นายกฯ เผยในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงรับสั่งให้น้อมนำและปฏิบัติตามศาสตร์ของพระราชา แห่งพระบรมชนกนาถ ใช้บริหารประเทศ ทรงย้ำให้ใช้ต่อไป อย่าให้น้อยกว่าเดิม ระบุผู้นำที่ดีต้องมีการเปลี่ยนแปลง คิดนอกกรอบภายใต้กฎหมาย สั่งทบทวนโครงการใหญ่ที่ยังทำไม่สำเร็จ เสนอเป็นโครงการเล็ก ลั่นสร้างส่วนเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสีม่วง 1 ก.ม. ให้ได้ในรัฐบาลนี้ ขู่ เล่นงานผู้เกี่ยวข้อง ถ้าไม่สำเร็จขอทำเอง
วานนี้ (14 ธ.ค.) ที่ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 และการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2560 เพิ่มเติม แก่ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อเป็นแนวทางการในการจัดทำงบประมาณให้มีความสอดคล้องและเชื่อมโยงกับร่างกรอบยุทธศาสตร์ 20 ปี และ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ทั้งด้านความมั่นคง วาระการปฎิรูปประเทศ และแผนหลักอื่นๆ โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทาง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าวันนี้เรากำลังเดินหน้าประเทศทั้งระบบเพื่อไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งตนคิดว่าไม่น่าจะผิดไปจากการวางนโยบายไว้ แต่ทั้งหมดต้องอาศัยความร่วมมือ และความเข้าใจที่ตรงกันจากทุกภาคส่วน ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด จะต้องทำให้เกิดความร่วมมือกันให้ได้โดยเร็ว ถ้าอนาคตเราสามารถทำให้มีความเชื่อมโยงกันได้ในทุกมิติ ประเทศไทยจะเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน
ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนมองอนาคตร่วมกัน ถ้าเรายังคิดแบบเดิมไม่ยอมคิดนอกกรอบ มันก็คิดอะไรไม่ออก เพราะจะติดปัญหาทุกอย่าง ทั้งกฎหมาย ระเบียบ กติกา ซึ่งเราจำเป็นต้องปรับปรุงให้ทันสมัย สามารถดำเนินการได้ ที่ผ่านมา 2 ปี เราพยายามแก้ปัญหาเหล่านี้ ด้วยการบูรณาการ การเริ่มต้นการทำงานทั้งหมด รวมทั้งการแก้ปัญหา ดังนั้นทุกคนจะต้องสร้างความหวัง สร้างอนาคตร่วมกันให้กับประเทศ
ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญตามที่รัฐบาลวางไว้ ในปีงบประมาณ 2561 การจัดทำงบประมาณ ต้องเกิดความคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อน เกิดการบูรณาการอย่างแท้จริง ดังนั้นทุกคนจะต้องร่วมกันคิด และวางแผน และนำปัญหาจากงบประมาณปี 2560 มาปรับปรุงพัฒนาแก้ไข เปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น เราต้องทำให้ทุกอย่างเชื่อมโยงกันให้ได้ในทุกๆ ระบบถึงจะสามารถทำให้ทุกคนมีความสุข เป็นระบบประชาธิปไตยที่ถูกต้องสมบูรณ์ การทุจริตผิดกฎหมาย ผู้มีอิทธิพล จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกในประเทศไทย โดยการน้อมนำศาสตร์พระราชา ซึ่งเป็นศาสตร์ในการบริหารราชการแผ่นดินมาประยุกต์ใช้
**ร.10ให้ใช้ศาสตร์ของพระราชาพัฒนาปท.
"สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ ทรงรับสั่งกับรัฐบาลและรัฐมนตรีบางท่านว่า ขอให้รัฐบาลทำหน้าที่ เพื่อให้ประชาชนมีความสุขให้มากที่สุดในรัชกาลปัจจุบัน โดยใช้แนวทางของสมเด็จพระบรมชนกนาถ ซึ่งได้ทรงทำมาตลอด 70 ปีที่ผ่านมา ท่านทรงให้สืบสานต่อในสิ่งเหล่านี้ ไม่ให้เสื่อมถอยหรือน้อยลงไปกว่าเดิม ท่านทรงรับสั่งด้วยความห่วงใย ในสิ่งสำคัญหลักๆ คือเรื่องของการศึกษา การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การสาธารณสุข การเสริมสร้างอาชีพรายได้ และคุณภาพชีวิต สิ่งสำคัญจะต้องทำให้ประเทศชาติสงบสุข สันติ ไม่มีความขัดแย้ง ดังนั้นพวกเราทุกคนจะต้องสนองพระราชปณิธานของพระองค์ท่านตามแนวทางของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ โดยใช้ศาสตร์พระราชาของพระบรมชนกนาถ รัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้นกับประชาชน และพวกเรารัฐบาลจะต้องสนองต่อสิ่งที่พระองค์ทรงรับสั่งไว้ และแนวทางของยุทธศาสตร์ชาติ ที่จะทำให้ประเทศมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงมีรับสั่งไว้วางการพัฒนาประเทศไทยจำเป็นต้องมีการพัฒนาคู่ขนานกัน ไม่ใช่พัฒนาโดยใช้แนวทางตะวันเพียงอย่างเดียว จะต้องใช้ของตะวันออกควบคู่ไปด้วย เพราะแบบตะวันตก อาจทำให้ทุกอย่างพัฒนาเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่อาจจะไม่ยั่งยืน จนเกิดผลกระทบและความเสี่ยงต่างๆ การพัฒนาแบบตะวันออก อาจจะช้าแต่มีความมั่นคงมากกว่า หากเราสร้างความเข้มแข็งระดับฐานรากได้ ก็จะเติบโตไปอย่างมั่นคง ในเรื่องของงบประมาณ ถือเป็นปัญหาหนึ่งที่สำคัญในการบริหารประเทศ ทั้งการจัดสรร และการใช้จ่าย เราจึงจำเป็นต้องใช่ศาสตร์พระราชา เศรษฐกิจพอเพียง และการบริหารประเทศตะวันตกและตะวันออก คู่ขนานไปด้วยกัน เป็น 3 ห่วง 2 เงื่อนไข การใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกันที่ดี" นายกรัฐมนตรี กล่าว
**ลั่นต้องเชื่อต่อรถไฟฟ้าให้ได้
นายกฯ กล่าวด้วยว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตนพยายามขับเคลื่อนศาสตร์พระราชาไปยังประเทศอื่นด้วย เพราะจะทำให้เกิดความยั่งยืนให้กับทุกประเทศที่กำลังพัฒนา ไม่ใช่แค่ไทย โดยกว่า 28 ประเทศได้นำไปใช้แล้วได้ผล และยินดีกับประเทศไทยที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ เราอยู่กับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มา 70 ปี ซึมซับแนวทางมาตลอด และวันนี้สมัยปัจจุบันสืบต่อเนื่องประวัติศาสตร์ไทยกว่า 800 ปี ซึ่งต้องเรียนรู้ไม่ให้เกิดปัญหา
"รัฐบาลมีหน้าที่ต้องดูแลอย่างทั่วถึง ต้องไม่ประมาทต่อความเสี่ยงในอนาคต ถ้าประเทศและสังคมอ่อนแอ ประเทศจะล้มเหลว เพราะประชาชนไม่มีคุณภาพ รอแต่การช่วยเหลือรัฐบาล ขณะที่รัฐบาลก็หาเงินอุดไปจนไม่พอกลายเป็นประเทศล้มเหลว ดังนั้นต้องตั้งหลักกันใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อรัฐบาลในอนาคต ที่ต้องใช้จ่ายงบประมาณอย่างรัดกุม"
นายกฯ กล่าวว่า การขึ้นทะเบียนผู้มีรายได้น้อยการโอนเงินมีปัญหาหมด เพราะเราไม่เคยสร้างระบบเหล่านี้ขึ้นมา ระบบการตรวจสอบถ่วงดุลที่ผ่านมาไม่ชัดเจน เป็นของหน่วยงานใดเพียงที่เดียว ไม่ทันสมัย ใช้ร่วมกันไม่ได้ ฉะนั้นวันนี้ข้อมูลต้องทันสมัย ถูกต้อง เป็นข้อมูลเดียวกันในการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนั้นอยากให้ทุกคนไปทบทวน มีการใช้ศาสตร์พระราชาให้ครบ ทั่วถึง และให้นำหลักการทรงงานเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจปฏิบัติ ต้องสอนให้ประชาชนเรียนรู้ตั้งแต่วันนี้ ว่าเรากำลังเดินหน้าประเทศกันอย่างไร ที่ผ่านมาเวลาเอาโครงการไปลง ทำประชาพิจารณ์ก็ไม่ผ่าน โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ ตนจึงบอกให้จำแนกเป็นโครงการขนาดเล็ก แต่ไม่ทิ้งโครงการใหญ่ แต่ทำในส่วนที่ทำได้ก่อน ถ้ารองานจะติดทั้งหมด เดินต่อไม่ได้ทั้งชาตินี้ชาติหน้า ขอให้ไปทบทวนโครงการขนาดใหญ่ทั้งหมด จำแนกย่อยมาใหม่ ให้เกิดประโยชน์ทั้งต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ถ้ามีแต่ต้นทางตนไม่ให้ และบูรณาการกระทรวงที่เกี่ยวข้องด้วย ทั้งนี้ติดว่าเพียงงบประมาณปี 61 คงไม่พอ จึงต้องมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
"ผมไม่ได้จะสืบทอดอำนาจอะไรทั้งสิ้น แต่สืบสิ่งที่จะทำให้ประชาชนในสิ่งที่จะเกิดขึ้นอีก 20 ปี ถ้าเขาไม่ทำ เราต้องรับผิดชอบร่วมกัน เพราะเลือกรัฐบาลมา ฉะนั้นต้องกำกับดูแลกัน เพียงมีแต่แผนที่และเข็มทิศนำทางให้เขาเดินในกรอบ ทำเส้นทางเชื่อมโยงที่ชัดเจน สอดคล้องแผนพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เออีซี " นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า เรื่องรถไฟฟฟ้า จะทำไปทำไมถ้ามันเชื่อมต่อกันไม่ได้ วันนี้ 1 ก.ม. ยังต่อไม่ได้ แต่จะต้องต่อให้ได้ในรัฐบาลนี้ ถ้าต่อไม่ได้ ตนจะเล่นงานคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องทำ เดี๋ยวจะทำเอง 2-3 ปีแล้วติดอยู่นั่น ไม่รู้ติดอะไรนักหนา อ้างกฎระเบียบ ตนบอกแล้วจะดูให้ ขอให้บอกมา จะแก้ให้
** ต้องทำจากจุดเล็กไปหาจุดใหญ่
นายกฯ กล่าวว่า ถ้าเราวางกรอบไม่ได้ เราก็วางแผนงานไม่ได้ มันก็จะไม่เกิดประโยชน์กับประชาชนตามที่คาดหมายไว้ วันนี้โลกเจริญขึ้น หลักการในหลวงมีอยู่แล้ว แก้ปัญหาจากจุดเล็ก มองปัญหาภาพรวมอยู่เสมอ มองผลสัมฤทธิ์ไว้ล่วงหน้า เพื่อให้เห็นว่าเราจะเดินหน้าไปอย่างไร เริ่มจากจุดเล็กๆ ที่คนส่วนใหญ่มองข้ามตรงนี้ แต่ต้องมองบนพื้นฐานประชาชนเป็นศูนย์กลาง นี่คือหลักการสำคัญ ถ้าเราทำระบบใหญ่ไม่ได้ ก็ทำระบบเล็กก่อน เพื่อทำให้เห็น ทำให้คนอยู่รอบๆ เห็นดีด้วย ถ้าไปบอกทำแบบใหญ่ๆ จะคิดได้ว่า จะมีการโกงกันอีก เพราะความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน เราต้องทำตามลำดับขั้น บนพื้นฐานพอมีพอกิน ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และหลักทำให้ประชาชนมีความสุขทุกมิติ สอดคล้องกฎหมายที่มีขึ้นมาใหม่ ใช้งบฯอย่างมีลำดับ เลือกทำสิ่งที่จำเป็นก่อน
"อยากให้ทุกคนคิดแบบผมคิดถึงจะไปได้ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เราไมได้คิดเอง เพราะมีความเห็น มีคณะกรรมการ มีการฟังความคิดเห็นทั้งสภาปฏิรูป นักวิชาการ ข้าราชการ และนักการเมืองที่เขามาร่วมมือ มีไม่ร่วมมือก็คงรู้ อะไรกูก็ไม่ฟังทั้งสิ้น จะฟังแต่ความเห็น จะฟังแต่รัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่มาร่วม พอถึงเวลาก็วุ่นวาย ขอปลดล็อก มันยังไม่ปลดล็อกตัวเอง แล้วจะไปปลดใครได้ ผมก็ไม่ปลดล็อกให้หรอก วันนี้ต้องร่วมมือกันก่อน จะทำให้ปลดล็อกทุกคนได้หมด ถ้าไม่ร่วมมือ ไม่ฟัง ไม่แสดงความคิดเห็น เอาแต่ได้ ผมก็ไม่ปลดล็อก แต่จะใส่ล็อกเพิ่มขึ้นอีกชั้นด้วย" นายกฯ กล่าว
นายกฯกล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมา แก้ปัญหาหมดทุกอันแล้ว เพียงแต่ว่าปีนี้ และงบฯปี 61 จะต้องทำให้เป็นระบบให้ได้ และต้องถึงปลายทาง ให้ทุกกระทรวงไปรื้อดูว่าสิ่งที่ทำไปแล้ว ยังใช้ประโยชน์ไม่ได้ ก็กลับไปใช้ประโยชน์ให้ได้ โดยใช้งบฯ ปี 60 เสริมเข้าไป ถ้าเป็นไปได้ควรใช้งบฯ ปี 61 เสริมเข้าไป เพื่อให้เกิดระบบ ทั้งนี้ ปี 60-64 อยู่ในยุทธศาสตร์แรก 5 ปี ทำให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด วันนี้ถ้าไม่ทำแผนต่างๆ ให้สอดคล้องกับสิ่งที่ตนพูดในวันนี้ ท่านจะไม่ได้รับงบฯ ตนได้สั่งการสำนักงบประมาณไปแล้ว และวันนนี้ขอสั่งการอีกครั้ง ให้ทุกกระทรวงแต่งตั้งผู้รับผิดชอบในการบูรณการ เรื่องของการปฏิบัติให้ชัดเจน ต้องชี้แจงให้ได้ ซึ่งรัฐมนตรีชี้แจงกับตนได้อยู่แล้ว แต่ตนจะเล่นงานคนที่รัฐมนตรี หรือปลัดกระทรวงมอบหมายทำตรงนี้ แต่ปลัดกระทรวง ก็ไม่ได้รอดตัว ถ้าคนที่มอบหมายมาชี้แจงไม่รู้เรื่อง ปลัดกระทรวงก็โดนด้วย
** เตรียมเปิดลงทะเบียนคนจนอีกรอบ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึง การขึ้นทะเบียนบัญชีคนจนให้เงินช่วยเหลือ ที่บางพื้นที่ประชาชนลงทะเบียนไม่ทันนั้น การขึ้นทะเบียนคนจนไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่ยังมีบางคนบิดเบือนว่า หากขึ้นทะเบียนแล้ว รัฐบาลจะเข้าไปล้วงข้อมูลส่วนตัว ขณะที่หนังสือพิมพ์ก็โจมตีว่าตนประชาสัมพันธ์ไม่ทั่วถึง ทั้งที่พูดจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว อย่างไรก็ตามใครที่ยังไม่ลงทะเบียน ข้อให้รอการเปิดลงทะเบียนครั้งหน้า ที่จะมีขึ้น
วานนี้ (14 ธ.ค.) ที่ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 และการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2560 เพิ่มเติม แก่ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อเป็นแนวทางการในการจัดทำงบประมาณให้มีความสอดคล้องและเชื่อมโยงกับร่างกรอบยุทธศาสตร์ 20 ปี และ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ทั้งด้านความมั่นคง วาระการปฎิรูปประเทศ และแผนหลักอื่นๆ โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทาง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าวันนี้เรากำลังเดินหน้าประเทศทั้งระบบเพื่อไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งตนคิดว่าไม่น่าจะผิดไปจากการวางนโยบายไว้ แต่ทั้งหมดต้องอาศัยความร่วมมือ และความเข้าใจที่ตรงกันจากทุกภาคส่วน ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด จะต้องทำให้เกิดความร่วมมือกันให้ได้โดยเร็ว ถ้าอนาคตเราสามารถทำให้มีความเชื่อมโยงกันได้ในทุกมิติ ประเทศไทยจะเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน
ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนมองอนาคตร่วมกัน ถ้าเรายังคิดแบบเดิมไม่ยอมคิดนอกกรอบ มันก็คิดอะไรไม่ออก เพราะจะติดปัญหาทุกอย่าง ทั้งกฎหมาย ระเบียบ กติกา ซึ่งเราจำเป็นต้องปรับปรุงให้ทันสมัย สามารถดำเนินการได้ ที่ผ่านมา 2 ปี เราพยายามแก้ปัญหาเหล่านี้ ด้วยการบูรณาการ การเริ่มต้นการทำงานทั้งหมด รวมทั้งการแก้ปัญหา ดังนั้นทุกคนจะต้องสร้างความหวัง สร้างอนาคตร่วมกันให้กับประเทศ
ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญตามที่รัฐบาลวางไว้ ในปีงบประมาณ 2561 การจัดทำงบประมาณ ต้องเกิดความคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อน เกิดการบูรณาการอย่างแท้จริง ดังนั้นทุกคนจะต้องร่วมกันคิด และวางแผน และนำปัญหาจากงบประมาณปี 2560 มาปรับปรุงพัฒนาแก้ไข เปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น เราต้องทำให้ทุกอย่างเชื่อมโยงกันให้ได้ในทุกๆ ระบบถึงจะสามารถทำให้ทุกคนมีความสุข เป็นระบบประชาธิปไตยที่ถูกต้องสมบูรณ์ การทุจริตผิดกฎหมาย ผู้มีอิทธิพล จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกในประเทศไทย โดยการน้อมนำศาสตร์พระราชา ซึ่งเป็นศาสตร์ในการบริหารราชการแผ่นดินมาประยุกต์ใช้
**ร.10ให้ใช้ศาสตร์ของพระราชาพัฒนาปท.
"สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ ทรงรับสั่งกับรัฐบาลและรัฐมนตรีบางท่านว่า ขอให้รัฐบาลทำหน้าที่ เพื่อให้ประชาชนมีความสุขให้มากที่สุดในรัชกาลปัจจุบัน โดยใช้แนวทางของสมเด็จพระบรมชนกนาถ ซึ่งได้ทรงทำมาตลอด 70 ปีที่ผ่านมา ท่านทรงให้สืบสานต่อในสิ่งเหล่านี้ ไม่ให้เสื่อมถอยหรือน้อยลงไปกว่าเดิม ท่านทรงรับสั่งด้วยความห่วงใย ในสิ่งสำคัญหลักๆ คือเรื่องของการศึกษา การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การสาธารณสุข การเสริมสร้างอาชีพรายได้ และคุณภาพชีวิต สิ่งสำคัญจะต้องทำให้ประเทศชาติสงบสุข สันติ ไม่มีความขัดแย้ง ดังนั้นพวกเราทุกคนจะต้องสนองพระราชปณิธานของพระองค์ท่านตามแนวทางของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ โดยใช้ศาสตร์พระราชาของพระบรมชนกนาถ รัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้นกับประชาชน และพวกเรารัฐบาลจะต้องสนองต่อสิ่งที่พระองค์ทรงรับสั่งไว้ และแนวทางของยุทธศาสตร์ชาติ ที่จะทำให้ประเทศมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงมีรับสั่งไว้วางการพัฒนาประเทศไทยจำเป็นต้องมีการพัฒนาคู่ขนานกัน ไม่ใช่พัฒนาโดยใช้แนวทางตะวันเพียงอย่างเดียว จะต้องใช้ของตะวันออกควบคู่ไปด้วย เพราะแบบตะวันตก อาจทำให้ทุกอย่างพัฒนาเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่อาจจะไม่ยั่งยืน จนเกิดผลกระทบและความเสี่ยงต่างๆ การพัฒนาแบบตะวันออก อาจจะช้าแต่มีความมั่นคงมากกว่า หากเราสร้างความเข้มแข็งระดับฐานรากได้ ก็จะเติบโตไปอย่างมั่นคง ในเรื่องของงบประมาณ ถือเป็นปัญหาหนึ่งที่สำคัญในการบริหารประเทศ ทั้งการจัดสรร และการใช้จ่าย เราจึงจำเป็นต้องใช่ศาสตร์พระราชา เศรษฐกิจพอเพียง และการบริหารประเทศตะวันตกและตะวันออก คู่ขนานไปด้วยกัน เป็น 3 ห่วง 2 เงื่อนไข การใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกันที่ดี" นายกรัฐมนตรี กล่าว
**ลั่นต้องเชื่อต่อรถไฟฟ้าให้ได้
นายกฯ กล่าวด้วยว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตนพยายามขับเคลื่อนศาสตร์พระราชาไปยังประเทศอื่นด้วย เพราะจะทำให้เกิดความยั่งยืนให้กับทุกประเทศที่กำลังพัฒนา ไม่ใช่แค่ไทย โดยกว่า 28 ประเทศได้นำไปใช้แล้วได้ผล และยินดีกับประเทศไทยที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ เราอยู่กับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มา 70 ปี ซึมซับแนวทางมาตลอด และวันนี้สมัยปัจจุบันสืบต่อเนื่องประวัติศาสตร์ไทยกว่า 800 ปี ซึ่งต้องเรียนรู้ไม่ให้เกิดปัญหา
"รัฐบาลมีหน้าที่ต้องดูแลอย่างทั่วถึง ต้องไม่ประมาทต่อความเสี่ยงในอนาคต ถ้าประเทศและสังคมอ่อนแอ ประเทศจะล้มเหลว เพราะประชาชนไม่มีคุณภาพ รอแต่การช่วยเหลือรัฐบาล ขณะที่รัฐบาลก็หาเงินอุดไปจนไม่พอกลายเป็นประเทศล้มเหลว ดังนั้นต้องตั้งหลักกันใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อรัฐบาลในอนาคต ที่ต้องใช้จ่ายงบประมาณอย่างรัดกุม"
นายกฯ กล่าวว่า การขึ้นทะเบียนผู้มีรายได้น้อยการโอนเงินมีปัญหาหมด เพราะเราไม่เคยสร้างระบบเหล่านี้ขึ้นมา ระบบการตรวจสอบถ่วงดุลที่ผ่านมาไม่ชัดเจน เป็นของหน่วยงานใดเพียงที่เดียว ไม่ทันสมัย ใช้ร่วมกันไม่ได้ ฉะนั้นวันนี้ข้อมูลต้องทันสมัย ถูกต้อง เป็นข้อมูลเดียวกันในการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนั้นอยากให้ทุกคนไปทบทวน มีการใช้ศาสตร์พระราชาให้ครบ ทั่วถึง และให้นำหลักการทรงงานเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจปฏิบัติ ต้องสอนให้ประชาชนเรียนรู้ตั้งแต่วันนี้ ว่าเรากำลังเดินหน้าประเทศกันอย่างไร ที่ผ่านมาเวลาเอาโครงการไปลง ทำประชาพิจารณ์ก็ไม่ผ่าน โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ ตนจึงบอกให้จำแนกเป็นโครงการขนาดเล็ก แต่ไม่ทิ้งโครงการใหญ่ แต่ทำในส่วนที่ทำได้ก่อน ถ้ารองานจะติดทั้งหมด เดินต่อไม่ได้ทั้งชาตินี้ชาติหน้า ขอให้ไปทบทวนโครงการขนาดใหญ่ทั้งหมด จำแนกย่อยมาใหม่ ให้เกิดประโยชน์ทั้งต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ถ้ามีแต่ต้นทางตนไม่ให้ และบูรณาการกระทรวงที่เกี่ยวข้องด้วย ทั้งนี้ติดว่าเพียงงบประมาณปี 61 คงไม่พอ จึงต้องมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
"ผมไม่ได้จะสืบทอดอำนาจอะไรทั้งสิ้น แต่สืบสิ่งที่จะทำให้ประชาชนในสิ่งที่จะเกิดขึ้นอีก 20 ปี ถ้าเขาไม่ทำ เราต้องรับผิดชอบร่วมกัน เพราะเลือกรัฐบาลมา ฉะนั้นต้องกำกับดูแลกัน เพียงมีแต่แผนที่และเข็มทิศนำทางให้เขาเดินในกรอบ ทำเส้นทางเชื่อมโยงที่ชัดเจน สอดคล้องแผนพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เออีซี " นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า เรื่องรถไฟฟฟ้า จะทำไปทำไมถ้ามันเชื่อมต่อกันไม่ได้ วันนี้ 1 ก.ม. ยังต่อไม่ได้ แต่จะต้องต่อให้ได้ในรัฐบาลนี้ ถ้าต่อไม่ได้ ตนจะเล่นงานคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องทำ เดี๋ยวจะทำเอง 2-3 ปีแล้วติดอยู่นั่น ไม่รู้ติดอะไรนักหนา อ้างกฎระเบียบ ตนบอกแล้วจะดูให้ ขอให้บอกมา จะแก้ให้
** ต้องทำจากจุดเล็กไปหาจุดใหญ่
นายกฯ กล่าวว่า ถ้าเราวางกรอบไม่ได้ เราก็วางแผนงานไม่ได้ มันก็จะไม่เกิดประโยชน์กับประชาชนตามที่คาดหมายไว้ วันนี้โลกเจริญขึ้น หลักการในหลวงมีอยู่แล้ว แก้ปัญหาจากจุดเล็ก มองปัญหาภาพรวมอยู่เสมอ มองผลสัมฤทธิ์ไว้ล่วงหน้า เพื่อให้เห็นว่าเราจะเดินหน้าไปอย่างไร เริ่มจากจุดเล็กๆ ที่คนส่วนใหญ่มองข้ามตรงนี้ แต่ต้องมองบนพื้นฐานประชาชนเป็นศูนย์กลาง นี่คือหลักการสำคัญ ถ้าเราทำระบบใหญ่ไม่ได้ ก็ทำระบบเล็กก่อน เพื่อทำให้เห็น ทำให้คนอยู่รอบๆ เห็นดีด้วย ถ้าไปบอกทำแบบใหญ่ๆ จะคิดได้ว่า จะมีการโกงกันอีก เพราะความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน เราต้องทำตามลำดับขั้น บนพื้นฐานพอมีพอกิน ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และหลักทำให้ประชาชนมีความสุขทุกมิติ สอดคล้องกฎหมายที่มีขึ้นมาใหม่ ใช้งบฯอย่างมีลำดับ เลือกทำสิ่งที่จำเป็นก่อน
"อยากให้ทุกคนคิดแบบผมคิดถึงจะไปได้ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เราไมได้คิดเอง เพราะมีความเห็น มีคณะกรรมการ มีการฟังความคิดเห็นทั้งสภาปฏิรูป นักวิชาการ ข้าราชการ และนักการเมืองที่เขามาร่วมมือ มีไม่ร่วมมือก็คงรู้ อะไรกูก็ไม่ฟังทั้งสิ้น จะฟังแต่ความเห็น จะฟังแต่รัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่มาร่วม พอถึงเวลาก็วุ่นวาย ขอปลดล็อก มันยังไม่ปลดล็อกตัวเอง แล้วจะไปปลดใครได้ ผมก็ไม่ปลดล็อกให้หรอก วันนี้ต้องร่วมมือกันก่อน จะทำให้ปลดล็อกทุกคนได้หมด ถ้าไม่ร่วมมือ ไม่ฟัง ไม่แสดงความคิดเห็น เอาแต่ได้ ผมก็ไม่ปลดล็อก แต่จะใส่ล็อกเพิ่มขึ้นอีกชั้นด้วย" นายกฯ กล่าว
นายกฯกล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมา แก้ปัญหาหมดทุกอันแล้ว เพียงแต่ว่าปีนี้ และงบฯปี 61 จะต้องทำให้เป็นระบบให้ได้ และต้องถึงปลายทาง ให้ทุกกระทรวงไปรื้อดูว่าสิ่งที่ทำไปแล้ว ยังใช้ประโยชน์ไม่ได้ ก็กลับไปใช้ประโยชน์ให้ได้ โดยใช้งบฯ ปี 60 เสริมเข้าไป ถ้าเป็นไปได้ควรใช้งบฯ ปี 61 เสริมเข้าไป เพื่อให้เกิดระบบ ทั้งนี้ ปี 60-64 อยู่ในยุทธศาสตร์แรก 5 ปี ทำให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด วันนี้ถ้าไม่ทำแผนต่างๆ ให้สอดคล้องกับสิ่งที่ตนพูดในวันนี้ ท่านจะไม่ได้รับงบฯ ตนได้สั่งการสำนักงบประมาณไปแล้ว และวันนนี้ขอสั่งการอีกครั้ง ให้ทุกกระทรวงแต่งตั้งผู้รับผิดชอบในการบูรณการ เรื่องของการปฏิบัติให้ชัดเจน ต้องชี้แจงให้ได้ ซึ่งรัฐมนตรีชี้แจงกับตนได้อยู่แล้ว แต่ตนจะเล่นงานคนที่รัฐมนตรี หรือปลัดกระทรวงมอบหมายทำตรงนี้ แต่ปลัดกระทรวง ก็ไม่ได้รอดตัว ถ้าคนที่มอบหมายมาชี้แจงไม่รู้เรื่อง ปลัดกระทรวงก็โดนด้วย
** เตรียมเปิดลงทะเบียนคนจนอีกรอบ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึง การขึ้นทะเบียนบัญชีคนจนให้เงินช่วยเหลือ ที่บางพื้นที่ประชาชนลงทะเบียนไม่ทันนั้น การขึ้นทะเบียนคนจนไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่ยังมีบางคนบิดเบือนว่า หากขึ้นทะเบียนแล้ว รัฐบาลจะเข้าไปล้วงข้อมูลส่วนตัว ขณะที่หนังสือพิมพ์ก็โจมตีว่าตนประชาสัมพันธ์ไม่ทั่วถึง ทั้งที่พูดจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว อย่างไรก็ตามใครที่ยังไม่ลงทะเบียน ข้อให้รอการเปิดลงทะเบียนครั้งหน้า ที่จะมีขึ้น