ปัญญาพลวัตร
โดย พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
เป็นที่น่าสังเกตว่า สังคมยุคปัจจุบันข่าวสาร ความคิดและความรู้สึกที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์มีอิทธิพลและสร้างผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนอย่างมหาศาลทั้งทางบวกและทางลบ หากผู้ใดได้รับกระแสหนุนเชิงบวกจากสื่อสังคมออนไลน์ ผู้นั้นก็จะกลายเป็นขวัญใจและประสบความสำเร็จตามที่ปรารถนา แต่หากผู้ใดที่ถูกรุมกระหน่ำด้วยกระแสเชิงลบ ถูกวิจารณ์หรือประณาม สิ่งที่พวกเขาประสบคือความทุกข์ยากราวกับอยู่ในนรก
สื่อสังคมออนไลน์ทำให้ปัจเจกบุคคลมีอำนาจมากขึ้น และพวกเขาก็มักใช้พื้นที่ดังกล่าวแสดงอำนาจออกมา อำนาจที่ถูกแสดงออกมาอยู่ในรูปแบบของการเขียน การพูด และการกระทำในทางบวกหรือทางลบเกี่ยวกับผู้คน เหตุการณ์ หน่วยงาน และเรื่องราวที่อยู่ในความสนใจของพวกเขา และอำนาจดังกล่าวมีพลังในการสร้างผลกระทบอย่างใดอย่างหนึ่งต่อสิ่งที่อยู่นอกอาณาบริเวณของสื่อสังคมออนไลน์ด้วย
การปฏิบัติเชิงบวกในสื่อสังคมออนไลน์เป็นสิ่งที่พบเห็นได้เป็นระยะ ดังการเขียนหรือพูดชื่นชมยกย่องเกี่ยวกับคุณความดีของบุคคลคนใดคนหนึ่งในสังคมออนไลน์จนกลายเป็นกระแสขึ้นมา ก็จะทำให้บุคคลผู้นั้นได้รับรางวัลอย่างใดอย่างหนึ่งจากสังคม ดังกรณี ชายผู้หนึ่งในจังหวัดกระบี่ช่วยเหลือชาวต่างชาติที่ติดในหล่มโคลน ทำให้ชายผู้นั้นได้รับการยกย่องและได้รับรางวัลต่างๆมากมายสังคม หรือการช่วยแชร์ข่าวสารเกี่ยวกับคนหายในสังคมออนไลน์ ได้ทำให้เกิดการค้นหาคนที่หายจนพบ
สำหรับการปฏิบัติเชิงลบก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย ซึ่งโดยส่วนมากมักเป็นการวิจารณ์ ประณาม และประจานพฤติกรรมของบุคคล กลุ่มหรือหน่วยงาน เป้าหมายของการประณามจนกลายเป็นกระแสมีองค์ประกอบที่สำคัญคือ ผู้แสดงพฤติกรรมมักเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและมีสถานภาพในสังคม อาจเป็นดารา นักพูด ข้าราชการและนักการเมือง และพฤติกรรมที่บุคคลเหล่านั้นแสดงออกมามีลักษณะขัดแย้งกับบรรทัดฐานและกฎเกณฑ์ของสังคม บางพฤติกรรมมีความรุนแรง บางพฤติกรรมสะท้อนให้เห็นถึงการปล่อยปละละเลยหน้าที่และความรับผิดชอบ บางพฤติกรรมสะท้อนถึงการเห็นแก่ตัวและเอารัดเอาเปรียบสังคม และบางพฤติกรรมเป็นการละเมิดกฎหมาย เรียกรวมๆว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ตามบรรทัดฐานของสังคมนั่นเอง
การปฏิบัติเชิงลบส่วนมากสร้างผลกระทบทางลบต่อบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นเป้าหมาย บางคนก็ต้องหมดอนาคตในอาชีพของตนเอง บางคนก็ถูกโยกย้าย หรือถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามการปฏิบัติการเชิงลบบางเรื่องกลับสร้างผลในเชิงบวกต่อสังคม อย่างเช่น ทำให้ข้าราชการและหน่วยงานของรัฐได้รับการตรวจสอบ ซึ่งส่งผลให้การทำงานบริการประชาชนมีประสิทธิภาพและมีธรรมาภิบาลมากขึ้น หรือบางเรื่องอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบาย ซึ่งส่งผลให้เกิดความเป็นธรรมในสังคมมากขึ้น และในบางกรณีก็ทำให้ผู้คนต้องมีความระมัดระวังไม่กล้าแสดงพฤติกรรมตามสัญชาตญาณดิบของตนเองออกมามากจนเกินไป
อย่างไรก็ตามการปฏิบัติการทางสังคมในสื่อสังคมออนไลน์มีสิ่งที่ควรระมัดระวังอยู่ไม่น้อย เพราะว่าเมื่อบุคคลสามารถแสดงอำนาจได้อย่างเสรี โดยใช้ความรู้สึก ความเชื่อ ขาดความรับผิดชอบ และไม่ตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นย่อมสร้างความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ง่าย การแสดงอำนาจผ่านสื่อออนไลน์ด้วยความรู้สึกสะใจโดยการประณาม หรือชักชวนให้กระทำสิ่งที่เป็นการลงโทษทางสังคมต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งจึงเป็นเรื่องที่อันตรายอยู่ไม่น้อย
ด้วยความจริงที่ว่าในสื่อสังคมออนไลน์ก็มีข้อมูลข่าวสารทั้งที่เป็นจริงและเป็นเท็จ การตัดสินว่าข่าวสารใดเป็นจริงหรือเท็จจึงเป็นเรื่องที่ควรทำอย่างยิ่ง สำหรับบางเรื่องเราสามารถพิจารณาได้อย่างง่ายดายว่าเป็นจริงหรือเท็จ แต่บางเรื่องซึ่งมีความซับซ้อนก็ยากแก่การแยกแยะ ยิ่งข่าวสารใดที่ถูกเสกสรรปั้นแต่งให้ดูเสมือนเป็นความจริงและน่าเชื่อถือแล้ว ก็ยิ่งทำให้แยกแยะได้ยากยิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้นหากใช้สื่อสังคมออนไลน์โดยขาดความไตร่ตรองและการวินิจฉัยอย่างรอบคอบ ก็ย่อมทำให้จิตใจถูกครอบงำด้วยความรู้สึกและความเชื่อ และย่อมตกเป็นเหยื่อของ “ผู้ปั้นความจริง” และ “กระแสของข่าวสาร” ได้โดยง่าย
ข่าวสารที่ถูกส่งออกไปสู่สาธารณะ ซึ่งตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของความรู้สึกเชิงลบไม่ว่าจะเป็นความสะใจ ความเกลียดชังหรือ ความกลัว ผสานความเชื่อที่ปราศจากรากฐานของความจริงย่อมเป็นอำนาจด้านมืด และหากสังคมใดที่ถูกขับเคลื่อนด้วยอำนาจด้านมืด สังคมนั้นก็ย่อมก้าวไปสู่ความเสี่ยงของความขัดแย้งและความรุนแรง และอาจสร้างผลลัพธ์ที่ไม่พึงปรารถนาตามมาอีกหลายประการ
ดังนั้น ผมคิดว่า ผู้คนที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ควรใช้ความมีเหตุผลในการคิดและตัดสินใจก่อนที่จะลงมือเขียน พูด และส่งต่อข้อมูลข่าวสารออกไปในสื่อสังคมออนไลน์ทุกประเภท เมื่อเรารับข้อมูลข่าวสารใดเข้ามา หากเราสนใจก็ควรอ่านเนื้อหาอย่างละเอียด ส่วนพฤติกรรมที่อ่านแต่เฉพาะหัวข้อและส่งต่อทันทีควรจะเลิกเสีย
สิ่งสำคัญที่ควรทำอย่างยิ่งอีกอย่างคือการตรวจสอบความถูกต้องและความน่าเชื่อของข่าวสารทั้งหมดที่เราบริโภค ทั้งในแง่ แหล่งข่าว เนื้อหาข่าว และวัตถุประสงค์ในการนำเสนอข่าวสาร ก่อนที่จะลงมือปฏิบัติการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งลงไป
ในแง่ของแหล่งข่าวนั้นควรพิจารณาหาข้อมูลให้ได้ว่า ใครหรือหน่วยงานใดเป็นผู้ให้ข่าวสาร ผู้ให้ข่าวสารมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ หรือมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในเรื่องนั้นหรือไม่ หากเรื่องใดที่ไม่มีแหล่งข่าวอ้างอิง หรือมีแต่ไม่น่าเชื่อถือ ก็ควรกำจัดข่าวสารนั้นออกไป และควรเตือนคนรอบข้างระมัดระวังข่าวสารเหล่านั้นด้วย
สำหรับในแง่ของเนื้อหาของข่าวสาร ควรพิจารณาในเรื่องความสมเหตุสมผล ความสมจริง ความถูกต้อง และความครอบคลุมครบถ้วนของข่าวสาร และหากเรื่องใดที่เป็นการวิจัย ก็ควรพิจารณาให้ทราบถึงระเบียบวิธีที่ใช้ด้วยเพื่อใช้เป็นข้อมูลในพิจารณาว่าเนื้อหาของข่าวสารนั้นน่าเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด
สิ่งสำคัญอีกประการที่ไม่ควรมองข้ามคือ การวิเคราะห์เจตนาหรือวัตถุประสงค์ของผู้ให้ข่าวด้วยว่ามีวัตถุประสงค์อะไร สำหรับวัตถุประสงค์ของผู้ผลิตและส่งข่าวมีหลายประการ เช่น เพื่อให้ความรู้และสร้างความเข้าใจต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งในสังคม เพื่อสร้างความบันเทิง เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของผู้ที่ตกเป็นเป้าหมาย เพื่อชื่นชมเป้าหมาย เพื่อสร้างภาพลักษณ์ เพื่อโน้มน้าวจูงใจให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อสร้างความสะเทือนใจ เพื่อแก้ตัว เพื่อสร้างความเกลียดชัง เพื่อสร้างความหวาดกลัว และเพื่อสร้างความแตกแยกและความขัดแย้ง เป็นต้น
เมื่อเรารับข้อมูลข่าวสารใดและตัดสินใจว่าจะตอบสนองต่อข่าวสารนั้นอย่างใดอย่างหนึ่ง ก่อนจะลงมือเขียนอะไรลงไป หรือส่งต่อให้ผู้อื่น ควรตระหนักด้วยว่าข้อความที่เราเขียน เสียงที่เราพูด มือที่เราส่ง ล้วนแล้วแต่สร้างผลกระทบอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ เป็นไปได้ทั้งสร้างผลกระทบทางบวกหรือทางลบต่อเราเอง หรือต่อเป้าหมายที่เรากล่าวถึง หรือต่อสังคมในภาพรวม ดังนั้นควรไตร่ตรองอย่างสุขุมรอบคอบก่อนที่จะปฏิบัติการอะไรลงไป เพราะเมื่อข่าวสารแพร่กระจายไปสู่สังคมออนไลน์แล้ว เราควบคุมมันได้ยากมาก ดีไม่ดีมันอาจจะย้อนกลับมาควบคุมและทำลายตัวเราเอง อำนาจของสื่อสังคมออนไลน์จึงเป็นอำนาจที่ยากจะคาดการณ์ได้ว่าจะสร้างผลลัพธ์ออกมาในทิศทางใด
เราสามารถบรรเทาผลกระทบเชิงลบของอำนาจสื่อสังคมออนไลน์ได้ หากเราช่วยกันไตร่ตรองและกรองข่าวสารที่เรารับเข้ามา และช่วยกันใช้สติปัญญาให้มากขึ้น เพื่อประเมินผลกระทบต่อข่าวสารที่เราจะส่งต่อไป ผมคิดว่าเราไม่ควรตกเป็นเหยื่อของข่าวสารจากสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมๆกับไม่ควรเป็นส่วนหนึ่งของ “การทำให้ผู้อื่นตกเป็นเหยื่อ” จากการกระทำของเราด้วยครับ