xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯสวน“บุญทรง” รอดคุกค่อยลากขึ้นศาล เปิดโพยแพะรับหนี้แทน"ปู"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน360 - “ประยุทธ์” ตอก “บุญทรง” เอาตัวให้รอดก่อนมาลากขึ้นศาล โยน “อภิศักดิ์” เซ็นทวงเงิน “ยิ่งลักษณ์” ด้าน “ขุนคลัง” อ้อมแอ้มขอดูรายละเอียดก่อน เปิดโพยแพะรับหนี้ 1.43 แสนล้านแทน "ปู" บอร์ด กขช.-ขรก.-เอกชนติดร่างแหเพียบ ศาลปกครองยกฟ้องคดี "แม้ว" ฟ้อง อ.กรมกงสุล กรณียกเลิกพาสปอร์ต ศาลอาญาสั่งจำคุก 1 ปี 6 เดือน “เชาวรินธร์” ไม่รอลงอาญา

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงการดำเนินคดีที่เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวกับนักการเมืองและข้าราชการที่เกี่ยวข้องว่า ตนมีหน้าที่ในการอำนวยความเป็นธรรมให้ฝ่ายกฎหมาย ศาล กระบวนการยุติธรรมทำงานได้เท่านั้น ไม่ได้ไปใช้อำนาจในการชี้ผิดชี้ถูก การออกคำสั่งมาตรา 44 ก็เพื่อปกป้องข้าราชการเท่านั้น ส่วนเรื่องระยะเวลานั้น เชื่อว่าดำเนินการทันแน่นอน เวลานี้ (การสรุปความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว) อยู่ในขั้นตอนของกระทรวงการคลังที่ดำเนินการในลักษณะเดียวกับของกระทรวงพาณิชย์ ในส่วนการสรุปเรียกค่าเสียหายของกระทรวงการคลังเป็นอัตราส่วนร้อยละ 80-20 ของมูลค่าความเสียหายนั้น ไม่ได้รังแกข้าราชการ คือ ร้อยละ 20 เป็นส่วนนโยบาย ขณะที่ร้อยละ 80 มีหลายส่วนที่ต้องมารับผิดชอบ ไม่ใช่ข้าราชการทั้งหมด ซึ่งมีถึง 850 คดีที่ต้องหาผู้มารับผิดชอบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประยุทธ์จะลงนามเรียกค่าเสียหาทางแพ่งในกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กำลังดูอยู่ ถ้ามันคล้ายคลึงกันกับกรณีของจีทูจี ก็มอบหมายให้รัฐมนตรีลงนาม ซึ่งรัฐมนตรีก็สามารถมอบต่อได้ เหมือนกับคดีของกระทรวงพาณิชย์

ส่วนกรณีที่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ระบุว่า จะฟ้องผู้ที่เกี่ยวข้องและนำ พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นให้การในชั้นศาลนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่กลัวเพราะทำตามหน้าที่ แต่หลังจากนี้จะโดนอะไรกลับหรือไม่นั้นไม่รู้ เพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย

“ก็รอลากตอนที่ตัวเองออกจากคุกมาก่อนแล้วกัน ไปแก้คดีตัวเองให้จบก่อนมาฟ้องผม” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

** "อภิศักดิ์" กั๊กเซ็นทวงเงินจำนำข้าว

ด้าน นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวถึงขั้นตอนหลังคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง ที่มี นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นประธาน สรุปความเสียหายโครงการรับจำนำข้าวให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับผิดชอบเฉพาะตัวในสัดส่วนร้อยละ 20 ของมูลค่าความเสียหาย จำนวน 35,717 ล้านบาทว่า อยู่ในขั้นตอนธุรการ ได้ส่งให้ปลัดกระทรวงการคลังไปดูให้ถูกระเบียบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ความเสียหายร้อยละ 80 หรือ 142,869 ล้านบาทที่เหลือจากตัวเลขเสียหายรวม 178,586 ล้านบาท มีรายชื่อผู้ที่ต้องรับผิดชอบหรือยัง นายอภิศักดิ์กล่าวว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุว่า คดีความเสียหายมีกว่า 800 คดี ที่อยู่ในร้อยละ 80 เปอร์เซ็นต์นี้

เมื่อถามต่อว่า จะลงนามคำสั่งร่วมกับปลัดกระทรวงการคลังด้วยตัวเองหรือไม่ นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ต้องดูกระบวนการ ใครต้องเป็นผู้ลงนามคำสั่ง

เมื่อถามย้ำว่า ถ้าถึงเวลานายกฯมอบให้ รมว.คลังเป็นผู้ลงนามในคำสั่ง พร้อมหรือไม่ นายอภิศักดิ์ ได้นิ่งไปก่อนตอบว่า "อยู่ตามขั้นตอน"

** เปิดโพยแพะรับหนี้แทน"ปู"

รายงานข่าวระบุถึงการพิจารณาแนวทางการกำหนดสัดส่วนความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ภายใต้ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ที่กำหนดโดยกระทรวงการคลัง พบว่า ได้มีการกำหนดสัดส่วนความรับผิดของเจ้าหน้าที่เอาไว้ชัดเจน โดยในกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นผู้อนุมัติขั้นสูง จะต้องรับผิดชอบในสัดส่วนร้อยละ 20 อีกร้อยละ 80 แบ่งเป็นความรับผิดชอบของคณะกรรมการที่พิจารณาโครงการรับจำนำข้าวร้อยละ 60 และอีกร้อยละ 20 เป็นความรับผิดชอบของผู้ผ่านงานชั้นต้นและชั้นกลาง จากเงื่อนไขดังกล่าว หมายความว่า ผู้ที่เป็นคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะเป็นถูกเรียกค่าเสียหายในส่วนร้อยละ 60 หรือราว 106,800 ล้านบาท ส่วนร้อยละ 20 หรือ 35,600 ล้านบาท จะเป็นความรับผิดชอบของ รมว.พาณิชย์ รองนายกรัฐมนตรี รวมถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพราะเป็นผู้อนุมัติในลำดับรองลงไป

นอกจากนี้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่รับผิดชอบในโครงการจำนำข้าว ในฐานะหน่วยงานปฏิบัติ อาทิ กรมการค้าภายใน องค์การคลังสินค้า (อคส.) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงสี บริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว (เซอร์เวเยอร์) และโกดังกลาง เป็นต้นด้วย

สำหรับ คณะกรรมการ กขช. ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการอนุมัติโครงการรับจำนำ มีอยู่จำนวน 24 คน ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 153/2554 เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ได้แก่ นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ , รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ รมว.คลัง รองประธานกรรมการ , รมช.พาณิชย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ผู้ช่วยเลขานุการรมว.พาณิชย์ และผู้ทรงคุณวุฒิอีก 5 คน เป็นกรรมการ , ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นกรรมการและเลขานุการ และมีรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ อธิบดีกรมการค้าภายใน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และอธิบดีกรมการข้าว เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

** ยกฟ้องคดีถอนพาสปอร์ต “ทักษิณ”

วันเดียวกัน ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยื่นฟ้องอธิบดีกรมการกงสุล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกระทรวงต่างประเทศ ที่ยกเลิกหนังสือเดินทางรวม 2 ฉบับ โดยศาลเห็นว่า อธิบดีกรมการกงสุล ใช้ดุลพินิจพิจารณาว่านายทักษิณมีพฤติกรรมเข้าข่ายผิดกฎหมาย ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงปลอดภัย หรือชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศไทย เข้าเงื่อนไขหลักเกณฑ์การยกเลิกหนังสือเดินทาง โดยนายทักษิณมีสิทธิ์รยื่นอุทธรณ์ ภายใน 30 วัน

** “โภคิน” ไม่ต้องจ่ายรถ-เรือดับเพลิง กทม.

ต่อมา ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่เรียกให้นายโภคิน พลกุล อดีต รมว.มหาดไทย ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 1,434,463,937.07 บาท จากกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลว่าเป็นผู้กระทำทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ขณะดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย เกี่ยวกับการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง พร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยของ กทม.ในราคาที่สูงเกินความเป็นจริงก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ โดยศาลเห็นว่า นายโภคินได้ปฏิบัติตามหน้าที่เท่าที่จำเป็น ไม่ได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อจนทำให้ กทม.ได้รับความเสียหายแก่ทรัพย์สิน จึงไม่ได้ทำละเมิดและไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวนดังกล่าว

** จำคุก “โกโบริน” 1 ปี 6 เดือน

ที่ศาลอาญารัชดา ศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดีที่ พนักงานอัยการคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ลัทธศักดิ์ศิริ อดีต รมช.ศึกษาธิการ เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากกรณีเมื่อวันที่ 6 - 9 พ.ค.57 จำเลยกับพวก เข้าไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลในหลักฐานใบสำคัญเก็บเงินค่าสินค้าเสียใหม่เป็นว่า ให้บริษัท บี.พี.ซี. เทรดดิ้ง จำกัด (ประเทศกัมพูชา) โอนเงินค่าซื้อปูนซีเมนต์ บริษัททีพีไอ โพลีน พับบลิค จำกัด (ประเทศไทย) ทั้งหมดผ่านเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขารัฐสภา ของพวกจำเลย 352,781 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทย 11,428,308 บาท ผ่านบัญชีเงินฝากของบริษัท ทีพีไอฯ โดยธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งอัยการ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 27ก.พ. 2558

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยมีเจตนาไม่สุจริต เบียดบังเอาทรัพย์ของผู้อื่นมาเป็นของตน จึงเข้าข่ายยักยอกทรัพย์ ซึ่งมีโทษเท่ากับฐานฉ้อโกง พิพากษาจำคุก 1 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา และสั่งให้จำเลยคืนเงินทั้งหมด 11,428,308 บาท แก่บริษัท บี.พี.ซี.เทรดดิ้งฯ ต่อมา พ.ต.อรรคริน ลัทธศักดิ์ศิริ บุตรชาย ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์เดิมเป็นตำแหน่งพนักงานสอบสวนฯ สำนักคดีความมั่นคง มูลค่า 667,800 บาท พร้อมเงินสดอีก 400,000 บาท รวมมูลค่า 1,067,800 บาท ขอปล่อยชั่วคราว โดยศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ ร.ต.ท.เชาวรินธร์ จำเลย ประกันตัวไประหว่างอุทธรณ์คดี โดยตีราคาประกัน 1,000,000 บาท.
กำลังโหลดความคิดเห็น