ผู้จัดการรายวัน360- นายกฯห่วงภาพลักษณ์จับทัวร์ศูนย์เหรียญ ตัวแทน 5 บริษัทเครือ “โอเอฯ” ร้อง “ประยุทธ์” ถูกดำเนินคดีไม่เป็นธรรม แจงยิบดำเนินธุรกิจถูกต้อง 2 แม่-ลูก “โรจน์รุ่งรังสี” เจ้าของโอเอฯพบ ตร. ก่อนนำตัวฝากขัง ศาลไม่ให้ประกัน นอนตาราง
ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความห่วงถึงการจัดการทัวร์ศูนย์เหรียญ โดยแสดงความเป็นห่วงว่า ภาพของการจับกุมผู้ต้องหา และการยึดทรัพย์จำนวนมาก จะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในภาพรวม โดยมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดำเนินการหามาตรการรองรับเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ยังสั่งการให้มีการจัดระเบียบสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น วัดพระแก้ว ให้มีการแยกพื้นที่ระหว่างคนไทยกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับเรื่องร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวชาวไทย ว่าไม่สามารถเข้าไปไหว้พระได้ตามปกติ เนื่องจากถูกคณะทัวร์ของชาวต่างชาติปิดกั้นพื้นที่
** “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ดิ้นร้องนายกฯ
ที่ศูนย์บริการประชาชน ภายในสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนบริษัท รอยัล เจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด , บริษัท รอยัล พาราไดซ์ จำกัด, บริษัท รอยัลไทยเฮิร์บ จำกัด, บริษัท บางกอก แฮนดิคราฟ เซ็นเตอร์ จำกัด และบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีที่ถูกเจ้าพนักงานบุก ค้น ยึด และกล่าวหาบริษัททั้งห้า เป็นบริษัททัวร์ศูนย์เหรียญ โดยมี นายยศพงษ์ งามรัตนไพบูลย์ นิติกรประจำ ศูนย์บริการประชาชน เป็นผู้รับหนังสือ
ในหนังสือร้องเรียนระบุถึงที่มาของครอบครัวในการประกอบธุรกิจค้าขายสินค้าให้แก่นักท่องเที่ยวตั้งแต่ปี 2525 รวมทั้งยืนยันว่าเป็นธุรกิจของคนไทย ที่ไม่ได้ประกอบธุรกิจทัวร์ศูนย์เหรียญ เพราะว่าไม่ได้มีบริษัททัวร์ แต่ให้กับบริการรถขนส่งไม่ประจำทาง สำหรับคนไทยและนักท่องเที่ยวเท่านั้น โดยไม่ได้จำกัดเที่ยวซื้อสินค้าจากร้านค้าของบริษัทด้วย
"บริษัททั้งห้าให้การยืนยันต่อนายกรัฐมนตรีว่า มีผู้ก่อตั้งและถือหุ้นเป็นคนไทย 100% ทุกคนเกิดและโตที่ประเทศไทยซึ่งนายกฯสามารถยกสามารถตรวจสอบสถานะของแต่ละบุคคลได้ ประกอบธุรกิจด้วยสัมมาชีวะ ก่อสร้างสร้างตัวจากกิจร้านค้า ที่ตลาดน้ำวัดไทร กทม. ทั้งนี้การถูกตั้งข้อหาจากเจ้าหน้าที่รัฐ และอายัดทรัพย์ของข้าพเจ้า ครอบครัวและบริษัทในเครือ เป็นการกระทำที่การเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงและไม่เป็นธรรมกับบริษัทเป็นอย่างยิ่ง” ผู้แทนบริษัทระบุ
** สองแม่ลูกเจ้าของโอเอ พบ ตร.
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.00 น. นางนิสา โรจน์รุ่งรังสี ประธานบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด และ นายวสุรัตน์ โรจน์รุ่งรังสี กรรมการบริษัทฯ พร้อมทีมทนายและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.พญาไท หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการกวาดล้างทัวร์ศูนย์เหรียญ ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทฯได้กีดกันไม่ให้นักข่าวเก็บภาพ และยังพูดจาหยาบคาย ทำให้ตำรวจ สน.พญาไทเข้าควบคุมตัวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทฯทั้ง 9 คนไว้ พร้อมกับตรวจค้นรถตู้ที่ใช้โดยสารมา พบอาวุธไม้คมแฝก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมา พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว (ผบก.ทท.) ได้เดินทางมาที่ สน.พญาไท และเปิดเผยว่า วันนี้จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่ม คือข้อหาฟอกเงิน และระหว่างการสอบสวนหากพบว่ามีความผิดใด ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มไปอีก ทั้งนี้ ได้มีการเร่งรัดสรุปสำนวนโดยเร็ว คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ก็คงส่งให้อัยการฟ้องศาลได้ ส่วนกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีคำสั่งยึดทรัพย์ แต่ทางบริษัทยังขัดขืนไม่ยอมส่งมอบทรัพย์สินนั้น หาก ปปง.ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ ก็จะดำเนินคดีในข้อหาขัดขวางเจ้าพนักงานเพิ่ม ซึ่งขณะนี้ทาง ปปง.ได้ยึดทรัพย์และเงินสดของบริษัทโอเอฯเป็นจำนวนเงิน 1 หมื่นล้านบาทแล้ว ขั้นตอนต่อไปทางเจ้าหน้าที่จะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดาภิเษก โดยพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากกลัวว่า จะไปยุ่งเหยิงกับหลักฐาน ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานได้ยากขึ้น
“จากการเข้าพบทางเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ได้รับข้อมูลว่า นักท่องเที่ยวจีนยังเดินทางมามากขึ้น ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ซึ่งตอนนี้นักท่องเที่ยวจีน ที่มาเที่ยวประเทศไทยไม่ได้ ก็เกิดจากตั๋วเครื่องบินเต็ม และจีนก็พร้อมกวาดล้างทัวร์ศูนย์เหรียญด้วย ซึ่งทางประเทศไทยก็กำลังกวาดล้างจัดระเบียบบริษัททัวร์อย่างต่อเนื่อง” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น ทางตำรวจ บก.ทท. ได้คุมตัว นางนิสา กับ นายวสุรัตน์ ส่งศาลอาญารัชดาภิเษก ส่วนกลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้คุมตัวไปตรวจสอบประวัติ และหากพบว่ามีความผิดฐานพกอาวุธ ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
** วืดประกัน-นอนเรือนจำ
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พ.ต.ท.ธรรมรักษ์ เรืองดิษฐ์ พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ควบคุมตัว นางนิสา และ นายวสุรัตน์ สองแม่ลูกที่ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 1-2 ตามหมายจับศาลอาญา คดีร่วมกันทำผิด พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวฯ จัดทัวร์ศูนย์เหรียญ ขายสินค้าแพง สร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว และฟอกเงิน มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 13-24 ก.ย.นี้ เนื่องจากต้องสอบพยานบุคคลอีก 40 ปาก และรอผลตรวจสอบข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวกับการฟอกเงิน รวมทั้งผลการตรวจสอบเส้นทางการเงินระหว่างประเทศ กับลายพิมพ์นิ้วและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาทั้งสอง ทั้งนี้ ในท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการให้ประกันตัวด้วย เนื่องจากหากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยชั่วคราว เกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานจนเสียหายต่อรูปคดี อีกทั้งคดีมีอัตราโทษสูง จึงกลัวว่าจะหลบหนี ส่วนทางญาติได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 2 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราว
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เป็นเรื่องร้ายแรง มีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก กระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ จึงไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง เจ้าหน้าที่ราชฑัณท์จึงนำตัว นายวสุรัตน์ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ส่วน นางนิสา ไปคุมตัวที่ทัณฑสถานหญิงกลาง.
ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความห่วงถึงการจัดการทัวร์ศูนย์เหรียญ โดยแสดงความเป็นห่วงว่า ภาพของการจับกุมผู้ต้องหา และการยึดทรัพย์จำนวนมาก จะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในภาพรวม โดยมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดำเนินการหามาตรการรองรับเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ยังสั่งการให้มีการจัดระเบียบสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น วัดพระแก้ว ให้มีการแยกพื้นที่ระหว่างคนไทยกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับเรื่องร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวชาวไทย ว่าไม่สามารถเข้าไปไหว้พระได้ตามปกติ เนื่องจากถูกคณะทัวร์ของชาวต่างชาติปิดกั้นพื้นที่
** “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ดิ้นร้องนายกฯ
ที่ศูนย์บริการประชาชน ภายในสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนบริษัท รอยัล เจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด , บริษัท รอยัล พาราไดซ์ จำกัด, บริษัท รอยัลไทยเฮิร์บ จำกัด, บริษัท บางกอก แฮนดิคราฟ เซ็นเตอร์ จำกัด และบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีที่ถูกเจ้าพนักงานบุก ค้น ยึด และกล่าวหาบริษัททั้งห้า เป็นบริษัททัวร์ศูนย์เหรียญ โดยมี นายยศพงษ์ งามรัตนไพบูลย์ นิติกรประจำ ศูนย์บริการประชาชน เป็นผู้รับหนังสือ
ในหนังสือร้องเรียนระบุถึงที่มาของครอบครัวในการประกอบธุรกิจค้าขายสินค้าให้แก่นักท่องเที่ยวตั้งแต่ปี 2525 รวมทั้งยืนยันว่าเป็นธุรกิจของคนไทย ที่ไม่ได้ประกอบธุรกิจทัวร์ศูนย์เหรียญ เพราะว่าไม่ได้มีบริษัททัวร์ แต่ให้กับบริการรถขนส่งไม่ประจำทาง สำหรับคนไทยและนักท่องเที่ยวเท่านั้น โดยไม่ได้จำกัดเที่ยวซื้อสินค้าจากร้านค้าของบริษัทด้วย
"บริษัททั้งห้าให้การยืนยันต่อนายกรัฐมนตรีว่า มีผู้ก่อตั้งและถือหุ้นเป็นคนไทย 100% ทุกคนเกิดและโตที่ประเทศไทยซึ่งนายกฯสามารถยกสามารถตรวจสอบสถานะของแต่ละบุคคลได้ ประกอบธุรกิจด้วยสัมมาชีวะ ก่อสร้างสร้างตัวจากกิจร้านค้า ที่ตลาดน้ำวัดไทร กทม. ทั้งนี้การถูกตั้งข้อหาจากเจ้าหน้าที่รัฐ และอายัดทรัพย์ของข้าพเจ้า ครอบครัวและบริษัทในเครือ เป็นการกระทำที่การเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงและไม่เป็นธรรมกับบริษัทเป็นอย่างยิ่ง” ผู้แทนบริษัทระบุ
** สองแม่ลูกเจ้าของโอเอ พบ ตร.
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.00 น. นางนิสา โรจน์รุ่งรังสี ประธานบริษัท โอเอ ทรานสปอร์ต จำกัด และ นายวสุรัตน์ โรจน์รุ่งรังสี กรรมการบริษัทฯ พร้อมทีมทนายและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.พญาไท หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการกวาดล้างทัวร์ศูนย์เหรียญ ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทฯได้กีดกันไม่ให้นักข่าวเก็บภาพ และยังพูดจาหยาบคาย ทำให้ตำรวจ สน.พญาไทเข้าควบคุมตัวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทฯทั้ง 9 คนไว้ พร้อมกับตรวจค้นรถตู้ที่ใช้โดยสารมา พบอาวุธไม้คมแฝก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมา พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว (ผบก.ทท.) ได้เดินทางมาที่ สน.พญาไท และเปิดเผยว่า วันนี้จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่ม คือข้อหาฟอกเงิน และระหว่างการสอบสวนหากพบว่ามีความผิดใด ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มไปอีก ทั้งนี้ ได้มีการเร่งรัดสรุปสำนวนโดยเร็ว คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ก็คงส่งให้อัยการฟ้องศาลได้ ส่วนกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีคำสั่งยึดทรัพย์ แต่ทางบริษัทยังขัดขืนไม่ยอมส่งมอบทรัพย์สินนั้น หาก ปปง.ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ ก็จะดำเนินคดีในข้อหาขัดขวางเจ้าพนักงานเพิ่ม ซึ่งขณะนี้ทาง ปปง.ได้ยึดทรัพย์และเงินสดของบริษัทโอเอฯเป็นจำนวนเงิน 1 หมื่นล้านบาทแล้ว ขั้นตอนต่อไปทางเจ้าหน้าที่จะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดาภิเษก โดยพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากกลัวว่า จะไปยุ่งเหยิงกับหลักฐาน ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานได้ยากขึ้น
“จากการเข้าพบทางเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ได้รับข้อมูลว่า นักท่องเที่ยวจีนยังเดินทางมามากขึ้น ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ซึ่งตอนนี้นักท่องเที่ยวจีน ที่มาเที่ยวประเทศไทยไม่ได้ ก็เกิดจากตั๋วเครื่องบินเต็ม และจีนก็พร้อมกวาดล้างทัวร์ศูนย์เหรียญด้วย ซึ่งทางประเทศไทยก็กำลังกวาดล้างจัดระเบียบบริษัททัวร์อย่างต่อเนื่อง” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น ทางตำรวจ บก.ทท. ได้คุมตัว นางนิสา กับ นายวสุรัตน์ ส่งศาลอาญารัชดาภิเษก ส่วนกลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้คุมตัวไปตรวจสอบประวัติ และหากพบว่ามีความผิดฐานพกอาวุธ ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
** วืดประกัน-นอนเรือนจำ
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พ.ต.ท.ธรรมรักษ์ เรืองดิษฐ์ พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ควบคุมตัว นางนิสา และ นายวสุรัตน์ สองแม่ลูกที่ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 1-2 ตามหมายจับศาลอาญา คดีร่วมกันทำผิด พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวฯ จัดทัวร์ศูนย์เหรียญ ขายสินค้าแพง สร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว และฟอกเงิน มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 13-24 ก.ย.นี้ เนื่องจากต้องสอบพยานบุคคลอีก 40 ปาก และรอผลตรวจสอบข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวกับการฟอกเงิน รวมทั้งผลการตรวจสอบเส้นทางการเงินระหว่างประเทศ กับลายพิมพ์นิ้วและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาทั้งสอง ทั้งนี้ ในท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการให้ประกันตัวด้วย เนื่องจากหากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยชั่วคราว เกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานจนเสียหายต่อรูปคดี อีกทั้งคดีมีอัตราโทษสูง จึงกลัวว่าจะหลบหนี ส่วนทางญาติได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 2 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราว
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เป็นเรื่องร้ายแรง มีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก กระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ จึงไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง เจ้าหน้าที่ราชฑัณท์จึงนำตัว นายวสุรัตน์ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ส่วน นางนิสา ไปคุมตัวที่ทัณฑสถานหญิงกลาง.