อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see You again ตอนที่ 5
ยิ่วเชียนหยิบกระดาษโน้ตในถุงข้าวที่อันซีแขวนไว้หน้าห้องขึ้นมาอ่าน
“คุณอย่าคิดว่าข้าวหมูสับถ้วยนี้ จะหมายความว่าฉันจะถอย เพราะความจริงแล้ว มันตรงกันข้ามกับที่คุณคิด ฉันซื้อมาให้คุณกินจะได้มีแรงไปทำงานในสวน ถ้าคุณไม่ยอมไปฝึกฝนอีก ฉันจะไปบอกความจริงกับภรรยาผู้อำนวยการ ว่าฉันก็คือกิ๊กที่สามีเขาจ้างมาให้แสดงละครตบตา ฮ่าๆๆๆ กลัวล่ะสิ อย่าบังคับฉันล่ะ”
“ขนาดเขียนจดหมายยังเขียนได้แย่มาก คิดจะขู่ใคร” ยิ่วเชียนพึมพำก่อนเข้าห้องไป
อันซีกับจื้อหลิงและเหม่ยเหวินแอบดูอยู่ตรงบันไดด้านล่าง อันซีถอนใจเมื่อเห็นเขาปิดประตูโดยไม่รู้สึกอะไร จื้อหลิงบอกทันที
“โธ่เอ๊ยอันซี คุณเซี่ยเป็นคนเก่ง เขาไม่กลัวจดหมายขู่ของเธอหรอก เพราะเขารู้ว่าเธอไม่กล้าไปฟ้องความจริงหรอก”
“ใครว่าฉันไม่กล้า”
“โธ่อันซี เธออย่าพยายามเลย ตอนนี้ในบ้านพักมีกันอยู่สี่คนมีเพียงเธอเท่านั้น ฉันเชื่อว่าเธอทำได้” เหม่ยเหวินออกความเห็น
“ได้ ฉันจะทำให้พวกเธอเห็น ฉันไม่เพียงจะบอกความจริง แต่ฉันจะเล่าทุกอย่างให้ละเอียดชัดเจน ให้ภรรยาผอ.รู้ความจริงไปเลยว่าทั้งเขาและผอ.เป็นคนยังไงกันแน่”
“จริงๆ เหรอ” จื้อหลิงถามย้ำ
“ถ้าทำไม่ได้เป็นหมา”
อันซียืนยันแล้วเปิดประตูออกไป เห็นเหม่ยเหวินเข็นจักรยานมาจอดตรงหน้า
“เอ๋ ฉันรู้ว่าเธอทำได้แน่นอน ฉันเลยเตรียมรถให้เธอพร้อมแล้ว”
“แฮะๆๆ รวดเร็วจริงๆ” อันซีหน้าเสีย
“แน่นอนอยู่แล้ว ตีเหล็กต้องรีบตีตอนร้อนๆ เธอบอกว่าจะไปบอกความจริงภรรยาผู้อำนวยการว่าเขาถูกหลอกไม่ใช่เหรอ” เหม่ยเหวินย้ำ
“แน่นอน ต้องไปแน่นอน”
“งั้นมาๆ เร็วหน่อยๆ
จื้อหลิงปัดๆ เบาะรถให้ “ไปเร็วๆ รถเตรียมพร้อมแล้ว”
อันซีถ่วงเวลาทำเป็นเตะขาตั้งจักรยานไม่ออก เหม่ยเหวินแกล้งถาม
“เป็นอะไร”
“แปลก ดูเหมือนจักรยานจะพังแล้ว”
อันซีทำเป็นแก้ไม่ได้ จื้อรีบรีบแทรกเข้ามาทำให้
“มาๆ ฉันช่วย คงเป็นเพราะเธอไม่ได้กินข้าว เลยไม่มีแรง แค่เตะก็ออกแล้ว”
อันซีหัวเราะกลบเกลื่อน “จริงด้วย มันไม่ได้พังแปลกจริงๆ”
เหม่ยเหวินเร่ง “รีบไปได้แล้ว”
“งั้น ฉันขอศึกษาจักรยานคันนี้ก่อน”
จื้อหลิงรำคาญ “ไม่ต้องศึกษาแล้ว”
“แต่ครั้งก่อนเบรกมีปัญหา” อันซีถ่วงเวลาไปเรื่อย
“ไปๆๆ ไหนเธอบอกว่าจะรีบไปบอกความจริงเขาโดยไม่สนใจอะไรไงล่ะ ไม่มีเวลาแล้ว รีบไปได้แล้ว” จื้อหลิงเร่ง
“ได้ๆๆ”
“ขึ้นรถๆๆ” เหม่ยเหวินช่วยเร่งอีกคน
จื้อหลิงช่วยผลักขึ้น “มาๆๆๆ”
“ฉันขึ้นเองได้ ไม่ต้องช่วยขนาดนั้นหรอก”
“มาๆ”
“พอๆๆ เธอสองคนพอได้แล้ว ฉันคงไม่ปั่นจักรยานไปหรอก ปั่นสามวันสามคืนก็ยังไม่ถึง”
“เธอชอบอวดเก่งทำไมล่ะ” เหม่ยเหวินตำหนิ
“ฉันร้องเพลงของริชชี่ให้ฟังมั้ย” จื้อหลิงเสนอ
“ไม่ต้อง ฉันไม่ได้เป็นคนใจอ่อนนะ แต่ฉันจะไปบอกความจริงพวกเขา”
ระหว่างนั้นเสียงยิ่วเชียนดังมาจากด้านหลัง
“เธอไม่มีทางไปหรอก ถึงเธอไปผลออกมาก็แพ้เหมือนเดิม”
“ใครกล้ามาดูถูกฉัน”
อันซีหันไปมองด้านหลังแล้วอึ้ง เพื่อนๆ ก็พากันตะลึงไปด้วยเมื่อเห็นยิ่วเชียนสวมรองเท้าบูทเตรียมพร้อมจะไปฝึกดึงต้นหอม ยิ่วเชียนเดินเข้ามาหา
“ฉันเห็นว่าข้าวหมูสับอร่อยหรอกนะ”
จื้อหลิงตะลึงชื่นชมในการกระทำของชายหนุ่ม
“ยังไม่รีบไปเปลี่ยนชุดอีก”
อันซีดีใจ หันมาส่งรถจักรยานให้เหม่ยเหวิน
“งั้นฝากด้วยนะ”
“ได้เลย”
อันซีวิ่งเข้าไปในบ้าน ในขณะที่จื้อหลิงมองคลั่งไคล้ในตัวชายหนุ่มมาก
“คุณเซี่ย เหมาะมาก สไตล์ธรรมชาติแบบนี้ มาพร้อมกับรองเท้าบูท เป็นแฟชั่นของปี 2015 เลย ทำไมถึงเหมาะอย่างนี้นะ”
“พอได้แล้วน่า” เหม่ยเหวินปราม
“หล่อมาก”
ยิ่วเชียนทำหน้าไม่ถูก
อันซีกับยิ่วเชียนสะพายตะกร้าใบใหญ่มาที่แปลงต้นหอม ยิ่วเชียนเดินนำจะลงไปในแปลงเลย แต่อันซีเรียกไว้
“นี่ รอเดี๋ยวค่ะคุณเซี่ย ยังไม่ได้ทาครีมกันแดดเลย”
อันซีดึงตัวยิ่วเชียนมาทาครีมกันแดดให้
“คุณเซี่ย คนในเมืองอย่างพวกคุณ ส่วนใหญ่นั่งทำงานตากแอร์ในออฟฟิศ ฉันกลัวว่าคุณตากแดดมากไป จะทำให้ผิวลอก ครีมตลับนี้ใช้ดีมาก ก่อนหน้านี้ฉันทาครีมนี้ไปทำงานตากแดดที่ทะเล ตากแดดเจ็ดแปดชั่วโมงผิวก็ไม่ลอกเลย”
อันซีทาครีมที่หน้าให้ยิ่วเชียนอย่างตั้งใจ ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาว ความใกล้ชิดทำให้เขารู้สึกประหม่า และเผลอใจ จนต้องรีบตัดบท
“พอหรือยัง”
“ยังค่ะ ยังมีอีก มาค่ะ”
อันซีสวมปลอกแขนกันแดดให้ชายหนุ่ม ยิ่วเชียนยืนให้ทำแต่โดยดี และมองหน้าหญิงสาวอย่างรู้สึกดี “อ้อ ยังมีอีก ฮิๆๆ”
อันซีเอาผ้าขนหนูผืนเล็กสำหรับซับเหงื่อคล้องที่คอยิ่วเชียน ยิ้มๆ พลางสวมหมวกให้ จัดโน่นนี่อย่าง
ตั้งใจ ยิ่วเชียนมองใบหน้าสะสวยของหญิงสาวอย่างหลงใหล และพยายามหักห้ามใจตัวเอง
“มาค่ะ ฮิ ฮิๆๆ ฉันช่วยถ่ายรูปให้คุณ”
อันซีหยิบโทรศัพท์มือมาตั้งท่าเตรียมถ่ายรูป ยิ่วเชียนยกมือห้าม
“นี่”
อันซีไม่สนใจกดถ่ายรูปทันที พลางหัวเราะน้อยๆ ยิ่วเชียนทำหน้าไม่ถูกรีบหยิบตะกร้าเดินลิ่วไปก่อน อันซีรีบหยิบตะกร้าตาม
“นี่รอฉันด้วยสิ ฉันไม่พาไปคุณไม่รู้ทางนะ”
อันซีถือตะกร้าเดินนำยิ่วเชียนไปในแปลงต้นหอมพลางพูดอธิบาย
“ต้นหอมของหมู่บ้านภูล่านของเราออกตลอดทั้งปี เพราะว่าสภาพดินของที่นี่ดีมาก ดังนั้น จึงทำให้หัวหอมมีจำนวนมาก มันจะใหญ่กว่าที่อื่นเป็นสองเท่า คุณดูสิ โดยเฉพาะต้นหอมที่ต้นขาวอวบ เริ่มจากตรงนี้ก็ได้ สวมถุงมือด้วยค่ะ”
อันซีบอกให้ยิ่วเชียนสวมถุงมือ เขาจึงหยิบถุงมือในตะกร้าของตัวเองมาสวม ในขณะที่อันซีก็หยิบถุงมือของเธอออกมาสวม
“ดูเหมือนเธอจะสวมถุงมือกลับด้านนะ”
อันซีไม่พอใจ
“ตรงไหน ฉันสวมอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว”
ยิ่วเชียนชูถุงมือที่เขาสวมแล้วให้ดู อันซีต้องยอม
“งั้นฉันจะลองเชื่อคุณก็ได้ ดูเหมือนจะสวมอย่างที่คุณว่าจริงๆ ด้วย มาค่ะ ฉันสอนคุณ คุณดูนะ ส่วนนี้เป็นส่วนต้นขาว ใช้อีกมือหนึ่งจับไว้ ใช้มือข้างนี้ค่ะ ต้องทำอย่างนี้ เพราะดินที่นี่หลวมมาก ดังนั้นคุณจึงต้องค่อยๆ ขยับซ้ายขวา ก็สามารถดึงออกมาได้ นี่เป็นเคล็ดลับ จำไว้นะ มา เฮ่อ คุณดูสิ ดึงได้แล้ว ถ้าคุณพบดินที่แน่นเหมือนดินตรงนี้ คุณดูให้ดีนะ ดินตรงนี้ ค่อนข้างแน่นมาก แบบนี้เราต้องใช้เครื่องมือแล้ว”
อันซีหันไปหยิบจอบเล็กๆ มา
“ใช้อันนี้ ค่อยๆเคาะดินให้หลวม ทำตาม แล้วขั้นตอนก่อนหน้านี้ ขยับซ้ายขวาสองครั้ง ต้องดึงออกมาทีเดียวด้วยนะ”
อันซีอธิบายพลางหันไปมองชายหนุ่ม แล้วก็ต้องประหลาดใจ
“โอ้วว้าว คุณเก่งมากเลย ใครไม่รู้คงคิดว่าคุณเคยทำแน่ๆ”
“ฉันเคยทำจริงๆ”
“คุณก็มีอารมณ์ขันด้วยเหรอ งั้นเอาอย่างนี้ เรามาแข่งกันคุณคิดว่าฉันเป็นเจียงไห่โค่”
ยิ่วเชียนพยักหน้า อันซียิ้มน่ารักให้
“เริ่มเลยนะ เตรียมตัว พร้อม”
ทั้งคู่ดึงต้นหอมอย่างตั้งใจ
“จะว่าไปแล้ว คุณมีความสามารถพิเศษมากนะ”
อันซีก้มหน้าก้มตาดึงต่อ ยิ่วเชียนหันมามองหน้าหญิงสาว พลางคิดหาเหตุผลให้ตัวเอง
“แค่เพราะเธอเป็นคนรู้จัก เห็นเธอไม่มีความสุข ฉันเลยแค่เห็นใจเธอเท่านั้น ใช่มั้ย”
ยิ่วเชียนเริ่มหวั่นไหวกับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อหญิงสาว เขานึกถึงเหตุการณ์ในอดีต เมื่อครั้งเป็นวัยรุ่น เขาดึงต้นหอมอยู่ในแปลง อันซีขี่จักรยานเข้ามาทัก
“นายคิ้วเส้นตรง นายทำอะไร”
“ดึงต้นหอม”
“ฉันรู้แล้วน่า นายดึงต้นหอมทำไม สวนนี้เป็นของบ้านนายเหรอ”
“ทำงาน”
“แดดแรงขนาดนี้ นายคนเดียวต้องดึงหมดทั้งสวนเลยเหรอ ว้าว เอางี้ นายสอนฉันดึงหน่อยสิ ฉันจะช่วยนาย”
อันซีลงจากจักรยานเดินไปหายิ่วเชียน
“เธอมาช่วยฉันทำไม”
“ปัดโธ่ฉันเคยเก็บสตอเบอรี่ เคยขุดมันฝรั่ง และเคยเก็บมะม่วง แต่ฉันไม่เคยดึงต้นหอม อีกอย่างต้นหอมของหมู่บ้านเรามีชื่อมาก เรียนรู้ไว้อาจมีประโยชน์ก็ได้ เอาน่าสอนฉันหน่อยอย่าหวงวิชาสิ”
อันซีจะลงมือดึงต้นหอมทันที ยิ่วเชียนท้วงไว้
“เอ๊ะ ระวัง เวลาดึงต้นหอมต้องระวัง อย่าดึงให้ต้นต้นหอมขาด เพราะจะทำให้ต้นมันเสีย เอ่อ เคล็ดลับคือ เวลาที่ดึง ต้องขยับซ้ายขวา แล้วค่อย ดึงขึ้นมา”
“อ๋อ โอ้ว”
อันซีลองทำตามที่ยิ่วเชียนบอก
“ง่ายมากๆ ให้นาย”
อันซีจะลงมือทำต่อ ยิ่วเชียนเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน”
ยิ่วเชียนถอดปลอกแขนและถุงมือของเขาใส่ให้อันซี
“มา ดีมาก ถุงมือ”
“ขอบคุณ เพื่อเป็นการขอบคุณที่นายสอนฉัน ฉันจะช่วยนายดึงต้นหอมให้ได้มากที่สุด จะทำลายสถิติของที่นี่เลย ลุย”
อันซีวิ่งนำหน้าไป ยิ่วเชียนยิ้มๆ จากนั้นอันซีก็เริ่มดึงต้นหอมไปเรื่อย ยิ่วเชียนลอบมอง อันซีเอามือปาดเหงื่อ ทำให้ดินเปื้อนแก้ม ยิ่วเชียนเห็น
“คือว่า”
“หืม”
ยิ่วเชียนชี้ที่แก้มเขา
“ตรงนี้ของเธอ เปื้อนดินน่ะ”
อันซีพยายามปัดๆ
“ตรงนี้เหรอ มีอีกมั้ย”
ยิ่วเชียนยิ้มเขินๆ “ดูเหมือนจะเปื้อนมากขึ้นนะ”
“เฮ้อ นายช่วยเช็ดหน่อยแล้วกัน”
“เอ่อ”
“นายช่วยฉันเช็ดหน่อยสิ”
อันซีเดินเข้าไปหาชายหนุ่ม ยิ่วเชียนจึงเอื้อมมือไปเช็ดให้อย่างช้าๆ เขินๆ และหลงใหล
“มีอีกมั้ย”
ยิ่วเชียนสั่นหัว
“เอาล่ะดึงต่อ”
อันซีก้มหน้าก้มตาดึงต้นหอม ในขณะที่ยิ่วเชียนยืนอึ้งเอามือจับที่หน้าอกตรงหัวใจตัวเอง พลางคิด
“หัวใจของฉัน ทำไมเต้นไม่เป็นจังหวะอย่างนี้”
อ่านต่อหน้า 2
อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see You again ตอนที่ 5 (ต่อ)
ยิ่วเชียนดึงความคิดตัวเองกลับมา เอามือแตะที่ตรงหัวใจตัวเองเหมือนในอดีต เขายืนตะลึงกับความรู้สึกของตัวเอง พลางคิด
“ฉัน ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้วนะ ไม่มีทางอ่อนไหวกับอะไรง่ายๆ แล้ว ใช่มั้ย”
อันซีเงยหน้ามอง เห็นยิ่วเชียนยืนเหม่อๆ ก็แกล้งนำต้นหอมปัดไปมาตรงหน้าเขา
“คุณเซี่ย คุณเซี่ย นี่ ทำตัวปกติหน่อยได้มั้ย ต้นหอมถูกขโมยหมดยังไม่รู้อีก ว้าว คุณดึงต้นหอมได้เยอะมาก มิน่าคุณถึงไม่ส่งเสียงเลย”
ยิ่วเชียนตื่นจากภวังค์
“เมื่อกี้เธอบอกว่าเวลาดึงต้นหอม ก่อนจะดึงต้องขยับไปมา ถ้าต้องใช้เครื่องมือล่ะก็ต้องใช้มือสองข้างจับไว้ก่อน แล้วก็ค่อยๆ ดึงขึ้นมานี่”
“โอ้โห ท่าทางของคนฉลาดนี่ไม่เหมือนคนอื่นเลยนะ”
ระหว่างนั้นยิ่วเชียนเหลือบไปเห็นไห่โค่กับลูกน้องกำลังแอบมองเขาและอันซีอยู่ เขาจึงแกล้งเล่นละครตบตา
“เธออย่ามาวุ่นวายกับฉัน อยู่ห่างๆ ฉันหน่อย”
อันซีงง “เอ๊ะ เป็นอะไรของคุณ”
ยิ่วเชียนส่งสัญญาณให้อันซีมองไปทางไห่โค่ แล้วแกล้งพูด
“ชีวิตของฉันไม่เคยพ่ายแพ้ ไม่ตั้งใจสาธิตแล้ว ยังอยากจะพักอีกเหรอ”
อันซีหันไปมองพวกไห่โค่แว่บหนึ่ง แล้วเล่นละครตอบ
“อ้อ ค่ะๆๆ ขอโทษค่ะคุณเซี่ย ขอโทษค่ะๆ มาค่ะ ฉันจะสาธิตการดึงต้นหอมให้คุณดู ต้องดึงอย่างนี้ค่ะ”
“นี่เหรอเรียกว่าสาธิต ชักช้าไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ได้เรื่อง”
ยิ่วเชียนทำเป็นโมโหถอดถุงมือเลิกทำ จะเดินกลับไป อันซีร้องห้าม
“เอ๊ะ อย่าเพิ่งไปๆ”
อันซีวิ่งไปกอดขาชายหนุ่มเล่นละคร แต่แกล้งกระซิบถาม
“นี่ๆๆ คุณไม่ได้ฉวยโอกาสหนีใช่มั้ย”
ยิ่วเชียนมองตอบด้วยสายตา อันซีเข้าใจ เล่นละครต่อ แกล้งเข้าไปกอดขายิ่วเชียน
“คุณอย่าไปนะๆ คุณเซี่ยฉันขอร้องล่ะ”
ไห่โค่ฮึดฮัดทนไม่ไหว ตะโกนลั่น
“หยุดนะ อย่าแตะต้องอันตูตูของฉัน”
ไห่โค่วิ่งลุยเข้าไปในแปลงต้นหอมพร้อมลูกน้อง อันซีพูดสวนขึ้น
“คุณอย่าไปเลยนะ คุณเซี่ยอย่าไปเลยนะ”
ไห่โค่ผลักยิ่วเชียนออก
“หยุด อันตูตูลุกขึ้น ทำไมทำกับอันตูตูอย่างนี้”
“เจียงไห่โค่ นายมาที่นี่ทำไม”
“ฉันคิดถึงเธอนี่ อันตูตู ทั้งที่เธอได้ครอบครองฉันกับบ้านพักแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองตกต่ำด้วย เหงื่อเต็มหน้าเลย ฉันปวดใจนะ”
ไห่โค่หันไปหาลูกน้อง
“มา เอาผ้าเช็ดหน้ามา มาฉันเช็ดเหงื่อให้”
อันซีปัดป้อง
“ไม่ต้องๆ”
“ไม่เป็นไร”
“ไม่ต้อง”
“คนดีมา”
ยิ่วเชียนทนไม่ได้ หันไปห้าม
“เธอบอกว่าไม่ต้องไม่ได้ยินเหรอ”
“เกี่ยวอะไรกับนายด้วยหลบไป”
ไห่โค่ผลักยิ่วเชียนออก แล้วเข้าไปจะเช็ดหน้าให้อันซีอีก อันซีปัดป้อง
“ไม่ต้องฉันบอกว่าไม่ต้อง”
ยิ่วเชียนรำคาญ จับมืออันซีดึงออกไป
“ไร้สาระ ไม่ได้เรื่อง กลับล่ะ”
ไห่โค่เห็นรีบโวย
“นายทำอะไร”
“พวกนายทำอะไร”
“ปล่อย นายปล่อยเลยนะ”
“เจียงไห่โค่ อย่าทำอย่างนี้ เจียงไห่โค่ นายหยุดได้แล้ว อ๊าย”
อันซีถูกยื้อไปมาจนล้มลง ยิ่วเชียนตกใจรีบวิ่งไปดึง
“อันซี”
ไห่โค่วิ่งไปดึงอันซีเช่นกัน
“อันตูตู”
ยิ่วเชียนเห็นอันซีมีแผลเลือดออก
“นั่งลงก่อน เลือดออกแล้ว”
ไห่โค่ตกใจ พลางคิดในใจ
“เลือด อันตูตูเลือดไหลอีกแล้ว”
“ใช้มือจับไว้ ต้องห้ามเลือดก่อน” ยิ่วเชียวบอก
ต้าหูรีบเข้ามาหาไห่โค่
“ลูกพี่ รีบช่วยห้ามเลือดให้ว่าที่พี่สะใภ้สิจะได้ทำคะแนนเพิ่ม”
ไห่โค่ยืนนิ่ง
“นี่ ลูกพี่ ทำไมไม่แสดงความเป็นสุภาพบุรุษ”
เสี่ยวหูร้อนใจ “นี่ ลูกพี่ทำไมถึงนิ่งล่ะ”
“เร็วสิ” ต้าหูเร่ง
อันซีเลือดออกมาก ยิ่วเชียนเป็นห่วง
“เลือดไหลไม่หยุดเลย”
“เอ่อ ไม่เป็นไร หมู่บ้านของเรามีดินชนิดหนึ่ง สามารถห้ามเลือดได้”
ยิ่วเชียนวิ่งออกไป ดึงต้นหอมมาต้นหนึ่ง ใช้ก้อนหินทุบจนต้นหอมแหลก อันซีมองอย่างแปลกใจ
“คุณรู้วิธีนี้ได้ยังไง”
ยิ่วเชียนไม่ตอบ แต่รีบถอดหมวกของตัวเองไปฝากไว้ที่ศีรษะไห่โค่ จากนั้นนำต้นหอมที่ทุบละเอียดใส่ไว้บนผ้า ต้าหูงง
“ลูกพี่ มันสุดยอดเลย”
“มันทำเป็นทุกอย่างเลย แม้แต่เรื่องนี้มันก็รู้”
เสี่ยวหูแปลกใจ
ยิ่วเชียนเช็ดคราบเลือดรอบแผลที่ขาให้อันซี จากนั้นนำผ้าที่มีต้นหอมทุบจนแหลกประคบเข้าที่แผลอันซี
“อดทนหน่อยนะ”
“ซึ้ด โอย”
“มา ฉันแบกเธอ หนึ่งสองสาม”
ยิ่วเชียนรีบเข้าไปแบกอันซีขึ้นหลัง ไห่โค่ยืนก้มหน้านิ่ง เสี่ยวหูทนไม่ได้
“ลูกพี่ ไอ้บ้ากามนั่นแบกอันตูตูไปต่อหน้าต่อตาเลยนะ พี่ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ”
“นั่นสิ” ต้าหูแปลกใจ
ยิ่วเชียนแบกอันซีเข้ามาในบ้าน จื้อหลิงตกใจ
“เอ๊ะ เป็นอะไร”
“เอาชุดปฐมพยาบาลมาให้ฉันหน่อย”
ยิ่วเชียนพาอันซีไปนั่งที่โซฟา เหม่ยเหวินรีบเข้ามาดู
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ขาได้รับบาดเจ็บ”
“ไม่เป็นอะไรน่า แค่ไม่ระวังหกล้มเท่านั้น”
“ระวังขาของเธอด้วย”
“ระวังหน่อยๆ”
“มาแล้วๆ ฉันช่วยถอดรองเท้าให้”
ยิ่วเชียนรับกล่องปฐมพยาบาลมาจากจื้อหลิง แล้วพูดขึ้น
“ช่วยแก้ผ้าที่มัดให้ที”
“แก้ผ้าที่มัดได้ๆ” เหม่ยเหวินรีบแก้มัดออก แล้วร้องลั่น
“อ๊า โธ่เอ๊ย ทำไมบาดเจ็บอย่างนี้ ฉันเห็นยังอยากร้องไห้เลย”
“ทำไมไม่ระมัดระวังเลย” จื้อหลิงห่วง
“อย่าใช้แอลกอฮอล์ มันแสบเกินไป” ยิ่วเชียนเตือน
“ได้ ยังมีอีกขวด”
“อย่าใช้ยาแดง เดี๋ยวแผลจะไม่สวย”
จื้อหลิงกับเหม่ยเหวินและอันซีต่างงงๆ กับความห่วงใยของยิ่วเชียน ยิ่วเชียนนำน้ำเกลือมาล้างแผลให้
“เจ็บมั้ย”
“ไม่”
จื้อหลิงกับเหม่ยเหวินแอบมองหน้ากัน จื้อหลิงมองห่อผ้าประคบแล้วพูดขึ้น
“ครั้งนี้ อันซีฉลาดจริงๆ รู้ว่าต้นหอมของเรารักษาการอักเสบได้”
“จริงด้วย”
“คุณเซี่ยเป็นคนคิดได้เอง”
“คุณรู้ได้ไง” จื้อหลิงแปลกใจ
“นั่นสิ”
ยิ่วเชียนหลบหน้าไม่ตอบ
“จริงด้วยคุณรู้ได้ไง ฉันคิดว่าสูตรนี้มีแต่คนในหมู่บ้านที่รู้” อันซีแปลกใจ
“เอ่อ ฉันเคยอ่านหนังสือเจอ สมัยราชวงศ์สุ่ยมีนักบวชรูปหนึ่งกล่าวว่า เอ่อ ให้เอาต้นหอมมาทุบให้ละเอียด แล้วเอามาทาแผล จะสามารถห้ามเลือดและลดอาการอักเสบได้”
“ว้าวคุณเก่งจังเลย นี่คุณเซี่ย งั้นเราไม่ต้องทายาแล้ว เราใส่น้ำตาลสักหน่อยดีมั้ย”
“อายุเท่าไหร่แล้ว ยังมาทำเป็นล้อเล่นอีก”
อันซีงอน เหม่ยเหวินมองการทำแผลใส่ยาอย่างทะนุถนอมของยิ่วเชียนด้วยความแปลกใจ อันซีพูดขึ้น
“เพราะเจียงไห่โค่คนเดียว ฉันควรเก็บค่ารักษาจากเขา จริงมั้ยคะคุณเซี่ย”
“ทำไมถึงเรียกเขาว่าเจียงไห่โค่ แต่เรียกฉันว่าคุณเซี่ย” ยิ่วเชียนพึมพำอย่างน้อยใจ อันซีแปลกใจ ฟังไม่ถนัด
“หะ
“เอ่อ ไม่มีอะไร”
เหม่ยเหวินมองยิ่วเชียนอย่างสงสัย
อ่านต่อหน้า 3
อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see You again ตอนที่ 5 (ต่อ)
อันซีถูพื้นบ้านอยู่ แล้วร้องขึ้นเพราะเจ็บแผล
“โอ๊ย”
เหม่ยเหวินวิ่งเข้ามาจากข้างนอก
“เฮ้อ ฉันนึกแล้วเธอต้องอยู่ที่นี่ มาๆๆ เอามาให้ฉันทำ เจ็บขาแล้วยังมาทำความสะอาดอีก ทำความสะอาดมาสิบปีแล้ว นี่มันบ้านของใครกันแน่นะ”
“เพื่อนเก่าฉันเอง”
“เพื่อนเก่าเหรอ เธออายุเท่าไหร่ถึงเรียกว่าเพื่อนเก่าแล้ว”
“ฉันเป็นหนี้เขามากมายนี่นา”
“เธอเนี่ยนะ เฮ้อ”
อันซียิ้มประจบ “พี่เหม่ยเหวินเป็นคนดีที่สุดเลย”
“อื้ม ขอให้เพื่อนเธอดีอย่างฉันเถอะ นี่ ฉันคงเป็นหนี้เธอตั้งแต่ชาติก่อน แค่ได้ช่วยเธอฉันก็รู้สึกมีความสุขและเต็มใจมาก”
“เพราะฉันเป็นเจ้านายเธอไง”
“จริงด้วย เจ้านายคะ ไม่ทราบว่าต้องถูตรงไหนอีกมั้ยคะ” เหม่ยเหวินทำท่าล้อเลียน
“ตรงนี้
“ได้ค่ะ เฮ่อ”
อันซีขำๆ
จื้อหลิงจัดอาหารอยู่บนโต๊ะ ยิ่วเชียนเดินเข้ามา พร้อมกับเหม่ยเหวินเดินออกมาจากในครัว
“กับข้าวเสร็จแล้วมาๆๆ โอ๊ะ คุณเซี่ยมาได้ถูกเวลาจริงๆ มาค่ะมากินข้าวด้วยกัน”
“อันซีล่ะ เขาไม่กินเหรอ”
“เขาไปทำงานที่ออฟฟิศผู้ใหญ่บ้านแล้ว” จื้อหลิงบอก
“เขาบาดเจ็บอยู่ยังไปทำงานอีกเหรอ”
เหม่ยเหวินมองๆ “อ่อ คุณเซี่ย คุณไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ที่ออฟฟิศผู้ใหญ่บ้านเป็นงานง่าย สบายๆ ค่าใช้จ่ายของบ้านพักค่อนข้างเยอะ ดังนั้นก่อนถึงฤดูร้อน ทุกคนต้องหางานทำ”
ยิ่วเชียนรับฟัง จื้อหลิงพยักหน้าให้
“อื้ม มากินข้าวค่ะ”
“ขอบคุณครับ” ยิ่วเชียนถอนใจ
“มาๆๆ ไม่ต้องเกรงใจนะ ปลาหมึกค่ะ” เหม่ยเหวินขวน
“ขอบคุณครับ”
ตอนเช้ายิ่วเชียนตื่นมารับอากาศบริสุทธิ์ มองออกไปที่ทุ่งและภูเขา พลางถอนใจ ก่อนได้ยินเสียงคนเดินมาข้างหลังก็คิดว่าเป็นอันซี จึงพูดขึ้น
“อย่างน้อยเธอควรให้ฉันกินข้าวเช้าก่อนค่อยพาฉันไปฝึกสิ”
เหม่ยเหวินเดินเข้ามาหา
“คุณเซี่ย อันซีออกไปแล้วค่ะ หลังจากคุณกินข้าวเสร็จ จื้อหลิงจะพาคุณไปสวนต้นหอม”
“เขาไปทำงานอีกแล้วเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
“ไปทำอะไร”
“วันนี้ไปเก็บสาหร่าย”
“เก็บสาหร่ายเหรอ”
“อื้ม”
“พวกเธอนี่ยังไงกัน”
“หะ”
“เขาเจ็บขาโดนน้ำไม่ได้”
“คุณคิดว่าฉันไม่ห้ามเขาเหรอ เขาอยากทำอะไรไม่มีใครห้ามได้หรอก ฉันจะทำไงได้ล่ะ”
“ขายเบียร์ ทำงานเอกสาร เก็บสาหร่าย”
ยิ่วเชียนเดินบ่นออกไป
“เอ๊ะ คุณเซี่ย คุณกินข้าวเช้าก่อนนะจะได้มีแรง”
เหม่ยเหวินร้องเรียก แต่ชายหนุ่มไม่หันกลับมาเลย
ที่บริเวณชายหาดมุมหนึ่ง อันซีเก็บสาหร่ายตามโขดหินแถวนั้น
“น้ำลึกอย่างนี้ คงไม่โดนแผลนะ”
อันซีย่ำลงไปที่แอ่งน้ำตามซอกหิน เสียงยิ่วเชียนดังขึ้น
“เธอโง่หรือเปล่า”
ยิ่วเชียนรีบเข้าไปอุ้มอันซีทันที
“โอ๊ะ”
สาวเพื่อนบ้านที่เก็บสาหร่ายอยู่แถวนั้นเห็นพอดี
“เอ๊ะ นั่นคุณเซี่ยกรรมการการแข่งขันครั้งก่อนใช่มั้ย ทำไมเขาถึงมาที่นี่ล่ะ”
“ว้าว ถึงจะมาสถานที่แบบนี้ แต่เขายังหล่อเหมือนเดิมเลย”
อันซีมองหน้ายิ่วเชียนอย่างงุนงงในความห่วงใยของเขา
“สมองเสื่อมเหรอ รู้จักคิดบ้างมั้ย แผลของเธอโดนน้ำไม่ได้ ถ้าแผลติดเชื้อขึ้นมาจะทำยังไง อันตรายมากนะ”
ยิ่วเชียนอุ้มอันซีมาปล่อยลงตรงโขดหิน
“แต่ฉันวางแผนงานนี้ไว้แล้วนี่”
ยิ่วเชียนก้มลงไปดูแผลที่ขาของอันซี
“วันนี้ไม่ต้องทำแล้ว กลับบ้านพักผ่อน”
ยิ่วเชียนดึงมือหญิงสาวให้กลับไป แต่อันซีรั้งไว้
“ไม่ได้ ฉันยังทำงานไม่เสร็จ”
“เธอไม่ทำหนึ่งวันเสียรายได้เท่าไหร่”
“ปัญหาไม่ใช่เรื่องเงิน ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ การทำตัวดีจึงสำคัญมาก นี่คือเหตุผลที่ฉันต้องทำทุกอย่าง ไม่รังเกียจงานไม่เลือกงาน ตั้งใจทำงาน มีความขยัน ฉันเอาตะกร้ามาใหญ่แค่ไหนก็ต้องเก็บสาหร่ายให้ได้มากเท่านั้น”
อันซีจะเดินไปทำงานต่อ แต่ยิ่วเชียนรั้งไว้ อันซีรำคาญ
“โธ่เอ๊ย”
“ได้ ช่างเถอะ ฉันทำเอง”
“คุณทำเองเหรอ คุณทำไม่เป็นสักหน่อย”
“ช่องดิสคัฟเวอรี่ชาแนลเคยบอกว่า หญิงชาวประมงไต้หวันเก่งที่สุด”
“ว้าว แม้แต่เรื่องนี้คุณก็ยังรู้ สุดยอดไปเลย” อันซียกนิ้วให้
“รีบถอดรองเท้ามาสิ”
อันซีถอดรองเท้าบูทของตัวเองให้ ยิ่วเชียนรับมาสวม อันซีช่วยจับแขนเขาไม่ให้ล้ม
“อ่อ ทางนี้ก้อนหินลื่นมาก ต้องระวังด้วยนะ ต้องพึ่งคุณแล้ว เก็บเยอะๆ นะ”
ยิ่วเชียนยิ้มๆ แล้วไปก้มเก็บสาหร่ายที่โขดหิน
“ระวังค่ะ โอ้วว้าว คุณเซี่ยคุณเก่งมากเลย ว้าวเก็บได้เยอะมาก ไม่เลวนี่ ระวังค่ะๆ”
อันซีหยิบรองเท้าหุ้มส้นของยิ่วเชียนจะไป ยิ่วเชียนหันมาเห็น เรียกไว้
“นี่อันซี เธอจะไปไหน”
“ซักรองเท้าให้คุณไง”
“ทำไมต้องซักให้ฉันด้วย ถ้าแผลโดนน้ำจะทำไง”
“ไม่หรอกน่า”
ยิ่วเชียนเดินเข้ามาแย่งรองเท้าจากมือหญิงสาวไป
“อันซี อยู่เฉยๆ ดีกว่า เดี๋ยวกลับบ้านฉันซักเองได้ ไปนั่งพักทางโน้นไป”
“อ่อ”
หญิงเพื่อนบ้านสองคนเดินผ่านมาหา
“อันซี เธอกับคุณเซี่ยสนิทกันจังเลย”
“นั่นสิ พวกเธอดูสนิทกันมากเลยนะ”
ยิ่วเชียนมองหน้าอันซี
“ฉันกับคุณเซี่ยไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเธอคิดนะ”
“ฮิๆๆ”
ระหว่างนั้นปู่เกาเดินผ่านมาและมองหน้ายิ่วเชียนกับอันซี ก่อนหันไปดุสองสาว
“พวกเธอทำอะไรน่ะ กลับได้แล้ว อันซีกับคุณเซี่ยยังมีงานต้องทำ พวกเธออย่าไปรบกวนคนอื่นเลย กลับได้แล้ว”
ปู่เกาเดินนำสองสาวไป อันซีหันไปเห็นว่าสองสาวลืมถังน้ำไว้
“เอ๊ะ พวกเธอลืมเอาถังน้ำกลับไปด้วย”
“ฉันเอาไปให้”
ยิ่วเชียนรีบยกถังออกไป
“คุณปู่”
หญิงเพื่อนบ้านรีบรับถังไป
“ขอโทษค่ะๆ ขอบคุณค่ะ”
“กลับ” ปู่เกาบอกเสียงดุ
ยิ่วเชียนวิ่งกลับไปหาอันซี พลางมองตามปู่เกาและสองสาวไป อันซีแปลกใจ
“คุณกำลังดูอะไร”
“เปล่า ช่วยถือไว้หน่อย”
ยิ่วเชียนส่งรองเท้าหุ้มส้นของเขาให้อันซีช่วยถือ
“ได้”
“ฉันจะไปเก็บสาหร่ายเพิ่ม”
“ค่ะ”
สักพักยิ่วเชียนถือสาหร่ายเต็มตะกร้ามาวาง อันซีเห็นแล้วทึ่ง
“โอ้โห คุณเซี่ย ฉันว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่คุณทำไม่เป็น สาหร่ายเยอะมาก”
“แค่เรื่องเล็กน้อยน่า ยังไง ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว”
“นี่ คุณชอบทำให้แปลกใจตลอดเลย พูดตามตรง ครั้งแรกที่ฉันเจอคุณ ฉันคิดว่าคุณเป็นคนไม่ดี แต่ไม่คิดว่าพอมองครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ฉันพบว่าคุณไม่ได้เป็นคนเลวเลย ภายนอกคุณแค่ดูเฉยชา แต่ภายในคุณเป็นคนดีมาก ฉันแค่ช่วยคุณให้โดนตบไปสองครั้ง คุณก็รู้สึกไม่ดี ต้องการช่วยใช้หนี้สินให้ฉัน และกังวลเรื่องแผลของฉัน มาช่วยฉันเก็บสาหร่ายเยอะแยะเลย”
“ความจริงแล้ว ฉันไม่ได้ดีอย่างที่เธอคิดหรอก”
“ฉันอยากขอโทษคุณ ที่เคยว่าคุณต่อหน้าและลับหลัง ฉันต้องขอโทษจริง แล้วก็ ขอบคุณมากค่ะ”
อ่านต่อหน้า 4
อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see You again ตอนที่ 5 (ต่อ)
ยิ่วเชียนขี่จักรยานกลับโดยมีอันซีซ้อนท้าย
“เธอชอบเงินมากเลยเหรอ”
“มีใครไม่ชอบเงินบ้าง ฉันมีสิ่งหนึ่งที่อยากซื้อมาก ถ้าวันหนึ่งฉันมีเงินมากพอแล้ว ฉันต้องซื้อมันให้ได้”
“ของอะไรเหรอ”
“มันคือบ้านหลังหนึ่ง”
ทันใดนั้นยิ่วเชียนเบรกรถทำให้อันซีสะดุ้งเสียหลักกอดหลังชายหนุ่มไว้
“โอ๊ะๆ ขอโทษค่ะ”
“กอดไว้สิจะปลอดภัยกว่า”
อันซีเขินๆ กอดเอวยิ่วเชียนมาตลอดทาง
“คุณเซี่ย ในเมื่อคุณมาแล้วทำไมไม่ขับรถคันหรูของคุณมาล่ะ”
“คนเราน่ะ อย่าโลภมากเป็นดีที่สุด”
ระหว่างนั้นต้าหูกับเสี่ยวหูเดินผ่านมาเห็นรถยิ่วเชียนกับอันซีผ่านไป
“สองคนนี้ดูไม่เหมือนมีปัญหากันเลย” ต้าหูตั้งข้อสังเกต
“หรือว่าพวกเขาหลอกลูกพี่ รีบกลับไปรายงานลูกพี่ดีกว่า อันตูตูของลูกพี่ต้องถูกไอ้บ้าก้ามแย่งไปแน่”
“ไปๆๆ”
ยิ่วเชียนเดินลงมาจากชั้นบน ก่อนหันไปบอกจื้อหลิงซึ่งเดินตามมา
“ไปเอาชุดปฐมพยาบาลให้หน่อย”
“ได้ค่ะ”
ยิ่วเชียนเดินไปหาอันซีซึ่งกำลังนั่งลงเช็ดโต๊ะอยู่ จึงเรียกให้มานั่งที่โซฟา
“นี่ นั่งลง”
“ทำไมทำไม”
“บอกให้นั่งก็นั่งสิ”
จื้อหลิงถือกล่องปฐมพยาบาลเข้ามา
“มาแล้วค่ะ”
ยิ่วเชียนจับขาอันซีมาวางบนขาของเขาเพื่อจะทำแผล อันซีร้องขึ้น
“เอ๊ะๆๆ คุณทำอะไร”
“ดูแผลหน่อย”
“เบาหน่อยสิ”
ระหว่างนั้นเหม่ยเหวินร้องเรียกจื้อหลิงมาจากด้านในครัว
“จื้อหลิง”
“หะ”
“มาช่วยฉันหน่อย”
“ไม่ช่วยได้มั้ย”
“ไม่ได้ รีบมาเดี๋ยวนี้เลย”
จื้อหลิงเดินไปอย่างอิดออด ยิ่วเชียนแกะผ้าปิดแผลของอันซีออก
“ดูสิ เป็นหนองแล้ว”
ยิ่วเชียนเอาผ้าชุบน้ำเกลือมาแปะบนแผลให้อันซี
“ซี้ด โอย ต้องทิ้งไว้นานมั้ย”
“ยี่สิบนาที”
“ยี่สิบนาทีเหรอ งั้นคุณเอาขาฉันวางไว้ตรงอื่นก่อนมั้ยคะคุณเซี่ย”
ยิ่วเชียนมองหน้า นึกขึ้นได้รีบยกขาหญิงสาวออกจากขาเขา ทั้งสองนั่งนิ่งๆ เขินๆ จื้อหลิงมองทั้งคู่อยู่นานก็คิดได้
“ฉันไปช่วยทำลายบรรยากาศความเงียบก่อน”
“นี่ๆๆ ยังไม่ได้ซาวข้าวเลย” เหม่ยเหวินขัดคอ
“ข้าวเหรอ”
“อื้ม” จื้อหลิงงอนๆ
สองสาวหันไปมองอันซีกับยิ่วเชียนเห็นยังนั่งเงียบๆ เขินๆ กันอยู่ สักพักอันซีก็พูดขึ้น
“มีใครเคยพูดว่าคุณเข้าหายากมากมั้ยคะคุณเซี่ย”
“ไม่มี”
ยิ่วเชียนตอบแล้วก็นั่งเงียบอีก จนอันซีทนไม่ไหว
“อ้อ ฉันถามอะไรหน่อยสิ เวลาคุณนั่งเหม่อคุณกำลังคิดอะไร”
“ไม่ได้”
อันซีเซ็ง “อ้อ เฮ้อ นี่ ฉันขอถามอีกอย่างสิ”
“ไม่ได้”
“ฉันยังไม่ได้ถามเลย”
“เธออยากเล่นหมากฮอสที่อยู่ใต้โต๊ะ แต่ฉันไม่อยากเล่นกับเธอ”
“คุณน่ารำคาญมาก”
“ใช่ฉันน่ารำคาญ ดังนั้นเธอนั่งเงียบๆ อยู่ข้างๆ น่ะดีแล้ว”
อันซีหน้าม่อย ยิ่วเชียนเห็นแล้วสงสาร
“เธอ”
“ค่ะ” อันซีรีบตอบยิ้มๆ
“เธอกับเจียงไห่โค่รู้จักกันนานหรือยัง”
“รู้จักกันเหรอ รู้จักกัน น่าจะนานแล้วนะ อ้อ มีครั้งหนึ่งเขาถูกคนใส่ร้าย เพราะฉันรู้ว่าเขาไม่ได้เป็นคนทำ ฉันจึงบอกคนที่ใส่ร้ายเขาว่า พวกแกอย่ารังแกคนอื่นนะ เพราะประโยคนี้ เจียงไห่โค่เลยตกหลุมรักฉัน”
ยิ่วเชียนงอนๆ “ไม่ได้ถามสักหน่อย”
“อะไรนะ”
“ดังนั้น ตั้งแต่วันที่เธอรู้จักเขา ก็เรียกเขาว่าเจียงไห่โค่เหรอ”
“ใช่ มีปัญหาอะไรเหรอ”
“ฉันก็มีชื่อนะ”
“ฉันรู้ค่ะ คุณเซี่ย”
“ฉันหมายถึง เรียกชื่อฉัน ดูเป็นกันเองมากกว่า”
“เป็นกันเองกับเจียงไห่โค่เหรอ ใครอยากเป็นกับเขาล่ะ”
“ไม่ใช่ ฉันหมายถึงว่า ถ้าไม่สนิทกัน ไม่ต้องเรียกชื่อ แต่ถ้าสนิท ก็เรียกชื่อดีกว่า”
“อย่างนี้ยิ่งดูแปลก ฉันเรียกเขาว่าเจียงไห่โค่มาตั้งนาน จู่ๆ จะให้เรียกเขาว่าคุณเจียง ไม่แปลกไปหน่อยเหรอ”
“ฉันหมายถึง เธอสามารถเรียกฉันว่า เซี่ยยิ่วเชียนได้”
ยิ่วเชียนยิ้มโล่งอกที่ได้พูดออกไป อันซียิ้มๆ
“จริงนะ เรียกคุณว่ายิ่วเชียนเหรอ”
“เซี่ยยิ่วเชียน”
“ฉันอยากเรียกคุณแบบนี้มานานแล้ว เรียกคุณเซี่ยแปลกๆ ดูห่างเหินไป เราไม่ใช่รู้จักกันวันสองวันถูกมั้ย ลูกหมาลูกแมวในหมู่บ้านนี้ฉันรู้จักชื่อหมดทุกตัว เหม่ยเหวิน จื้อหลิง ยิ่วเชียนบอกว่าต่อไปเรียกเขาว่ายิ่วเชียนได้”
จื้อหลิงดีใจ “จริงเหรอ งั้นฉันไม่เกรงใจนะ ยิ่วเชียน”
เหม่ยเหวินรีบตัดบทบอกจื้อหลิง “นี่ๆๆ ไปช่วยฉันเอาไข่มาหลายๆ ใบหน่อย”
“ทำไมเธอไม่ไปเอาเองล่ะ”
“ฉันกำลังยุ่งอยู่”
“โธ่เอ๊ย”
จื้อหลิงเดินออกไป ยิ่วเชียนหันมาบอกอันซี
“ฉันหมายถึงว่าเธอ”
“ยิ่วเชียน”
อันซีเรียกชื่อชายหนุ่มพลางยิ้มล้ออย่างเป็นกันเอง ทำให้ยิ่วเชียนเขินมาก
“ฉันขอกลับขึ้นห้องก่อน”
“เอ๊ะ ขาฉันล่ะ”
“ถึงเวลาแล้วฉันจะลงมา”
ยิ่วเชียนทำตัวไม่ถูก จึงเดินขึ้นห้องไป อันซีงงๆ
“ยิ่วเชียนเหรอ แปลกจะตาย”
ยิ่วเชียนขึ้นบันไดมาพลางพึมพำกับตัวเอง
“ทำไมเขาชอบทำให้ชีวิตฉันวุ่นวายอยู่เรื่อย รอให้งานเสร็จแล้ว ฉันต้องรีบไปจากที่นี่”
อีกฟากหนึ่ง ต้าหูกับเสี่ยวหูเดินคุยมากับไห่โค่ ฟ้องเรื่องที่เห็นอันซีกับยิ่วเชียนคุยกันอย่างสนิทสนม
“เขาสองคนคุยไปหัวเราะไป ท่าทางเหมือนคนรักกันชัดๆ เลย”
“จริง”
“พวกแกพูดอะไร”
“จริงๆ นะลูกพี่ ฉันคิดว่าอันซีกับไอ้บ้ากามนั่นไม่ได้มีปัญหากัน แต่จงใจหลอกลูกพี่”
“จะเป็นไปได้ไง”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ วันนั้นลูกพี่บอกจะแข่งขันดึงต้นหอม อันซีก็ต่อว่าลูกพี่ว่าเป็นคนเลวทันที ตอนนั้นฉันสงสัยแล้วว่าเขาสองคนร่วมมือกัน และตอนที่อยู่ในสวนต้นหอม อันซียังเจ็บตัวเพราะไอ้บ้ากามนั่น ไม่ใช่เหรอ แล้วอันตูตูของลูกพี่ก็ถูกไอ้บ้ากามแบกกลับบ้าน ฉันว่าเขาเหมือนไม่ใช่อันตูตูคนเดิมของพี่เลย”
“เสี่ยวหู” ต้าหูปราม
“ฉันไม่ได้พูด”
ไห่โค่ต่อยท้องเสี่ยวหู
“โอ๊ย ฉันไม่ได้พูดผิดนะ นี่ฉันว่าลูกพี่ต้องแพ้ไอ้คนแซ่เซี่ยแน่ๆ”
ต้าหูเห็นด้วย “นี่ แกพูดมีเหตุผล ไอ้บ้ากามนั่นเก่งมากๆ ถ้าเกิดมันเล่นตุกติกขึ้นมา ทำให้ลูกพี่ของเราแพ้การแข่งขัน งั้นเขาสองคนก็”
“หุบปากเลยทั้งสองคนนั่นแหละ”
ไห่โค่เริ่มจินตนาการอย่างกังวลว่ายิ่วเชียนกับอันซีร่วมมือกัน
“แปดล้านเก้าแสน หายไปแล้ว” อันซีพูด
“อันตูตู หายไปแล้ว” ยิ่วเชียนพูดต่อ
“จุ๊บๆ”
ไห่โค่หยุดคิดด้วยความแค้น
“กล้าจุ๊บๆ ด้วยเรอะ”
ต้าหูงง”ใครเหรอ”
“ทำไมอันตูตูต้องหลอกฉันด้วย กล้าสวมเขาให้ฉันเรอะ”
“ลูกพี่ นั่นมันหมวกนะไม่ใช่เขา”
“ตอนนี้จะทำยังไง ฉันสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว ว่าต้องเข้าร่วมแข่งขัน ไอ้คนแซ่เซี่ยนั่น กลัวฉันไม่ไปเลยให้ไปสาบาน มากเกินไปแล้ว”
“คิดได้แล้ว” ต้าหูบอก
“คิดอะไรอีกล่ะ” ไห่โค่ถาม
“ลูกพี่ ในเมื่อสาบานแล้ว แสดงว่าพี่ต้องร่วมแข่งขัน”
“พูดมากน่า”
“แต่คนแซ่เซี่ยไม่จำเป็นต้องแข่งก็ได้นี่”
“ความคิดดีนะ” เสี่ยวหูชม
“ดังนั้น พวกแกหมายความว่า ฉันไปเข้าร่วมแข่งขันเหมือนเดิม”
“อื้ม”
“แต่ทำให้คนแซ่เซี่ยไปแข่งไม่ได้”
“ถูกต้อง”
“แบบนี้เราก็ไม่ได้ผิดคำสาบาน”
“ถูก”
“ฉันก็ยังเป็นคนดีอยู่”
“ถูกต้อง”
“สมบรูณ์แบบ”
“เพอร์เฟค”
ลูกน้องเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ไห่โค่จับมือลูกน้องอย่างขอบคุณ
ต้าหูกับเสี่ยวหูมาสังเกตการณ์หน้าบ้านพักตากอากาศของอันซี แล้วต้าหูก็หยิบวิทยุติดตามมาพูด
“บ้านพักถูกไอ้บ้ากามจองทั้งหลัง นอกจากห้องของอันซีแล้ว ห้องที่ยังเปิดไฟสว่าง ก็คือห้องของไอ้บ้ากาม โอเว่อร์”
“รับทราบแล้ว โอเวอร์ นี่ต้าหู เราอยู่ใกล้กันแค่นี้ทำไมต้องใช้วอด้วย” เสี่ยวหูรำคาญ
“เขาเรียกว่ามืออาชีพ”
“รับทราบโอเวอร์”
“ห้องนั้นเลย”
ทั้งคู่มองเข้าไปในบ้าน ซึ่งเวลาเดียวกันนั้น อันซีมาเคาะประตูห้องยิ่วเชียน แล้วเปิดเข้าไป
“คุณเซี่ย แปลกแฮะ เขาหายไปไหนอีกแล้ว”
ต้าหูยิงหนังสติ๊กไปที่ห้องนั้นทันที ทำให้โดนหัวอันซี
“โอ๊ะ อะไรกันเนี่ย”
เสี่ยวหูกับต้าหูหัวเราะให้กัน คิดว่าโดนยิ่วเชียนเต็มๆ
อ่านต่อตอนที่ 6