xs
xsm
sm
md
lg

อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see you again ตอนที่4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see You again ตอน4

ในขณะที่เยี่ยนเจ๋อเดินมาตามทางในโรงพยาบาล ได้ยินเสียงหยาเอินเล่านิทานให้เด็กหญิงคนหนึ่งฟังอยู่

“หลังจากที่เจ้าชายช่วยเจ้าหญิง พวกเขาก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในปราสาทอย่างมีความสุข”
“แล้วเจ้าชายหน้าตาเป็นยังไงคะ”
“เจ้าชายหน้าตาหล่อและสูง ในมือยังถือดาบเอาไว้ด้วย”
“เจ้าชายหน้าตาเหมือนเขาคนนั้นใช่มั้ยคะ เจ้าชายแต่งงานกับฉันเถอะ”
เด็กน้อยชี้ไปที่เยี่ยนเจ๋อ ชายหนุ่มงงๆ ชี้ที่หน้าตัวเอง หยาเอินหันไปพูดกับเด็กน้อย
“ยังแต่งไม่ได้ ต้องรอให้เจ้าชายขอแต่งงานก่อนสิ”
เยี่ยนเจ๋อยิ้มๆ หันมาคุกเข่าลงตรงหน้าสองสาว
“น้องสาว พี่สาวเธอพูดถูก เจ้าชายต้องขอเธอแต่งงานก่อนถึงจะแต่งได้ งั้นฉันขอยืมแหวนของเธอหน่อย เจ้าหญิงที่รักของผม คุณยินดีแต่งงานกับผมมั้ย”
เยี่ยนเจ๋อยื่นแหวนไปตรงหน้าเด็กน้อย หยาเอินหันไปบอกเด็กหญิง
“เวลานี้เธอต้องยื่นมือออกมา”
เด็กหญิงยื่นนิ้วให้เยี่ยนเจ๋อสวมแหวนของเล่น
“หลวมเกินไป หนูใส่ไม่ได้ ให้พี่สาวใส่ดีกว่า”
“อ๋อ ได้สิ งั้นคงต้องให้พี่สาวของเจ้าหญิงสาธิตหน่อยแล้ว”
เยี่ยนเจ๋อยื่นแหวนให้หยาเอิน
“พี่คะเวลานี้พี่ต้องยื่นมือออกมาสิคะ”
เยี่ยนเจ๋อยิ้มให้ หยาเอินยื่นมือออกมา เยี่ยนเจ๋อสวมแหวนของเล่นให้ หยาเอินตื่นเต้นจนเป็นลมฟุบไป
“เฮ้ย คุณ คุณเป็นอะไร คุณ”
เยี่ยนเจ๋ออุ้มพาหยาเอินไปที่ห้องพักผู้ป่วย หมอรายงานอาการของหยาเอินให้ฟัง
“อ้อ ตอนนี้อาการปลอดภัยแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร แต่ห้ามทำให้ผู้ป่วยตกใจหรือตื่นเต้น และต้องพยายามทำให้จิตใจของเธอสงบ”
“เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมาก”
“ครับ”
หมอกับพยาบาลเดินออกไป เยี่ยนเจ๋อเดินมาหาหยาเอินซึ่งหลับอยู่บนเตียง เขาห่มผ้าห่มให้อย่างทะนุถนอม และก้มลงไปประคองหัวของเธอให้นอนในท่าที่สบาย แต่อันซีเข้ามาเห็น มองจากมุมของอันซีเหมือนเยี่ยนเจ๋อกำลังจะจูบหยาเอิน
“นี่ คุณเป็นใคร เฮ้ย คุณเอามือออกมานะ”
เยี่ยนเจ๋อหันมามองแล้วยังดึงมือออกไม่ได้
“คุณเอามือออกมานะ คุณจะทำอะไร”
อันซีจะเข้าไปดึงเยี่ยนเจ๋อ ชายหนุ่มรีบหันมาบอก
“เบาๆ หน่อย หมอบอกว่าอย่าทำให้คนไข้ตกใจ”
“ห้ามฉันแล้วคุณทำได้หรือไง หลบไปฉันจะกดกริ่ง”
“ฟังผมอธิบายก่อน”
“ไอ้คนบ้า”
อันซีกัดมือเยี่ยนเจ๋อ แล้วไปกดปุ่มเรียกพยาบาล
“เดี๋ยวพยาบาลก็เข้ามาแล้ว อย่าคิดหนี ฉันไม่ปล่อยให้คุณหนีแน่”
“ได้ ผมไม่หนีๆ”
พยาบาลรีบเดินเข้ามา
“คุณพยาบาล ไอ้บ้านี่จะลวนลามเพื่อนฉัน รีบไล่เขาออกไปเลยนะ”
“คุณหูเป็นสปอนเซอร์ของโรงพยาบาลเราและเป็นคนส่งผู้ป่วยมาที่นี่ ถ้าไม่ได้เขา ผู้ป่วยคงตกอยู่ในอันตราย”
อันซีตะลึง ตกใจ
“มือของผมเกี่ยวโดนผมของเขาอยู่”
“เฮ่อ เอ่อ คุณพยาบาล ขอบคุณค่ะ ไม่มีไรแล้วๆ ขอโทษด้วยค่ะ เอ่อ ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ ขอโทษๆ”
“งั้นคุณช่วยผมหน่อยได้มั้ย”
“ได้ค่ะ ได้ค่ะ”
อันซีเข้าไปช่วย
“ดูท่าทางคุณเหมือนคนบ้ามากกว่า”
อันซีช่วยแล้วทำให้กระดุมแขนเสื้อของเยี่ยนเจ๋อหลุดหายไป
“กระดุม ขอโทษค่ะฉันจะรีบหาให้คุณ”
“ไม่ต้อง ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ”
“แต่ว่า”
“ไม่เป็นไร ผมมีธุระต้องไปต่อ ฝากคุณด้วย”
“นี่ เมื่อกี้คุณถูกฉันกัดจะเป็นบาดทะยักมั้ย”
“คุณเป็นลิงเหรอ”
“ฉันว่าคุณประคบน้ำแข็งหน่อยดีกว่า”
“ช่างเถอะไม่เป็นไร ฝากคุณดูแลด้วย”
“อื้ม”
“บาย จริงสิ ถ้าเจอกันรอบหน้า คุณต้องให้ผมกัดคืน”
เยี่ยนเจ๋อทำท่าจะกัด
“ผมล้อเล่นน่า บาย”
อันซีวิ่งตามไปที่หน้าประตู
“เอ๊ะ เดี๋ยวค่ะๆ ฉันยังไม่ได้ขอบคุณคุณเลย ขอบคุณที่ช่วยเพื่อนของฉันค่ะ”
เยี่ยนเจ๋อยิ้มให้ก่อนเดินจากไป
“เฮ้อ อับอายขายหน้าจริงๆ เลย” อันซีพึมพำ

เยี่ยนเจ๋อมากดออกหน้าบ้านยิ่วเซียน ยิ่วเซียนเดินไปเปิดประตูให้
“เฮ้ คุณปู่ล่ะ จะเรียกมาดื่มด้วยกันมั้ย”
“คุณปู่เหรอ กำลังเข้าเว็บไซต์ชุมชนอยู่”
“อ้อ จริงด้วย ช่วงนี้ท่านติดเว็บไซต์ออนไลน์ ท่านมักจะส่งเกมมาให้ฉันบ่อยๆ เอาเถอะ ดูเหมือนเราสองคนต้องมาสนุกกันตามลำพังกับไวน์ลาฟิสปี 07 แล้ว”
ยิ่วเซียนเห็นแก้วไวน์แล้วนึกถึงตอนที่อันซีถูกภรรยาของผู้อำนวยการโรงพยาบาลตบหน้าแล้วสาดน้ำใส่ เขารู้สึกผิดมาก เสียงเยี่ยนเจ๋อดังขึ้น
“เป็นอะไรกำลังคิดอะไรอยู่”
“เปล่า ไวน์ลาฟิสปี 07 ที่บ้านหัวหน้ามีหลายขวด เขาให้นายมาเหรอ”
เยี่ยนเจ๋อสำลัก “เฮ่อ พี่ชาย อย่างน้อยนายควรให้ฉันจิบก่อน ค่อยเปิดปากพูด ได้มั้ย”
“ฉันคิดว่านายดื่มเข้าไปแล้ว”
“เพราะคำพูดของนายทำให้ฉันสำลักออกมา ใช่ เขาให้ฉันมาหานาย เพราะวันนี้นายจัดการเรื่องเหินเซินสำเร็จ เขาให้ฉันมาแสดงความยินดีกับนาย ทำไมนายถึงฉลาดแบบนี้เนี่ย”
“ไวน์นี้รสชาติดีมาก ขอบคุณนายมาก”
“อื้ม ในเมื่อขอบคุณฉันแล้ว ฉันขอพูดเตือนนายหน่อย อยู่ในบริษัท อย่าทำตัวรู้ดีเกินไปจะดีกว่า เข้าใจมั้ย”
“คนเราต้องเจ้าเล่ห์ และมองการณ์ไกล เขาเป็นคนสอนฉันเอง”
“มันก็ถูก แต่นายลองคิดให้ดี ถ้านายทำอย่างนี้ และทำได้ดีด้วย เขาก็จะสงสัยนายมากขึ้น เพื่อน นี่เป็นนิสัยของคน ไม่งั้นทำไมเขาถึงปล่อยข่าวเรื่องแล็ปท็อปออกไปล่ะ และให้นายหยุดงาน ความจริงคือต้องการให้นาย...”
“ไปแก้ปัญหาสถานการณ์ และเชื่อฟังเขา”
เยี่ยนเจ๋อยิ้ม “นายรู้ได้ยังไง”
“หัวหน้า ไม่เคยทำอะไรไม่หวังผลประโยชน์ เขาให้นายเป็นสปอนเซอร์โรงพยาบาล เพื่อต้องการคุยงานครั้งนี้ และให้ฉันไปเป็นสปอนเซอร์หมู่บ้านภูล่าน หลังจากนี้ เขาอาจมีงานใหม่ที่หมู่บ้านภูล่านแน่”
“ถ้านายยังฉลาดอย่างนี้ต่อไป ฉันคงต้องเดาตามนายแล้วล่ะ”
“เดาสิ เดาเลย เดาแล้วนายจะรู้ความจริงใจที่ฉันมีต่อบริษัท เวลาหัวหน้าถามขึ้นมา อย่าลืมบอกเขาแทนฉันด้วยล่ะ”
“ได้ ยอมแพ้ ฉันสู้นายไม่ได้ ยกธงขาวเลย”

ทั้งสองดื่มไวน์ด้วยกัน

อ่านต่อหน้า 2

อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see You again ตอน4 (ต่อ)

อันซีอยู่ที่โรงพยาบาลกำลังคุยโทรศัพท์กับหยาลู่

“หยาลู่ นายไม่ต้องนั่งรถกลางคืนกลับหรอก มันอันตรายมาก คืนนี้ฉันดูแลหยาเอินให้เอง พรุ่งนี้นายค่อยมาเถอะ อื้ม ได้ บ๊ายบาย”
อันซีวางสายแล้วเห็นผ้าเช็ดหน้าของยิ่วเซียนที่ให้เธอมาประคบแก้ม
“ผู้ชายคนนี้แปลกจริงๆ เดี๋ยวก็ดีกับฉัน เดี๋ยวก็ร้ายกับฉัน เดี๋ยวดูถูกฉัน เดี๋ยวก็ช่วยฉัน เป็นอะไรของเขานะ เฮ้อ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เจอเขาเมื่อไหร่ ฉันซวยทุกที”
อันซีถอนใจ แล้วเตรียมผ้ามาเช็ดตัวให้หยาเอิน

ยิ่วเซียนเปิดตู้เย็นเห็นกล่องอาหารแช่อยู่จึงนำมาเปิดดู และหยิบมาชิม พลันนึกถึงตอนที่เขาชิมปลาหมึกของอันซีงานในงานแข่งขัน
“นี่มันปลาหมึกที่อันซีทำ ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้”
ยิ่วเซียนนึกถึงเมื่อกลางวันที่เดินคุยกับอันซีในสวนสาธารณะตอนเธอประคบน้ำแข็ง
“ถ้าฉันใช้หนี้คืนให้เจียงไห่โค่ได้โดยการถูกตบ ฉันจะยอมให้ตบซ้ายตบขวาเลยตบจนกว่าเขาจะพอใจด้วย”
ยิ่วเซียนนึกถึงตอนที่อันซีถูกภรรยาผู้อำนวยการโรงพยาบาลตบ แล้วเขาประคบน้ำแข็งให้เขานิ่งคิดอะไรบางอย่าง

ตอนเช้าอันซีฟุบหลับคาเตียงของหยาเอิน เธอตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย มองหน้าหยาเอินเห็นหลับอยู่ก็บิดขี้เกียจเต็มแรงหงายหลังพิงเก้าหัวห้อยไปด้านหลังอย่างอ่อนล้า พลันก็เห็นยิ่วเซียนยืนอยู่หน้าประตู เธอรีบลุกมานั่งตัวตรง มองเขาอย่างประหลาดใจ
“อยากใช้หนี้สินเจียงไห่โค่ให้หมดไม่ใช่เหรอ ไปสิ”
อันซีมองชายหนุ่มอย่างแปลกใจ

ไห่โค่และลูกน้องบุกมาที่บ้านอันซี เจอเหม่ยเหวินกับจื้อหลิงขวางไว้ จื้อหลิงรีบบอก
“สัญญาเรื่องแต่งงานผ่านไปแล้ว พวกแกยังต้องการอะไรอีก”
“ต้องการอะไร”
“บอกพวกเขาสิว่าฉันต้องการอะไร”
“ลูกพี่ของเรา รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง” ต้าหูบอก
“พวกเธอให้มาแค่หนึ่งแสน รู้จักคำนวณตัวเลขมั้ย ยังขาดอีกแปดล้านเก้าแสน” เสี่ยวหูบอกต่อ
“รีบคืนมาเลย”
“ไม่คืนแล้วจะทำไม” จื้อหลิงถาม
“ไม่งั้นก็ให้อันซีกับลูกพี่ของเราแต่งงานกันอย่างเป็นทางการสิ”
ไห่โค่พูดแทรกขึ้น “ไม่อย่างนั้น 365 วัน ตลอดทั้งปี ฉันจะมาตามตอแยอันตูตูทุกวัน”
อันซีเปิดประตูเข้ามา
“ต้องการเงินใช่มั้ย เงินแปดล้านเก้าแสนฉันคืนให้นาย”
อันซีโชว์เช็คใบหนึ่งต่อหน้าไห่โค่ ไห่โค่มองอึ้ง เหม่ยเหวินแปลกใจ
“เธอมีเงินได้ไง อย่าบอกนะว่าถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง หรือไปขโมยมา”
ต้าหูหยิบเช็คมาดู “ลูกพี่ ของจริงด้วย”
“ของปลอม” ไห่โค่บอก
“ของจริง” เสี่ยวหูย้ำ
“ของปลอม”
“ของจริง”
“นายเอาเช็คใบนี้ไป นับจากนี้เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก” อันซีย้ำหนักแน่น
“ลูกพี่”
“มันเป็นของปลอม”
ไห่โค่ไม่พอใจลุกหนีไป จื้อหลิงร้องตาม
“เอ๊ะ เจียงไห่โค่ นายยังไม่เอาเช็คไปเลย แปลกคนจริงๆ”
ไห่โค่หันมามองด้วยสายตาตำหนิ จนจื้อหลิงกลัว แล้วไห่โค่ก็กระชากประตูออกไปพร้อมลูกน้อง อันซีโล่งใจ เหม่ยเหวินงงๆ
“นี่ๆ นี่มันเรื่องอะไรกัน เอ๊ะ แล้วหยาเอินล่ะ”
“หยาเอินอยู่โรงพยาบาล หยาลู่ดูแลอยู่”
จื้อหลิงบ่น “เจียงไห่โค่ก็แปลกคน ให้เงินแล้วทำไมไม่เอาล่ะ”
“ฉันก็คิดว่า เจียงไห่โค่ต้องรับเงินแน่ๆ แต่มีคนบอกฉันว่าเจียงไห่โค่ไม่มีทางรับเงิน เขายังบอกให้ฉันลองดู ถ้าเจียงไห่โค่รับเงินนี้ หนี้สินแปดล้านเก้าแสนเขาจะจ่ายให้”
“หืม” เหม่ยเหวินแปลกใจ
จื้อหลิงตื่นเต้น “ว้าว สุภาพบุรุษอย่างนี้ไปหาที่ไหนอ่ะ”
ยิ่วเซียนเปิดประตูเข้ามา
“คุณเซี่ย คุณรู้ได้ยังไงว่า เจียงไห่โค่ไม่มีทางรับเงินจากอันซี” เหม่ยเหวินถาม
“ผมรู้ก็แล้วกัน”
“อ้อ คุณเป็นหมอดูเหรอ แล้วหลังจากนี้จะทำยังไงต่อ ถึงเจียงไห่โค่จะไม่รับเงิน แต่สันดานของเขาไม่มีทางปล่อยอันซีของเราไปแน่”
“หลังจากนี้ ต้องบังคับให้เขาออกหน้า”
อันซีแปลกใจ “บังคับให้เขาออกหน้าแล้วเขาจะทำตามเหรอ”
“เรื่องนี้ฉันมีวิธี แค่พวกเธอร่วมมือกับฉัน”
จื้อหลิงจ้องหน้ายิ่วเซียนเคลิ้มๆ “ได้ค่ะ ฉันจะร่วมมือกับคุณทุกอย่าง”
ยิ่มเชียนเซ็ง ทำหน้าไม่ถูก

ทางด้านไห่โค่เครียดเรื่องของอันซียอดเสน่หา สองลูกน้องต้องพยายามเอาใจ
“ลูกพี่ดื่มน้ำชา ต้าหู”
“ลูกพี่ ฉันไม่เข้าใจเลย หนี้สินของอันซีเราเก็บมาเป็นสิบปีก็ยังไม่หมด ครั้งนี้เขาจ่ายหมดทีเดียว ทำไมพี่ไม่รับไว้ล่ะ”
“เงินมากขนาดนั้นฉันยังไม่สนใจเลย เงินแปดล้านเก้าแสนนี้ เป็นความผูกพันของฉันกับอันตูตู สิบปีที่ผ่านมา ฉันต้องใช้เหตุผลนี้ เพื่อเจอหน้าอันตูตูของฉัน ตอนนี้สะพานขาดแล้ว ฉันจะทำยังไงดี”
“เอ่อ เชือกขาดแล้วก็ต่อใหม่สิ” ต้าหูแนะ
“ขาดแล้วสามารถต่อคืนมาได้เหรอ ต่อแล้ว จะเหมือนเดิมมั้ยล่ะ ลูกพี่” เสี่ยวหูแย้ง
“ไม่ต้องพูดแล้ว”
“ลูกพี่ หรือว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอหน้าอันตูตูอีก” ต้าหูปลงๆ
“เอ๊ะ ไม่ถูกสิ ตอนนี้อันซีจนมาก ทำไมจู่ๆ มีเงินมาใช้หนี้ล่ะ” เสี่ยวหูตั้งข้อสังเกต
“จริงด้วย ต้องมีคนช่วยเขาแน่ๆ”
“ใช่ต้องมีคนช่วยเขาแน่”
ระหว่างนั้นอันซีกับเหม่ยเหวินเดินผ่านมาบริเวณนั้น เสียงเหม่ยเหวินดังมาก่อน
“โธ่เอ๊ยคุณเซี่ยนะคุณเซี่ย”
“อันซีใช่มั้ย ลูกพี่พวกอันซีมาแล้วหลบเร็ว” เสี่ยวหูบอก
“รีบไปหลบเร็ว” ต้าหูย้ำ
ไห่โค่หลบ แล้วก็เห็นอันซีเดินคุยมากับเหม่ยเหวิน
“คิดว่าจะเจอคนที่พึ่งพาได้แล้ว เซี่ยยิ่วเซียนมันก็แค่คนเลว” อันซีบอก
“นั่นน่ะสิช่วยใช้หนี้ให้เธอเพื่อต้องการกลั่นแกล้งเธอ” เหม่ยเหวินเห็นด้วย
“ทำลายศักดิ์ศรีของฉัน หาเรื่องแกล้งฉันทุกวัน”
“ต้องช่วยนวดให้เขาเตรียมน้ำให้เขาอาบทุกวัน โรคจิตชัดๆ เลยใครจะไปทนไหว”
“ฉันไม่อยากเห็นหน้าเขาอีก มันเจ็บปวด”
“แต่เพื่อเงินเราต้องอดทนนะ”
ไห่โค่ฟังแล้วสงสารอันซีมาก จินตการไปไกลว่า ยิ่วเซียนเดินเข้ามาในห้องพัก ทิ้งเสื้อสูทไปตามทาง อันซีนั่งคอยรับใช้อยู่ที่พื้น รีบเก็บเสื้อสูทให้ ยิ่วเซียนนั่งเหยียดขาบนโซฟา
“เหนื่อย เพลียมาก เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว เธอทำอะไร มานี่เร็ว”
“ค่ะ”
“เร็วหน่อย ออกแรงหน่อยสิ”
“ค่ะ แบบนี้โอเคมั้ยคะ”
“เตรียมน้ำอาบหรือยัง ทำงานกลับมาเหนื่อยจะแย่แล้วยังไม่เตรียมน้ำไว้อีก ไม่เอาไหนเลย”
“ขอโทษค่ะ ฉันจะรีบไปเตรียมให้ค่ะ”
สักพักยิ่วเซียนเดินออกมาตรงหน้าอันซีที่กำลังนั่งถูพื้นอยู่ ยิ่วเซียนเอาเท้าชี้บอกตำแหน่งที่จะให้ถู
“ตรงนี้ๆ ตรงนี้ด้วย”
“ค่ะ”
ไห่โค่นึกถึงภาพว่าอันซีจะถูกยิ่วเซียนกลั่นแกล้ง ใช้งานต่างๆ นานาแล้วทนไม่ได้
“เขากดขี่ข่มเหงอันตูตูของฉันอย่างนี้ ยอมให้คนอื่นข่มเหง ทำไมไม่ยอมให้ฉันข่มเหงล่ะ”
“นั่นน่ะสิ”
“ไม่ได้ ฉันต้องปกป้องอันตูตูของฉัน ไป ไปคุยกับไอ้บ้ากามเซี่ยยิ่วเซียน ไป”
ทั้งสามเดินออกไป อันซีกับเหม่ยเหวินเดินออกมาจากที่ซ่อน เหม่ยเหวินทึ่งมาก
“นี่ คุณเซี่ยช่างฉลาดจริงๆ เราเข้าใจเขาผิดหรือเปล่า”
“นั่นสิ เขาเจอเจียงไห่โค่ไม่กี่ครั้ง ทำไมถึงรู้จักนิสัยของเขาดีอย่างนี้ อย่าบอกนะว่าเป็นผี”
“เขาไม่ใช่ผี เขาเป็นเทวดาต่างหาก”
“เว่อร์เกินไปแล้ว ไปกันเถอะ”
“จริงๆ นะ”

ทั้งสองรีบเดินออกไป

อ่านต่อหน้า 3

อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see You again ตอน4 (ต่อ)

ในขณะที่ยิ่วเซียนนั่งอ่านหนังสืออยู่หน้าบ้านพักตากอากาศ จู่ๆ พวกไห่โค่ก็บุกเข้ามา

“วู่ๆ คนแซ่เซี่ย มานี่หน่อย มาคุยกันหน่อย”
“จะคุยกับฉัน พวกนายก็เข้ามาเอง”
“เอ๊ะ”
“เราเป็นคนไฮเปอร์ เราไปก็ได้” ต้าหูบอก
ไห่โค่ปราม “ไม่ต้องไป นายต้องการให้ฉันรับเงินแปดล้านเก้าแสนก็ได้ แต่ฉันต้องการเล่นเกมกับนาย”
“ทำไมฉันต้องเล่นเกมกับนายด้วย”
“เฮอะ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ นายรู้ว่าที่นี่สำคัญกับอันซีมาก นายจึงใช้เงินแปดล้านเก้าแสนซื้อหนี้ของฉัน และบังคับอันตูตูคุกเข่าให้นายเตรียมน้ำอาบ แล้วแล้วยังมีจุ๊บๆ ด้วย นายนี่มันปีศาจชัดๆ เลย”
“ฉันไม่เคยคิดเรื่องแบบนี้ แต่จะว่าไปแล้ว เป็นปีศาจก็ไม่เลวนะ”
“นายมันไม่ได้หวังดีกับอันตูตู นี่ฉันยังพูดไม่จบเลย นี่ ถ้านายชนะ ฉันจะรับเงินแปดล้านเก้าแสนไว้ แต่ถ้าฉันชนะ เรื่องของฉันกับอันตูตูนายห้ามเข้ามายุ่งอีก ว่าไง”
“ฉันไม่ยอมรับ”
“ทำไมนายไม่ยอมรับ”
“เงินแปดล้านเก้าแสนนี้ช้าเร็วนายต้องรับอยู่ดี ฉันไม่เล่นเกมกับนาย มันต่างกันตรงไหน”
“พูดมีเหตุผล” ต้าหูบอก ไห่โค่หันไปดุ
“ได้ ประโยคเดียว ถ้านายชนะ เงินแปดล้านเก้าแสนฉันยกให้ครึ่งหนึ่ง ว่าไง”
“ไม่สามารถต่อรองได้”
“ดื้อด้านมาก”
“ใช่ จะมากเกินไปแล้ว” ต้าหูพูดเอาใจนาย
ระหว่างนั้นพวกอันซีมาแอบฟังการสนทนาของสองฝ่าย เหม่ยเหวินทึ่งมาก
“ว้าว นี่ คุณเซี่ยฝีมือระดับเทพมาก เป็นครั้งแรกที่เจียงไห่โค่มาที่นี่ โดยไม่ได้มาหาอันซี”
“ผู้อำนวยการเซี่ยของเราพูดอะไร ก็ช่างได้ผลจริงๆ” จื้อหลิงชื่นชมออกนอกหน้า
ไห่โค่หันมามองหน้ายิ่วเซียนตัดสินใจ
“ได้ ลูกผู้ชายพูดประโยคเดียว ถ้านายชนะ เงินแปดล้านเก้าแสนไม่ต้องคืน ถ้านายชนะ ฉันจะยกหนี้ทั้งหมดให้ พอใจหรือยัง”
“ไม่นะลูกพี่” ต้าหูท้วง
“หุบปาก ความรักไม่มีมูลค่า”
อันซีอึ้งๆ เหม่ยเหวินหันมากระซิบเรียก
“อันซี อันซี”
“ไม่ใช่นะ ฉันไม่ได้คิดจะไม่คืนเงินให้เจียงไห่โค่ ฉันแค่ไม่ชอบให้เขาเอาเรื่องเงินมาขู่ฉันให้แต่งงานและรื้อบ้านพักเท่านั้น”
“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย ลองดูคุณเซี่ยของเราก่อนว่าเขาจะทำยังไง”
ไห่โค่ดักคอ “นายอย่าบอกนะว่าไม่ตกลง”
ยิ่วเซียนยิ้ม “ฉัน จะไม่ตกลงได้ไงล่ะ”
“ดี นายแน่มาก”
“แต่ฉันมีเงื่อนไขข้อหนึ่ง”
“เงื่อนไขอะไร”
“ไปสาบานกับฉัน”
“หะ” เสี่ยวหูกับต้าหูอุทานตกใจ

ยิ่วเซียน อันซี ไห่โค่และลูกน้องพากันมาที่วัด สาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์
“ลูกช้างเจียงไห่โค่ ขอสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า ถ้าแพ้การแข่งขันครั้งนี้ จะไม่เอาเงินแปดล้านเก้าแสนแม้แต่บาทเดียว และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของอันตูตูอีกต่อไป และจะปล่อยให้เขาเป็นอิสระ ถ้าลูกช้างชนะ นายบ้ากามเซี่ยยิ่วเซียน เขาห้ามช่วยใช้หนี้แปดล้านเก้าแสนแทนอันตูตู และนับจากวันนี้ไป เขาห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องของอันตูตูอีก”
ทุกคนยกมือพนม จากนั้น ไห่โค่ก็เดินผ่านยิ่วเซียนมาหาอันซี
“อันตูตู เธอคือความสุขในชีวิตของฉัน”
“เฮ่อ”
“ฉันรู้ว่าเธอกังวลมาก แต่เธอไม่ต้องห่วง ฉันไม่มีทางแพ้แน่นอน เพราะเราจะสร้างอนาคตด้วยกันตลอดไป จุ๊บๆ”
ไห่โค่จูบมืออันซี หญิงสาวรีบสะบัดออก พึมพำ
“เกลียดจริงๆ เลย”
“แต่ฉันชอบ ฉันชอบที่เธอเป็นแบบนี้ ชอบมากด้วย”
“เฮ่อ”
ยิ่วเซียนรีบตัดบท “ตกลงนายจะแข่งอะไรกับฉัน”
“เราสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์ศรีแล้วนะ มาปั๊มลายนิ้วมือ อื้ม”
ไห่โค่ปั๊มคนแรก ตามด้วยยิ่วเซียน
“แข่งอะไรดี แข่งกันถอนต้นหอม ป๊อกๆ”
อันซีไม่พอใจ “นี่เจียงไห่โค่ นายนี่เลวจริงๆ รู้ว่าเขาเป็นคนในเมืองกลับใช้การแข่งขันของชนบทกลั่นแกล้งเขา”
“เรื่องนี้ฉันเป็นคนเสนอ ไม่แกล้งเขาแล้วจะให้แกล้งตัวเองเหรอ นี่เป็นความสุขของเราสองคนนะ”
ต้าหูแทรกขึ้น “อย่าหาว่าฉันไม่เคยบอกเธอนะ เธอมองไปข้างหน้าโน่นสิเป็นสวนของลูกพี่เรา ลูกพี่ของเราเล่นในสวนมาตั้งแต่เล็ก ดังนั้นเรื่องการดึงหัวหอมสำหรับลูกพี่ของเราแล้ว ถือเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยมากๆ”
เสี่ยวหูพูดต่อ “และลูกพี่ของเราเคยได้รับรางวัลการดึงหัวหอมในปี 1998 และปี 2005 เป็นอัจฉริยะในการดึงหัวหอม”
“พูดง่ายๆ ก็คือเรื่องการดึงหัวหอม”
“ตราบใดที่ลูกพี่รู้ว่าเป็นที่สอง”
“ก็ต้องไม่มีใครได้ที่หนึ่ง”
“เอ๊ะ คุณเซี่ย อย่าหาว่าฉันรังแกนายเลย หัวหอมกับกระเทียมนายแยกออกมั้ย”
เสี่ยวหูกับต้าหูหัวเราะคำพูดของเจ้านาย
“อย่าลืม มะรืนนี้สิบโมงเช้า เจอกันที่สวนหัวหอมของลุงอาซื่อ” ต้าหูบอก
“เวลาจำกัดหนึ่งชั่วโมง ดูว่าใครดึงได้มากกว่ากัน” เสี่ยวหูย้ำกติกา
“อย่าไปผิดสวนล่ะ”
เสี่ยวหูกับต้าหูหัวเราะเยาะ
“นี่ๆๆ เงียบหน่อยๆๆ ฮ่าๆๆ”
ไห่โค่ทำเป็นห้าม แต่กลับหัวเราะดังกว่าลูกน้อง พลางหันมาบอกลุงอาซื่อ
“ขอบคุณมากลุงอาซื่อ ที่มาเป็นพยานให้เรา ขอบคุณมาก”
ไห่โค่กับลูกน้องเดินหัวเราะออกไป อันซีถอนหายใจ หันมามองหน้ายิ่วเซียน
“เฮ้อ แย่แล้ว คงไม่ถูกเจียงไห่โค่เล่นงานนะ นี่ เดี๋ยวก่อน คุณดึงหัวหอมเป็นมั้ย ไม่สิๆ คุณเคยทำงานที่ออกแรงมั้ย”
“ไม่ต้องห่วง”
“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เป็นห่วงหรือไม่ ไป ฉันจะพาคุณไปฝึก นี่ ไปสิฝึกแป๊บเดียวเอง”
อันซีดึงมือยิ่วเซียนออกไป

อันซีพายิ่วเซียนมาเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเตรียมพร้อมลงไปฝึกดึงหัวหอม ใส่ทั้งหมวกและรองเท้า พลางชูรองเท้าให้ยิ่วเซียนดู
“ตาคุณบ้าง”
“ฉันไม่จำเป็นต้องฝึก”
“เอ๊ะๆ จะไม่จำเป็นได้ไง ดูเสื้อผ้าของคุณสิเป็นเสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้งนั้น เกิดทำเปื้อนขึ้นมาจะทำยังไง มีลายดอกไม้ด้วย ถ้าเปื้อนล้างไม่ออกจะทำไงล่ะ”
“เธอกังวลมากไปรึเปล่า”
“ต้องกังวลมากน่ะสิ คุณกำลังเจอแชมป์ดึงหัวหอมของหมู่บ้านภูล่านนะ คุณก็ต้องฝึกหน่อยสิ คุณต้องลองฝึกจังหวะการดึงหัวหอมและความรู้สึกของมัน ไม่งั้นจะส่งผลกระทบต่อการแข่งขัน”
“ฉันไม่จำเป็นต้องฝึก”
อันซีจะคว้าแขนยิ่วเซียนไป แต่เขาขยับหนี อันซีดึงมือกลับรู้ว่าต่ำต้อยกว่า ยิ่วเซียนมองอย่างเห็นใจ
“ฉันไม่ชอบงานที่ต้องออกแรง ฉันถึงทำงานในออฟฟิศ ฉันยังมีงานมากมายต้องทำ กลับก่อนล่ะ”
ยิ่วเซียนเดินกลับไป อันซีวิ่งตามไป
“นี่ ไม่มีใครบอกให้คุณชอบนะ นี่ คุณรอฉันก่อน คุณๆ ลืมเลย”
อันซีวิ่งกลับมาเอารองเท้า
“นี่ รอฉันด้วยสิ คุณเซี่ย คุณเดินเร็วจริงๆ นี่ ฝึกดึงหัวหอมก่อนสิ วันมะรืนต้อง แข่งขันแล้ว เราเหลือเวลาเพียงหนึ่งวันครึ่งในการฝึกฝน ดึงได้เร็วก็ดึงได้เยอะ ดึงได้เยอะกว่าก็ชนะ คุณเซี่ย ฉันขอร้องล่ะไปฝึกกับฉันที่สวนหัวหอมเถอะ แค่แป๊บเดียวเอง”
จื้อหลิงตากผ้าอยู่เห็นอันซีเดินกลับมากับยิ่วเซียน
“เหม่ยเหวินๆ”
“ฉันขอร้องล่ะ” อันซีบอกยิ่วเซียน
เหม่ยเหวินออกมาดู “เอ๊ะ นี่มันอะไรกัน”
“ดูเหมือนกำลังพูดเรื่องแข่งขันดึงหัวหอม”
“แข่งขันดึงหัวหอม”
“คุณเซี่ยฝึกแป๊บเดียวเอง” อันซีขอร้อง
“แต่คุณเซี่ยบอกว่าไม่อยากฝึก” จื้อหลิงเล่า
“ได้ยังไง แบบนี้จะชนะได้ไงไปเร็วๆ”
เหม่ยเหวินชวนจื้อหลิงออกไป ขณะที่อันซียังอ้อนวอนยิ่วเซียน
“ฝึกเดี๋ยวเดียวเองน่า ฉันรู้ว่าคุณเซี่ยเป็นคนที่เก่ง และฉลาดมาก แต่การดึงหัวหอมไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ คุณต้องฝึกฝนก่อนถึงจะชำนาญ เพราะการเดิมพันเกี่ยวข้องกับบ้านพักของฉัน ดังนั้นคุณอย่าล้อเล่นเลยนะ เนอะๆ”
ยิ่วเซียนฟังจบก็เดินหันหลังเข้าบ้าน ก็เจอเหม่ยเหวินกับจื้อหลิงถือต้นหอมขวางอยู่
“ทำร้ายเจ้าอาวาสแล้วยังคิดจะหนีเหรอ”
“หลี่จื้อชิงกล่าวไว้ว่า สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป สิ่งที่กำลังมาก็ปล่อยให้มันมา แต่ในระหว่างที่กำลังมาห้ามวู่วาม”
“คนที่ฉลาดอย่างคุณช่วยบอกฉันทีว่าทำไมชีวิตของเราย้อนกลับมาไม่ได้” จื้อหลิงถาม
อันซีเข้าไปรับต้นหอมจากเพื่อนมาพูดบ้าง
“คุณรีบไปฝึกเถอะนะ คุณอยากจะให้ฉันเป็นม้าเป็นวัวตอบแทนคุณ ฉันก็ยอม ฉันยอมทุกอย่าง”
“เฮ่อ มีอะไรที่เธอช่วยฉันได้ล่ะ”
“โธ่เอ๊ย คุยกันดีๆ ไม่ชอบ ดี ถ้าคุณไม่ไปฝึก ฉันไม่ยอมให้คุณไปทำงาน จื้อหลิง”
“รับทราบ ฉันจะรีบไปล็อคประตูห้อง”
“ไปเร็วๆ” เหม่ยเหวินย้ำ
“คิดว่าโหดเป็นคนเดียวเหรอ ฉันก็โหดกับคุณได้” อันซีบอก
จื้อหลิงวิ่งกลับมา “คือว่า อันซี ตอนนี้กุญแจห้องอยู่กับคุณเซี่ย ฉันล็อคไม่ได้”
ยิ่วเซียนยิ้มแล้วจะเดินขึ้นห้องพัก อันซีรีบยื้อไว้
“นี่ๆๆๆ คุณเป็นคนยังไงกันแน่ คุณบอกว่าจะช่วยเหลือฉัน แต่ตอนนี้กลับไม่ยอมทำอะไร ฉันก็ไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัวหรอก แต่ในเมื่อดำเนินการตามแผนแล้วก็ต้องทำต่อไป”
“แผน ดำเนินการเหรอ”
“อืม”
“ทำไมพูดเหมือนเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนั้นล่ะ ก็แค่”
“แค่เงินแปดล้านเก้าแสนเหรอ สำหรับคุณแล้วมันอาจจะน้อย แต่สำหรับเรา มันมหาศาลมาก”
ยิ่วเซียนขำ
“หัวเราะเหรอ หัวเราะอะไร มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นแล้วยังหัวเราะเยาะอีกเหรอ”
ยิ่วเซียนนิ่งไป
“ฉันไม่ได้บอกว่าจะไม่แข่งสักหน่อย ฉันแค่ใช้วิธีของตัวเองในการแข่งขัน ทำไมต้องทำหน้ากังวลด้วย ทำสีหน้าแบบนั้นไม่ต่างอะไรกับคนโง่หรอก”
ยิ่วเซียนเดินหนีขึ้นบ้านไป
“สีหน้าของคนโง่ เขาด่าว่าฉันโง่ใช่มั้ย”
“ใช่” เหม่ยเหวินย้ำ
อันซีตะโกนขึ้นไปข้างบน
“คุณทำให้ไฟลุกแล้วจะหนีไปแบบนั้นไม่ได้นะ นี่ ฉันจะบอกคุณให้นะ วันนี้ห้ามคุณลงมากินข้าว
เพราะไม่มีข้าวของคุณ”
ยิ่วเซียนตะโกนลงมา “โอเค ไม่กินก็ไม่กิน”
“ทำไมฉันรู้สึกร้อนเหมือนถูกไฟลนเลย รีบไปเอาน้ำมาแก้วนึง”
“ได้ๆ”
เหม่ยเหวินย้ำบอก “รีบไปเอาน้ำให้เขาเร็ว”

“อย่าโมโหเลยนะอันซี”

อ่านต่อหน้า 4

อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see You again ตอน4 (ต่อ)

อันซี เหม่ยเหวินและจื้อหลิงไปกินข้าวที่ร้าน อันซีกินไม่ยั้งเพื่อดับโมโห

“อันซี เธอกินไปสี่ถ้วยแล้วนะ ขืนกินต่อท้องแตกตายแน่” จื้อหลิงเตือน
“นั่นสิคนอื่นอารมณ์ดีจะกินได้เยอะแต่เธออารมณ์เสียกลับกินได้เยอะ เป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย” เหม่ยเหวินแปลกใจ
“คนอย่างฉันไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องกินหรอกไม่ต้องห่วง”
“เอ้า ข้าวหมูสับมาแล้ว”
“ขอบคุณค่ะเถ้าแก่ เถ้าแก่ ข้าวหมูสับของร้านเถ้าแก่อร่อยที่สุด”
“ขอบคุณครับๆ”
“เธอเป็นเถ้าแก่เนี้ยบ้านพัก กลับมานั่งกินข้าวสบายใจอยู่ที่นี่ ปล่อยให้คุณเซี่ยหิวอยู่คนเดียว ทำอย่างนี้เกินไปหรือเปล่า” เหม่ยเหวินเตือนสติ
“ฉันทำเกินไปเหรอ โทษที วันนี้เขาเป็นคนบอกว่าจะช่วยฉันเอง ฉันไม่ได้ไปขอร้องสักหน่อย”
“มันก็จริงอยู่ แต่ว่าการแข่งขันดึงหัวหอม คนที่มาจากในเมืองไม่เคยผ่านการฝึกฝนต้องแพ้แน่นอน”
“แต่ดูเหมือนคุณเซี่ยจะเชื่อมั่นมาก เขามีวิธีอะไรเหรอ” จื้อหลิงสงสัย
“วิธีเหรอ วิธีของเขาคือทำให้คนเกลียดขี้หน้าน่ะสิ”
“โธ่เอ๊ย หรือว่าเขาแกล้งทำเป็นช่วยเรา” เหม่ยเหวินเริ่มกังวล
“หะ” จื้อหลิงตกใจ
“เธอเคยเห็นคนที่ผิดปกติมั้ย เวลาเกลียดใครจะหาทางกลั่นแกล้ง ถึงต้องเสียเงินเท่าไหร่เขาก็ยอม เป็นประเภทที่ไม่ยอมเสียเปรียบเข้าใจมั้ย เธอไม่เข้าใจหรอก เธอชื่อจื้อหลิงไอคิวต่ำ แต่เธอน่าจะเข้าใจ” เหม่ยเหวินบอก
“แล้วเขาเกลียดอันซีมากเลยเหรอ” จื้อหลิงถาม
“ฉันแซ่อะไร” เหม่ยเหวินถาม
“จิง”
“จากหัวสมองทองของฉันคิดว่า เขาน่าจะเกลียดอันซีมาก เพราะอะไรเหรอ เขามักจะพูดว่าผู้หญิงอย่างเธอเป็นผู้หญิงประเภทที่เขารังเกียจที่สุดไง”
“นี่ๆๆ เธอคิดว่าฉันกลัวเขาเหรอ ผู้ชายอย่างเขา ต้องปล่อยให้หิวตายเท่านั้น” อันซีกินไม่หยุด

สามสาวเดินกลับบ้านพักอย่างสบายใจขึ้น
“เฮ้อ อากาศดีจังเลย” จื้อหลิงยิ้มๆ สูดอากาศไป
“ฉันดำอยู่แล้วยังต้องมาตากแดดอีก” เหม่ยเหวินบ่น
“อ้า” อันซีร้องขึ้น
“อ้าว เป็นอะไร” เหม่ยเหวินถาม
“ฉันนึกได้ว่ายังมีงานค้างอยู่ พวกเธอกลับบ้านพักก่อน เดี๋ยวฉันจะตามไป บ๊ายบาย” อันซีเดินออกไป
จื้อหลิงยิ้มๆ “ฉันพนันกับเธอ อันซีต้องไปซื้อข้าวหมูสับให้คุณเซี่ยแน่นอน”
“ฉันพนันกับเธอ เขาไม่เพียงไปซื้อข้าวหมูสับแต่ยังพิเศษระเบิดด้วย”
“เธอคิดเองไม่เป็นเหรอทำไมต้องมาพนันเหมือนฉันด้วย”
“หาว่าฉันไม่มีความคิดเหรอ จื้อหลิงไอคิวต่ำว่าฉันแบบนี้กำลังดูถูกฉันใช่มั้ย”
“ฉันไม่ได้ดูถูกเธอ ฉันพูดเรื่องจริงต่างหาก”
ทั้งสองเดินเถียงกันออกไป

ยิ่วเซียนนั่งทำอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขากดรับสาย
“คุณปู่”
“ยิ่วเซียน ต้าอี๋บอกปู่ว่า หลานกลับไปบ้านเกิดอีกแล้ว กลับไปทำไมอีกล่ะ”
“เอ่อ ผมมาทำงานที่นี่นิดหน่อย อาจจะอยู่หลายวัน รอให้งานเสร็จแล้วจะรีบกลับไทเปทันทีครับ”
“หะ ต้องอยู่หลายวันเหรอ นี่ หลานเป็นคนทำงานรวดเร็ว ทำไมครั้งนี้งานยากเหรอ”
ยิ่วเซียนคิดในใจ “ยากเหรอ ถ้าจะแก้ปัญหาเรื่องเจียงไห่โค่ แค่มีเงินแปดล้านเก้าแสน ฉันก็ไปได้แล้ว แต่ว่า ทำไมฉันต้องอยู่ต่อด้วย”
ยิ่วเซียนถอนใจ “คุณปู่ ผมถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ”
“โธ่เอ๊ย หลานชายผู้รอบรู้ทุกอย่าง และอัจฉริยะของปู่ หลานกำลังถามปู่เหรอ”
“คุณปู่”
“อืม ก็ได้ๆๆ ถามมาสิๆ”
“ถ้าหากคุณปู่เจอคนที่เคยทำร้ายคุณปู่ แต่ตอนนี้เขากำลังเดือดร้อนมาก คุณปู่จะทำยังไงครับ”
“นี่ เขาคนนี้เป็นใคร”
ยิ่วเซียนนิ่งไป
“เขาคนนี้เป็นใคร ยังต้องคิดอีกเหรอ หะ งั้นเขาคงทำร้ายหลานชายของปู่สาหัสมากใช่มั้ย ทำไม เคยเป็นเพื่อนกันเหรอ”
“ถือว่าใช่มั้งครับ”
“ยิ่วเซียน คนเราได้มีโอกาสเป็นเพื่อนกันทั้งที ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนดีหรือเพื่อนที่แย่ ถือว่าเป็นโชคชะตา ในเมื่อมีวาสนาต่อกัน หลานก็ควรเดินให้มันสุดทาง จริงมั้ย คนอื่นสามารถทำให้เราผิดหวังได้ แต่เราไม่ควรทำให้คนอื่นผิดหวังนะ ทำไมเหรอ หลานไปเจอเพื่อนตกระกำลำบากเหรอ”
“ไมใช่ครับ ผมแค่ถามเฉยๆ จริงสิ หลายวันนี้ผมไม่อยู่ ต้าอี๋จะไปดูแลคุณปู่ทุกวัน ถ้าต้องการอะไร คุณปู่บอกเขาได้นะครับ”
“ไม่ต้องๆๆ ปู่ทำเองจะปลอดภัยกว่า ต้าอี๋เป็นคนมือไม้ซุ่มซ่าม ไม่แน่ข้าวของในบ้านอาจถูกเขาทำลายหมด เอ๊ะ หลานรีบกลับมาแล้วกันนะ”
“ครับคุณปู่ ผมรู้แล้ว รีบเข้านอนเถอะครับ”
ยิ่วเซียนวางสาย ระหว่างนั้นมีเสียงเคาะประตูห้อง เขาเปิดประตูออกมาไม่เห็นใคร จะปิดประตูก็เห็นถุงข้าวแขวนอยู่ พร้อมกระดาษแผ่นเล็กๆ เขียนบอก
“ข้าวระเบิดหมูสับ”
ยิ่วเซียนอึ้งไป นึกถึงเรื่องราวในอดีต วันนั้นเขายืนอยู่ริมถนน อันซีใส่ชุดนักเรียนขี่จักรยานเข้ามาทัก
“ไฮ นายคิ้วเส้นตรง มากินข้าวหมูสับด้วยเหรอ”
“เปล่า”
อันซีจอดจักรยาน
“เอ๊ะ รอเดี๋ยวก่อน กินด้วยกันสองคนจะได้ไม่น่าเบื่อ ไปเถอะน่า”
อันซีลากยิ่วเซียนไปกินด้วยกัน
“เถ้าแก่”
“อื้ม”
“ข้าวระเบิดหมูสับสามถ้วยเพิ่มผักหนึ่งถ้วย”
“ได้ รอสักครู่”
“เป็นอะไร นายไม่สั่งเหรอ”
“เอ่อ ฉันไม่หิว”
“งั้นนายกินกับฉันนะ”
ยิ่วเซียนหยิบบัตรคำศัพท์ออกมาดู อันซีเห็นแปลกใจ
“มันมีประโยชน์จริงเหรอ”
“อะไร”
“เขียนคำศัพท์ไว้ในบัตร แค่นี้ยังต้องเขียนอีก ยุ่งยากจริงๆ”
“แค่นี้ไม่ถึงกับยุ่งยากหรอก”
“อ้อ”
“เธออยากได้เหรอ”
“หืม ไม่ต้องๆ นายเรียนดีเนอะ บัตรของนักเรียนเรียนดี ไม่รู้หน้าตาเป็นยังไง ถ้าหากนายยืนยันจะให้ฉันล่ะก็”
“ให้เธอ”
“เอ้า ข้าวหมูสับมาแล้ว”
“โอ๊ะ มาแล้วๆ ข้าวระเบิดหมูสับมาแล้ว ขอบคุณค่ะๆ หอมมากเลยหิวจะแย่แล้ว”
“ตามสบายเลยนะ”
“ขอบคุณค่ะ ไม่เกรงใจแล้วนะ”
อันซีรีบตักข้าวกิน แล้วได้ยินเสียงท้องของยิ่วเซียนร้องดังขึ้น เธอมองอย่างเข้าใจ
“เฮ้อ แปลก ทำไมฉันกินไม่กี่คำก็อิ่มแล้วล่ะ ฉันเป็นคนไม่ชอบกินทิ้งกินขว้าง สงสัยวันนี้กระเพาะเล็ก มา นายคิ้วเส้นตรง ถ้วยนี้ให้นาย”
“อะไรนะ”
“ถ้าไม่กินข้าวถ้วยนี้ให้หมดนายจะถูกฟ้าผ่าตาย นายนั่งกับฉันต้องถูกฟ้าผ่า ฉะนั้นนายต้องกินข้าวให้หมด รีบกินสิ กินให้หมดนะ”
ยิ่วเซียนรับถ้วยข้าวมา ทั้งคู่กินข้าวด้วยกันอย่างมีมิตรภาพ ยิ่วเซียนรู้สึกขอบคุณมาก หลังออกมาจากร้านข้าว เขาเดินยิ้มๆ อิ่มอกอิ่มใจมาตามทาง เปิดกระเป๋าหยิบบัตรคำศัพท์ออกมา
“อ้อ ลืมเอาให้เธอ”
ยิ่วเซียนรีบวิ่งกลับไปตามหาอันซี ก็เห็นเธอจอดจักรยานซื้อขนมอยู่ เขายิ้มดีใจ แต่พอหญิงสาวหันมาเขาก็รีบหลบ อันซีขี่จักรยานออกไป ยิ่วเซียนเริ่มเข้าใจว่าอันซีไม่ได้อิ่มข้าวจริงๆ อย่างที่บอก
“ที่แท้ เธอตั้งใจจะเลี้ยงข้าวหมูสับฉันนั่นเอง”

ยิ่วเซียนยิ้มๆ ซาบซึ้งในน้ำใจของอันซี

อ่านต่อตอนที่ 5
กำลังโหลดความคิดเห็น