หัวหน้าพรรคคนไทย เตือนรัฐบาลและทุกภาคส่วนอย่าช่วยชาวนาผิดๆ ห่วงแห่จัดขายข้าวสารตรง ตังค์เข้ากระเป๋าเถ้าแก่โรงสีมากกว่า แนะรัฐต้องประกาศซื้อข้าวเปลือกราคาสูงกว่าที่โรงสีแต่ละจังหวัด เชื่อเงินถึงมือชาวนาเต็มๆ ชูโรงสีข้าวพระราชทานบ้านโนนศิลาเลิงเป็นแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรอย่างยั่งยืน ตัดวงจรคนกลางที่อาจเข้ามากดราคาข้าวเปลือกได้ชะงัก
วันนี้ (8 พ.ย.) นายอุเทน ชาติภิญโญ ห้วหน้าพรรคคนไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Utain Shartpinyo ระบุถึงการที่ภาคส่วนต่างๆ รวมถึงรัฐบาลรณรงค์ให้ประชาชนซื้อข้าวจากชาวนาโดยตรง จากจุดขายต่างๆ นั้น อ้างเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวนาจากปัญหาราคาข้าวตกต่ำว่า ยอมรับว่าเป็นเจตนาที่ดี แต่ส่วนตัวไม่แน่ใจว่าการทำเช่นนั้น จะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ตรงจุด เพราะข้าวสารส่วนใหญ่ที่นำมาขาย ไม่ใช่มาจากการขายตรงของชาวนาจริงๆ แต่ต้องผ่านกระบวนการของโรงสี หรือบริษัทขายข้าวมากกว่า แม้จะอ้างว่ามาจากโรงสีชุมชนก็ตาม
“ทุกภาคส่วนที่ประกาศช่วยเหลือชาวนา โดยการรับซื้อขายข้าวสาร ควรหยุดดีแต่สร้างภาพ เพราะข้าวสารที่นำมาขายนั้นคือข้าวสารที่เป็นของโรงสี ทำไมเราไม่ซื้อข้าวเปลือกแทนการช่วยซื้อข้าวสาร โดยประกาศซื้อข้าวเปลือกในราคาที่สูงกว่าที่โรงสีแต่ละจังหวัดประกาศรับซื้อกิโลกรัมละ 0.25-0.50 บาท ซึ่งจะเป็นวิธีการที่ถูกต้องและเข้าถึงชาวนาได้จริงมากกว่า” นายอุเทนระบุ
นายอุเทนยังได้ยกแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระราชทานทรัพย์สินส่วนพระองค์จำนวน 6.82 ล้านบาท สร้างโรงสีข้าวพระราชทานบ้านโนนศิลาเลิง จ.กาฬสินธุ์ มาเป็นแนวทางตัวอย่าง พร้อมระบุว่าโรงสีข้าวโนนศิลาเลิงตามพระราชดำริเป็นตัวอย่างของการบริหารแบบที่ชาวนาได้ประโยชน์อย่างแท้จริง โดยโรงสีนี้สร้างขึ้นเดือน พ.ย. 2541 เป็นต้นแบบให้ชาวนาขายข้าวสารแทนข้าวเปลือก ที่จะทำชาวนาเกิดรายได้เพิ่มขึ้นแน่นอน และเป็นไปตามนโยบาย เป้าหมาย แนวปฏิบัติที่มุ่งเน้นและหวังผล ให้โรงสีพระราชทานเป็นโรงสีแห่งความสุขร่วมกัน ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2540 ความตอนหนึ่งว่า “...แต่ถ้าพูดถึงข้าวที่โรงสีนี้ใช้ ไปซื้อจากเกษตรกรโดยตรง โดยให้ราคาที่เหมาะสม เกษตรกรก็มีความสุข เพราะไม่ต้องมีการขนส่งมากเกินไป ไม่ต้องมีคนกลางมากเกินไป ตกลงผู้ผลิต ผู้บริโภคก็มีความสุข...”
“หลักสำคัญคือให้ชาวนาได้เข้าสู่กระบวนการของโรงสีโดยไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่ต้องผ่านคนกลางหลายทอด ซึ่งจะหลีกเลี่ยงการถูกกดราคาได้อย่างแท้จริง รัฐบาลต้องส่งเสริมให้มีโรงสีลักษณะนี้เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ เพื่อเป็นกลไกในการช่วยเหลือชาวนาอย่างยั่งยืน และในบางห้วงเวลายังใช้เป็นกลไกในการควบคุมราคาข้าวเปลือกเพื่อไม่ให้เกิดการแทรกแซงที่ผิดปกติได้ด้วย ที่สำคัญแนวทางพระราชดำรินี้ก็มีมานานกว่า 20 ปีแล้ว รวมทั้งพระองค์ท่านได้พร่ำเตือน พร่ำสอนมาโดยตลอด แต่ทั้งข้าราชการและนักการเมืองก็ไม่เคยน้อมนำแนวพระราชดำริมาปฏิบัติตาม ยังหลงทางอยู่กับการประกันราคา จำนำราคา หรืออุดหนุนช่วยเหลือเกษตรกร จนสูญเสียงบประมาณมหาศาลโดยเปล่าประโยชน์ และทำลายกลไกทางการตลาดจนสร้างความเสียหายในวงกว้างอยู่ในปัจจุบัน” นายอุเทนกล่าว