การดิ้นพล่านของเหล่าลิเบอร่านไทยหลังอเมริกันลุกฮือ

“หนึ่งความคิด”
โดย “สุรวิชช์ วีรวรรณ”

ก่อนหน้านี้พวกสนับสนุนทักษิณที่อ้างตัวเองว่าเป็น “ฝ่ายประชาธิปไตย” มักจะ อ้างประชาธิปไตยแบบตะวันตกเพื่อมาด่าคนไทยฝ่ายตรงข้ามที่พวกเขาเรียกว่า สลิ่ม ว่าเป็นฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตย เพราะออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งพวกเขาสนับสนุน การไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่ใช่ประชาธิปไตย พวกนี้บอกว่า ถ้าแพ้แล้วคุณต้องยอมรับถ้าไม่พอใจรัฐบาลนี้ครบ4ปีก็ไปสู้กันใหม่

แต่เอาสิวันนี้ที่อเมริกาพอผลการเลือกตั้งออกมาว่าทรัมป์ชนะฮิลลารี่ได้เป็น ประธานาธิบดี เกิดการจลาจลคัดค้านลามไปหลายเมืองมีทั้งจุดไฟเผา ทุบ รถ ปล้นสะดมไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ทำไงดีล่ะทีนี้ อ้างเอาการชุมนุมไล่รัฐบาลมาถล่มฝ่ายตรงข้ามทักษิณเยอะแล้วว่าไม่ยอมรับ ประชาธิปไตย แถมพวกไม่เอาทักษิณลุกขึ้นมาเหน็บแหนมกันสนุกปากว่า ไหนว่าอเมริกันเป็นประชาธิปไตยทำไมไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งจะเถียงอย่างไรดี

ก่อนอื่นลองไปดูพวกที่เรียกตัวเองว่า ฝ่ายประชาธิปไตยเถไถไปอย่างไรบ้าง

เริ่มที่ อธึกกิต แสวงสุข หรือใบตองแห้ง บอกว่า การประท้วงเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานนะ ตราบใดที่เขาไม่ได้ปิดถนน ปิดเมือง ขัดขวางเลือกตั้ง เรียกหาทหาร ศาล หรือ ม.7 เขามีสิทธิประท้วงเพื่อแสดงออกว่าไม่ยอมรับทรัมป์และนโยบายที่ทรัมป์ประกาศ ไว้ ถ้าทรัมป์ไม่เปลี่ยนใจ เขาก็จะคัดค้านต่อไป โดยทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่า ต้องการล้มผลเลือกตั้งซักหน่อย

เอ้ย ขัดขวางการเลือกตั้งกับไปเลือกตั้งแต่ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งนี่อะไรร้ายแรงกว่ากัน แล้ว ม.7 นี่มันอยู่ในรัฐธรรมนูญไหม ถ้าเรียกร้องให้ใช้ช่องทางที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญไม่ได้แล้วเขียนไว้ทำไม การเรียกร้องให้ใช้ช่องทางในรัฐธรรมนูญมันไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างไร

ส่วนเรื่องเรียกหาทหารนี่ลองไปถาม สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เลย เขาพูดไว้ชัดว่า ทหารออกมาปฏิวัติก็เพราะฝ่ายเสื้อแดงเอาอาวุธสงครามไปไล่ยิงผู้ชุมนุมนั่นเอง แต่ก็ช่างเถอะไม่ได้ตั้งใจพูดกันในประเด็นนี้

ใบตองแห้งบอกด้วยว่า แม้ทรัมป์มาจากประชาธิปไตย แต่ทรัมป์เองไม่เป็นประชาธิปไตย แสดงทัศนะ ใช้คำพูด ที่ทำลายคุณค่าประชาธิปไตย เหยียดเพศ เหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ ซึ่งสำหรับคนอเมริกัน มันคือการทำลาย Core Value คุณค่าของความเป็นสหรัฐอเมริกา ที่สร้างประเทศขึ้นมาจากเชื้อชาติหลากหลาย (อย่างที่ อ.สิริพรรณพูด)

นี่จึงเป็นความชอบธรรมที่ต้องประท้วง (ผู้ประท้วงสามารถบอกว่า ทรัมป์ไม่ใช่ประธานาธิบดีของเรา ไม่ใช่ประธานาธิบดีอเมริกา หากมองจาก Core Value ดังกล่าว)

สฤณี อาชวานันทกุล โพสต์เฟซบุ๊กของเธอว่า

“ยอมรับผลการเลือกตั้ง แต่ไปใช้สิทธิประท้วงเพื่อแสดงออกว่าตัวเองไม่ชอบ = เอาประชาธิปไตย”

“ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง หลังจากที่ไปร่วมม็อบปิดเมืองนานข้ามปี เรียกร้องให้ทหารออกมาโค่นรัฐบาล = ไม่เอาประชาธิปไตย”

ผมจึงเข้าไปโพสต์ตอบว่า ตรรกะนี้มั่วครับ ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งทำไมปล่อยให้ยิ่งลักษณ์บริหารประเทศอยู่เกือบ 3 ปี เขาประท้วงเพราะรัฐบาลทำสิ่งที่ไม่ชอบธรรมคือ พ.ร.บ.ลักหลับต่างหากครับ

ต่อมาสฤณีเลยเปลี่ยนแถวล่างเป็นว่า

“ไม่ยอมให้มีการเลือกตั้ง หลังจากที่ไปร่วมม็อบปิดเมืองนานข้ามปี เรียกร้องให้ทหารออกมาโค่นรัฐบาล = ไม่เอาประชาธิปไตย”

คือแก้คำว่า “ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง “เป็น” ไม่ยอมให้มีการเลือกตั้ง” ซึ่งผมไม่อยากจะ เถียงต่อเพราะรำคาญลิ่วล้อในเพจคุณสฤณีที่ไม่ค่อยประเทืองปัญญา แต่มันก็ยังตลกอยู่ดี เพราะมันแปลว่า พวกที่บอก “ไม่ยอมให้มีการเลือกตั้ง” เพราะเรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายและปฏิรูป กติกาก่อน เป็น “พวกไม่เอาประชาธิปไตย” แต่ถ้า “เลือกตั้งแล้วแพ้” ออกมาชุมนุมประท้วงจนจลาจลไปหลายเมืองเป็น “เอา ประชาธิปไตย”

สิ่งที่ทั้งใบตองแห้งและสฤณีต้องการสื่อตรงกันคือ ที่อเมริกันเขาประท้วงกันอยู่นี่แหละคือ ประชาธิปไตย แต่แบบไล่ยิ่งลักษณ์นั้นเป็นพวกต่อต้านประชาธิปไตย

มีคนบอกว่า หมอเหวง ก็โพสต์ทำนองนี้ว่า ไล่ทรัมป์นะเป็นสิทธิเสรีภาพสากลของประชาธิปไตย ตราบที่การประท้วงนั้นไม่ “ผิดกฎหมายW เอ้ยงั้นแล้วที่เสื้อแดงชุมนุมนี่มันเป็นประชาธิปไตยยังไง แต่ “เหวง” ก็คือ “เหวง”

อีกคนก็ วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า “อเมริกันกับคนไทยบางกลุ่มเหมือนกันประการหนึ่งคือ มีการเลือกตั้งแล้ว. ไม่พอใจ ออกมาประท้วง ก่อความวุ่นวาย ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง”

ผมเข้าไปโพสต์ว่า “ไม่เคยเห็นคนไทยแพ้เลือกตั้งแล้วออกมาประท้วงนะครับ เมื่อไหร่ช่วยบอกด้วยความจำผมอาจบกพร่อง จำได้ว่ามีแพ้โหวตนายกฯในสภาแล้วออกมาประท้วง กับหลังจะใช้เสียงข้างมากออกกฎหมายช่วยพวกพ้องนั่นก็เลือกตั้งผ่านไปแล้วเกือบ 3 ปี” แต่ไม่มีคำตอบกลับจากวันชัย

ทีนี้ลองไปดู จอห์น ลอค ต้นตำรับของลิเบอรัลเขาว่าไง ลอคบอกว่า ประชาชนมีสิทธิลุกขึ้นต่อต้านอำนาจรัฐ ถ้าผู้ปกครองใช้อำนาจเกินขอบเขตผิดวัตถุประสงค์ในการอยู่ร่วมกันเป็นประชารัฐ ประชาชนสามารถถอดถอนความไว้วางใจ แล้วเรียกอำนาจแต่ดั้งเดิมคืนได้ แล้วจึงมอบให้ผู้ที่เห็นสมควร

ประชาชนสามารถกระทำดังกล่าวมาแล้วได้ เพราะเป็นเจ้าของอำนาจสูงสุด เพียงแต่มอบอำนาจให้ หากใช้อำนาจผิดเงื่อนไข ประชาชนก็สามารถใช้กำลังต่อต้านได้

นี่บิดาของลิเบอรัลกล่าวอย่างนี้นะครับ แต่ลิเบอร่านไทยบอกว่าไม่รู้ล่ะถ้าไล่รัฐบาลที่พวกกูสนับสนุนนั้นไม่ชอบธรรมเป็นฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตย แต่ถ้าพวกกูไล่รัฐบาลที่ไม่ชอบนั่นแหละประชาธิปไตย ดังนั้นพวกกูคือฝ่ายประชาธิปไตย เอ้ยอเมริกันไล่ทรัมป์เพราะะแพ้เลือกตั้งเป็นประชาธิปไตย

ใบตองแห้งบอกว่า ก็เขาไม่ยอมรับนโยบายที่ทรัมป์ประกาศไว้ไง ถ้าทรัมป์ไม่เปลี่ยนนโยบายเขาจะคัดค้านต่อไป ซึ่งเป็นตรรกะที่ตลกมาก ในการแข่งขันเลือกตั้งนั้นเขาก็ให้ผู้สมัครแถลงนโยบายของตัวเอง แล้วให้ผู้ลงคะแนนเลือก ไม่ชอบนโยบายคนนี้ก็ไม่ต้องเลือก แต่ถ้าเขาชนะแล้วบอกว่าไม่เอานโยบายของเขาออกมาชุมนุมประท้วงให้เปลี่ยน นโยบายมันคืออะไร แล้วมันจะเป็นประชาธิปไตยยังไงไม่เข้าใจ

ถามว่า ถ้ายิ่งลักษณ์แถลงนโยบายว่าจะทำโน่นทำนี่ แล้วชนะเลือกตั้ง แต่คนไทยที่ไม่ยอมรับนโยบายยิ่งลักษณ์ออกมาชุมนุมขับไล่ทันทีหลังรู้ผลนั้น ถามจริงๆเถอะจะเชิดชูว่านี่คือ ประชาธิปไตยแบบที่เชิดชูคนอเมริกันมั้ย

ใบตองแห้งยังบอกว่า ด้วยว่า ทรัมป์ แสดงทัศนะ ใช้คำพูด ที่ทำลายคุณค่าประชาธิปไตย เหยียดเพศ เหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ ซึ่งสำหรับคนอเมริกัน มันคือการทำลาย Core Value คุณค่าของความเป็นสหรัฐอเมริกา ที่สร้างประเทศขึ้นมาจากเชื้อชาติหลากหลาย

จริงแล้วเรื่องนี้ไม่น่าเอามาอ้างได้นะครับ มันเป็นตรรกะแบบหมาป่ากับลูกแกะ ถ้าบอกว่า พวกคุณเป็น “ฝ่ายประชาธิปไตย” เพราะเสียงข้างมากมันตัดสินไปแล้ว แต่ผมนึกถึงเวลาใครพูด “คุณค่าความเป็นไทย” พวกนี้จะต้องสวนทันทีว่าคุณค่า ความเป็นไทยคืออะไร และเอาคำนี้มาเหน็บแนม เอ้ยเว้ยวันนี้อ้าง “คุณค่าความเป็นอเมริกา” เพื่อบอกว่า ม็อบไล่ทรัมป์มีความชอบธรรมเป็นประชาธิปไตย แล้วผลการเลือกตั้งครั้งนี้ คนที่เป็นอเมริกันแท้ๆ นั้นเขาเลือกทรัมป์จนทรัมป์ชนะไม่ใช่เหรอ แล้วมันเป็นความเป็นอเมริกาของใคร

ตลกไหมครับ พอพวกอเมริกันออกมาชุมนุมขับไล่ทรัมป์ทันที่ชนะการเลือกตั้ง มันบอกว่านี่ไง “ประชาธิปไตย” คนไทยชุมนุมขับไล่รัฐบาลที่บิดเบือนอำนาจ หลังจากให้รัฐบาลที่ชนะเลือกตั้งบริหารมาหลายปีทั้งทักษิณและยิ่งลักษณ์ มันบอกว่า “พวกต่อต้านประชาธิปไตย” แต่เสื้อแดงชุมนุม คือฝ่ายประชาธิปไตย