ผู้จัดการรายวัน 360 - “ยิ่งลักษณ์” โผล่อุบลฯ อ้างมาเยี่ยมชาวนา ทำทีกอดคอร้องไห้ หวังสร้างดรามาควักเงินซื้อข้าวมาขายต่อที่ กทม. ลั่นถ้ากลับมาเป็นนายกฯ จะดันราคาให้สูงขึ้น “วงใน” แฉมี “ลิ่วล้อ” ในพื้นที่เกณฑ์ชาวนาให้เอาข้าวมาขาย ก่อนจัดฉากให้อดีตนายกฯ มาเจอ “บิ๊กป้อม” ท้า "ปู" กว้านรับซื้อข้าวชาวนาให้หมดทั้งประเทศ ด้าน “บอร์ดสมาคมโรงสี” ร่วมขย่ม ประกาศลาออกยกชุด ยันไม่ได้ประท้วง "บิ๊กตู่" รับไม่ได้คนมองโรงสีเป็นผู้ร้าย
วานนี้ (3 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้เดินทางด้วยเครื่องบินมายังสนามบินนานาชาติ จ.อุบลราชธานี โดยมีกลุ่มอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย พร้อมสมาชิกพรรค ไปรอต้อนรับ จากนั้นคณะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินมายังหน้าโรงเรียนเทศบาล 3 สามัคคี ถ.แจ้งสนิท ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมทักทายกลุ่มชาวนาที่มาจากหลายอำเภอประมาณ 20 ราย ซึ่งสีข้าวสารมะลิรวมกันประมาณ 3 ตัน มานั่งจำหน่ายอยู่ริมรั้วหน้าโรงเรียนดังกล่าว
** ควักเงินซื้อข้าวแจกลิ่วล้อ
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เข้าไปพูดคุยสอบถามเรื่องราคาซื้อขายข้าวระหว่างชาวนากับโรงสี ซึ่งได้รับคำตอบว่าราคาข้าวเปลือกในปีนี้ตกต่ำลงมาก โดยข้าวเปลือกสีใหม่สด โรงสีรับซื้อที่กิโลกรัมละไม่เกิน 7 บาท ตามความชื้นของข้าว หรือบางรายที่ยังมีน้ำปะปนสูง จนเครื่องไม่สามารถตรวจวัดความชื้นได้ โรงสีจะหักร้อยละ 10 ของข้าวเปลือกที่นำไปขายให้ ทำให้ชาวนาเหล่านี้ ตัดสินใจรวมกลุ่มกันนำข้าวเปลือกที่เก็บเกี่ยวไปตากแห้ง แล้วนำไปให้โรงสีในหมู่บ้านสีเป็นข้าวสารนำมาขายกิโลกรัมละ 20 บาท เมื่อหักต้นทุนค่าผลิต ค่าสี และค่าขนส่งชาวนายังได้กำไรเพิ่มจากการขายข้าวสารอีกกิโลกรัมละ 5 บาท จึงดีกว่าการนำไปขายให้กับโรงสีเหมือนที่ผ่านมา
ช่วงหนึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้พูดคุยและรับปากกับชาวนาว่า หากมีโอกาสกลับมาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศอีก จะช่วยดันราคาข้าวของชาวนาให้สูงขึ้นอีกครั้ง พร้อมแจกลายเซ็นบนถุงบรรจุข้าว และซื้อข้าวสารจากกลุ่มชาวนาที่นำมาวางขายมอบให้กับกลุ่มอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ติดตามมาคนละ 5 กิโลกรัม เพื่อช่วยเหลือชาวนากลุ่มดังกล่าว
หลังจากนั้นได้เข้าเยี่ยมชาวนาที่นำข้าวสารไปวางขายที่หน้าโรงเรียนอุบลวิทยาคม และหน้าธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาตลาดบ้านดู่ ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี ตามด้วยการเดินทางไปเยี่ยมชมโรงสีชุมชน บ้านยางชุม ต.ศรีณรงค์ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ เพื่อดูผลผลิตข้าว และตรวจสอบราคาข้าว และเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในเย็นวันเดียวกัน
** ปูดจัดฉากหวังตีปิ๊บโจมตี รบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางมาของน.ส.ยิ่งลักษณ์ในครั้งนี้ จากการสอบถามกลุ่มชาวนา ได้ข้อมูลว่า มีนักการเมืองและผู้นำชุมชนในพื้นที่ ได้ไปขอความร่วมมือชาวนา ให้นำข้าวออกมาขาย เพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ให้ความช่วยเหลือ จึงต้องนำข้าวออกมาขายเอง เพื่อหาเงินไปใช้ และจะพาน.ส.ยิ่งลักษณ์ มาพบปะกับชาวนา จากนั้นให้สร้างดรามา เช่น ร้องไห้ กอดคอร้องไห้ และให้จัดทำป้ายเพื่อแสดงว่ารัฐบาลไม่ให้ความช่วยเหลือมาโชว์ให้สื่อมวลชน เพื่อให้สื่อทำข่าว โดยหวังผลให้เป็นการกดดันรัฐบาล
โดยเป็นที่สังเกตว่า หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางกลับ กลุ่มชาวนาที่นำข้าวสารมาขาย ก็ได้เดินทางกลับทันทีเช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามชาวนา ที่ได้เดินทางมาขายข้าวในครั้งนี้ โดย น.ส.นวล พันธ์เภา อายุ 46 ปี ชาวนาจากอำเภอเหล่าเสือโก้ก กล่าวถึงการนำข้าวมาขายเองว่า ทำให้ได้ราคาสูงขึ้นกว่าการขายข้าวเปลือก และจะได้มีเงินเหลือไปใช้หนี้สินที่กู้ยืมมาปลูกข้าว โดยต้องการให้รัฐบาลช่วยดันราคาข้าวเปลือกให้สูงขึ้นกว่านี้ เพราะชาวนากำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างมากในปีนี้
** "บิ๊กป้อม" แขวะให้กว้านซื้อทั้งประเทศ
ที่วัดชิโนรสารามวรวิหาร พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปซื้อข้าวจากชาวนาในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ว่า จะเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ ตนไม่ทราบ ต้องไปถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์เอง แต่ก็ไม่มองว่าเป็นการตัดหน้ารัฐบาล เพราะรัฐบาลทำทั้งประเทศ แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำแค่ส่วนเหนึ่งเท่านั้น
“ถ้างั้นก็รับซื้อข้าวให้หมดเลยสิ” พล.อ.ประวิตร กล่าวช่วงหนึ่ง
ถามว่าเกรงหรือไม่ว่ากรณีนี้จะเป็นการแย่งมวลชน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลทำทุกส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำแค่ส่วนเดียว เปรียบเทียบกันไม่ได้
** “ไก่อู” ดักคอ “ปู” หวังผลการเมือง
ขณะที่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หากเป็นเจตนาที่จะช่วยสนับสนุนรับซื้อข้าว โดยไม่มีเหตุผลเคลือบแฝงหรือการจัดฉากเพื่อหวังผลทางการเมือง ถือว่าสังคมคงยอมรับได้ แต่หากทำไปเพื่อวัตถุประสงค์โหนกระแส สร้างข่าว เพื่อหวังกลบหรือบิดเบือน ความผิดในอดีตและคดีที่เป็นอยู่ ตนเชื่อว่าประชาชนคงไม่สบายใจที่เห็นนักการเมืองเอาความเดือดร้อนของเกษตรกร โดยเฉพาะชาวนามาแสวงประโยชน์ทางการเมืองเช่นนี้
“อยากให้เกษตรกรได้เข้าใจและร่วมมือร่วมใจกับรัฐบาลในการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญนี้ด้วยกัน อย่าปักใจหรือหลงเชื่อคำชี้นำที่ผิดๆ เพราะหากทุกอย่างกลับไปทำแบบเดิมๆ ในอดีต ก็ยากที่จะเปลี่ยนสถานะของชาวนาไทยได้ และที่สำคัญที่สุด ขอยืนยันว่าทุกมาตรการที่ประกาศออกไปจะไม่เปิดช่องให้มีใคนแสวงประโยชน์จากเงินภาษีของประชาชน” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว.
** “ส.โรงสี” ยุติบทบาท-รับไม่ได้โดนด่า
อีกด้านมีความเคลื่อนไหวของสมาคมโรงสีข้าวไทย นายมานัส กิจประเสริฐ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย พร้อมด้วยพร้อมด้วยสมาชิกสมาคมฯ ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยได้ปฏิเสธการกดราคารับซื้อข้าวจากชาวนา และไม่ได้ร่วมมือกับฝ่ายการเมืองเพื่อหวังผลทางการเมือง
นายมานัสกล่าวว่า คณะกรรมการสมาคมฯ ได้ขอยุติบทบาทการทำหน้าที่นายกสมาคมฯ และกรรมการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลังจากที่ได้พิจารณาแล้วว่าไม่สามารถรับซื้อข้าวในราคาที่ชาวนาคาดหวังไว้ได้ โดยตนและสมาชิกยืนยันว่า ไม่ได้น้อยใจสังคมที่กล่าวหาว่าโรงสีเป็นจำเลยสังคม เพราะที่ผ่านมา ได้ดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลมาโดยตลอด และมีหลักการว่าชาวนาต้องมาก่อน แต่กลับถูกกล่าวหาว่า โรงสีกดราคารับซื้อข้าวเปลือก โรงสีร่วมมือกับฝ่ายการเมือง กดราคาข้าว เพื่อหวังผลทางการเมือง ดังนั้น จากนี้ไป สมาชิกกว่า 1,000 ราย จะเป็นบุคคลธรรมดาทั่วไป ที่ยังรับซื้อขายข้าวตามกลไกตลาด โดยที่สมาคมฯ ไม่สามารถให้คุณหรือให้โทษใดๆ ได้ จนกว่าจะมีคณะกรรมการ และนายกสมาคมฯ ชุดใหม่เข้ามา
"ไม่ได้ปฏิเสธ คนในวงการเราดีทั้งหมด ทุกวงการ มีทั้งสีขาวและสีดำ แต่ที่ผ่านมา พวกเราส่วนใหญ่ ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการช่วยเหลือชาวนามาโดยตลอดทุกรัฐบาล ไม่ได้เลือกว่าทำเฉพาะบางรัฐบาล ยืนยันว่าไม่ได้น้อยใจภาครัฐ หรือนายกฯ หรือว่าประท้วงแต่อย่างใด ยังมีความศรัทธาในตัวของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และจากนี้ไป จะยังรับซื้อข้าวจากชาวนาอยู่ ไม่เช่นนั้นแล้ว ปัญหาของชาวนาจะใหญ่กว่าเดิม"นายมานัสกล่าว
ทั้งนี้ ราคาข้าวที่ปรับลดลง เป็นผลมาจากราคาตลาดโลกและตลาดข้าว ส่วนราคาที่เกษตรกรได้รับ ขึ้นอยู่กับความชื้น หากมีความชื้นสูง ก็จะได้ราคาต่ำ ซึ่งขณะนี้ แนวโน้มราคาข้าวยังเป็นขาลง โดยราคารับซื้อข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ตันละ 7,200-7,500 บาท ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 9,000-9,500 บาท
** ยอดขายเครื่องสีข้าวพุ่ง 20%
ขณะที่ชาวนาจากหลายอำเภอที่จังหวัดบุรีรัมย์ ได้พากันมาเลือกซื้อเครื่องสีข้าวตามห้างร้านที่จำหน่ายเครื่องจักรกลการเกษตร ในเขตอำเภอเมืองบุรีรัมย์คึกคัก เพื่อนำไปสีข้าวเปลือกแปรรูปเป็นข้าวสารในครัวเรือนหรือชุมชนของตัวเอง โดยนำข้าวสารที่สีแล้วไปวางขายตามจุดต่างๆที่หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนได้เปิดให้ชาวนาสามารถนำข้าวสารไปวางขายฟรี หลังจากราคาข้าวเปลือกนาปีตกต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละ 5-6 บาท
โดยชาวนาจะเลือกซื้อเครื่องสีข้าวขนาดเล็ก และขนาดกลาง ที่ใช้สำหรับสีในครัวเรือนหรือชุมชนตั้งแต่ราคากว่า 10,000 ถึง 45,000 บาท ส่งผลให้ช่วงนี้ผู้ประกอบการร้านจำหน่ายเครื่องสีข้าวมียอดขายเพิ่มขึ้นจากปกติกว่า 20 เปอร์เซ็นต์
** ชาวนาสุรินทร์ เฮลั่น มีออเดอร์กว่า 2 ตัน
ที่ศาลาประชาคมบ้านละเอาะ หมู่7 ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ชาวนาได้นำข้าวเปลือกหอมมะลิ ทั้งข้าวเก่า และข้าวใหม่ นำมาสีเป็นข้าวสาร นำไปบรรจุขวดน้ำดื่ม ชั่งได้ 1 กิโลกรัมครึ่ง ขายราคา 33 บาท และหากสั่งชื้อเป็นกิโลกรัม จะขายกิโลกรัมละ 22 บาท โดยช่องทางจะประกาศขายข้าวสารหอมมะลิผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยเพียง 1 วัน มียอดสั่งชื้อข้าวสารหอมมะลิ ของชาวบ้านละเอาะ มากถึง 2,000 กิโลกรัม หรือ 2 ตัน ทำให้ชาวบ้านละเอาะ ต่างดีใจมาก ที่สามารถเป็นผู้ขายข้าวสารของตนเองได้ โดยผ่านคณะกรรมการหมู่บ้านเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ มี ธ.ก.ส.สุรินทร์ คอยเป็นพี่เลี้ยงแนะนำหลักการบริหารงาน
**ทหารช่วยชาวนาเกี่ยวข้าวลดต้นทุน
พล.ต.สาธิต ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 34 มอบให้ พ.อ.คณเดช พงษบางโพธิ์ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 34 นำกำลังทหารในค่ายขุนเจืองธรรมิกราช จำนวน 20 นาย ไปช่วยชาวนาที่บ้านทุ่งกาไชย หมู่ที่ 5 ตำบลคือเวียง อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา เกี่ยวข้าวที่กำลังออกรวง เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระลดต้นทุนให้แก่ชาวนาที่ต้องจ้างแรงงานวันละ 250 บาท ต่อคนในการเกี่ยวข้าวแต่ละรอบ
นอกจากที่ดอกคำใต้แล้ว ยังส่งกำลังส่วนหนึ่งไปที่ ตำบลบ้านเหล่า อำเภอแม่ใจ ช่วยชาวนาเกี่ยวข้าว ขณะเดียวกันได้มอบให้ชุดมวลชนสัมพันธ์ที่ประจำอยู่ในตำบลต่างๆ ของจังหวัดพะเยา ประสานกับชาวนาที่มีความต้องการ ให้ทหารเข้าไปช่วยเหลือ ก็พร้อมจัดกำลังให้อย่างเพียงพอ โดยบูรณาการร่วมกันทั้ง 3 หน่วย ได้แก่ มทบ.34 กรม ร.17 และ ป.พัน 17 และ ร.17 พัน4 สนองนโยบายผู้บัญชาการทหารบก ในการช่วยเหลือชาวนา
สำหรับในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทหารจากกองกำลังรักษาความสงบประจำจังหวัดหนองคาย จำนวน 10 นาย โดยการนำของ ร.อ.จำนงค์ แสงกุดเรือ นายยุทธการประจำกองกำลังรักษาความสงบประจำจังหวัดหนองคาย และเจ้าหน้าที่จากสำนักเกษตรอำเภอเมืองหนองคาย ได้ออกไปช่วยชาวนาเกี่ยวข้าว ในเขตตำบลค่ายบกหวาน อ.เมือง จ.หนองคาย
** สธ.ขอรพ.ช่วยเปิดพื้นที่ให้ขายข้าว
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลมีมาตรการในการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำ เนื่องจากข้าวเปลือกมีความชื้นด้วยการประกันราคาข้าว สำหรับในส่วนของข้าวสาร สธ.ได้มีการขอความร่วมมือไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศในการเปิดพื้นที่ให้ชาวนานำข้าวสารที่สีเองและเป็นของชาวนาจริงๆ เข้ามาขายภายในโรงพยาบาล ไม่ใช่ของโรงสี เพราะโรงสีมีตลาดของเขาอยู่แล้ว ทั้งนี้ จะต้องมีการตรวจสอบด้วยว่าเป็นของชาวนาจริงๆ เพราะอยากให้เป็นการช่วยเหลือชาวนาจริงๆ.