ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -การบังคับใช้กฎหมายการเคารพกฎหมาย มีวินัยต่อระเบียบแบบแผนดูเหมือนว่ามีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่หย่อนยานขาดจิตสำนึก วันนี้จะไม่พูดถึงเรื่องการเมืองหรือเรื่องใหญ่โตระดับประเทศแต่จะเขียนถึงเหตุการณ์น้องๆ นักศึกษาสาวมหาวิทยาลัยนเรศวร 3 ราย ที่ต้องมาสังเวยชีวิตเพียงเพราะความประมาท -ขาดสติ
น้องที่ว่าเรียนอยู่คณะประวัติศาสตร์ ปีที่ 4 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายคงไม่ต้องบอกว่าคนเป็นพ่อ-แม่ คนรอบๆ ตัวจะเศร้าเสียใจขนาดไหน...ข่าวย่อพอสังเขปหลังเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ เก็บศพที่นอนตายเกลื่อนถนน ไม่ไกลจากรั้วมหาวิทยาลัยนักได้ความว่าทั้งหมดกันไปดื่มเหล้าที่ร้านแห่งหนึ่งใกล้กับมหาวิทยาลัย กระทั่งร้านปิดแต่ยังจะไปต่อ โดยนั่งซ้อนสาม ขับ จยย.ไม่สวมหมวกกันน็อก
ระหว่างขับขี่ด้วยความเร็วมาถึงที่เกิดเหตุ คือถนนสีหราชเดโช หลัก กม.125 ต.ท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก เกิดเสียหลักล้มฟาดกับถนนคอนกรีต ศรีษะแตกมันสมองกระจายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทั้ง 3 คน
ข่าวเล็กๆ แต่ชวนสลดใจนี้ไม่ควรให้ผ่านไปเฉยๆ
เหตุผลเพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นี่แหละที่สร้างปัญหาให้กับสังคมไทยไม่รู้จบ แม้จะมีการณรงค์ มีกฎมายที่เข้มงวดแต่แนวโน้มกลับรุนแรง ทั้งเป็นต้นเหตุของความรุนแรง อุบัติเหตุต่างๆ ตลอดจนสุขภาพของคนที่ดื่มกินเป็นประจำ ก่อให้เกิดโรคร้ายต่างๆมากมายรวมทั้งมะเร็งตับหรือตับแข็ง ปีๆหนึ่งต้องสูญเสียบุคลากรในระดับต่างๆ แต่ทุกวันนี้แค่ขับรถออกจากบ้านก็จะเจอโฆษณาขายเครื่องดื่มประเภทนี้แทบทุกหนทุกแห่ง
ที่จังหวัดพิษณุโลก ก็เช่นกัน นอกจากป้ายโฆษณาขายเครื่องดิ่มแอลกอฮอล์เกลื่อนเมืองแล้วยังมีร้านเหล้า ผับ บาร์ อยู่เต็มไปหมดซึ่งก็แปลกดี เพราะเศรษฐกิจย่ำแย่ขนาดนี้ขายอะไรก็ขายไม่ออก ขายอะไรก็ขายไม่ได้ แต่ถ้าขายเหล้าดันขายดิบขายดี ไม่ว่าจะในร้านสะดวกซื้อหรือตามร้านเหล้าผับ บาร์ คาราโอเกะ อย่างที่บอกไว้
นอกจากร้านค้า หรือสถานบริการที่เปิดขายเหล้า-เบียร์โดยตรงแล้วแทบไม่น่าเชื่อว่าบรรดาสนามฟุตบอลเอกชนที่คนรุ่นใหม่นิยมไปออกกำลังกายด้วยการจัดทีมไปเช่าสนามเล่นเพื่อออกกำลังกายนั้น พอเล่นเสร็จประมาณ 2-3 ทุ่ม บางคน (ส่วนใหญ่) นั่งจับวงอุ่นเครื่องกันที่ตรงนั้นเลย พอสนามปิดสัก 5 ทุ่มเที่ยงคืน บางคนก็ไปต่อเรียกว่าใช้ชีวิตกันอย่างเต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจด่านตรวจแอลกอฮอล์กันเล้ว ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมพวกนี้จึงหลุดรอดจากการตั้งด่านตรวจของเจ้าหน้าที่มาได้
จากร้านเหล้าในเมืองหรือในชุมชน ก็ต้องมาว่ากันถึงร้านเหล้าแถวๆสถานศึกษา ซึ่งขออนุญาตนำผลสำรวจของเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา ซึ่งทำการสำรวจไว้เมื่อปี 2553 หรือ5-6 ปีที่ผ่านมานั้นปรากฏว่า เฉพาะพื้นที่ภาคเหนือพบว่ารอบๆ มหาวิทยาลัยนเรศวร มีร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ถึง 72 ร้านค้า ส่วนสถานอื่นๆทั่วประเทศมีรวมกันเกือบ 2,000 ร้านค้า ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีร้านสะดวกซื้อเข้าไปด้วย
จึงพ้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องนักศึกษา 3 คนที่เราควรมองว่าพวกเขาหาเรื่องเอง หรือพวกเขาเป็นเหยื่อ...แน่นอนเหลือเกินว่า ถ้าเรายังคิดว่าเป็นความไม่สำนึก ประมาทก็คงมีเหตุการณ์ทำนองนี้ต่อไปเรื่อยๆ แต่ถ้ามองในลักษณะ 3 นักศึกษาสาวเป็นเหยื่อ คนไทยก็ต้องตระหนักว่า แท้จริงแล้วพวกเรา ลูกหลานเรา ทุกๆคนก็พร้อมเป็นเหยื่อหากไม่ช่วยกันแก้ไข เปลี่ยนแปลงให้มันดีขึ้น
และเพื่อให้เห็นภาพว่าในจังหวัดพิษณุโลก นั้นมีสถานบริการขายเหล้า-เบียร์ มากจริงๆนั้นมีข้อมูลจากกลุ่มไลน์นักท่องราตรีเขียนให้ขำๆขื่นๆความรู้สึกดังนี้.....ปิกัสโซ่...มีโชว์โคโยตี้ ...ไม้หมอน...มีนักร้องก็สุดสวย...ฟอร์เต้...ก็โอเคถ้าคุณรวย...แอทไทม์...ด้วยสวยดีพี่อยากไป....ร้านเซอร์บาร์...เขาก็ฮิตไปกับเพิ่ล...โฟร์ไซเคลิ่ล....สาวพีอาร์สวยสดใส....ร้านเดอะล็อฟ...สั่งคอกเทลเที่ยวเพลินใจ...วันวาน....ใหม่ร้องเพลงคลาสสิคดี....มิตรภาพ...อเวนิวก็เข้าท่า....แคมเปอร์บาร์....ไปกี่คราไม่หน่ายหนี....บางลำพู...โดนพี่ตู่ปิดห้าปี....ร้านบาร์หลี....เด็กเสิร์ฟดีประทับใจ....ร้านทางเกวียน....เปลี่ยนแนวเพื่อชีวิต...มาร์เก็ตสตรีท....อยู่บ้านคลองเคยลองใหม....ร้านสตั้งหลัก....ต้องลองดูอยู่ไม่ไกล....วู้ดสต๊อก...เพลงข้างในไพเราะดี....เบียร์คอนเนอร์....ที่บิ๊กซีมีแต่สาว...อัมรินทร์อินทาวน์....ชาวสุขขี....อยู่วิชญา....ต้องไม่พลาดโอกาสมี....เม้าท์บุรี....มีโปรเบียร์เฮียเคยมา....ร้านออสิ...อยู่หลังโรงคนชื่นมื่น....ประชาชื่น...ถึงอยู่ไกลก็ไปหา....ร้านบัคทาว...ก็เข้าท่าสวยเพลินตา....เสวนา....พาเพลินเจริญใจ....คาลิโด้...วิวอำนวยสวยงามล้ำ....ครัวน่านน้ำ...จิบไวน์ไปใจสดใส....เดอะรีสอร์ท...ก็สุดยอดเด็กข้างใน....ร้านคำปาย....ไปทีไรต้อนรับดี....สนุกนึก....เป็นกันเองร้องเพลงเพราะ....ท่าปรางค์....เหมาะนั่งสบายไม่หน่ายหนี...แอลกอฮอล์....ป๊อบคอนเขาแจกฟรี....นั่งเล่นมีสาว มอ.นอ.มาเที่ยวกัน...ร้านพีวัน...ขายเบียร์หลายชนชาติ....ร้านบายฮาร์ด...มุมเล็กๆก็สุขสันต์....ร้านลาเกอร์...อยากชวนเธอมาทุกวัน....เอเปก...มันส์ชั้นใต้ดินดิ้นกระจาย.....ร้านละเมอ...อยู่ในซอยจัดว่าเด็ด....ร้านสิบเอ็ด...มอ.นอ.ปั่นเหล้าขาย....บรอนโคบาร์....อยู่ไม่ห่างแยกวุ่นวาย....ใจสบาย...จ่ายไม่แพงนั่งนานๆ...ครัวอีสาน....ม่วนแซ่บ แซ่บสมชื่อ....ร้านบังอร...ก็เลื่องลือเรื่องอาหาร...ร้านเอ็มเค....ก็เก๋ไก๋ใจเบิกบาน....จันทร์เพ็ญ....ผ่านก็อย่าแต่มองต้องลองเอย....
ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นอะไรบ้าง!!??....ลองสังเกตดูว่าในจำนวนที่มากมายนั้นมีร้านเหล้าปั่นแถวรั้วมหาวิทยาลัย และในข้อเท็จจริงมีทั้งซุ้มยาดอง ผับ บาร์ และสะดวกซื้อที่ขอให้มีเงินแล้วไปหาที่ตั้งวงกันเองอนาคตของชาติ เยาวชนของเรา พ่อ-แม่อุตส่าห์หาเงินส่งเสียกันแทบเป็นแทบตายแต่ลูกบางคนต้องบาดเจ็บ เสียชีวิตก่อนวัยอันควร ในขณะที่ร้านขายเหล้า เจ้าของกิจการเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ขนาดใหญ่ซึ่งล้วนมีสายสัมพันธ์อันดียิ่งกับผู้มีอำนาจในบ้านในเมืองกลับร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีติดอันดับโลก
พวกนี้เขาคิด...เขาทำอะไรกันอยู่ !!??
อีกเรื่องหนึ่งที่คาใจชาวเมืองสองแคว และเมื่อยกขึ้นมาเป็นกรณีศึกษาคงมีประชาชนไม่น้อยที่อาจจะข้องใจไปด้วยนั่นคือ สถานบริการแห่งหนึ่งชื่อ “ไม้หมอน” ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพิษณุโลก รู้กันในหมู่นักเที่ยวว่าที่นี่มีดนตรีเพื่อชีวิต มีหนุ่มสาวนิยมมาใช้บริการกันกระทั่งเข้าลักษณะมั่วสุมจนวันที่ 21 ส.ค. 58 ระหว่าง คสช.เคร่งครัดจัดระเบียบสังคมกำลังทหาร และฝ่ายปกครองเข้าตรวจพบว่ามีการจำหน่ายสุราให้กับเด็กจึงใช้คำสั่ง ม.44 ปิดสถานบริการดังกล่าว 5 ปี และมีคำสั่งย้าย 5 เสือโรงพักพิษณุโลก เซ่นปฏิบัติการนี้ด้วย
ตอนนั้นเป็นข่าวฮือฮาทั้งจังหวัดรวมทั้งสถานบริการอื่นๆทั่วประเทศก็เกรงว่าจะลุกลามใหญ่โตเพราะถ้าเข้มงวดจริงมีหวังทั้งในกรุง และตามหัวเมืองก็อาจจะเจ๊งกันระเนนระนาด
วันนี้เป็นไงบ้าง....ปรากฏว่า ร้านไม้หมอน ไปเปิดใหม่ริมถนนหลักสายพิษณุโลก -เพชรบูรณ์ เรียกว่าใหญ่โตที่สุดของจังหวัดพิษณุโลก มีนักเที่ยวแห่ไปอุดหนุนแน่นขนัดทุกคืน....เรื่องทำมาหากินไม่ว่ากันแต่การใช้ชื่อเก่าที่ถูก ม.44 สั่งปิด 5 ปีมีคำถามว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมยังสามารถใช้ชื่อเก่าและยังวนเวียนทำมาหากินแบบเก่าๆได้ หรือแสดงว่ากฎหมายมันช่องโหว่....หรือเจ้าของสถานบริการเขามีเส้นสายดี ก็ช่วยกรุณาตอบคนไม่รู้ด้วยเถอะ
แต่ไม่ว่าคำตอบจะเป็นเช่นไร สิ่งที่ประชาชนทุกคนต้องพึงสังวรก็คือความจริงที่ว่า “ผลประโยชน์ทับซ้อน” มันช่างซ้อนซ่อนเงื่อนจนเรามองไม่เห็น ลูกหลานใคร พี่น้องพ่อแม่ใครก็เตือนๆดูๆกันไว้...สุดท้ายถ้าเราไม่เท่าทันมันก็ต้องตกเป็นเหยื่อ ดังเช่น 3 น้องนักศึกษาที่ไม่มีโอกาสลุกมาแก้ตัวได้อีกเลย