ผู้จัดการรายวัน 360 - “ประยุทธ์” สั่งใช้มาตรการแก้ปัญหาราคาข้าวทั้งระบบ ลั่นไม่ให้ทุกอย่างถอยหลัง เล็งหาทางช่วยข้าวโพดต่อ ยกพระบรมราโชบาย “ให้เบ็ดตกปลา ดีกว่าให้ปลา” ชี้แก้ปลายเหตุไม่ยั่งยืน ผบ.ทร.สั่งกำลังพลลงพื้นที่ช่วยชาวนาเดือดร้อน “อนุพงษ์” โวมาตรการ รบ.ได้ผลชะงัก ไร้สัญญาณป่วนจาก “โรงสี-ชาวนา” “อุเทน” ห่วงแห่จัดขายข้าวสารตรง ตังค์เข้ากระเป๋าเถ้าแก่โรงสีมากกว่า แนะรัฐต้องประกาศซื้อข้าวเปลือกราคาสูงกว่าที่โรงสีแต่ละจังหวัด
วานนี้ (8 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงมาตรการช่วยเหลือชาวนาที่กำลังประสบปัญหาราคาข้าวตกต่ำว่า วันนี้ได้เพิ่มเติมมาตรการให้ชัดเจนมากขึ้น โดยต้องทำให้ครบทุกจังหวัด เพื่อให้การช่วยเหลือทั่วถึงทั้งข้าวหอมมะลิ ข้าวขาวหอมปทุม ซึ่งเดิมมี 23 จังหวัด และได้แจ้งในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและการบริหารจัดการข้าว (นบข.) ทราบแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา วันนี้ก็ได้สั่งการให้กระทรวงการคลังพิจารณาเรื่องหนี้สินชาวนาว่าจะทำอย่างไร ต้องมีเรื่องกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงเสถียรภาพการเงินการคลังด้วย เพราะเราจะใช้เงินในลักษณะการแก้ปัญหาปลายเหตุ หรือบรรเทาหนี้สินที่มีจำนวนมากในคราวเดียวนั้นตนทำไม่ได้ จะทำให้อย่างอื่นวุ่นวายไปด้วย แต่ก็เห็นใจพี่น้องชาวนาทุกคน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้สิ่งที่น่ายินดีคือ ได้เกิดความร่วมมือมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคประชาชน ภาคธุรกิจเอกชน กระทรวงอุตสาหกรรมได้รายงานว่ามีการรับซื้อข้าวขาวเพิ่มเติมมากกว่า 600 ตัน โดยบริษัทต่างๆ ได้ช่วยกัน ถือเป็นความร่วมมือแก้ปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวนา ตรงนี้หากสามารถทำได้อย่างยั่งยืนก็จะดี จะได้สอดคล้องกับเรื่องของสหกรณ์ ที่จะผลิตและสีข้าวกันเองและต้องรวมกลุ่มกันให้ได้ ซึ่งก็ได้มากพอสมควรในการสีข้าวเอง อีกส่วนก็นำไปสีที่โรงสี และอีกส่วนนำไปส่งออก ซึ่งรวมแล้วมีด้วยกัน 3 ส่วน ขณะเดียวกันสหกรณ์ที่มีกว่า 3 พันแห่ง ต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้ ที่ผ่านมามีปัญหาต้องเข้าไปฟื้นฟูตลอด
** ปลุกสหกรณ์รวมกันให้เข้มแข็ง
ในส่วนของมาตรการแก้ไขปัญหาราคาข้าวโพดนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กำลังหามาตรการที่เหมาะสม โดยสัปดาห์หน้าจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.อีกครั้ง เพราะต้องพูดถึงเรื่องโควต้าต่างๆ ด้วย ยืนยันว่าไม่ได้ถึงส่วนใดส่วนหนึ่ง ซึ่งราคาข้าวโพดที่ตกต่ำมีผลต่อผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ด้วย ต้องดูให้ครบทุกมาตรการ ทุกปัจจัย ทั้งภายในและภายนอก วันนี้เกษตรแปลงใหญ่เกิดล้านกว่าไร่ ซึ่งไม่ใช่ง่ายๆ เพราะที่ผ่านมาเป็นพื้นที่ เครือข่ายโครงสร้างเดิมๆทั้งหมด เราก็จูงเขาออกมาตรงนี้ ให้เขาเข้มแข็งเป็นสหกรณ์ รัฐบาลจะได้ไปทุ่มเททรัพยากรให้ ส่วนที่เหลือหากยังไม่รวมกลุ่มต้องรวมให้ได้
“พระบรมราโชบายของ พระบาทสมเด็จพระปรมินมรมหาภูมิพลอดุลเดช ทรงพระราชทานว่าต้องให้ไปตกปลา ดีกว่าให้ปลา วันนี้เราให้ปลาตลอด แล้วมันก็หมด ไม่แข็งแรง หาปลาไม่เป็น ดังนั้นวันนี้ให้นำมาปรับใช้ โลกเขาก็นำไปใช้แล้ว เราไม่ใช้เอง” พล.อ.ปรุยทธ์ กล่าว
** มท.1 โอ่มาตรการช่วยชาวนาได้ผลดี
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงผลตอบรับจากการที่รัฐบาลลงไปช่วยเหลือชาวนา ว่า ได้ผลเป็นอย่างดี แต่ปัญหาวันนี้ฝนยังไม่หยุดตก ดังนั้นเวลาเกี่ยวข้าว ข้าวจะมีความชื้น ซึ่งถือว่านโยบายจำนำยุ้งฉางที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เป็นแนวทางในระยะสั้น น่าจะช่วยเหลือชาวนาได้ และทางโรงสีที่ร่วมมือกับฝ่ายทหารก็ระบุว่าไม่เป็นปัญหาที่จะรับซื้อข้าวในราคาของตลาด โดยจะพิจารณาเรื่องของคุณภาพข้าวด้วย ทั้งนี้รัฐบาลจะเข้าไปช่วยดูเรื่องของคุณภาพข้าว อย่างไรก็ตาม การแก้ราคาปัญหาในระยะยาวนั้นจะต้องมีการปรับปรุงทั้งระบบ ทั้งการลดต้นทุนการปรับลดพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีรายงานความเคลื่อนไหวของชาวนาและกลุ่มโรงสีในพื้นที่ มีออกมาเคลื่อนไหวบ้างหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ยังไม่มี โดยฝ่ายปกครองทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และทหารได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบแล้ว ยังไม่พบความผิดปกติในเรื่องดังกล่าว จึงขอว่าอย่าไปสร้างประเด็นอะไร เพราะเวลานี้ควรที่จะช่วยเหลือกัน
** ทร.เปิด "หน่วยช่วยชาติ” ลงพื้นที่ช่วยชาวนา
พล.ร.ท.จุมพล ลุมพิกานนท์ โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า พล.ร.อ ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้มอบหมายให้ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือ เป็นผู้รับผิดชอบดูแลในภาพรวมทั้งหมด โดยได้สั่งการไปยังหน่วยขึ้นตรงของกองทัพเรือทั้งหมด ให้ดำเนินการตามแนวทางที่รัฐบาล มอบนโยบายให้ช่วยเหลือเรื่องข้าว โดยการส่งกำลังพลเข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่ เช่น กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ร่วมมือกับชาวบ้านดูแลพื้นที่ที่เดือนร้อน พร้อมทั้งรับซื้อข้าวในบ้างส่วนเพราะกำลังพลของหน่วยบริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก นอกจากนี้หากชาวนาขาดแรงงานก็จะพิจารณาและส่งกำลังพลไปช่วย รวมถึงในพื้นที่ภาคใต้ด้วย
“ขั้นต้นเราต้องไปดูจุดที่เป็นปัญหา โดยให้ผู้บังคับหน่วยทุกหน่วยในพื้นที่ตรวจสอบปัญหา แต่กลุ่มเกษตรกรบ้างกลุ่มมีความเข้มแข็งอยู่ในตัว ทางเจ้าหน้าที่ก็จะไปช่วยดูว่าเดือนร้อนอะไร อย่างไร เช่นไม่มีตลาดขายข้าว แล้วข้าวราคาตก ทางเราก็จะช่วยรับซื้อตามขีดความสามารถ ตรงไหนขาดเรื่องแรงงานก็จะส่งกำลังพลไปช่วย โดยจะต้องดูเนื้อของปัญหาให้ครบถ้วนเพราะแต่ละพื้นที่มีปัญหาต่างกัน เช่นปัญหาภาคตะวันออก อาจไม่รุนแรงเท่าพื้นที่ภาคกลาง“ พล.ร.ท.จุมพล กล่าว
** พณ.จัดตลาดนัดข้าวเปลือก 44 จว.
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ยังคงเดินหน้าในการแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร คือ การจัดตลาดนัดข้าวเปลือก โดยมีแผนการจัดตลาดนัดข้าวเปลือกปีการผลิต 2559/2560 จำนวน 44 จังหวัด 109 ครั้ง
ทั้งนี้ การจัดตลาดนัดข้าวเปลือกได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ 1 พ.ย.นี้เป็นต้นมา โดยกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับจังหวัดจัดตลาดนัดข้าวเปลือก ณ พื้นที่ต่างๆ ครอบคลุมภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ รวมทั้งสิ้น 44 จังหวัด สำหรับภาคเหนือ ประกอบด้วยจังหวัดต่างๆ อาทิ เชียงราย เชียงใหม่ พิจิตร กำแพงเพชร สุโขทัย และสหกรณ์การเกษตรลำพูน, พื้นที่ภาคกลาง อาทิ สหกรณ์การเกษตรบางน้ำเปรี้ยว ฉะเชิงเทรา อยุธยา และปทุมธานี, พื้นที่ภาคอีสาน อาทิ อุบลราชธานี อุดรธานีมุกดาหาร บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์ และชัยภูมิ, สำหรับพื้นที่ภาคใต้ อาทิ นครศรีธรรมราช เป็นต้น
"ตลาดนัดข้าวเปลือกเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เกิดการแข่งขัน อีกทั้งเป็นการเพิ่มทางเลือกให้เกษตรกร และสร้างอำนาจต่อรองในการกระจายข้าวเปลือกมากขึ้น" นางอภิรดี กล่าว พร้อมระบุว่า แผนการจัดตลาดนัดข้าวเปลือกดังกล่าว สามารถขยายเวลาดำเนินการและเพิ่มจำนวนจังหวัดได้อีก โดยจะพิจารณาจากความพร้อมของแต่ละแห่ง ซึ่งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดจะเป็นผู้สำรวจและเสนอแผนเพิ่มเติมเข้ามายังกระทรวง รวมทั้งได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศติดตามปัญหาและราคาสินค้าเกษตรอย่างใกล้ชิด โดยให้รายงานเข้ามายังกระทรวงทุกวัน เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่ได้ทันท่วงที
** สปท.ชงญัตติแก้ราคาข้าวดิ่งเหว
ที่รัฐสภา ภายหลังจากหมดวาระการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) นายนิกร จำนง สมาชิกสปท. ขอหารือต่อที่ประชุม เรื่องการแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ โดยขอให้ สปท.มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าว ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะยื่นญัตติต่อที่ประชุมเพื่อขอให้ สปท.ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ หรือมอบให้คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเกษตร สปท. มาหารือช่วยแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ เพราะสปท.มีผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ มากมาย เช่น ด้านการเกษตร เศรษฐกิจ ต่างประเทศ จึงควรเข้ามาช่วยแก้ปัญหาข้าวอย่างเป็นระบบ เพื่อเสนอต่อรัฐบาล ไม่ใช่ทำกันแบบไฟไหม้ฟาง ซึ่งไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ ขณะนี้สปท.ยังเหลือเวลาการทำงานอยู่ จึงควรเข้ามาช่วยแก้ปัญหา
ขณะที่ น.ส.วลัยลักษณ์ ศรีอรุณ รองประธานสปท. กล่าวว่า ขณะนี้สปท.ยังเหลือเวลาการทำงานที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเรื่องข้าวได้ ดังนั้นจะนำข้อเสนอของนายนิกรเข้าหารือในที่ประชุมวิปสปท.วันที่ 10 พ.ย.นี้ เพื่อช่วยแก้ปัญหาต่อไป
** เตือนอย่าหลงทางช่วยชาวนาผิดๆ
ด้าน นายอุเทน ชาติภิญโญ ห้วหน้าพรรคคนไทย กล่าวว่า ทุกภาคส่วนที่ประกาศช่วยเหลือชาวนา โดยการรับซื้อขายข้าวสาร ควรหยุดดีแต่สร้างภาพ เพราะข้าวสารที่นำมาขายนั้นคือข้าวสารที่เป็นของโรงสี ทำไมเราไม่ซื้อข้าวเปลือกแทนการช่วยซื้อข้าวสาร โดยประกาศซื้อข้าวเปลือกในราคาที่สูงกว่าที่โรงสีแต่ละจังหวัดประกาศรับซื้อ กิโลกรัมละ 0.25-0.50 บาท ซึ่งจะเป็นวิธีการที่ถูกต้องและเข้าถึงชาวนาได้จริงมากกว่า พร้อมกันนี้ขอยกแนวพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระราชทานทรัพย์สินส่วนพระองค์จำนวน 6.82 ล้านบาท สร้างโรงสีข้าวพระราชทานบ้านโนนศิลาเลิง จ.กาฬสินธุ์ มาเป็นแนวทางตัวอย่าง พร้อมระบุว่า โรงสีข้าวโนนศิลาเลิงตามพระราชดำริ เป็นตัวอย่างของการบริหารแบบที่ชาวนาได้ประโยชน์อย่างแท้จริง โดยโรงสีนี้สร้างขึ้นเดือน พ.ย.2541 เป็นต้นแบบให้ชาวนาขายข้าวสารแทนข้าวเปลือก ที่จะทำชาวนาเกิดรายได้เพิ่มขึ้นแน่นอน และเป็นไปตามนโยบาย เป้าหมาย แนวปฏิบัติที่มุ่งเน้นและหวังผล ให้โรงสีพระราชทานเป็นโรงสีแห่งความสุขร่วมกัน
“หลักสำคัญคือให้ชาวนาได้เข้าสู่กระบวนการของโรงสีโดยไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่ต้องผ่านคนกลางหลายทอด ซึ่งจะหลีกเลี่ยงการถูกกดราคาได้อย่างแท้จริง รัฐบาลต้องส่งเสริมให้มีโรงสีลักษณะนี้เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ เพื่อเป็นกลไกในการช่วยเหลือชาวนาอย่างยั่งยืน และในบางห้วงเวลายังใช้เป็นกลไกในการควบคุมราคาข้าวเปลือกเพื่อไม่ให้เกิดการแทรกแซงที่ผิดปกติได้ด้วย” นายอุเทน กล่าว.
วานนี้ (8 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงมาตรการช่วยเหลือชาวนาที่กำลังประสบปัญหาราคาข้าวตกต่ำว่า วันนี้ได้เพิ่มเติมมาตรการให้ชัดเจนมากขึ้น โดยต้องทำให้ครบทุกจังหวัด เพื่อให้การช่วยเหลือทั่วถึงทั้งข้าวหอมมะลิ ข้าวขาวหอมปทุม ซึ่งเดิมมี 23 จังหวัด และได้แจ้งในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและการบริหารจัดการข้าว (นบข.) ทราบแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา วันนี้ก็ได้สั่งการให้กระทรวงการคลังพิจารณาเรื่องหนี้สินชาวนาว่าจะทำอย่างไร ต้องมีเรื่องกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงเสถียรภาพการเงินการคลังด้วย เพราะเราจะใช้เงินในลักษณะการแก้ปัญหาปลายเหตุ หรือบรรเทาหนี้สินที่มีจำนวนมากในคราวเดียวนั้นตนทำไม่ได้ จะทำให้อย่างอื่นวุ่นวายไปด้วย แต่ก็เห็นใจพี่น้องชาวนาทุกคน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้สิ่งที่น่ายินดีคือ ได้เกิดความร่วมมือมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคประชาชน ภาคธุรกิจเอกชน กระทรวงอุตสาหกรรมได้รายงานว่ามีการรับซื้อข้าวขาวเพิ่มเติมมากกว่า 600 ตัน โดยบริษัทต่างๆ ได้ช่วยกัน ถือเป็นความร่วมมือแก้ปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวนา ตรงนี้หากสามารถทำได้อย่างยั่งยืนก็จะดี จะได้สอดคล้องกับเรื่องของสหกรณ์ ที่จะผลิตและสีข้าวกันเองและต้องรวมกลุ่มกันให้ได้ ซึ่งก็ได้มากพอสมควรในการสีข้าวเอง อีกส่วนก็นำไปสีที่โรงสี และอีกส่วนนำไปส่งออก ซึ่งรวมแล้วมีด้วยกัน 3 ส่วน ขณะเดียวกันสหกรณ์ที่มีกว่า 3 พันแห่ง ต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้ ที่ผ่านมามีปัญหาต้องเข้าไปฟื้นฟูตลอด
** ปลุกสหกรณ์รวมกันให้เข้มแข็ง
ในส่วนของมาตรการแก้ไขปัญหาราคาข้าวโพดนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กำลังหามาตรการที่เหมาะสม โดยสัปดาห์หน้าจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.อีกครั้ง เพราะต้องพูดถึงเรื่องโควต้าต่างๆ ด้วย ยืนยันว่าไม่ได้ถึงส่วนใดส่วนหนึ่ง ซึ่งราคาข้าวโพดที่ตกต่ำมีผลต่อผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ด้วย ต้องดูให้ครบทุกมาตรการ ทุกปัจจัย ทั้งภายในและภายนอก วันนี้เกษตรแปลงใหญ่เกิดล้านกว่าไร่ ซึ่งไม่ใช่ง่ายๆ เพราะที่ผ่านมาเป็นพื้นที่ เครือข่ายโครงสร้างเดิมๆทั้งหมด เราก็จูงเขาออกมาตรงนี้ ให้เขาเข้มแข็งเป็นสหกรณ์ รัฐบาลจะได้ไปทุ่มเททรัพยากรให้ ส่วนที่เหลือหากยังไม่รวมกลุ่มต้องรวมให้ได้
“พระบรมราโชบายของ พระบาทสมเด็จพระปรมินมรมหาภูมิพลอดุลเดช ทรงพระราชทานว่าต้องให้ไปตกปลา ดีกว่าให้ปลา วันนี้เราให้ปลาตลอด แล้วมันก็หมด ไม่แข็งแรง หาปลาไม่เป็น ดังนั้นวันนี้ให้นำมาปรับใช้ โลกเขาก็นำไปใช้แล้ว เราไม่ใช้เอง” พล.อ.ปรุยทธ์ กล่าว
** มท.1 โอ่มาตรการช่วยชาวนาได้ผลดี
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงผลตอบรับจากการที่รัฐบาลลงไปช่วยเหลือชาวนา ว่า ได้ผลเป็นอย่างดี แต่ปัญหาวันนี้ฝนยังไม่หยุดตก ดังนั้นเวลาเกี่ยวข้าว ข้าวจะมีความชื้น ซึ่งถือว่านโยบายจำนำยุ้งฉางที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เป็นแนวทางในระยะสั้น น่าจะช่วยเหลือชาวนาได้ และทางโรงสีที่ร่วมมือกับฝ่ายทหารก็ระบุว่าไม่เป็นปัญหาที่จะรับซื้อข้าวในราคาของตลาด โดยจะพิจารณาเรื่องของคุณภาพข้าวด้วย ทั้งนี้รัฐบาลจะเข้าไปช่วยดูเรื่องของคุณภาพข้าว อย่างไรก็ตาม การแก้ราคาปัญหาในระยะยาวนั้นจะต้องมีการปรับปรุงทั้งระบบ ทั้งการลดต้นทุนการปรับลดพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีรายงานความเคลื่อนไหวของชาวนาและกลุ่มโรงสีในพื้นที่ มีออกมาเคลื่อนไหวบ้างหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ยังไม่มี โดยฝ่ายปกครองทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และทหารได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบแล้ว ยังไม่พบความผิดปกติในเรื่องดังกล่าว จึงขอว่าอย่าไปสร้างประเด็นอะไร เพราะเวลานี้ควรที่จะช่วยเหลือกัน
** ทร.เปิด "หน่วยช่วยชาติ” ลงพื้นที่ช่วยชาวนา
พล.ร.ท.จุมพล ลุมพิกานนท์ โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า พล.ร.อ ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้มอบหมายให้ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือ เป็นผู้รับผิดชอบดูแลในภาพรวมทั้งหมด โดยได้สั่งการไปยังหน่วยขึ้นตรงของกองทัพเรือทั้งหมด ให้ดำเนินการตามแนวทางที่รัฐบาล มอบนโยบายให้ช่วยเหลือเรื่องข้าว โดยการส่งกำลังพลเข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่ เช่น กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ร่วมมือกับชาวบ้านดูแลพื้นที่ที่เดือนร้อน พร้อมทั้งรับซื้อข้าวในบ้างส่วนเพราะกำลังพลของหน่วยบริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก นอกจากนี้หากชาวนาขาดแรงงานก็จะพิจารณาและส่งกำลังพลไปช่วย รวมถึงในพื้นที่ภาคใต้ด้วย
“ขั้นต้นเราต้องไปดูจุดที่เป็นปัญหา โดยให้ผู้บังคับหน่วยทุกหน่วยในพื้นที่ตรวจสอบปัญหา แต่กลุ่มเกษตรกรบ้างกลุ่มมีความเข้มแข็งอยู่ในตัว ทางเจ้าหน้าที่ก็จะไปช่วยดูว่าเดือนร้อนอะไร อย่างไร เช่นไม่มีตลาดขายข้าว แล้วข้าวราคาตก ทางเราก็จะช่วยรับซื้อตามขีดความสามารถ ตรงไหนขาดเรื่องแรงงานก็จะส่งกำลังพลไปช่วย โดยจะต้องดูเนื้อของปัญหาให้ครบถ้วนเพราะแต่ละพื้นที่มีปัญหาต่างกัน เช่นปัญหาภาคตะวันออก อาจไม่รุนแรงเท่าพื้นที่ภาคกลาง“ พล.ร.ท.จุมพล กล่าว
** พณ.จัดตลาดนัดข้าวเปลือก 44 จว.
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ยังคงเดินหน้าในการแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร คือ การจัดตลาดนัดข้าวเปลือก โดยมีแผนการจัดตลาดนัดข้าวเปลือกปีการผลิต 2559/2560 จำนวน 44 จังหวัด 109 ครั้ง
ทั้งนี้ การจัดตลาดนัดข้าวเปลือกได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ 1 พ.ย.นี้เป็นต้นมา โดยกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับจังหวัดจัดตลาดนัดข้าวเปลือก ณ พื้นที่ต่างๆ ครอบคลุมภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ รวมทั้งสิ้น 44 จังหวัด สำหรับภาคเหนือ ประกอบด้วยจังหวัดต่างๆ อาทิ เชียงราย เชียงใหม่ พิจิตร กำแพงเพชร สุโขทัย และสหกรณ์การเกษตรลำพูน, พื้นที่ภาคกลาง อาทิ สหกรณ์การเกษตรบางน้ำเปรี้ยว ฉะเชิงเทรา อยุธยา และปทุมธานี, พื้นที่ภาคอีสาน อาทิ อุบลราชธานี อุดรธานีมุกดาหาร บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์ และชัยภูมิ, สำหรับพื้นที่ภาคใต้ อาทิ นครศรีธรรมราช เป็นต้น
"ตลาดนัดข้าวเปลือกเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เกิดการแข่งขัน อีกทั้งเป็นการเพิ่มทางเลือกให้เกษตรกร และสร้างอำนาจต่อรองในการกระจายข้าวเปลือกมากขึ้น" นางอภิรดี กล่าว พร้อมระบุว่า แผนการจัดตลาดนัดข้าวเปลือกดังกล่าว สามารถขยายเวลาดำเนินการและเพิ่มจำนวนจังหวัดได้อีก โดยจะพิจารณาจากความพร้อมของแต่ละแห่ง ซึ่งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดจะเป็นผู้สำรวจและเสนอแผนเพิ่มเติมเข้ามายังกระทรวง รวมทั้งได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศติดตามปัญหาและราคาสินค้าเกษตรอย่างใกล้ชิด โดยให้รายงานเข้ามายังกระทรวงทุกวัน เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่ได้ทันท่วงที
** สปท.ชงญัตติแก้ราคาข้าวดิ่งเหว
ที่รัฐสภา ภายหลังจากหมดวาระการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) นายนิกร จำนง สมาชิกสปท. ขอหารือต่อที่ประชุม เรื่องการแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ โดยขอให้ สปท.มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าว ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะยื่นญัตติต่อที่ประชุมเพื่อขอให้ สปท.ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ หรือมอบให้คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเกษตร สปท. มาหารือช่วยแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ เพราะสปท.มีผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ มากมาย เช่น ด้านการเกษตร เศรษฐกิจ ต่างประเทศ จึงควรเข้ามาช่วยแก้ปัญหาข้าวอย่างเป็นระบบ เพื่อเสนอต่อรัฐบาล ไม่ใช่ทำกันแบบไฟไหม้ฟาง ซึ่งไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ ขณะนี้สปท.ยังเหลือเวลาการทำงานอยู่ จึงควรเข้ามาช่วยแก้ปัญหา
ขณะที่ น.ส.วลัยลักษณ์ ศรีอรุณ รองประธานสปท. กล่าวว่า ขณะนี้สปท.ยังเหลือเวลาการทำงานที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเรื่องข้าวได้ ดังนั้นจะนำข้อเสนอของนายนิกรเข้าหารือในที่ประชุมวิปสปท.วันที่ 10 พ.ย.นี้ เพื่อช่วยแก้ปัญหาต่อไป
** เตือนอย่าหลงทางช่วยชาวนาผิดๆ
ด้าน นายอุเทน ชาติภิญโญ ห้วหน้าพรรคคนไทย กล่าวว่า ทุกภาคส่วนที่ประกาศช่วยเหลือชาวนา โดยการรับซื้อขายข้าวสาร ควรหยุดดีแต่สร้างภาพ เพราะข้าวสารที่นำมาขายนั้นคือข้าวสารที่เป็นของโรงสี ทำไมเราไม่ซื้อข้าวเปลือกแทนการช่วยซื้อข้าวสาร โดยประกาศซื้อข้าวเปลือกในราคาที่สูงกว่าที่โรงสีแต่ละจังหวัดประกาศรับซื้อ กิโลกรัมละ 0.25-0.50 บาท ซึ่งจะเป็นวิธีการที่ถูกต้องและเข้าถึงชาวนาได้จริงมากกว่า พร้อมกันนี้ขอยกแนวพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระราชทานทรัพย์สินส่วนพระองค์จำนวน 6.82 ล้านบาท สร้างโรงสีข้าวพระราชทานบ้านโนนศิลาเลิง จ.กาฬสินธุ์ มาเป็นแนวทางตัวอย่าง พร้อมระบุว่า โรงสีข้าวโนนศิลาเลิงตามพระราชดำริ เป็นตัวอย่างของการบริหารแบบที่ชาวนาได้ประโยชน์อย่างแท้จริง โดยโรงสีนี้สร้างขึ้นเดือน พ.ย.2541 เป็นต้นแบบให้ชาวนาขายข้าวสารแทนข้าวเปลือก ที่จะทำชาวนาเกิดรายได้เพิ่มขึ้นแน่นอน และเป็นไปตามนโยบาย เป้าหมาย แนวปฏิบัติที่มุ่งเน้นและหวังผล ให้โรงสีพระราชทานเป็นโรงสีแห่งความสุขร่วมกัน
“หลักสำคัญคือให้ชาวนาได้เข้าสู่กระบวนการของโรงสีโดยไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่ต้องผ่านคนกลางหลายทอด ซึ่งจะหลีกเลี่ยงการถูกกดราคาได้อย่างแท้จริง รัฐบาลต้องส่งเสริมให้มีโรงสีลักษณะนี้เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ เพื่อเป็นกลไกในการช่วยเหลือชาวนาอย่างยั่งยืน และในบางห้วงเวลายังใช้เป็นกลไกในการควบคุมราคาข้าวเปลือกเพื่อไม่ให้เกิดการแทรกแซงที่ผิดปกติได้ด้วย” นายอุเทน กล่าว.