ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -บันทึกประวัติศาสตร์ไทยทั่วไป ได้ระบุความสัมพันธ์ระหว่างรัฐไทย-จีน นับจากยุคสุโขทัย ยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา มาถึงยุครัตนโกสินทร์ ไว้อย่างชัดเจน โดยนับเวลาได้กว่า 800 ปี ทว่า เอกสารของฝ่ายจีนฉบับสำคัญ อาทิ “ประวัติศาสตร์ราชวงศ์ฮั่นฉบับหลวง” ที่เขียนถึงประวัติศาสตร์ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (ก่อนค.ศ. 205 - ค.ศ. 25/ก่อนพ.ศ.748-568) มีเนื้อหาตอนหนึ่งที่ระบุการเดินเรือไปยังดินแดนต่างๆ ในจำนวนนี้มีอาณาจักรที่นักวิชาการสันนิษฐานน่าจะมีดินแดนไทยรวมอยู่ด้วย นั่นก็หมายถึงว่าสัมพันธ์ไทย-จีน อาจกินเวลานานถึงกว่า 2,000 ปี จนมีคำกล่าวว่า “ไทยจีนใช่อื่นไกล พี่น้องกัน”
ความสัมพันธ์ไทย-จีนร้างราไปช่วงหนึ่งในยุคสงครามเย็น ที่การเมืองโลกแบ่งเป็นสองขั้ว คือฝ่ายโลกทุนนิยมเสรี นำโดยสหรัฐอเมริกา และฝ่ายโลกสังคมนิยม อันมีอดีตสหภาพโซเวียตและจีน เป็นผู้นำ รัฐบาลไทยสมัยนั้นมีนโยบายยืนข้างสหรัฐฯ จึงทำให้สัมพันธ์อย่างเป็นทางการระหว่างไทย-จีน ชะงักงันไปนานถึงกว่า 20 ปี อย่างไรก็ตาม ระหว่างช่วงความสัมพันธ์ชะงักงันนี้ ก็ยังมีการแลกเปลี่ยนด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมระหว่างประชาชน ทั้งด้านการค้าขายระหว่างประเทศ การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การศึกษา ฯลฯ
จนกระทั่งการเมืองโลกคลี่คลาย ประเทศไทยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและสาธารณรัฐประชาชนจีนภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์ ก็ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกันในปี พ.ศ. 2518
จากนั้นมา ความสัมพันธ์ไทย-จีนก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยมีพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระราชกรณียกิจด้านจีนของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ เป็นใจกลางกระชับสัมพันธ์ที่มั่นคงแน่นแฟ้นตลอดมา
ลำดับการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างไทยและจีน ภายใต้พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดชฯ
ปี พ.ศ.2518: คณะกายกรรมกว่างโจวเยือนประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการแสดงฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสว่า “จีนกับไทยได้รักษาความผูกพันทางประวัติศาสตร์มาช้านาน ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐและระหว่างประชาชนของสองชาติ มีความใกล้ชิดแนบแน่น ดังนั้น ความสัมพันธ์ดั้งเดิมระหว่างสองประเทศนี้ จะเป็นพื้นฐานอันมั่นคงในการพัฒนาความสัมพันธ์กันในอนาคต”
ปี พ.ศ. 2519: นาย ไฉ เจ๋อหมิน เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยคนแรก ได้เข้าถวายสาส์นตราตั้งต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2519
ปี พ.ศ. 2521: จีนได้ส่งผู้นำระดับสูง ได้แก่ นายเติ้ง เสี่ยวผิง รองนายกรัฐมนตรีจีน เดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 5-11 พ.ย. พ.ศ.2521 ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายเติ้ง เสี่ยวผิงเข้าเฝ้า เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นด้านการพัฒนาการเกษตร
ปี พ.ศ. 2523: นาย เติ้ง อิ่งเชา รองประธานสภาผู้แทนประชนแห่งประเทศจีน เดินทางมาเยือนประเทศไทยตามคำเชิญของรัฐสภาไทย ระหว่างวันที่ 5-11 ก.พ. พ.ศ. 2523
ปี พ.ศ. 2530: เมื่อวันที่ 24 ก.พ. พ.ศ. 2530 นาย หลี่ เซียนเนี่ยน ได้จัดพิธีต้อนรับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมมาร ซึ่งทรงเป็นผู้แทนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของรัฐบาลจีน ณ จัตุรัสทางตะวันออกของมหาศาลาประชาคมกรุงปักกิ่ง
ปี พ.ศ. 2534: นาย หยาง ซ่างคุน ประธานาธิบดีจีน เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10-15 มิ.ย. 2534
ปี พ.ศ. 2542: ระหว่างวันที่ 2-6 ก.ย. พ.ศ. 2542 นายเจียง เจ๋อหมิน ประธานาธิบดีจีนได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
ปี พ.ศ. 2543 : สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ซึ่งทรงเป็นผู้แทนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศจีนครั้งแรก ตามคำเชิญของนาย เจียง เจ๋อหมิน ประธานาธิบดีจีน เนื่องในวาระครบรอบ 25 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยนายหู จิ่นเทา รองประธานาธิบดีจีน เป็นตัวแทนของนายเจียง เจ๋อหมิน ได้จัดพิธีถวายการต้อนรับสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถอย่างสมพระเกียรติ ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน ทางตะวันออกของมหาศาลาประชาคม กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 16 ต.ค. พ.ศ. 2543
ปี พ.ศ. 2545: นาย หลี่ เผิง ประธานสภาประชาชนจีน ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 3-8 ก.ย. พ.ศ. 2545 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายหลี่ เผิง เข้าเฝ้าเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2545 ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
ปี พ.ศ.2546 : นาย หู จิ่นเทา ประธานาธิบดีจีน ได้เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 17-21 ต.ค. พ.ศ.2546