xs
xsm
sm
md
lg

ก.ต.ช.มติเอกฉันท์ “สมยศ” ผงาด ผบ.ตร.คนที่ 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ที่ประชุม ก.ต.ช.มีมติเป็นเอกฉันท์ แต่งตั้ง “สมยศ” นั่ง ผบ.ตร.คนที่ 10 “วัชรพล” เผยเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่เพียงชื่อเดียว ย้ำมีคุณสมบัติด้านมิติความมั่นคง เหตุบ้านเมืองอยู่ในภาวะไม่ปกติ และผลงานเป็นที่ประจักษ์ ว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ ยันจะเร่งสร้างขวัญกำลังใจให้ตำรวจ และทำให้ประชาชนรักตำรวจให้ได้ เผยองค์กรมีแต่แข่งขันกันทำหน้าที่ ไม่มีแตกแยก

วานนี้ (20 ส.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เพื่อพิจารณาแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ (คนที่ 10) โดยคณะกรรมการประกอบด้วยนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม นายสมศักดิ์ โชติรัตนศิริ ผอ.สำนักงบประมาณ และ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาการราชการแทน ผบ.ตร. ซึ่งเป็นกรรมการและเลขานุการโดยตำแหน่ง

นายชาญเชาวน์เปิดเผยว่า ก.ต.ช.ได้มีมติเห็นชอบให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. ขึ้นเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ หลังจากใช้เวลาในการหารือ 1 ชั่วโมง 15 นาที

“วัชรพล” เผยเสนอชื่อ “บิ๊กอ๊อด” คนเดียว

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ที่ประชุม ก.ต.ช.มีมติเลือก พล.ต.อ.สมยศ เป็น ผบ.ตร.คนใหม่ ซึ่งเป็นการพิจารณาเลือกจากรอง ผบ.ตร. และจเรตำรวจแห่งชาติ 5 ท่าน ที่ยังเหลืออายุราชการอยู่หลังวันที่ 30 ก.ย. 2557 โดยตนเสนอชื่อ พล.ต.อ.สมยศ เพียงชื่อเดียว ซึ่งที่ประชุมได้มีการอภิปรายกัน ก่อนลงมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ โดยไม่ได้มีการโหวตในที่ประชุมแต่อย่างใด และการประชุมวันนี้ นับเป็นการประชุมครั้งแรก หลังมีการปรับโครงสร้าง ก.ต.ช. ซึ่งกำหนดให้ ผบ.ตร.เป็นผู้เสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ให้ที่ประชุมเห็นชอบ

สำหรับเหตุผลที่เลือก พล.ต.อ.สมยศ เพราะมองว่าในอนาคตข้างหน้า มิติเรื่องความมั่นคง เป็นมิติที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะบ้านเมืองอยู่ในสภาวะไม่ค่อยปกติ ขณะที่ประธาน ก.ต.ช.เห็นว่า พล.ต.อ.สมยศมีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำตำรวจ จะทำงานในมิติด้านความมั่นคงร่วมกับรัฐบาลได้

“ตามประกาศ คสช.ให้คัดเลือก ผบ.ตร. จากรอง ผบ.ตร.และ จตช. หากมองเรื่องอาวุโส ทุกคนก็อาวุโสหมด แต่การทำงานในช่วงที่ผ่านมา ทุกคนก็ตั้งใจทำงานกันเต็มที่ แต่มิติงานด้านความมั่นคงที่ผ่านมา การสืบสวนคดีความมั่นคง พล.ต.อ.สมยศ ก็สามารถทำได้สำเร็จ มีการจับกุม ยึดอาวุธสงคราม วัตถุระเบิดได้เป็นจำนวนมาก คดีต่างๆ ซึ่งในอดีตไม่สามารถสืบสวนจับกุมก็สามารถจับกุม ออกหมายจับผู้ก่อเหตุได้ ทำให้คดีมีความชัดเจนขึ้น” พล.ต.อ.วัชรพลกล่าว

ทั้งนี้ ในที่ประชุม พล.อ.ประยุทธ์ได้ย้ำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติอำนวยความยุติธรรมในทุกมิติ การดำเนินคดีและอำนวยความยุติธรรมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติระยะที่ 2 การทำงานร่วมกับทหาร ข้าราชการพลเรือน และจังหวัด และจะต้องไม่ไปเกี่ยวข้องกับผู้ทำผิดกฎหมาย รวมทั้งต้องให้ความสำคัญกับการเอาผิดกับผู้ที่หมิ่นสถาบัน

“สมยศ” ลั่นกู้ศรัทธา-ภาพลักษณ์ตำรวจ

พล.ต.อ.สมยศกล่าวถึงกรณีที่ได้รับเลือกให้เป็น ผบ.ตร.ว่า ตนขอขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้า คสช. ตลอดจนคณะกรรมการ ก.ต.ช.ทุกท่าน ที่ได้ให้การสนับสนุนตน และมอบความไว้วางใจให้แก่ตนมาปฏิบัติหน้าที่ ผบ.ตร. ซึ่งถือว่าเป็นเกียรติแก่ตัวเองและวงศ์ตระกูลที่มีโอกาสได้รับตำแหน่งสำคัญ ถึงแม้จะเป็นตำแหน่งที่ต้องมีภารกิจมากมายและเป็นงานหนักที่รออยู่ในอนาคต แต่ตนก็มีความภาคภูมิใจ และพร้อมทำหน้าที่ เพื่อให้สมกับ ก.ต.ช.ได้ให้การไว้วางใจ ซึ่งการแต่งตั้งในครั้งนี้ ตนยืนยันว่า ไม่มีการทาบทามไว้ก่อนแต่อย่างใด และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ตนมั่นใจว่า เกิดขึ้นจากการที่ตนมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ และทำงานอย่างเต็มที่จนผู้หลักผู้ใหญ่มองเห็น และผลงานที่ออกมาก็เป็นรูปธรรมสามารถจับต้องได้

สำหรับสิ่งที่ตั้งใจทำหลังจากเข้ามารับตำแหน่ง ซึ่งจะมีเวลาเพียง 1 ปีนั้น คือ 1. จะสร้างความสามัคคีและสร้างขวัญกำลังใจในหมู่ข้าราชการตำรวจ 2. จะสร้างสวัสดิการ ทำให้ข้าราชการตำรวจเป็นอยู่อย่างสุขสบายตามสมควร ตลอดจนการสร้างที่พักให้กับข้าราชการตำรวจอย่างเพียงพอ และ 3. จะสร้างความศรัทธาจากประชาชนที่มีต่อข้าราชการตำรวจทั้งประเทศ และสร้างความผาสุกให้กับประชาชนตลอดจนสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

“สิ่งแรกที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำ คือ จะธำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์และความมั่นคงของประเทศ และตั้งใจจะเป็นผบ.ตร. ที่จะทำให้ประชาชนรักตำรวจเท่าที่จะทำได้”

มั่นใจประสานทำงานทหาร-ตำรวจได้

พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เชื่อมั่นว่าสามารถทำงานกับฝ่ายทหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากองค์ประกอบหลายๆ อย่างของตนนั้น ทั้งในเรื่องที่ตนได้ศึกษาในโรงเรียนเตรียมทหาร โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ซึ่งมีทั้งพี่ เพื่อน และน้อง มีความเคารพนับถือ และมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ซึ่งตรงนี้เป็นจุดแข็งของตน และจะนำจุดแข็งที่ตนมีอยู่ ประกอบกับการที่ตนเป็นคนชอบรับฟังความคิดเห็น ก็จะยอมทำงานทุกๆ อย่างที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวม โดยเฉพาะการที่จำให้เกิดผลประโยชน์แก่ประเทศชาติ ตนจะยอมทำทุกอย่าง เพื่อไม่ให้คนที่ให้การสนับสนุนตนต้องเกิดความผิดหวัง

“อย่างที่เคยเรียนมาตั้งแต่ต้นว่า ผมเป็นลูกคนธรรมดาเป็นเด็กบ้านนอก การก้าวมาถึงตรงนี้ จนเป็นข้าราชการตำรวจที่มียศถึง พล.ต.อ. ก็นับว่าเป็นบุญวาสนาแล้ว แต่ในส่วนที่เป็นผู้นำสูงสุดของตำรวจ ก็ถือเป็นวาสนาสูงสุดในชีวิตและวงศ์ตระกูล ตรงนี้ก็ไม่เคยเป็นสิ่งที่คาดหวัง แต่เมื่อได้รับการมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา ก็จะทำงานในตำแหน่งนี้ให้เต็มที่ที่สุด เพื่อไม่ท่านผิดหวัง” พล.ต.อ.สมยศกล่าว

ไม่กดดันแม้ถูกสังคมคาดหวังสูง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กดดันหรือไม่ที่ได้รับตำแหน่ง ผบ.ตร.ในยุคที่สังคมคาดหวังกับตำรวจมากว่าจะต้องมีการปฏิรูปตำรวจให้เป็นตำรวจที่สังคมต้องการ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ถือเป็นสิ่งที่ท้าทาย ว่าสิ่งที่สังคมคาดหวังแล้วตนจะทำได้หรือไม่นั้น ก็ต้องขึ้นอยู่ที่ความร่วมมือของข้าราชการตำรวจทั้งประเทศ ซึ่งประชาชนคาดหวังอะไรไว้ เราก็ต้องทำในสิ่งที่ประชาชนคาดหวัง เพราะเราเป็นข้าราชการกินภาษีประชาชน ก็อย่างที่ตนได้กล่าวไว้ในเบื้องต้น คือ การสร้างขวัญกำลังใจของข้าราชการตำรวจด้วยกันก่อน ถ้าข้าราชการตำรวจมีขวัญกำลังใจ มีสวัสดิการที่ดี ก็มีกำลังใจหรือสติปัญญาในการดูแลทุกข์สุขของประชาชนต่อไป

ส่วนเรื่องความแตกแยกในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เชื่อว่าไม่มีการแตกความสามัคคีแน่นอน และเชื่ออีกว่าตนสามารถทำงานกับทุกคนได้เป็นอย่างดี และเห็นว่าการแข่งกันทำงาน ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะถ้าตำรวจแข่งกันทำงาน คนที่จะได้รับประโยชน์ก็คือประชาชนและประเทศชาติ
กำลังโหลดความคิดเห็น