อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see you again ตอนที่3
อันซีและเพื่อนๆ เดินออกมาจากวัด เป็นเหม่ยเหวินที่พูดบ่นขึ้นมาเป็นเชิงตำหนิด้วยน้ำเสียงอันตื่นเต้นตกใจไม่หาย
“โชคดีที่พวกเราไปทันเวลา ไม่งั้นเธอต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ๆ”
“แต่ตอนนี้เราปลอดภัยแล้วนะ” อันซีย้ำบอก
“เธอเป็นคนก่อเรื่องไม่มีสิทธิ์พูดคำนี้นะ” จื้อหลิงแย้ง
เหม่ยเหวินเห็นด้วย “นั่นสิ”
ระหว่างนั้นอันซีเหลือบไปเห็นยิ่วเซียนเดินอยู่ข้างหลังและจะแยกไปอีกทาง เธอจึงรีบเรียกไว้
“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน นี่ นี่ๆ ๆ อย่าเพิ่งไป”
อันซีวิ่งไปจับข้อมือยิ่วเซียนลากพาเขามาที่กลุ่มเพื่อนๆ
“มานี่ก่อน”
เหม่ยเหวินรีบยิ้มขอบคุณ “ขอบคุณค่ะที่ช่วยพวกเรา”
“ขอบคุณค่ะ” จื้อหลิงบอกอีกคน
“ใช่ค่ะ ขอบคุณมาก ไม่คิดว่าคุณเป็นคนดีอย่างนี้” อันซีพูดจากใจ
“ทำไมชอบยุ่งอย่างนี้ ยัยปัญญาอ่อน”
ยิ่วเซียนพูดนิ่งๆ แล้วหันหลังจะเดินหนีไป อันซีไม่ยอมรีบคว้าข้อมือไว้
“เอ๊ะๆ เงินหนึ่งแสนจะให้ฉันคืนเมื่อไหร่”
ยิ่วเซียนแกะมือหญิงสาวออก
“ไม่ต้องคืนแล้ว”
อันซีจับมือรั้งไว้อีก “ไม่ได้นะ”
“ได้สิ”
ยิ่วเซียนดึงดันจะไปอีก อันซีก็รั้งไว้ เพื่อนๆ มองลุ้นว่าสองคนที่ปะทะคารมกันไม่มีใครยอมใครจะลงเอยอย่างไร
“นี่ แต่พวกเราทำผิดกฎการแข่งขัน คุณไม่ให้เงินรางวัลเรา เราเอาเงินคุณมาฟรีๆ ไม่ได้หรอก”
“งั้นเธอก็คิดเสียว่า เก็บเงินนี่ได้จากข้างถนน พอใจหรือยัง”
“อ้อ หรือว่าคุณมีอะไรให้ช่วย เราทำงานให้คุณได้ทุกอย่างไม่ว่าเรื่องอะไร เราก็ทำได้”
ยิ่วเซียนชักยัวะ “นี่เธอ คำว่า ไม่ว่าอะไรก็ทำได้ ช่วยหยุดพูดที”
“ทำไมล่ะ”
“ไม่ว่าอะไรก็ทำได้ เป็นงานบริการมากกว่า ถ้าเจอคนไม่ดีจะทำไง”
พร้อมกับว่ายิ่วเซียนหันหลังให้กลุ่มอันซี เพราะไม่อยากให้ใครเห็นสีหน้าของเขา อันซีแปลกใจ
“หะ อะไรเนี่ย คุณกำลังเป็นห่วงฉันเหรอ เอ๋ คุณกำลังเป็นห่วงฉันใช่มั้ย คุณเป็นห่วงฉันจริงๆ ด้วย ไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนดีอย่างนี้”
อันซีเดินวนรอบๆ ตัวชายหนุ่มล้อๆ ยิ่วเซียนเขินใหญ่แต่เก๊กขรึมกลบเกลื่อนไว้ เอานิ้วจิ้มตัวอันซีให้ออกไปห่างๆ ตัวเขา
“เราสนิทกันเหรอ เธอเข้ามาใกล้ฉันทำไม ถ้างั้นบ้านพักของพวกเธอ พักคืนละเท่าไหร่”
อันซีหันไปส่งสายตาให้เพื่อน เหม่ยเหวินรีบตอบ
“เอ่อ ผู้อำนวยการเซี่ย ฉันจะรายงานคุณคร่าวๆ เย่จือไห่ของเราพักคืนละสามพันถึงห้าพันแล้วแต่ว่าคุณจะพักห้องที่เห็นภูเขาหรือว่าเห็นทะเล”
“เช่าทั้งหลัง”
ยิ่วเซียนสวนทันที อันซีตกใจ เหม่ยเหวินยิ่งตื่นเต้น
“เช่าทั้งหลังเหรอ ว่าไงนะ คุณจะอยู่ทั้งหลัง งั้นเราจะคิดให้คุณราคากันเอง สองหมื่นก็พอค่ะ”
“งั้นเธอคิดซะว่า ฉันเช่าห้าวัน”
ยิ่วเซียนเดินจากไป อันซีตกใจ ในขณะที่เหม่วยเหวินคิดคำนวณรายได้ทันที
“ห้าวันสองคูณห้าเท่ากับ”
“หนึ่งแสน” เหม่ยเหวินกับจื้อหลิงอุทานพร้อมกัน
อันซีตื่นเต้น “โอ้วว้าว ตั้งแสนแน่ะ”
จื้อหลิงรีบวิ่งตามไปเกาะแขนยิ่วเซียน
“คุณเซี่ย ในเมื่อคุณเช่าทั้งหลังแล้วก็เข้าไปพักเถอะค่ะ”
อันซีหันมาพูดกับหยาลู่ได้ยินกันเพียงสองคน
“ผู้ชายคนนี้ไม่โอเคเลย ไม่สนิทกันก็พูดเหมือนสนิทได้ เมื่อกี้ยังผลักฉันด้วย”
“อาจเป็นเพราะ เขาเข้ากับคนอื่นยากก็ได้”
เหม่ยเหวินกับจื้อหลิงพยายามดึงตัวยิ่วเซียนให้ไปบ้านพักด้วยกัน ยิ่วเซียนหันมาเห็นอันซีคุยกับหยาลู่อย่างสนิทสนม เขามองตามอย่างไม่สบายใจก่อนจะถูกลากไป ขณะที่อันซีกำลังคุยกับหยาลู่
“นายซื้อเสื้อตัวใหม่ทำไมฉันไม่รู้เลย ดูดีมากเลยน้า แอบไปตัดผมมาเท่าไหร่เนี่ย”
“หล่อมั้ยล่ะ”
“หล่อสิ เอ๊ะพวกเขาแซงหน้าเราแล้ว รอด้วย เราต้องแซงพวกเขา”
อันซีจูงมือหยาลู่วิ่งแซงหน้ายิ่วเซียน เหม่ยเหวินและจื้อหลิงไป ก่อนหันมาทำหน้าทะเล้นใส่
“แบร่ๆๆ เดี๋ยวเจอกันนะ”
อันซีจูงมือหยาลู่วิ่งออกไปอย่างร่าเริง
ยิ่วเซียนมองตามด้วยสีหน้าเศร้า จื้อหลิงยิ้มบอกยิ่วเซียนว่า
“รับรองคุณต้องชอบแน่ๆ ค่ะ”
“ใช่ คุณต้องชอบอาหารของเราแน่เลย” เหม่ยเหวินบอก
“ใช่”
จื้อหลิงและเหม่ยเหวินพายิ่วเซียนมาถึงหน้าบ้านพัก แล้วรีบวิ่งเข้าไปหลบฝนด้านใน แต่ยิ่วเซียนยังไม่ตามเข้าไปด้วย เขายังคงยืนตากฝนอยู่
“บังเอิญไปมั้ยจู่ๆ ฝนก็ตก เร็วๆๆ”
“เร็วรีบเข้ามาเร็วค่ะคุณเซี่ย”
“ฉันจะบอกคุณนะคุณเซี่ยมาค่ะ”
“เย่จือไห่ ยินดีต้อนรับค่ะ”
สองสาวเจื้อยแจ้วด้วยความดีใจ ในขณะที่ยิ่วเซียนยืนนิ่งมองสถานที่ตรงนั้น ที่ที่อันซีเคยปัดขวดน้ำตานางฟ้าของเขาแตกกระจาย นึกถึงคำพูดของเธอที่ตอกย้ำเขามาตลอดเวลา
“คำพูดของฉันนายก็เชื่อ ทำไมนายโง่อย่างนี้ ทำไมถึงโง่อย่างนี้ หะ”
ยิ่วเซียนอึ้ง นึกถึงอดีตอันปวดร้าว ขณะที่จื้อหลิงและเหม่วยเหวินยังคงร้องเรียก
“คุณเซี่ย คุณเซี่ย”
“ทำไมมองทางโน้นล่ะ มองทางนี้สิ ฉันจะบอกคุณนะ”
“ฝนตกแล้วอย่ายืนตากฝนค่ะ”
“ฝนตกแล้วรีบเข้ามาก่อนค่ะ ฉันจะบอกคุณนะบ้านพักของเราอบอุ่นมาก มีเรื่องราวจะเล่าให้คุณฟังมากมายด้วย”
สองสาวรีบไปพายิ่วเซียนเข้าบ้านด้วยความร่าเริง ในขณะที่ชายหนุ่มเหมือนไม่มีความรู้สึกใดๆ ปล่อยให้สองสาวพาเข้าไปโดยดี
คืนนั้นเหม่ยเหวินกับอันซี เข้าครัวทำอาหาร เหม่ยเหวินทอดปลาพลางพูด
“เอ๊ะจริงสิอันซี”
“อืม”
“เอาปลาหมึกที่เธอเอากลับมาเมื่อตอนบ่ายมาอุ่นหน่อยสิ”
“ปลาหมึกเหรอ ฉันให้คุณปู่คนหนึ่งไปแล้ว”
“เธอให้ไปหมดเลยเหรอ”
“ใช่”
“เอ่อ”
“เพราะวันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี แต่เห็นคุณปู่คนนั้นอารมณ์ไม่ดีกว่า ฉันเลยให้เขาไป”
เวลาเดียวกันนั้นยิ่วเซียนนั่งอยู่ที่สนามหน้าบ้านพัก รอสายโทรศัพท์อยู่ เขารู้สึกแปลกๆ หันไปก็เห็นจื้อหลิงนั่งมองเขาอยู่อย่างเคลิ้มฝัน แล้วต้าอี๋ก็มารับสาย
“ฮัลโหล คุณปู่ล่ะ”
“เอ่อ เมื่อตอนเย็นผมรับมาไทเปแล้ว ท่านบอกว่าเพื่อนเก่าไม่อยู่กันหมดแล้ว เลยอยากกลับไทเป”
ต้าอี๋พูดพลางปิดฝากล่องอาหารที่มีบะหมี่กับปลาหมึกอยู่ในนั้น
“แล้ว ท่านเป็นยังไงบ้าง”
“เมื่อกี้เพิ่งกินอาหารที่เอามาจากหมู่บ้านภูล่าน ดูอารมณ์ดีขึ้น ตอนนี้ท่านเข้าไปพักผ่อนแล้ว จริงสิ แล้วคุณจะกลับมาเมื่อไหร่”
ระหว่างนั้นหยาลู่เดินเข้ามาหายิ่วเซียนและจื้อหลิง
“เอ๊ะ ได้เวลากินข้าวแล้ว”
ยิ่วเซียนหันไปมองหน้าหยาลู่นิดหนึ่ง ก่อนพูดโทรศัพท์ต่อ
“ฉัน ฉันดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยบอกนาย”
“ดูสถานการณ์เหรอ สถานการณ์อะไร”
ยิ่วเซียนยังไม่ตอบอะไร แต่หันไปมองหน้าจื้อหลิง หญิงสาวก็ยังจ้องหน้าเขาอยู่ในท่าเดิมและยิ้มให้อย่างเคลิบเคลิ้ม ยิ่วเซียนเซ็งๆ
“เอ่อ สถานการณ์ที่ต้องเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด”
“อ๋อ ครับ งั้นผมไปเรียกคุณปู่มากินข้าวก่อนนะ”
ยิ่วเซียนวางสายถอนใจ พลางหันไปมองจื้อหลิง เธอก็ยังจ้องหน้าเขาอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง จนยิ่วเซียนต้องยอมแพ้ลุกขึ้นยืน จื้อหลิงก็ลุกตามแล้วรีบเดินตามชายหนุ่มเข้าไปในบ้านอย่างหลงใหล
ภายในบ้านพักตากอากาศ ทุกคนพร้อมกันที่โต๊ะอาหาร ซึ่งมีอาหารเต็มโต๊ะ อันซีนั่งตรงข้ามกับยิ่วเซียน เธอยกขวดเบียร์ขึ้นต่อหน้าทุกคน
“มาทุกคน เพื่อขอบคุณคุณเซี่ยที่ช่วยเหลือเราวันนี้ เรามาดื่มให้กับคุณเซี่ย คุณเซี่ยชนแก้วค่ะ”
ทุกคนชนแก้วกันอย่างชื่นมื่น แล้วดื่มฉลอง เหม่ยเหวินหันไปพูดกับยิ่วเซียน
“นี่คุณเซี่ย คุณเหมือนพระโพธิสัตว์ของเย่จือไห่ของเรา ถ้าวันนี้ไม่ได้คุณมาช่วย อันซีของเราต้องทำเรื่องโง่ๆ แน่ เพื่อเป็นการขอบคุณฉันขอดื่มให้คุณอีกแก้ว”
จื้อหลิงนั่งข้างยิ่วเซียน รีบพูดขึ้น
“ขอโทษ เขาไม่เพียงเป็นพระโพธิสัตว์ของเย่จือไห่เท่านั้น แต่ยังเป็นพระโพธิสัตว์ของหมู่บ้านภูล่านด้วยเพราะเขาไม่เพียงช่วยพวกเราเท่านั้น แต่เขายังเป็นสปอนเซอร์ให้ผู้ใหญ่บ้านด้วย จะว่าไปแล้ว ครั้งแรกที่ฉันเจอคุณ ก็อยากบอกคุณว่า เราเคยเจอกันที่ไหนหรือเปล่า ฉันรู้สึกว่าคุ้นหน้าคุณมากๆ เหมือนว่าคุณ เป็นเพื่อนสมัยประถมของฉันเลย”
อันซียิ้มๆ ระอาเพื่อน ในขณะที่ยิ่วเซียนได้แต่หันไปมองหน้าอันซีอย่างมีความหมาย แต่แล้วหยาลู่ก็แซวจื้อหลิง
“มุกเดิมอีกแล้ว”
เหม่ยเหวินแซวจื้อหลิงเหมือนกัน
“ใช่ ใช่ๆ คนหล่อทุกคนเป็นเพื่อนเธอหมดแหละเพื่อนสมัยประถมของเธอเยอะจริงๆ เพราะว่าเธอซ้ำชั้นประถมบ่อยๆ”
หยาลู่และทุกคนหัวเราะ
“เพื่อนสมัยประถมฉันเยอะจริงๆ นะ แต่ยังมีคนหนึ่งที่ยังไม่รู้จักกัน”
“จริงเหรอ” เหม่ยเหวินแปลกใจ
ระหว่างนั้นยิ่วเซียนสังเกตเห็นหยาเอินกำลังเอื้อมมือไปหยิบขวดเบียร์ เขาจึงจับขวดไว้
“นี่ สภาพร่างกายของเธอไม่สามารถดื่มเหล้าได้”
อ่านต่อหน้า 2
อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see you again ตอนที่3 (ต่อ)
คำพูดดังกล่าวทำเอาทุกคนมองหน้ายิ่วเซียนเป็นตาเดียวอย่างแปลกใจ จื้อหลิงทึ่งมาก
“ว้าว คุณรู้ได้ไงว่าหยาเอินดื่มเหล้าไม่ได้ แล้วตอนนี้ คุณรู้มั้ยว่าฉันคิดอะไรอยู่”
“ผมไม่อยากพูด”
“พูดเถอะๆๆ ได้โปรดๆ”
ยิ่วเซียนหันมาจ้องหน้าจื้อหลิง
“เธอกำลังคิดว่า เมื่อไหร่ฉันจะได้เจอเทพบุตรของฉัน หรือจะเป็นผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้”
“ใช่ๆ”
“ผมจะบอกว่า เป็นไปไม่ได้”
จื้อหลิงหน้างอ เพื่อนๆ หัวเราะทันที จื้อหลิงหันไปฟ้องอันซี
“อันซีดูเขาพูดสิ”
“สมน้ำหน้า” หยาลู่สะใจ
“คุณเป็นตัวของตัวเอง ฉันชอบมาก แต่เธอมันบ้าบอคอแตก”
เหม่ยเหวินชื่นชมยิ่วเซียนแล้วหันมาตำหนิจื้อหลิง อันซียิ้มนิดๆ แล้วถือขวดเบียร์ลุกออกจากโต๊ะเดินอ้อมไปนั่งข้างๆ ยิ่วเซียน
“นี่คุณเซี่ย คนในรีสอร์ทก็เป็นคนตรงๆ อย่างนี้แหละ หวังว่าคุณจะไม่ถือสานะ จะว่าไปแล้ว คุณช่วยเหลือเราครั้งนี้ ถือเป็นผู้มีพระคุณของเราเลยนะ ในเมื่อเป็นผู้มีพระคุณของที่นี่ ก็คือผู้มีพระคุณของอันซีด้วย มาค่ะ ฉันดื่มให้คุณ”
อันซียื่นขวดเบียร์ไปตรงหน้ายิ่วเซียน แต่ชายหนุ่มยังนั่งนิ่ง ทุกคนมองอย่างแปลกใจ อันซีจึงนำชวดเบียร์ของตัวเองไปชนกับแก้วของเขาแล้วยกดื่มอย่างเขินๆ ก่อนจะหันมาพูดกับยิ่วเซียน
“อ่า เอ่อ แต่ว่า สำหรับฉันแล้ว บ้านหลังนี้ไม่ได้ทำเพื่อเงินเท่านั้น เหมือนที่คุณช่วยฉันครั้งนี้ สำหรับคุณอาจเป็นการช่วยเหลือเล็กน้อย แต่สำหรับเราแล้วเป็นพระคุณอันใหญ่หลวง ฉันสัญญากับคุณ ห้าวันที่คุณพักที่นี่ คุณจะรู้สึกว่าเหมือนอยู่ที่บ้าน ใช่มั้ยพวกเรา”
ทุกคนเห็นด้วยยกแก้วดื่ม ในขณะที่หยาเอินดื่มน้ำหวาน แต่ยิ่วเซียนยังคงนั่งนิ่ง ทำให้ทุกคนเริ่มเจื่อนๆ อันซียิ้มๆ คิดในใจ
“ผู้ชายคนนี้เข้าหายากจริงๆ”
อันซียอมแพ้ไม่อยากเซ้าซี้อีก
“เอ่อ งั้น คุณทานเยอะๆ นะ”
อันซีถือขวดเบียร์ลุกขึ้นจะไป แต่ต้องชะงักเมื่อชายหนุ่มพูดขึ้น
“บ้านพักหลังนี้สำคัญกับเธอมากเหรอ เธอถึงได้เสียสละอย่างนี้”
อันซี้หันกลับมาช้าๆ “เมื่อก่อนเคยมีคนบอกฉันว่า ปลาบางชนิดถึงอยู่สถานที่เดียวกัน แต่วันหนึ่งมันอาจไปที่อื่น เพราะสำหรับมันแล้วโลกภายนอกอาจจะกว้างใหญ่ แต่ฉันก็เหมือนปลาบางชนิดที่ไม่ยอมไปไหน เพราะฉันจะอยู่สถานที่นี้ตลอดไป คุณคงไม่เข้าใจว่าฉันพูดอะไร แต่ยังไงก็ตาม ฉันไม่มีทางไปจากที่นี่ และฉันไม่สามารถไปจากที่นี่ได้ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตฉันก็คือบ้านพักหลังนี้ ดังนั้น ฉันคิดว่ามันคุ้มค่ามาก”
อันซีพูดพลางเดินไปนั่งที่โต๊ะ โอบไหล่หยาลู่กับหยาเอินอย่างรักใคร่ หยาลู่ยิ้มก่อนส่งตะเกียบให้หญิงสาว
“กินข้าว”
“ใช่แล้ว มัวแต่พูด หิวจะแย่แล้ว ทุกคนรีบกินข้าวกันเถอะ”
อันซียิ้มๆ ยิ่วเซียนมองหน้าอันซีและหยาลู่พลางคิด
“ผู้ชายคนนี้ เห็นได้ชัดว่าชอบอันซี แต่กลับปกปิดความรู้สึกไว้”
เหม่ยเหวินและอันซีช่วยกันเก็บจานมาล้าง เหม่ยเหวินพูดพลาง
“คิดไม่ถึงว่าทุกคนจะกินเกลี้ยงเลย ดูสิ”
“เอ๊ย”
“หะ”
“หน้าต่าง”
“หน้าต่างเหรอ หน้าต่างอะไร”
“หน้าต่างที่แขกทำพังฉันลืมซ่อมเลย”
“เอ๊ะ คงไม่ใช่หน้าต่างที่ห้องคุณเซี่ยนะ”
“ใช่ ถ้าเกิดฝนตกต้องซวยแน่”
อันซีรีบเดินออกไป
“อ้อ เฮ้อ ดูเหมือนจะเป็นคนฉลาด ความจริงก็โง่เหมือนกันนั่นแหละ” เหม่ยเหวินพึมพำตามหลังอันซีไป
ยิ่วเซียนเข้ามาในห้องพัก มองไปรอบๆ ห้อง แล้วเดินไปปิดหน้าต่าง แต่หน้าต่างดันชำรุด
“โธ่เอ๊ย ฉันจะอยู่ต่อไปทำไมนะ”
เวลาเดียวกันนั้น ที่ด้านนอกตัวบ้าน อันซีกำลังปีนบันไดเพื่อขึ้นไปซ่อมหน้าต่างที่เสีย เธอพยายามเปิดบานที่ยิ่วเซียนเพิ่งปิดไป แล้วหันมาก้มหยิบเครื่องมือที่แขวนไว้กับบันได ยิ่วเซียนได้ยินเสียง หันมาก็แปลกใจที่เห็นหน้าต่างที่เขาปิดไว้เปิดอยู่ เขาเดินไปปิดอีกครั้ง โดยไม่เห็นอันซีซึ่งก้มอยู่ อันซีเงยหน้าขึ้นมาก็งงว่าหน้าต่างปิดได้อย่างไร เพราะเธอเพิ่งเปิดไป จึงเปิดอีกครั้งเพื่อจะซ่อมร่องหน้าต่าง แล้วก้มลงไปหยิบเครื่องมืออีก ยิ่วเซียนกำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้า หันไปมองหน้าก็แปลกใจที่หน้าต่างเปิดค้างอยู่ เขาเดินไปปิดอีกครั้งอย่างเซ็งๆ แล้วกลับมาถอดเน็คไท อันซีเริ่มเซ็งที่ทำไมหน้าต่างปิดอีก เธอพยายามเปิดใหม่ แล้วก้มลงไปหยิบเครื่องมืออีกครั้ง ยิ่วเซียนหันมาก็เห็นหน้าต่างเปิดอีก เขาเริ่มรำคาญ
“นี่มันยังไงกัน”
ยิ่วเซียนรีบเดินไปจะปิดหน้า เป็นจังหวะเดียวกับที่อันซีเงยหน้าขึ้นมาพอดี เธอตกใจมากที่เห็นยิ่วเซียนอยู่ในห้อง เผลอปล่อยมือจากขอบหน้าต่างจะหงายหลังตกบันได
“หะ ช่วยด้วยๆ”
ยิ่วเซียนรีบเข้าไปคว้าแขนอันซีไว้ แล้วกระชากตัวหญิงสาวผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง ด้วยแรงกระชาก ทั้งคู่ล้มลงไปด้วยกันบนเตียง โดยอันซีทับร่างยิ่วเซียนอยู่ เสื้อตัวนอกของอันซีถลกขึ้นมา ทั้งคู่ต่างตะลึง จ้องตากัน พลันเสียงเคาะประตูของจื้อหลิงก็ดังขึ้น
“คุณเซี่ย”
อันซีตกใจ
“แย่แล้ว เร็วๆๆ”
อันซีพยายามลุกออกจากการจับกุมของยิ่วเซียน ทำให้เสื้อตัวนอกหลุดติดมือชายหนุ่มไป เหลือแต่เสื้อกล้ามตัวใน เธอจะปืนบันไดหน้าต่างออกไป แต่บันไดกลับล้มลงไปที่พื้นแล้ว อันซีทำอะไรไมถูก
“คุณเซี่ย คุณอยู่มั้ยคะ คุณเซี่ย ฉันเปิดประตูเข้ามาแล้วนะ”
จื้อหลิงยิ้มหวานเปิดประตูเข้าไปในห้อง อันซีมุดเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มยิ่วเซียน ยิ่วเซียนตกใจ
“ทำอะไรของเธอ”
จื้อหลิงเข้ามาในห้อง เห็นยิ่วเซียนนอนห่มผ้าห่มอยู่ แต่ไม่รู้ว่าภายใต้ผ้าห่มนั้น ไม่ได้มียิ่วเซียนเพียงคนเดียว แต่มีอันซีซ่อนอยู่ด้วย
“ฮิๆ รีบนอนแต่หัวค่ำเลยนะคะ”
“มีเรื่องอะไร”
“ไม่มีอะไรค่ะ อยากถามคุณว่าต้องการอะไรเย็นๆ หน่อยมั้ยคะ”
ยิ่วเซียนคุยอยู่ก็เหลือบไปเห็นเสื้อตัวนอกของอันซีกองอยู่บนพื้นห้องข้างเตียง ก็ตกใจพูดเสียงดัง
“ผมไม่ต้องการอะไรครับ”
“โธ่เอ๊ยไม่ใช่เย็นๆ อย่างนั้นค่ะ ฉันหมายถึง”
“อย่าเข้ามานะ”
“ฉันหมายถึงนี่ต่างหาก ผลไม้เย็นที่เราทำในฤดูร้อนของทุกปี แต่เพราะเหม่ยเหวินทำอร่อยมากเลยทำให้ขาดตลาด อันซีอนุญาตให้เราขายแค่ทางเว็บ แต่ถ้วยนี้ ฉันเก็บไว้ให้คุณโดยเฉพาะเลยน้า”
ยิ่วเซียนแอบมองไปใต้ผ้าห่ม
“เป็นอะไรคะ ผ้าห่มอึดอัดไม่สบายเหรอ ฉันช่วยเปลี่ยนให้นะคะ”
ยิ่วเซียนกลัวความแตกรีบลุกออกจากผ้าห่มไปหาจื้อหลิง
“เอ่อ ไม่ต้องๆๆ ฉันจะนอนแล้ว”
ยิ่วเซียนดันให้จื้อหลิงออกไปจากห้องเขา
“เอ่อ แล้วถ้วยนี้”
“ขอบคุณ”
ยิ่วเซียนรีบรับถ้วยผลไม้มา แล้วปิดประตูห้องไปเลย จื้อหลิงสะดุ้งที่ชายหนุ่มปิดประตูใส่หน้า
“เฮ่อ ดูเหมือนจะไม่ได้ผล หรือผู้ชายในโลกนี้จะสูงเหมือนภูเขาหมด ทั้งสูงและไกลมากด้วย” จื้อหลิงเซ็ง
ภายในห้อง ยิ่วเซียนถอนใจโล่งอกที่แก้ปัญหาไปได้ ในขณะที่อันซีเปิดผ้าห่มลุกจากเตียงไปแย่งถ้วยผลไม้ในมือยิ่วเซียนไป
“เฮ่อ อูจื้อหลิงคนนี้ เอาผลไม้วาเลนไทน์มาเรียกร้องความสนใจจากคุณ มันเป็นรายได้พิเศษของบ้านพักเราเลยนะ”
ยิ่วเซียนจะพูดอะไรต่อ แต่เผลอไปมองหน้าอกอันซีซึ่งตอนนี้เหลือแต่เสื้อกล้ามตัวใน เขามองแล้วก็รีบเบือนหน้าอย่างเขินอาย อันซีเห็นพอดี
“มีอะไร”
ยิ่วเซียนพูดโดยไม่มองหน้าหญิงสาว
“เอ่อ คือว่าเสื้อของเธอ”
อันซีก้มลงมองตัวเองแล้วตกใจ รีบคว้ามือยิ่วเซียนไปรับถ้วยผลไม้จากมือเธอ แล้วเอามือปิดหน้าอกเดินไปหยิบเสื้อคลุมตัวนอก ยิ่วเซียนเขินๆ ได้แต่เอาช้อนเขี่ยไปมาในถ้วยผลไม้ อันซียิ่งเขินหนักเอาเสื้อตัวนอกปิดหน้าอกแล้วเบียดตัวออกประตูไป ยิ่วเซียนมองตามยิ้มๆ อย่างเอ็นดู ในขณะที่อันซีเดินถือเสื้อคลุมตัวนอกลงบันไดมาพลางบ่นกระปอดกระแปด
“บอกเขาว่าจะรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้าน แต่กลับกลายเป็นอย่างนี้”
ทันใดนั้น อันซีได้ยินเสียงเหม่ยเหวิน
“เฮ้อในที่สุดก็ล้างหมดซะที ไปอาบน้ำนอนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าด้วย”
อันซีรีบวิ่งไปแอบตรงบันได เห็นเหม่ยเหวินเดินผ่านไป ก็โล่งอก
“เฮ้อ ทำไมฉันต้องแอบด้วย นี่บ้านของฉันนะ ทำไมเป็นแบบนี้ ทำตัวลับๆ ล่อๆ”
อันซีบ่นบ้าโมโหตัวเอง ก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดไป
อ่านต่อหน้า 3
อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see you again ตอนที่3 (ต่อ)
ยิ่วเซียนอาบน้ำเสร็จ จึงมานั่งพักผ่อนบนเตียง ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะหยิบพวงกุญแจตุ๊กตาปลานีโม่ของอันซีซึ่งทำตกในวันแข่งขันทำอาหารมาดู พร้อมกับนึกถึงคำพูดของเธอ
“เมื่อก่อนเคยมีคนบอกฉันว่า ปลาบางชนิดถึงอยู่สถานที่เดียวกัน แต่วันหนึ่งมันอาจไปที่อื่น เพราะสำหรับมันแล้วโลกภายนอกอาจจะกว้างใหญ่”
ยิ่วเซียนนึกถึงวันที่เขากับอันซีเคยไปดูปลาในตู้กระจกด้วยกันสมัยเป็นนักเรียน
“ปลาเหล่านี้ วันนี้อาจอยู่ที่นี่ แต่สักวันหนึ่ง ฉันอาจไปจากที่นี่ นี่แหละที่ฉันแตกต่างจากพวกมัน” ยิ่
วเชียนรำพึง
ยิ่วเซียนหลุดจากความทรงจำเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสายจากต้าอี๋
“ฮัลโหล”
“คุณปู่หลับแล้ว ผมกลับบ้านก่อนนะครับ”
“ฉันรู้แล้ว พรุ่งนี้ฉันก็กลับแล้ว นายหยุดงานแล้วกัน”
“ผมหยุดงานไม่ได้หรอก”
“นายเป็นผู้ช่วยของฉัน ฉันหยุดงานนายก็ต้องหยุดด้วย”
“ไม่ได้ครับ ผมหยุดไม่ได้แล้ว พรุ่งนี้ผมต้องเริ่มหาข้อมูลแล้ว หัวหน้าให้ผมไปหาข้อมูลของโรงพยาบาลเหินเซิน”
“งั้นรีบไปนอนเถอะ”
ตอนเช้าอันซีมาเคาะประตูหน้าห้องยิ่วเซียน
“คุณเซี่ยตื่นได้แล้วค่ะ อาหารเช้าเตรียมพร้อมแล้ว คุณเซี่ยคะ”
ไม่มีเสียงตอบกลับ
“หรือว่าเขาชอบให้เรียกผู้อำนวยการเซี่ย ผู้อำนวยการเซี่ย ไม่ทราบว่าคุณตื่นหรือยัง ทำไมไม่มีเสียงเลย”
อันซีเปิดประตูเข้าไปในห้องเห็นที่นอนเก็บเรียบร้อย
“หายไปไหนแล้ว เขาอยู่ไหน”
ยิ่วเซียนกลับมาบ้าน และเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก เขาบอกกับต้าอี๋
“ติดต่อผ.อ.โรงพยาบาลเหินเซินด้วย”
“ทำไมครับ”
“คนที่หัวหน้าส่งไปทำงานไม่สำเร็จ พวกเขาไปหาประธานโรงพยาบาล แต่ไม่สังเกตว่าคนที่สำคัญกว่าคือผู้อำนวยการโรงพยาบาล”
“ที่แท้สิทธิ์การตัดสินใจอยู่ที่ผู้อำนวยการ เอ๊ะไม่สิ คุณจะติดต่อผอ.โรงพยาบาลทำไมครับ หรือว่าคุณต้องการจะรับงานครั้งนี้”
“นายบอกไม่ได้หยุดงานนานแล้วไม่ใช่เหรอ หัวหน้าส่งนายไปทำงานตลอด”
“ผมพูดไปอย่างนั้นเองไม่ได้จะให้คุณช่วยนะครับ และอีกอย่าง ผู้อำนวยการจะลาพัก คุณควรจะพายเรือ หรือไปปีนเขาสิ”
“มันน่าเบื่อน่ะ”
“แต่ว่า”
“ถึงนายไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่หัวหน้าหมายความอย่างนั้นนี่ คิดให้ดีนะ บริษัทมีพนักงานมากมาย ทำไมต้องให้นายไปล่ะ นายเก่งกว่าคนอื่นงั้นเหรอ”
“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะครับ”
“ไม่อยากให้ฉันพูดอย่างนี้นายก็ใช้สมองคิดสิ มีคนมากมายเกี่ยวข้องกับงานนี้ ทำไมต้องเป็นนายล่ะ”
“เพราะว่าผม มีคุณอยู่ข้างๆ”
“อื้ม”
“มิน่าล่ะ ตอนแรกผมก็งงเหมือนกัน ผมไม่เกี่ยวข้องกับงานนี้ ไม่เข้าใจเนื้องานเลย ที่แท้หัวหน้าต้องการให้ผมบอกคุณ ให้คุณช่วยจัดการเรื่องนี้แทนผู้อำนวยการ คุณนี่อัจฉริยะจริงๆ คิดแค่แป็บเดียวก็ทะลุปรุโปร่ง”
“ต้าอี๋”
“ครับ”
“ไปติดต่อสิ”
“ติดต่อเหรอ จริงด้วย งั้นผมไปติดต่อผู้อำนวยการเหินเซิน”
ต้าอี๋รีบจะออกไป
“อืม เอ๊ะเสื้อสูท”
“อ้อ ขอโทษครับผอ.”
ยิ่วเซียนรับสูทมาใส่ แต่งตัวอยู่หน้ากระจกยิ้มๆ
เหว่ยเหวินนั่งปอกมะม่วงอยู่ที่โต๊ะกลางห้อง โดยมีจื้อหลิงนั่งพับผ้าขนหนูของลูกค้าอยู่ เหม่ยเหวินพูดขึ้น
“มะม่วงปีนี้ดีจริงๆ”
จื้อหลิงเอื้อมมือไปจะหยิบมะม่วง จึงถูกเหม่ยเหวินดุ
“เอ๊ะๆ อย่าเอามือมาจับ เธอจับผ้าขนหนูอยู่นะ รักษาความสะอาดหน่อย”
หยาเอินเดินเข้ามานั่งด้วย
“ตอนนี้ฉันไม่จับผ้าขนหนูแล้วนี่”
อันซีเดินถือผ้าห่มเข้ามาสมทบ แกล้งพูดเปรยๆ ใส่หน้าจื้อหลิง
“มีหนูแอบขโมยผลไม้ขึ้นไปให้ผู้อำนวยการเซี่ยที่ชั้นสอง เหม่ยเหวิน”
“หืม”
“เมื่อกี้ฉันไปเปิดตู้เย็น ดูเหมือนผลไม้วาเลนไทน์ของเราหายไปถ้วยหนึ่ง บ้านพักของเรามีขโมยหรือเปล่าเนี่ย”
“มิน่าล่ะ ทำไมมันถึงลดลง ที่แท้มีขโมยอยู่ในบ้านนี่เอง มันรู้จักของมีค่าด้วย”
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันอยากถามคุณว่าต้องการอะไรเย็นๆ มั้ย อย่าเข้าใจผิดนะคะ ไม่ใช่เย็นๆ อย่างนั้น” อันซีพูดล้อเลียนจื้อหลิง
จื้อหลิงเคือง “โธ่เอ๊ย ฉันเปล่าใช้น้ำเสียงอย่างนั้นนะ”
“ที่แท้ก็เธอนี่เอง ช่างเป็นแม่พระจริงๆ เธอเห็นฉันว่างมากใช่มั้ยเนี่ย” เหม่ยเหวินประชด
“ไม่ใช่ พวกเธอจะโทษฉันไม่ได้นะ เพราะบ้านพักของเราไม่เคยได้ต้อนรับผู้ชายหล่ออย่างผู้อำนวยการเซี่ยเลย”
จื้อหลิงพูดพลางก็สวมบทเป็นยิ่วเซียน เดินไปจับคางอันซีแล้วสมมุติว่าเป็นตัวเธอเอง
“จื้อหลิง เพราะเธอทำให้ฉันตระหนักถึงความอ่อนโยนของโลก ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงเพื่อนเธอจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ฉันไม่อยากเห็นเธอเสียใจ อ่ะ เอาเงินแปดล้านเก้าแสนจากฉัน ไปช่วยเพื่อนของเธอ แค่เธอรับรู้ว่าฉันหวังดีกับเธอก็พอ เฮ่อ ยิ่วเซียน คุณดีกับฉันเหลือเกิน ฉันคงต้องตอบแทนคุณด้วยการถวายตัวแล้วล่ะ”
เพื่อนๆ ต่างหัวเราะท่าทางบ๊องๆ ของจื้อหลิง ระหว่างนั้นเหม่ยเหวินเหมือนคิดอะไรได้
“โธ่เอ๊ย”
“มีอะไร” อันซีถามขึ้น
“นี่ หรือที่ผู้อำนวยการเซี่ยหายตัวไปเพราะยัยบ้านี่ทำให้กลัวจนหนีไป”
จื้อหลิงเถียงทันที “เป็นไปได้ไงล่ะ เมื่อวานผู้อำนวยการเซี่ยทั้งสุภาพ และอ่อนโยนกับฉัน”
“เขาคงคิดว่าเจอของแปลกเข้าแล้วน่ะสิ” เหม่ยเหวินกระเซ้า
อันซีนึกถึงตอนที่เธอล้มไปบนเตียงกับยิ่วเซียนแล้วไม่สบายใจ
“หยาเอิน โทรหาผู้ใหญ่บ้านหน่อย ถามเบอร์โทรของผู้อำนวยการเซี่ย”
“อ้อ ได้”
“โทรถามเบอร์โทรผู้อำนวยการเซี่ยทำไม” จื้อหลิงสงสัย
“ไม่มีอะไร เราเป็นหนี้เขาหนึ่งแสน ก็ต้องหาทางใช้คืนเขาสิ”
อันซีเดินหน้าแดงไปนั่งอีกโต๊ะ จื้อหลิงสงสัยหันมาถามเหม่ยเหวิน
“อันซีเป็นอะไรทำไมต้องอายด้วย”
“ไม่ถูกนะ เพราะคนที่ควรอาย คือคนบ้าอย่างเธอมากกว่า”
ระหว่างนั้นหยาเอินยืนโทรศัพท์อยู่แล้วเกิดฟุบไป ทุกคนตกใจวิ่งเข้าไปดู อันซีประคองพาหยาเอินออกไป
“ฉันพาเขาไปโรงพยาบาลก่อน”
“ได้ ฉันโทรเรียกรถให้ จริงสิ หยาลู่อยู่เผิงหูจะให้โทรบอกเขามั้ย” เหม่ยเหวินถาม
“ไม่ต้องโทรบอกเขา มีเราอยู่ ฉันกลัวเขาจะเป็นห่วง”
“ระวังหน่อยนะ”
อันซีพาหยาเอินมาที่โรงพยาบาล แล้วเธอก็เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ ก่อนจะเดินหน้าเสียมาบอกหยาเอิน
“คุณหมอที่รักษาเราโดยเฉพาะไปต่างประเทศ หมอโรคหัวใจคนอื่นก็คนไข้เต็ม ไม่รับคนไข้ฉุกเฉิน”
ระหว่างนั้นยิ่วเซียนเดินเข้ามาในโรงพยาบาล เห็นอันซีกำลังคุยกับหยาเอินอยู่
“ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไรแล้ว”
“ถึงหมอคนอื่นจะไม่รู้อาการของเธอ แต่ฉันจะไปขอบัตรคิวก่อน เธอรออยู่ตรงนี้อย่าไปไหนล่ะ”
ยิ่วเซียนมองหน้าหยาเอินแล้วคิดอะไรได้ เขาเข้าไปคุยกับผู้อำนวยโรงพยาบาล
“เมื่อกี้คุณบอกว่าคนไข้โรคหัวใจของหมอเว่ยเหรอ”
“ใช่ครับ ชื่อจางหยาเอิน และคนไข้คนอื่นๆ”
“ไม่มีปัญหาๆ”
ผู้อำนวยการต่อโทรศัพท์ออก พลางถามคนรับสาย
“วันนี้หมอโรคหัวใจมีใครบ้าง บอกให้คุณหมอหลิวช่วยรับคนไข้ชื่อจางหยาเอินด้วย บอกให้เขาช่วยดูแลหน่อย ดี”
“ขอบคุณครับผู้อำนวยการ”
“ไม่เป็นไรครับ แล้วคุณล่ะ ทำไมวันนี้ว่างมาหาผมล่ะ”
“บริษัทโอเชี่ยนของเราร่วมงานกับโรงพยาบาลเหินเซินมานาน ถ้าขาดการสนับสนุนจากผู้อำนวยการ คงเป็นเรื่องยากที่คณะกรรมการจะตัดสินใจ”
“คุณเป็นคนตรงมาก แต่ว่าช่วงนี้ ผมมีปัญหานิดหน่อย ยังไม่อยากคุยเรื่องพวกนี้”
“ผมจะลองเดาว่า ผู้อำนวยการมีเรื่องไม่สบายใจอะไร ไม่แน่ว่า ผมอาจช่วยอะไรคุณได้บ้าง”
“เอาสิ”
ยิ่วเซียนมองสำรวจรูปร่างหน้าตา กิริยาอาการของผู้อำนวยการทันที พลางมองไปที่กรอบรูปที่ถูกคว่ำอยู่บนโต๊ะทำงาน เขายิ้มนิดๆ
“ปัญหาครอบครัว แก้ไขไม่ยาก”
อ่านต่อหน้า 4
อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see you again ตอนที่3 (ต่อ)
หยาเอินนั่งรออันซีอยู่ด้วยความทุกข์ทรมานกับโรคหัวใจที่ออกอาการกำเริบ สักครู่อันซีรีบวิ่งเข้ามาหา
“หยาเอิน เป็นไงบ้าง ห้องฉุกเฉินคนไข้เยอะมาก แต่ฉันได้บัตรคิวมาแล้ว ไม่รู้ต้องรออีกนานมั้ยกว่าจะถึงคิวเรา”
ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ประกาศเรียก
“ไม่ทราบคนไหนชื่อจางหยาเอินครับ”
อันซีรีบหันหลังไปบอก “ทางนี้ค่ะ”
“อ้อ คุณหมอหลิวว่างแล้วพวกคุณขึ้นชั้นสองห้องโรคหัวใจได้เลยครับ”
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมาก ฉันจะไปเอารถเข็น รอฉันก่อนนะ”
เวลาต่อมา อันซีพาหยาเอินเข้ามาพบหมอหลิว
“จากการตรวจร่างกายของคุณจาง การเต้นของหัวใจหนึ่งนาที 210 ครั้ง อัตราการเต้นของหัวใจลดน้อยลงมาก”
“ร้ายแรงขนาดนี้เลย”
“ครับ โชคดีที่มาโรงพยาบาลทัน แต่ว่า คุณจางเป็นผู้ป่วยกลุ่มโรคคิวที ก่อนหน้านี้หมอเว่ยน่าจะเคยบอกแล้วว่าอย่าให้เขาทำงานเหนื่อยเกินไปหรือทำให้ตกใจกลัว”
“ค่ะ”
“หากความดันขึ้นจะเป็นสาเหตุของผู้ป่วยกลุ่มคิวที”
“ค่ะ”
“เอาอย่างนี้ นอนพักดูอาการก่อน มา ช่วยเตรียมห้องให้คุณจางด้วย”
หมอเรียกพยาบาล
“คุณหมอหลิว ขอบคุณมากค่ะ คุณงานยุ่งแล้วยังต้องมาดูแลเราอีก”
พยาบาลนำประวัติมาให้หมอ
“นี่ประวัติของคนไข้ค่ะ เราจะให้พยาบาลมารับคุณจางไปห้องพักผู้ป่วย คุณไปทำเรื่องเอกสารก่อนเถอะค่ะ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
อันซีหันไปมองหยาเอินที่นอนอยู่ในห้องหมออีกครั้ง ก่อนจะเดินตามพยาบาลไป
ยิ่วเซียนเดินมาตามทางในโรงพยาบาล พลางคิด
“วิธีการแก้ปัญหา แค่ตามหาตัวปัญหาของผู้อำนวยการเจอก็พอแล้ว”
ระหว่างนั้นอันซีเดินก้มหน้าก้มตาตรวจดูของในกระเป๋า จนชนกับยิ่วเซียนโดยบังเอิญ
“ขอโทษค่ะ”
“ขอโทษครับ”
“หะ” อันซีตกใจเมื่อเห็นหน้าชายหนุ่ม
“คุณจางเข้าโรงพยาบาลเหรอ”
“นี่ คุณเป็นผีเหรอ แม้แต่เรื่องที่นี่คุณก็รู้”
“แค่เห็นของในกระเป๋าเธอก็รู้แล้ว”
“อ้อ จริงสิ จู่ๆ คุณก็ออกจากบ้านพัก อย่าบอกนะว่าคุณไม่สบาย ทำไมมาอยู่ที่โรงพยาบาลล่ะ”
“ใช่ว่าคนที่มาโรงพยาบาล ต้องป่วยทุกคนนี่”
“งั้นก็ดีแล้วๆ ก็จริงนะ เมื่อวาน ฉันเห็นคุณยังแข็งแรงอยู่เลย ไม่เลวๆ”
อันซีจิ้มไปที่หน้าอกยิ่วเซียนอย่างสนิทสนม
“เธอพอหรือยัง ฉันไม่ใช่เพื่อนเธอนะ รักษาระยะห่างหน่อย ช่วยแบ่งแยกให้ชัดเจนด้วย”
“ฉันแบ่งแยกแล้ว เราเจอกันมากกว่าสามครั้ง และเคยคุยกันแล้ว ฉันรู้ว่าคุณทำงานอะไรและคุณก็รู้ว่าบ้านฉันอยู่ไหน”
“วิธีการทำงานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เธอจะสนิทกับใครมันเรื่องของเธอ แต่อย่าเอาฉันเข้าไปเกี่ยวด้วย”
ยิ่วเซียนเดินหน้านิ่งๆ ออกไป
“เอ่อ เดี๋ยวก่อนๆ ถ้าคุณไม่ไปพักที่รีสอร์ท ฉันจะคืนเงินให้คุณ”
“ไม่ต้อง”
“แต่วันนี้ฉันไม่รู้ว่าจะเจอคุณ เลยไม่ได้เอาเงินมา แต่คุณไม่ต้องห่วง ฉันไม่ใช่คนขี้โกง ฉันยอมจนอย่างมีศักดิ์ศรี”
“ไม่ต้องคืนเงินฉันแล้วล่ะ”
“ไม่ต้องคืนเหรอ เอ๊ะ แต่ว่า”
“เธอเคยบอกว่าจะทำทุกอย่างไม่ใช่เหรอ”
“ไหนคุณบอกห้ามไม่ให้ฉันพูดคำนี้”
“เอ่อ”
“ช่างเถอะๆ ฉันล้อเล่นน่า คุณอยากให้ฉันทำอะไร”
“เอ่อ กินข้าวด้วยกัน”
อันซีใส่ชุดสวยนั่งรถมากับยิ่วเซียน ทันทีที่มาถึงพนักงานรีบมาเปิดประตูให้ ยิ่วเซียนลงจากรถมาหาอันซี
“เดี๋ยวผู้จัดการร้านจะพาเธอเข้าไป”
“คุณไม่เข้าไปด้วยกันเหรอ”
“ฉันไม่ได้นั่งโต๊ะเดียวกับเธอ”
“ทำไมล่ะ”
“คนที่เธอต้องเจอ คือผอ.โรงพยาบาลที่เพื่อนเธอรักษาอยู่ และตอนนี้ บริษัทเรากำลังคุยงานสำคัญกับเขา สำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับเขาคนเดียว ดังนั้นไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธออย่าขัดใจเขาล่ะ ได้มั้ย”
“เฮ้อ เอาน่าๆ ฉันเป็นคนนิสัยดีอยู่แล้ว ก็ได้ๆ นิสัยฉันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เรื่องนี้ไม่เกินความสามารถฉันหรอก มอบให้ฉันจัดการได้”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอต้องตามเรื่องไป อย่าต่อต้าน หรือมีปัญหา”
“ได้ ไม่มีปัญหาแน่นอน ฉันจะอดทน โอเคมั้ย ตกลงจะให้ฉันทำอะไร
ยิ่วเซียนมองอย่างตัดสินใจ
“จะให้ฉันทำอะไรล่ะ”
“ภรรยาของผู้อำนวยการสงสัยว่าท่านจะมีกิ๊ก เธอจึงต้องมาเพื่อแก้ไขปัญหาความเข้าใจผิดระหว่างพวกเขา”
“แก้ไขยังไงเหรอ”
“เธอสนิทกับคนง่ายไม่ใช่เหรอ เธอต้องแกล้งเป็นกิ๊กกับผู้อำนวยการ มากินข้าวกับเขา ทำเหมือนสนิทสนมกันสิ”
“หะ สนิทสนมเหรอ”
“ถ้าเธอไม่ไหว ฉันหาคนอื่นก็ได้”
“เอ๊ะๆ ฉันไหวๆ คุณต้องการงาน ฉันต้องการเงิน ฉันจะพยายาม”
พนักงานพาอันซีเข้ามาในร้านอาหาร เธอเดินตามมาอย่างกังวลและพบกับผู้อำนวยการ
“คุณคือผู้อำนวยการหรือเปล่าคะ ฉันเป็นเพื่อนของคุณเซี่ยค่ะ”
ยิ่วเซียนเดินเข้ามาด้านหลัง ผู้อำนวยการหันไปสบตาจึงเชื่อว่าอันซีเป็นคนของยิ่วเซียน
“เชิญนั่งครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
อันซีนั่งลงที่โต๊ะก่อนเหลือบไปมองยิ่วเซียนอย่างกังวล เห็นเขานั่งลงที่โต๊ะอีกด้าน
“เห็นคุณมาผมก็สบายใจแล้ว”
อันซีเครียด หันไปมองยิ่วเซียนอีกครั้งพลางคิด
“รับปากเขาไปแล้ว ยังไงก็ต้องสู้”
อันซีหันมายิ้มให้ผู้อำนวยการ
“ผู้อำนวยการคะ”
ภรรยาผู้อำนวยการเดินเข้ามาในร้าน พนักงานหันไปถาม
“สวัสดีครับ จองโต๊ะไว้หรือเปล่าครับ”
ภรรยาผู้อำนวยการเห็นยิ่วเซียนยกมือให้ จึงเดินเข้าไปหาที่โต๊ะ อันซีแอบมองว่ามีคนมานั่งที่โต๊ะกับยิ่วเซียน
“คุณเป็นคนที่สมองไวมาก รู้ว่าควรจะเข้าหาใคร” ภรรยาผู้อำนวยการเอ่ยชมยิ่วเซียน
“ประสบการณ์บอกผมว่า ถ้าจะร่วมงานกับผู้ชายล่ะก็ วิธีที่เร็ว คือขอความช่วยเหลือจากผู้ช่วยของเขา ภรรยาผู้อำนวยการ”
“หึ หึ”
“ขอโทษครับ ขอเมนูสองใบ”
ระหว่างนั้น อันซีรีบหยิบเมนูให้ผู้อำนวยการ
“ผู้อำนวยการ เมนูอาหารที่นี่น่าทานทั้งนั้นเลย คุณจะสั่งอะไรหน่อยมั้ยคะ”
พนักงานนำเมนูมาให้ยิ่วเซียน ภรรยาผู้อำนวยการได้ยินเสียงอันซีจึงหันไปมอง เห็นอันซีจับเท็คไทผู้อำนวยการอยู่
“เน็คไทของคุณดูเชยไปหน่อยนะ ลองเปลี่ยนเป็นที่ทันสมัยหน่อยมั้ยคะ”
ยิ่วเซียนลอบสังเกต แล้วแกล้งถาม
“มีอะไรครับ”
“ตอนนี้โรงพยาบาลกำลังมีข่าวลือ ว่าเขามีผู้หญิงอื่น แต่เขาบอกว่า ผู้หญิงคนนั้นตามตอแยเขา ฉันไม่เชื่อหรอก เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ”
ภรรยาผู้อำนวยการทนไม่ได้ รีบเดินไปที่โต๊ะ อันซีกระซิบบอกผู้อำนวยการ
“มาแล้วๆ”
“เขาเดินมาแล้วใช่มั้ย”
“ค่ะ”
ผู้อำนวยการตบหน้าอันซีทันที
“โอ๊ย”
“ทำอะไรของเธอ พอหรือยัง ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้ชอบเธอ เธอจะตามตอแยฉันไปถึงไหน ฉันรักภรรยาของฉันคนเดียวเท่านั้น”
ภรรยารีบเข้ามา
“คุณคะ มีเรื่องอะไรกัน”
“คุณมาได้ยังไง”
“ผู้อำนวยการเซี่ยมาคุยเรื่องงานกับฉัน พวกคุณกำลังทำอะไร”
“ผู้หญิงคนนี้ เป็นญาติของคนไข้ที่โรงพยาบาล แต่ไม่รู้ทำไมเธอต้องตามตอแยผมตลอด ผมบอกเธอแล้วว่าผมไม่ได้ชอบเธอ นี่คุณ ผมไม่ได้ชอบคุณเลยเข้าใจมั้ย”
ยิ่วเซียนเดินเข้ามาสมทบ อันซีลุกขึ้นมาแล้วเกิดสะดุดเข้าไปกอดผู้อำนวยการเพื่อรั้งไว้ไม่ให้ล้ม แต่ภรรยาผู้อำนวยการไม่พอใจ
“เอ๊ะ เธอกล้าแตะต้องเขาเหรอ”
ภรรยาผู้อำนวยการตบหน้าอันซีทันที อันซีโกรธตวาดใส่
“นี่ พูดดีๆ ก็ได้ทำไมต้อง”
อันซีหยุดพูดทันทีเมื่อเห็นยิ่วเซียนจ้องอยู่
“ต้องอะไร ลงไม้ลงมือไม่ได้เหรอ ฉันตบเธอไม่ได้เหรอ ผู้หญิงไร้ยางอายอย่างเธอทำไมจะตบไม่ได้ เธอเห็นสามีฉันเป็นหมอและนิสัยดีเลยคิดจะจับเขาใช่มั้ย ไร้ยางอายสิ้นดี”
ภรรยาผู้อำนวยการจะตบอันซีอีก แต่ยิ่วเซียนห้ามไว้
“คุณนาย ทุกคนกำลังมองอยู่ครับ”
“นังผู้หญิงไร้ยางอาย”
ภรรยาผู้อำนวยการเอาน้ำสาดหน้าอันซี แล้วบอกสามีก่อนจะเดินออกไป
“คุณ เรากลับเถอะ”
ผู้อำนวยการหันมาบอกอันซี
“ขอบคุณที่ช่วยแสดงละครกับผม ขอบคุณครับ”
ผู้อำนวยการเดินออกไป ยิ่วเซียนเดินเข้าไปหาอันซีอย่างเห็นใจ
“ไปหาสถานที่จัดการตัวเองก่อนเถอะ”
อันซีอึ้งกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นกับตัวเอง
อันซีเดินถือน้ำแข็งประคบแก้มที่ถูกตบออกมาจากร้านอาหาร ยิ่วเซียนเดินตามมาห่างๆ อันซีหันมาฝืนยิ้มให้
“เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย”
“ไม่เป็นไรหรอก จะเป็นได้ไงล่ะ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ ใช่ว่าเราทำไปโดยไม่รู้เรื่อง และคุณก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำอย่างนี้กับฉัน ไม่เป็นไรน่า”
อันซีทำถุงประคบน้ำแข็งหล่น ยิ่วเซียนรีบเข้ามาช่วยหยิบให้ พลางเอาผ้าเช็ดหน้าของเขามาวางบนถุงน้ำแข็งด้านที่ต้องประคบกับแก้มอันซี ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดผมของหญิงสาวเบาๆ เพื่อดูรอยช้ำที่แก้ม อันซีเขินนิดๆ ยิ่วเซียนเอาน้ำแข็งที่มีผ้าเช็ดหน้า ประคบเข้าที่แก้มอันซีอย่างทะนุถนอม
“เจ็บมากมั้ย”
อันซีพยักหน้า
“ขอโทษนะ”
อันซีรับถุงน้ำแข็งไปถือเอง
“ฉันเป็นคนตัดสินใจทำเองนี่ ทั้งที่รู้ว่า รับปากคุณคงไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่ฉันก็ตัดสินใจทำแล้ว เพื่อเงินหนึ่งแสน ฉันยอมช่วยผู้ชายคนนั้นหลอกเมียของเขา ฉันโดนแบบนี้ก็สมควรแล้ว โอ้ว นี่เป็นงานที่ได้เงินมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยทำมาเลย โดนตบไม่กี่ครั้งเงินก็เข้ากระเป๋าแล้ว ถ้าฉันใช้หนี้คืนให้เจียงไห่โค่ได้โดยการถูกตบ ฉันจะยอมให้ตบซ้ายตบขวาเลย ตบจนกว่าเขาจะพอใจด้วย คุณมองหน้าฉันอย่างนี้ ไม่โอเคเลยนะ คุณไม่ต้องตามฉันมาแล้ว ฉันไม่เป็นไร”
อันซีเดินออกไปพลางพึมพำ
“เฮ่อ ขายหน้าเสียศักดิ์ศรีจริงๆ เลย”
เยี่ยนเจ๋อคนจากบริษัทโอเชี่ยนเดินคุยมากับหมอคนหนึ่ง
“ขอบคุณโอเชี่ยนที่สนับสนุนโรงพยาบาลของเรา”
“ยินดีครับ ช่วยเหลือสังคมเป็นสิ่งที่เราควรทำ พ่อผมก็เคยเป็นหมอมาก่อน สำหรับผมแล้วโรงพยาบาลก็เหมือนญาติผมคนหนึ่ง”
“แต่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบมาโรงพยาบาลหรอก”
“เพราะอย่างนี้ไง เราจึงต้องพยายามทำให้โรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่มีความสุข ไม่ใช่สถานที่ที่มีแต่ความเจ็บปวดเหมือนที่ผ่านมา คุณไม่ต้องส่งผมแล้ว ไปทำงานเถอะ ขอบคุณมาก แล้วเจอกัน”
“โชคดีครับ”
“ครับ บ๊ายบาย”
อ่านต่อตอนที่ 4