MGR Online - ตำรวจพญาไทยื่นฝากขังเพิ่ม 3 ผู้บริหารเครือบริษัท โอเอ ทัวร์ศูนย์เหรียญพร้อมคัดค้านผู้ต้องหาที่ 1-2 เหตุเป็นผู้มีอิทธิพลและเกรงไปข่มขู่พยานและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (6 ต.ค.) พ.ต.ท.ธรรมรักษ์ เรืองดิษฐ์ พนักงานสอบสวน สน.พญาไท นำตัว นายธงชัย โรจน์รุ่งรังสี อายุ 60 ปี น.ส.สายทิพย์ โรจน์รุ่งรังสิ อายุ 35 ปี และนายวินิจ จันทรมณี อายุ 69 ปี ผู้ต้องหาที่ 1-3 ในความผิดฐานเป็นอั้งยี่, ร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับค่าบริการ, ร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวกระทำการอันจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว, ร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวหาประโยชน์ที่ไม่เป็นธรรมจากนักท่องเที่ยว, ร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้อนุญาต อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 วรรคแรก, พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 มาตรา 12 (3), 15, 24, 31, 80, 82, 84, ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และการกระทำของผู้ต้องหาที่ 1-2 ยังเป็นความผิดฐานร่วมกันประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5, 7, 9 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ทั้งนี้ผู้ต้องหาที่ 1-3 ได้รับทราบข้อกล่าวหาแล้วให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ตามคำร้องระบุพฤติการณ์ว่า ระหว่างวันที่ 24 มี.ค. - 31 ส.ค. 2559 ต่อเนื่องกัน บริษัท ฝูอันทราเวล จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจนำเที่ยว ได้นำนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเข้ามาในประเทศไทยโดยไม่มีค่าบริการ (ทัวร์ศูนย์เหรียญ) จากนั้นบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด ได้ให้ใช้รถบัสรับนักท่องเที่ยวฟรี โดยเป็นผู้กำหนดแผนการเดินทางให้มัคคุเทศก์และผู้ขับขี่นำรถไปจอดให้นักท่องเที่ยวแวะซื้อสินค้าจากร้านในเครือเดียวกับบริษัท โอเอฯ เช่น บริษัท บ้านขนมทองทิพย์ จำกัด โดยมี น.ส.สายทิพย์ ผู้ต้องหาที่ 2 เป็นกรรมการผู้จัดการ ซึ่งสินค้าภายในร้านมาราคาแพงกว่าท้องตลาดหลายเท่า และแสดงฉลากไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดการขูดรีดนักท่องเที่ยว ไม่เกิดการแข่งขันเสรีทางการค้า ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศเสียหาย
โดยการตรวจสอบการจดทะเบียนบริษัททราบว่า นายธงชัย ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นกรรมการผู้จัดการในบริษัท โอเอฯ และบริษัทในเครือรวมทั้งมีความเกี่ยวข้องเป็นสามีนางนิสา โรจน์รุ่งรังสิ และเป็นบิดา นายวสุรัตน์ โรจน์รุ่งรังสี น.ส.สายทิพย์ โรจน์รุ่งรังสี ผู้ต้องหาที่ 3 และเป็นพี่ชายนายบุญชัย โรจน์รุ่งรังสี ซึ่งมีข้อมูลการโอนเงินระหว่างกันจำนวนมาก เมื่อตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินพบว่ามีการอำพรางการแบ่งปันผลประโยชน์ โดยบริษัท โอเอฯ แบ่งปันผลประโยชน์ให้บริษัททัวร์ 30-40 เปอร์เซ็นต์ ให้มัคคุเทศก์ 3-5 เปอร์เซ็นต์ พฤติกรรมดังกล่าวเป็นขบวนการโดยแบ่งหน้าที่กันทำ ลักษณะปกปิดวิธีการอันมิชอบด้วยกฎหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินของนักท่องเที่ยวศูนย์เหรียญชาวจีน รวมมูลค่าความเสียหาย 98 ล้านบาทเศษ เหตุเกิดที่กรุงเทพฯ และ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เกี่ยวพันกัน
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนยังระบุว่า พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานในคดีนี้มาโดยตลอด แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องรอสอบปากคำพยานอีก 15 ปาก รอผลตรวจสอบประวัติและรอผลการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินและหลักฐานจากกรมสรรพากร จึงขออำนาจศาลฝากขังเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 6-17 ต.ค. 2559 และขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 เนื่องจากเป็นผู้มีอิทธิพล พยานบุคคลส่วนใหญ่เกรงกลัวไม่กล้ามาให้การ หากได้รับการปล่อยตัวเชื่อว่าจะไปข่มขู่พยานและยุ่งเหยิงพยานหลักฐานหรือก่อให้เกิดอันตรายประการอื่น
ศาลสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังตามคำร้อง
ต่อมาญาติได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวนายธงชัย เป็นสลากออมสินมูลค่า 10 ล้านบาท น.ส.สายทิพย์ เป็นสลากออมสินมูลค่า 15 ล้านบาท และนายวินิจ เป็นเงินสดจำนวน 3 แสนบาท
อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเป็นเรื่องร้ายแรง ความเสียหายจำนวนมาก กระทบต่อเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ ทั้งพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน คดีมีอัตราโทษสูง เกรงผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และหลบหนี จึงไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวนายธงชัย และนายวินิจไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ส่วน น.ส.สายทิพย์นำไปควบคุมไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ได้นำตัวนางนิสา และนายวสุรัตน์ โรจน์รังสี ผู้บริหารบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ตฯ ซึ่งเป็นภรรยา และบุตรชายของนายธงชัย มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาล และไม่ได้รับการประกันตัวเช่นกัน