมชาติของนักเลือกตั้งซื้อเสียงแบบไทยๆ
แบบนี้ดีมั้ย ในยุค “งูเห่า” นักการเมืองค่ายมารย้ายมาอยู่พรรคเทพ ถูกมองว่าเป็นกรรมดี แม้จะเป็นการหักหลังเพื่อน ชาวบ้านพอใจ ได้รัฐบาลใหม่มีภาพลักษณ์ดูดีกว่าเดิม แม้จะยังไม่น่าไว้ใจ แต่โดยรวมแล้วสังคมเชื่อว่าน่าจะเลวน้อยกว่าที่เป็นมา นี่ก็แบบไทยๆ
การที่นักการเมืองบุรีรัมย์บอกท่านเหลี่ยมว่า “มันจบแล้วนาย” แล้วมาจับมือ กอดท่านมาร์คพรรคสะตอนั้นเป็นปรากฏการณ์พิสดาร ดูเผินๆ แล้วแปลก เมื่อเป็นนักการเมืองแบบไทยๆ อะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ปาระเบิดใส่บ้านตัวเองเรียกคะแนนเสียงก็เคยมีแล้ว
ยังมี “แบบไทยๆ” ที่น่าจดจำ เช่น พรรคท่านเหลี่ยมเร่ร่อน ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค 2 ครั้ง แม้ชื่อต่างกัน ก็ยังอยู่ยั้งยืนยง เปลี่ยนชื่อไปเรื่อยตามสะดวกและกระแส และกลุ่มพรรคเดียวกันโดนกองทัพทำรัฐประหาร 2 ครั้ง ยังอยู่ได้สบายมาก ความนิยมยังแรง
ครั้งแรกท่านเหลี่ยมโดน คมช. แอ่นแอ๊น ต้องเสียเหลี่ยมต้องคดีอาญามีโทษติดคุกแต่หนีไปอยู่ต่างประเทศ ไม่มีใครใส่ใจใยดีเอาตัวมาติดคุก ทั้งๆ ที่มีหมายจับอยู่เพียบ แถมยังบงการสมุน มวลชนให้ปฏิบัติการณ์ตามถนัดและจังหวะโอกาส หนักและเบาจนทุกวันนี้
สมุนท่านเหลี่ยม นักล้มเจ้า นักป่วนเมืองยังอยู่สุขสบายในลาวและประเทศอื่นๆ ไม่มีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไปติดตามเอาตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย นี่เป็นแบบไทยๆ ของแท้
น้องสาว (?) ท่านเหลี่ยม แม่นางนักเพาะเห็กโฉมงามสุดล้ำต่ำใต้ยันเหนือก็โดน กองทัพ นำโดยคุณท่านผู้นำปัจจุบันกระทำการแอ่นแอ๊น หลังจากลุงกำนันนกหวีดนำคณะหลายล้านคนชุมนุมเดินขบวนขับไล่นานกว่า 7 เดือน สร้างประวัติศาสตร์ใหม่แบบไทยๆ
ทุกวันนี้ยังไม่ยินดียินร้าย เดินสายลั้ลลาพบปะชาวบ้าน สลับกับการไปเจื้อยแจ้วคดีรับจำนำข้าวในศาล จะรอดหรือติดคุกก็ยังไม่มีใครรู้ แต่ที่รู้คือความเสียหายเกิดขึ้นหลายแสนล้านบาท ทุกวันนี้ข้าวเน่ายังอยู่ค้างโกดัง ไม่มีใครยื่นหน้า แอ่นอกมาขอรับผิดชอบ
นอกจากคำอ้างว่าไม่ผิดแล้ว ยังมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง ทั้งๆ ที่บริวารและเครือข่ายค้าข้าวโกงเงินบางพวกได้เข้าไปนั่งฆ่าเวลาบี้สิวแก่ในคุกนานแล้ว และแม่นางยังพยายามทำตัวให้ดูดีมีราคาเมื่อติงคณะ คสช. รัฐบาลว่าควรแก้ปัญหาปากท้อง
สุดยอดของการ “ล่าแม่มด” แบบไทยๆ คือมี “อภินิหารทางกฎหมาย” เพื่อจะรีดเอาภาษีท่านเหลี่ยม หลังจากอู้และยื้อมาเกือบ 10 ปี จะหมดอายุความอยู่แล้ว และคนที่ควรจะทำหน้าทีแต่ไม่ทำก็ไม่มีโทษอะไรไปรังควาญชีวิต ยังเป็นใหญ่เป็นโตในตำแหน่งเสียด้วย
และน่าจะมีการลืมหรือปล่อยให้เรื่องฉาวใหม่ มากลบ สร้างเรื่องใหม่แบบไทยๆ
สุดยอดของความคลาสสิคคือการจัดการขบวนการ “ชิตังเมแข้งดำ โป๊กแล้วรวย” ถือว่าเป็นความสำเร็จในการเยี่ยวไม่สุดแบบไทยๆ แต่สามารถบอนไซตัดตอนขบวนการชิตังเมไม่ให้โต ขณะที่ระดมคดีอาญาสารพัดมาพัวพันนัวเนียเคลื่อนไหวไม่ได้ง่ายเหมือนแต่ก่อน
ทุกวันนี้ดูเหมือนท่านชิตังเมยังอยู่ในที่มั่น ไม่มีใครใส่ใจติดตามตัวที่อื่น เพราะรู้ดีว่าไม่ไปไหนตั้งแต่แรก เพียงแต่จากนี้ไปไม่มาปรากฏกายให้เห็น เพราะมีคดีอาญารอเป็นร้อยๆ สาวกตัวเอ้ต่างทำตัวเงียบ มีคดีอาญารับไว้ให้ทนายแก้กันทุกคน ขบวนการต้องเดี้ยง
แบบไทยๆ ประเด็นอื่นก็คือ สภาวะปัจจุบันกำลังเอื้อและอวยนักซื้อเสียงเลือกตั้งให้กลับมาอีก ถ้าไม่โดนคดีรอวันเข้าคุก พวกที่คณะคุณท่านผู้นำทำรัฐประหารยังอยู่ พร้อมเข้ามาซื้อเสียงทวงอำนาจคืนถอนทุนอีกรอบ เพียงแต่ว่าจะมีใครในคณะนี้เข้าร่วมหรือ
ที่น่าพิศวงคือหลังจาก 3 ปี คณะคุณท่านสำเร็จในการสร้างความปรองดองในกลุ่มนักซื้อเสียงเลือกตั้ง พรรคใหญ่ต่างสามัคคีจับมือกันถล่ม 4 คำถามของคุณท่าน ทำเอาท่านผู้นำปากเจ็บ ไม่ขอจ้อกับสื่อนาน 10 วัน จะน้อยกว่าหรือมากกว่าก็เป็นแบบไทยๆ
ปรากฏการณ์ “ลูกเหลิม” ออกฤทธิ์ออกเดชเล่นงานรัฐบาลคุณท่านและท่านบิ๊กๆ ถือว่าไม่ธรรมดาด้วยภาษาถ่อย คืนเดียวหลังจากความโง่เข้าครอบงำ ก็เกิดความฉลาดหวาดกลัว นอนคิดทั้งคืน รุ่งขึ้นต้องเอาพวงมาลัยไปเดินสายขอขมาก่อนโดนปรับทัศนคติ
ยุค “พ่อเหลิม” ขอขมาท่านบิ๊กจ๊อดนายพลเสื้อคับ หลังจากหนีตายไปอยู่เดนมาร์ก 1 ปี มายุค “วัน ลูกเหลิม” ก็ขอขมา “บิ๊กแดง” ลูกท่านบิ๊กจ๊อด มีแห่งเดียวในโลกละมั้ง!
ยังจะมีปรากฏการณ์แบบไทยๆ เรื่อย คนอยากรอดูมากที่สุดก็คือนายกฯ แบบไทยๆ คนใหม่หลังเลือกตั้งว่ายังจะเป็นคนหน้าเดิมหรือไม่ หลังจากประกาศเจตนารมณ์ด้วยท่าทีกำกวมหลายตั้งว่าไม่ต้องการสืบทอดยาวอำนาจ แต่ “ถ้ามีปัญหา ท่านไม่อยู่ ใครจะแก้ไข”
คำพูดแบบนี้เป็นยิ่งกว่า “อภิมหาแบบไทยๆ” นะพระคุณท่าน เอิ๊ก!