xs
xsm
sm
md
lg

“สมยศ” ลั่นกู้ศรัทธาภาพลักษณ์ ตร.คืนสู่ประชาชน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร.
ว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ ยืนยันจะทำหน้าที่เต็มภาระกำลัง พร้อมเรียกความศรัทธาภาพลักษณ์ ตร.กลับคืนสู่ประชาชน รับปากเดินหน้าปฏิรูปโครงสร้างตำรวจ ยอมรับภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการแข่งขันกันทำหน้าที่ แต่ไม่แตกความสามัคคี



วันนี้ (20 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่ได้รับเลือกให้เป็น ผบ.ตร.ว่า ตนขอขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ตลอดจนคณะกรรมการ ก.ต.ช.ทุกท่านที่ได้มีการสนับสนุนตนและมอบความไว้วางใจให้แก่ตนมาปฏิบัติหน้าที่ ผบ.ตร.ซึ่งถือว่าเป็นเกรียติแก่ตัวเองและวงศ์ตระกูลที่มีโอกาสได้รับตำแหน่งสำคัญ ถึงแม้จะเป็นตำแหน่งที่ต้องมีภารกิจมากมายและเป็นงานที่หนักที่รออยู่ในอนาคตก็ตาม แต่ตนก็มีความภาคภูมิใจโดยในส่วนที่ได้มีการมอบหมายภารกิจให้รับผิดชอบ ถึงแม้ว่าจะเป็นภารกิจที่หนักและท้าทาย ตนก็ยินดีที่จะรับและปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้สมกับ ก.ต.ช.ได้ให้การไว้วางใจแก่ตน การแต่งตั้งในครั้งนี้ ตนยืนยันว่าไม่มีการทาบทามไว้ก่อนแต่อย่างใด และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตนมั่นใจว่าเกิดขึ้นจากการที่ตนมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ และทำงานอย่างเต็มที่จนผู้หลักผู้ใหญ่มองเห็น และผลงานที่ออกมาก็เป็นรูปธรรมสามารถจับต้องได้

พล.ต.อ.สมยศกล่าวต่อว่า ตนจะเป็น ผบ.ตร.ที่จะทำให้ประชาชนรักตำรวจเท่าที่จะทำได้ ได้มีการเสนอวิสัยทัศน์ต่อ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร.ไปแล้ว โดยระบุว่าสิ่งแรกที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด คือ จะธำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์และความมั่นคงของประเทศ และในส่วนที่ตนตั้งใจไว้ในการที่เข้ามารับตำแหน่งเป็นเวลาเพียง 1 ปีนั้น สิ่งที่คาดหวังและจะพยายามทำให้ได้ คือ 1. จะสร้างความสามัคคีและสร้างขวัญกำลังใจในหมู่ข้าราชการตำรวจ 2. จะสร้างสวัสดิการ ทำให้ข้าราชการตำรวจเป็นอยู่อย่างสุขสบายตามสมควร ตลอดจนการสร้างที่พักให้กับข้าราชการตำรวจอย่างเพียงพอ และ 3. จะสร้างความศรัทธาจากประชาชนที่มีต่อข้าราชการตำรวจทั้งประเทศ และสร้างความผาสุกให้แก่ประชาชน ตลอดจนสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอีกด้วย

รอง ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า สิ่งใดที่เป็นความคาดหวังของผู้บังคับบัญชา ตนจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยที่จะทำงานในช่วงเวลา 1 ปีอย่างเต็มความสามารถ จะใช้พลังกาย สติปัญญา ตามความสามารถ และที่สำคัญคือ ตนพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับข้าราชการทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตนเชื่อมั่นว่าสามารถทำงานกับฝ่ายทหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากองค์ประกอบหลายๆ อย่างของตนนั้น ทั้งในเรื่องที่ตนได้ศึกษาในโรงเรียนเตรียมทหาร โรงเรียนนายร้อยตำรวจ มีทั้งพี่ เพื่อน และน้อง มีความเคารพนับถือและมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ตรงนี้เป็นจุดแข็งของตน และจะนำจุดแข็งที่ตนมีอยู่ประกอบกับการที่ตนเป็นคนชอบรับฟังความคิดเห็น ก็จะยอมทำงานทุกๆ อย่างที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวม โดยเฉพาะการที่จำให้เกิดผลประโยชน์แก่ประเทศชาติ ตนจะยอมทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้คนที่ให้การสนับสนุนตนต้องเกิดความผิดหวัง

“อย่างที่เคยเรียนมาตั้งแต่ต้นว่าผมเป็นลูกคนธรรมดา เป็นเด็กบ้านนอก การก้าวมาถึงตรงนี้จนเป็นข้าราชการตำรวจที่มียศถึงพลตำรวจเอกก็นับว่าเป็นบุญวาสนาแล้ว แต่ในส่วนที่เป็นผู้นำสูงสุดของ ตร.ก็ถือเป็นวาสนาสูงสุดในชีวิตและวงศ์ตระกูล ตรงนี้ก็ไม่เคยเป็นสิ่งที่คาดหวัง แต่เมื่อได้รับการมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาก็จะทำงานในตำแหน่งนี้ให้เต็มที่ที่สุดเพื่อไม่ท่านผิดหวัง” พล.ต.อ.สมยศกล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กดดันหรือไม่ที่ได้รับตำแหน่ง ผบ.ตร.ในยุคที่สังคมคาดหวังกับตำรวจมากว่าจะต้องมีการปฏิรูปตำรวจให้เป็นตำรวจที่สังคมต้องการ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ถือเป็นสิ่งที่ท้าทายว่าสิ่งที่สังคมคาดหวัง ตนจะทำได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่ที่ความร่วมมือของข้าราชการตำรวจทั้งประเทศซึ่งประชาชนคาดหวังอะไรไว้ เราก็ต้องทำในสิ่งที่ประชาชนคาดหวังเพราะเราเป็นข้าราชการกินภาษีประชาชน อย่างที่ได้กล่าวไว้ในเบื้องต้น คือ การสร้างขวัญกำลังใจของข้าราชการตำรวจด้วยกันก่อน ถ้าข้าราชการตำรวจมีขวัญกำลังใจ มีสวัสดิการที่ดีก็มีกำลังใจหรือสติปัญญาในการดูแลทุกข์สุขของประชาชนต่อไป

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ช่วงตลอดต้นเดือนที่ผ่านมามีการมองว่าภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการแข่งขันกันจนถึงขั้นแตกความสามัคคี ในเรื่องนี้หัวหน้า คสช.ก็ได้ให้ความสำคัญ ตรงนี้เมื่อท่านขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.แล้วจะทำอย่างไรเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ตรงนี้ตนยังไม่ได้พบกับ พล.ต.อ.วัชรพล ถ้าได้พบท่านคงมีอะไรมากมายที่หัวหน้า คสช.ได้ฝากมา โดยเป็นนโยบายที่ตนต้องน้อมรับและนำไปปฏิบัติ ส่วนเรื่องความแตกแยกในสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ตนเชื่อว่าไม่มีการแตกความสามัคคีแน่นอน และเชื่ออีกว่าตนสามารถทำงานกับทุกคนได้เป็นอย่างดี ในส่วนของการแข่งกันทำงานถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะถ้าตำรวจแข่งกันทำงาน คนที่จะได้รับประโยชน์ก็คือประชาชนและประเทศชาติ

เมื่อถามว่าการแต่งตั้งหลังจากนี้มีการมองว่าท่านจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางคนให้ในการแต่งตั้งระดับผู้บัญชาการหน่วยสำคัญต่างๆ ท่านคิดหรือยังว่าแนวทางในการแต่งตั้งจะเป็นอย่างไร รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า เนื่องจาก พล.ต.อ.วัชรพลยังปฏิบัติหน้าที่จนถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้ ซึ่งต้องให้เกียรติท่านอย่างเต็มที่ ตนจะไม่ก้าวล่วงหรือไปมีส่วนเกี่ยวข้อง จนทำให้ท่านต้องอึดอัด จึงขอให้ท่านทำงานอย่างเต็มที่ ท่านเห็นอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น ตนเห็นด้วยอย่างเต็มที่

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า อะไรที่อยู่ในตัวท่านจนทำให้ถูกเลือกเป็น ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า สิ่งหนึ่งคือการที่ตนตั้งใจทำงาน และทำงานอย่างจริงจัง ทุ่มเทกำลังกาย สติปัญญา หรือความสามารถทุกอย่าง ตนได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่จนทำให้กลายเป็นจุดแข็งของตน เพราะการทำงานต่างๆ ที่ผ่านมางานใดที่ตนได้รับผิดชอบตนจะทุ่มเทอย่างเต็มที่ ทำทุกอย่างและจะมีการคิดแบบใหม่ ทำแบบใหม่ อะไรเป็นสิ่งที่ลองผิด ลองถูกแต่ไม่ได้ผลก็จะมีการหาวิธีใหม่ๆ มาดำเนินการ เพราะบางครั้งวิธีเก่าๆ แบบเก่าๆ แก้ปัญหาไม่ได้หรือใช้ไม่ได้ผลก็ต้องหาวิธีที่ใหม่กว่าและดีกว่ามาทำให้เกิดผล ตนยืนยันเลยว่าจะเป็น ผบ.ตร.ที่คิดต่าง และคิดนอกกรอบ เพราะจากการทำงานที่ตนได้รับผิดชอบมา เชื่อว่าสิ่งที่ตนจะทำ การที่ตำรวจจะดูแลประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าชีวิตร่างกายและทรัพย์สิน ต้องมีความสุขสบาย อยู่ดีกินดีในระดับหนึ่ง มิเช่นนั้นหากไม่ทำเช่นนี้ตำรวจก็จะไม่มีจิตใจในการทำงานอย่างอื่น เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่ตนจะทำคือ ดูแลทุกข์สุขของข้าราชการตำรวจเป็นลำดับแรก


กำลังโหลดความคิดเห็น