“วัชรพล” ชี้กลาง ส.ค. รู้ตัว “ผบ.ตร.” ปัดมีคนในใจย้ำ 5 บิ๊ก ตร.มีโอกาส หลังได้รับคำชี้แจงวิสัยทัศน์ ระบุโจทก์ใหญ่ของ ผบ.ตร.คนใหม่ ต้องกล้าปฏิรูปการเมือง และปฏิรูปตำรวจ
วันนี้ (28 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีการพิจารณาเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.คนต่อไป หลังจากให้รอง ผบ.ตร. และจเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ส่งประวัติ ผลงาน และวิสัยทัศน์ให้พิจารณา เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า ได้รับวิสัยทัศน์ของรอง ผบ.ตร.และ จตช.ทั้ง 5 คนแล้ว เริ่มดูไปบ้างแล้ว ได้กำหนดหัวข้อให้เขียนวิสัยทัศน์มาความยาวไม่เกิน 2 หน้ากระดาษ ตอนนี้อยู่ในขั้นพิจารณา โดยหลักในการพิจารณาเลือก ผบ.ตร.กฎหมายตำรวจให้พิจารณาจากปัจจัย ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ วิสัยทัศน์ อาวุโส ผลงาน โดยการพิจารณาวิสัยทัศน์เป็นมิติที่ดี เป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้เห็นว่าผู้ที่มีสิทธิขึ้นมาเป็น ผบ.ตร. มีแนวคิดอย่างไรในการนำพาองค์กรตำรวจที่มีคน 215,000 คน และมีหน้าที่สำคัญมากในการดูแลความสงบเรียบร้อย การพิจารณาคัดเลือกต้องดูหลายองค์ประกอบไม่สามารถบอกเป็นสัดส่วนได้ว่าใช้ปัจจัยใด กี่เปอร์เซ็นต์ สำหรับเรื่องความอาวุโสที่กฎหมายไม่ระบุว่าต้องพิจารณาเรียงอาวุโส แต่ให้นำมาเป็นองค์ประกอบเท่านั้น
พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่พิจารณา ยังไม่มีใครคนใดคนหนึ่งในใจ ขณะนี้ รอง ผบ.ตร.และ จตช.ทุกคนตั้งใจทำงาน ตนให้สำนักงานกำลังพลจัดทำประวัติการรับราชการ ผลงานของทั้ง 5 คน มาพิจารณาประกอบวิสัยทัศน์ ตอนนี้ทั้ง 5 คนได้รับการพิจารณาทั้ง 5 คน มีโอกาสเท่ากัน
สำหรับคุณสมบัติของ ผบ.ตร.ต้องทุ่มเท เสียสละ มุ่งมั่น ตั้งใจ ซื่อสัตย์สุจริต มีวิสัยทัศน์ กล้าคิด ช่วงที่ผ่านมาประชาชน เรียกร้อง 2 เรื่อง คือ ปฏิรูปการเมือง และปฏิรูปตำรวจ เพราะฉะนั้นการปฏิรูปตำรวจเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทั้ง 5 ท่าน ต้องไปคิด ถึงความคาดหวังของพี่น้องประชาชนที่อยากเห็นตำรวจเป็นอย่างไร ในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้ง 5 คนต้องคิดว่าพร้อมที่จะนำองค์กรไปตามความคาดหวังของประชาชนหรือไม่ อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ว่าจะเห็นชอบตามที่ผมเสนอไปหรือไม่ หากเสนอแล้ว ก.ต.ช.ไม่เห็นชอบ ต้องกลับมาทบทวนแล้วเสนอใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่าต้องมีการหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.ที่เป็นประธานก.ต.ช.ก่อนหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า ต้องไปคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ ในประเด็นจังหวะเวลาในการแต่งตั้ง ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้วในตนคิดว่าน่าจะแต่งตั้ง ผบ.ตร.ในห้วง 2 สัปดาห์นี้ ประมาณกลางเดือนสิงหาคม เพื่อให้การแต่งตั้งระดับ พล.ต.ต.เสร็จสิ้นภายในเดือนสิงหาคม ตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งฯ แต่หากเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านของการมีนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีก็อนุโลมขอเลื่อนการแต่งตั้งระดับรองลงมาออกไปได้ อย่างไรก็ตาม ต้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ตกลงว่าจะประชุมแต่งตั้ง ผบ.ตร.เมื่อไหร่ แต่ไม่ใช่สัปดาห์นี้ ในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เพื่อแต่งตั้งอนุ ก.ตร. อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ถามถึงรอง ผบ.ตร.หรือ จตช.คนใดเป็นพิเศษ แต่ชื่นชมการทำงานของตำรวจในช่วงนี้ว่ามีความเข้มแข็ง คุมปัญหาอาชญากรรมอย่างเต็มที่ ตนชื่นชมรอง ผบ.ตร.ทุกคนที่ตอนนี้ช่วยกันทำงาน
เมื่อถามว่าการที่ คสช.มอบหมาย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร.ด้านความมั่นคงให้ไปกำกับดูแลเหตุระเบิดรถยนต์ที่ อ.เบตง จ.ยะลา เป็นการบอกกลายๆ หรือไม่ว่าไว้วางใจเป็น ผบ.ตร.คนต่อไป รรท.ผบ.ตร.กล่าวว่า งาน 3 จังหวัดภาคใต้เป็นเรื่องความมั่นคง ตนติดราชการพื้นที่อื่นๆ จึงให้ พล.ต.อ.สมยศไปดู การมอบหมายงานให้ พล.ต.อ.สมยศดูงานความมั่นคงก็ไม่มีอะไรพิเศษ ทุกหน้างานมีความสำคัญ ทั้งยาเสพติดที่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.กำกับอยู่
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการมองว่า พล.ต.อ.สมยศ คือตัวเต็ง พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า ทั้ง 5 คนมีความเหมาะสม ขึ้นอยู่กับบทบาทของงานสื่อมวลชน พี่น้องประชาชนสนใจประเด็นอะไร งานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมก็สำคัญ รอง ผบ.ตร.-จตช.ทุกคนยังมีโอกาส ถึงวันที่ต้องเลือกตนไม่ลำบากใจ แต่คงสบายใจด้วยซ้ำที่ได้เสนอ แล้วเสร็จ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ก.ต.ช. เชื่อว่าเมื่อเลือกใครคนใดคนหนึ่งเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาความขัดแย้ง ตำแหน่ง ผบ.ตร.เป็นตำแหน่งสูงสุดตำแหน่งเดียว ก็ต้องเลือกคนเดียว ส่วนกรณี พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (สบ 10) หากมีการโปรดเกล้าฯ เป็นรอง ผบ.ตร.ก่อนการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องพิจารณาด้วย