“องอาจ” เผยหัวหน้า ปชป.เยือนจีนพบ สนง.ท่องเที่ยว ตามคำเชิญพรรคคอมมิวนิสต์ ย้ำสัมพันธ์สองชาติพัฒนาด้วยดี ท่องเที่ยวโตเร็วมาก แจงจีนรับปากไม่หนีปัญหานักท่องเที่ยวพฤติกรรมไม่เหมาะ มุ่งประชาสัมพันธ์ให้ไทยเข้มปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ เชื่อร่วมมือฟันฝ่าปัญหาได้
วันนี้ (11 ต.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่าวันนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค การเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำเชิญของพรรคคอมมิวนิสต์ และได้มีโอกาสเข้าพูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีน คือ นายตู้ เจียง รองประธานการท่องเที่ยวแห่งชาติจีน โดยนายอภิสิทธิ์ได้กล่าวย้ำถึงความสัมพันธ์ไทย-จีนที่พัฒนาก้าวหน้าด้วยดีมาตามลำดับ โดยเฉพาะด้านการค้าและการลงทุน และการท่องเที่ยว ในด้านการท่องเที่ยวประชาชน ทั้งสองประเทศได้เดินทางท่องเที่ยวในแต่ละประเทศเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้เศรษฐกิจโลกจะถดถอย แต่เศรษฐกิจไทยก็ยังขยายตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะการท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยประมาณ 8 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว ถือว่าเป็นการเติบโตที่รวดเร็วมาก ทำให้ทั้งสองประเทศเป็นห่วงเรื่องคุณภาพและพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีน และปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญที่กระทบต่อนักท่องเที่ยวจีน และภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวในไทย
นายองอาจกล่าวว่า ทางสำนักงานท่องเที่ยวแห่งประเทศจีนได้ย้ำกับนายอภิสิทธิ์ว่า อาจมีนักท่องเที่ยวจีนบางคนมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ทางการจีนไม่หนีปัญหานี้ โดยพยายามประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวจีนเข้าใจถึงกฎหมายของไทย ขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยเพิ่มมากขึ้น และย้ำกับบริษัททัวร์ต้องรับผิดชอบนักท่องเที่ยวให้มีอารยธรรมในการเดินทางท่องเที่ยว และพฤติกรรมที่เหมาะสม ส่วนเรื่องปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญนั้น จีนขอให้ไทยเอาจริงเอาจังกับทัวร์ศูนย์เหรียญ ขณะที่ทางจีนก็จะใช้มาตรการที่เคร่งครัดจริงจังแก้ปัญหานี้ที่ต้นทางจากจีนเช่นกัน โดยอาจจะใช้วิธีการประกาศราคาทัวร์ที่เหมาะสม ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เชื่อมั่นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนมาไทย และจากไทยไปจีนจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยพื้นฐานความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสองประเทศที่มีมาอย่างยาวนาน ถึงแม้จะมีปัญหาบ้าง แต่เชื่อว่าเราจะร่วมมือกันฟันฝ่าปัญหาไปได้ด้วยกัน และได้เสนอให้มีการสร้างเครือข่ายของทั้งสองประเทศร่วมมือกันทำงานอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ ให้ลุล่วงอย่างทันท่วงทีและมีทัศนคติเชิงบวกซึ่งกันและกัน ในการทำให้การท่องเที่ยวเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ของสองประเทศให้แน่นแฟ้นมั่นคงบนพื้นฐานของภราดรภาพต่อไป