อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see You again ตอนที่6
อันซีหยิบก้อนหินแล้วเดินไปดูที่หน้าต่าง เสี่ยวหูกับต้าหูเห็นก็รีบหลบ อันซีมองไปรอบๆ ไม่เห็นใคร ก็เดินกลับมาแกะกระดาษที่พันมากับก้อนหิน เปิดอ่าน
“นี่มันอะไรกัน คนแซ่เซี่ย เจอกันที่บ้านผีสิง ถ้าไม่มา การแข่งขันจะไม่มีทางเกิดขึ้น คิดว่าฉันไม่รู้เหรอ มีเรื่องเกิดขึ้นก่อนการแข่งขันแบบนี้ มีเพียงเจียงไห่โค่เท่านั้น”
อันซีโมโห ขยำกระดาษปาทิ้งไว้ในห้อง แล้วเดินออกไปนอกบ้าน
ด้านยิ่วเชียนกลับมาที่ห้องเห็นถ้วยของหวานที่อันซีนำมาให้และวางไว้ ก่อนจะโดนก้อนหินยิงใส่หัว เขาถือถ้วยของหวานลงมาข้างล่าง ได้ยินเสียงเหม่ยเหวิน
“ไข่ไก่ นม สลัด ถ้าหยาเอินอยู่คงจะดี ขาดอะไรอีกมั้ยนะ”
“คือว่า”
“เอ๊ะ คุณเซี่ย มีอะไรมั้ยคะ”
“ผลไม้นี้มีขายในเว็บไซต์ไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ค่ะ อ่อ อันซีบอกว่าอยากขอบคุณคุณที่ช่วยเขา เลยให้ของหวานเป็นการตอบแทน อื้ม”
“อันซีล่ะ”
“อันซีเหรอ อันซีเขา”
จื้อหลิงพูดสวนขึ้น “อันซีออกไปแล้ว โทรศัพท์ยังอยู่ในห้องครัวเลย”
“เอ๊ะ” เหม่ยเหวินแปลกใจ
จื้อหลิงหันมาเห็นถ้วยขนมหวาน
“หะ เหม่ยเหวิน เธอเอานี่ให้เขากินเหรอ”
“ไม่ใช่อันซีเป็นคนให้เขากินเอง”
“อันซีให้เขาเหรอ”
“ใช่”
“นี่ เธอไม่ยุติธรรมเลย ทำไมครั้งก่อนฉันเอาให้เขากิน ฉันกลับถูกด่าถูกทุกคนหัวเราะด้วย เธอยังหาว่าฉันบ้าเห็นคนหน้าตาดีไม่ได้ แล้วทำไมอันซีให้เขากินได้ล่ะ”
“เธอเอาให้เขากิน แต่ฉันเป็นคนทำนะ ตกลงใครเป็นคนทำกันแน่”
“เธอยังมาว่าฉันชักช้าอีก ฉันจดไว้ในบัญชีดำนะ”
“เธอนี่มันติ๊งต๊องจริงๆ”
ระหว่างที่สองสาวเถียงกัน ยิ่วเชียนก็เดินเลี่ยงขึ้นบันไดกลับไปที่ห้อง เปิดคอมพิวเตอร์จะทำงาน พลันเหลือบไปเห็นเศษกระดาษถูกขยำทิ้งอยู่บนพื้น เขาหยิบมาอ่านแล้วเข้าใจทันที
“อันซี”
ยิ่วเชียนวิ่งออกไปตามแผนที่ในกระดาษจนมาถึงบ้านหลังหนึ่ง พลางคิด
“บ้านฉันกลายเป็นบ้านผีสิงตั้งแต่เมื่อไหร่”
ยิ่วเชียนย่องๆ เข้าไปดู เห็นอันซีนั่งกับพื้น ถูกตะข่ายคลุมอยู่
“อันซี”
“เซี่ยยิ่วเชียน เซี่ยยิ่วเชียน รีบมาช่วยฉันที”
“เธอมาที่นี่ได้ไง”
“คุณน่าจะรู้แล้วนี่นา คนที่เจียงไหโค่จะเล่นงานคือคุณ ฉันมาเจรจากับเขา แต่กลับมาติดกับดักของเขา คุณดูขาฉันสิ ทำยังไงก็เอาออกไม่ได้”
“เธอรอนี่ก่อน”
“เอ๊ะคุณจะไปไหน”
ยิ่วเชียนหยิบขวดแก้วบริเวณนั้นมาตีให้แตก แล้วนำเศษแก้วมาตัดตาข่าย
“เป็นผู้หญิงออกมาค่ำๆ มืดๆ ทำไม เธอไม่กลัวเหรอ”
“ฉันกลัวน่ะสิ แต่ถ้าฉันไม่มาล่ะก็ คนที่ติดกับดักคือคุณนะ”
ยิ่วเชียนมองหน้าหญิงสาวอย่างซาบซึ้ง
“คนอย่างเจียงไห่โค่ เมื่อสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว ไม่มีทางผิดคำสาบานแน่ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่หลงเชื่อ”
“ฉันคิดว่าเขาต้องการเจรจา ใครจะรู้ว่าวางกับดักใส่ฉันล่ะ เฮ่อ ออกได้สักที”
“ออกมาสิ”
“เจียงไห่โค่ อย่าให้ฉันเจอนายนะ ถ้าจู่ๆ กระถางหล่นใส่นาย ฉันนี่แหละเป็น”
อันซีสะดุดตาข่ายที่ยังพันขาอยู่ทำให้หงายหลังล้ม ยิ่วเชียนเข้ามาช้อนตัวเธอไว้ได้ทัน ทั้งสองอึ้งมองหน้ากัน
“เธอเป็นคนทำเหรอ”
“ฮิ ใช่ ฉันนี่แหละเป็นคนทำ”
ทั้งสองสบตากันซึ้งๆ
บรรยากาศเป็นใจจนยิ่วเชียนห้ามใจไม่ไหว โน้มหน้าลงไปใกล้หน้าอันซี แต่แล้วเสียงฟ้าร้องดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงฝนตก เขาชะงัก หันไปมองสายฝน
“ฝนตกแล้ว”
อันซีรีบดันตัวขึ้นจากอ้อมแขนของยิ่วเชียน
“จริงด้วย ฝนตกแล้ว งั้นเราคงต้องรอตรงนี้อีกนาน ว้าว แหตกปลานี้ใหญ่มาก”
อันซีจับแหมากางเล่นแล้วก็เข้าไปติดในแหอีก
“ฉันเข้าไปติดอยู่ในนั้นได้ไงนะ ออกไม่ได้ โอ้ย คุณช่วยฉันหน่อยสิ”
ยิ่วเชียนยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มเอ็นดูแล้วเข้าไปช่วย
“นี่ เธอว่างไม่มีอะไรทำใช่มั้ย ก็จริงนะ เพราะมีคนอย่างเธอ ถึงได้ถูกคนอย่างเจียงไห่โค่หลอกมาที่นี่ได้ไงล่ะ” ยิ่วเชียนพูดขำๆ
“เอ๊ะ คุณยิ้มแล้วนี่ เมี่อกี้คุณยิ้มออกมาจากใจใช่มั้ย ฉันไม่เคยเห็นคุณยิ้มมาก่อนเลย เมื่อก่อนคุณชอบทำเสียง อื้ม หะ แต่เมื่อกี้คุณยิ้มแล้วจริงๆ”
ยิ่วเชียนเขิน รีบทำเสียงแข็ง “นี่ พอได้แล้ว”
“ฮิๆๆ”
ยิ่วเชียนลองเอามือไปแตะขอบหน้าต่างแล้วสงสัย
“ไหนบอกว่าที่นี่เป็นบ้านผีสิง ทำไมไม่มีฝุ่นเลยล่ะ”
“ก็บ้านผีสิงไง”
ยิ่วเชียนหันหลังจะเดินไป
“นี่คุณจะทำอะไร”
“จะเข้าไปดูว่ามีผีจริงหรือเปล่า”
“นี่ อย่าเข้าไปนะ”
“ไม่เป็นไรน่า ประตูไม่ได้ปิด เข้าไปแป๊บเดียว”
ยิ่วเชียนเดินเข้าไปในตัวบ้าน อันซีรีบตามเข้าไป
“เอ่อ งานของคุณ คงไม่รวมถึงอสังหาริมทรัพย์หรอกนะ”
“อือฮึ บ้านหลังนี้ไม่เลวนะ ถ้าเจ้าของบ้านต้องการขาย ฉันอาจจะซื้อมันไว้ก็ได้”
“ไม่ๆๆ ห้ามซื้อนะๆ คุณห้ามซื้อบ้านหลังนี้เด็ดขาด บ้านหลังนี้ ภายนอกอาจจะดูดี แต่ความจริง โอ้ คุณรู้สึกมั้ยว่า มีลมเย็นๆ พัดเข้ามา โอ้ว ขนลุกไปหมดเลย”
อันซีทำเป็นหนาว ยิ่วเชียนมองงงๆ ก่อนจะหยิบไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือมาส่องดู
“ไม่มีนะ บ้านหลังนี้ดูแลรักษาดีมาก แต่ฉันไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมเจ้าของบ้านหลังนี้ถึงปล่อยให้คนอื่นสร้างข่าวลือเรื่องผีล่ะ”
“อ้อ เพราะว่า เพราะว่า เอ่อ ตอนเจ้าของบ้านซื้อยังไม่รู้น่ะสิ เวลากลางคืนอย่างนี้ฉันไม่อยากคุยเรื่องนี้เลย แต่เป็นเพราะคุณ ฉันถึงยอมเล่าให้ฟัง บ้านหลังนี้ บ้านหลังนี้ ความจริงแล้วบ้านหลังนี้ถูกคำสาป”
“คำสาปอะไร”
“คำสาปอะไรเหรอ คำสาปร้อยปีไงล่ะ ตำนานของบ้านหลังนี้ เมื่อก่อน มีปู่หลานอาศัยอยู่กันสองคน แต่ว่าปู่หลานคู่นี้ชอบทะเลาะกันบ่อยๆ วันหนึ่งจู่ๆ ปู่หลานคู่นี้ก็หายตัวไปเลย ตั้งแต่นั้นมา บ้านหลังนี้ก็เกิดเรื่องราวแปลกๆ ขึ้น อย่างเช่น หลอดไฟกระพริบตลอดเวลา แล้วประตูบ้านก็ชอบมีเสียงแปลกๆ และไม่มีใครรู้ว่าเสียงอี๊ดๆ นั้นมาจากไหนกันแน่ เรื่องแปลกแบบนี้มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ ดังนั้นคุณอย่าซื้อบ้านหลังนี้เลยมันไม่ดี”
อันซีเล่าจบก็แอบทำนิ้วไขว้กันไว้ข้างหลัง
“เธอจะเล่าเรื่องผี แต่จินตนาการแย่มาก”
“หะ”
“เธอน่าจะรู้จักเจ้าของบ้านหลังนี้นะ”
“คุณรู้ได้ไง”
“ที่นี่หมู่บ้านเล็กๆ ไม่ใช่เหรอ ถ้ารู้จักล่ะก็ เธอคงเกลียดเขามาก หรือไม่ก็ เธอนิสัยแย่ ถึงได้เล่าข่าวลืออย่างนี้”
“เฮ้อ ฉันแค่จะ”
“ฉันไปดูฝนว่าหยุดหรือยัง”
ยิ่วเชียนโกรธรีบเดินออกไป
ตอนเช้า ยิ่วเชียนเข็นกระเป๋าเดินทางออกมา พร้อมแต่งตัวเรียบร้อย ขึ้นรถขับออกไปจากบ้านพักตากอากาศ ช่วงระหว่างนั้น อันซีก็ไปเคาะประตูเรียก
“วันนี้จะแข่งแล้วนะ คุณตื่นหรือยัง เซี่ยยิ่วเชียน ยิ่วเชียน”
เหม่ยเหวินเดินเข้ามา
“ยังไม่ตื่นเหรอ”
“เซี่ยยิ่วเชียน”
“เธอเรียกสิบนาทีแล้ว จะไม่ทันแล้ว ไขกุญแจเข้าไปเลยดีกว่า กังวลจะแย่แล้ว”
เหม่ยเหวินไขกุญแจเข้าไป
“คุณเซี่ย หายไปไหนแล้ว”
จื้อหลิงวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“รถของคุณเซี่ยไม่อยู่แล้ว”
“หรือว่าเขาไปสวนต้นหอมก่อนแล้ว” อันซีพูดขึ้น
“งั้นเรารีบตามไปเถอะ” จื้อหลิงบอก
“ฝากดูแลบ้านพักด้วย ไป” อันซีฝากเหมายเหวิน
“ฉันจะไปให้กำลังใจคุณเซี่ย”
“เอ๊ะๆๆ ยัยติ๊งต๊องนี่”
เหม่ยเหวินตำหนิ
อ่านต่อหน้า 2
อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see You again ตอนที่6 (ต่อ)
อันซีกับจื้อหลิงเดินมาที่แปลงต้นหอม
“เอ๊ะ คุณเซี่ยล่ะ” จื้อหลิงงงๆ
อันซีมองไปเห็นไห่โค่นั่งรออยู่แล้วพร้อมลูกน้อง
“เอ๊ะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว” ไห่โค่ถาม
“ใกล้จะสิบโมงแล้วลูกพี่” ต้าหูรายงาน
“ใกล้เวลาแล้ว” เสี่ยวหูบอก
“สิบโมงแล้วเหรอ” ไห่โค่ย้ำถาม
“อืม” เสี่ยวหูย้ำตอบ
“เอ๊ะ อันตูตู สิบโมงแล้ว ตัวแทนดึงต้นหอมของพวกเธอล่ะ อย่าบอกนะว่าไม่มาแล้ว”
ต้าหูกับเสี่ยวหูหัวเราะ
“กระหายน้ำๆ ไม่มีน้ำแข็ง คราวหน้าอย่าลืมใส่ล่ะ”
“ครับลูกพี่”
“จะสิบโมงแล้ว ถ้าคุณเซี่ยไม่มาล่ะ” จื้อหลิงกังวล
“ไม่มีทาง เขาฝึกฝนกับฉันแล้ว เขาต้องมาแน่”
ยิ่วเชียนกลับมาที่บ้านเก่าของเขา ที่อันซีบอกว่าเป็นบ้านผีสิง พลางนึกถึงคำพูดของอันซีเมื่อคืน
“ความจริงแล้วบ้านหลังนี้ถูกคำสาป ดังนั้นคุณอย่าซื้อบ้านหลังนี้เลยมันไม่ดี”
ยิ่วเชียนนิ่งคิดอย่างน้อยใจ “ทั้งที่เธอรู้ว่านี่เป็นบ้านของฉัน ทำไมต้องพูดว่าเป็นบ้านผีสิงด้วย ทำไมต้องทำกับฉันอย่างนี้”
ยิ่วเชียนนึกถึงเหตุการณ์สมัยเข้าเป็นนักเรียน เดินอ่านหนังสือมาตามทาง แต่ถูกเพื่อนนักเรียนชาย 3 คน เข้ามามาพูดกระแนะกระแหน
“เฮ้ยไอ้เนิร์ด เอ๊ะ นี่พี่สาวจะดูซูชิน้อยของผมหน่อยมั้ย เล็กมากนะ”
“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนๆ ฉันเรียกนายไม่ได้ยินใช่มั้ย”
“จะหนีไปไหน”
“ปัญญาอ่อน แกทำเป็นหยิ่งนักเหรอ แกจะทำอะไร แกมองอะไร หะ แกมองหน้าหาเรื่องเหรอ”
เพื่อนตบหน้ายิ่วเชียน เขามองอย่างแค้นๆ
“แก”
เสียงกริ่งจักรยานของอันซีดังขึ้น ทุกคนหันไปมอง
“นายคิ้วเส้นตรง”
อันซีขี่จักรยานผ่ามากลางวงแล้วคว้าข้อมือยิ่วเชียนไป
“อันซีเธอทำอะไร” เพื่อนตะโกนถาม แล้ววิ่งตามไป
“กระโดดขึ้นมา เร็ว ไป”
ยิ่วเชียนกระโดดขึ้นซ้อนท้ายจักรยานอันซี นักเรียนชายทั้งสามวิ่งตามไม่ทัน
อันซีปั่นจักรยานออกไป แม้จะเหนื่อยแต่ก็สนุก ตื่นเต้น ยิ่วเชียนก็รู้สึกเช่นกัน เขายิ้มสนุกสนานไปด้วย และรู้สึกดีที่ได้ซ้อนท้ายมากับอันซี
“เอ่อ ถึงบ้านฉันแล้ว จอดให้ฉันลงได้แล้ว”
“ที่นี่เหรอ อ๋อบ้านนายอยู่ที่นี่เอง งั้นฉันกลับก่อนนะ บ๊ายบาย”
อันซีขี่จักรยานออกไป ยิ่วเชียนมองตามยิ้มๆ ก่อนจะได้ยินเสียงนักเรียนหญิง 2 คน ที่เดินผ่านมา
“ได้ยินว่าคนที่สารภาพรักอันซีถูกปฏิเสธอีกแล้ว”
“อันซีที่อยู่บ้านพักตากอากาศเหรอ”
“จะใครซะอีกล่ะ คนพวกนี้ก็แปลกจริง เธอเสนอเงื่อนไขขนาดนั้นแล้วยังจะไปสารภาพรักอีก”
“เงื่อนไขอะไร”
“ไปเอาน้ำตานางฟ้าที่ทะเลสาบนางฟ้าไง ใครทำได้เธอจะยอมเป็นแฟนด้วย ทะเลสาบไกลสามพันเมตร คนโง่เท่านั้นที่ไป”
“ทำไมทุกคนต้องชอบเขาด้วย หน้าตาก็งั้นๆ ไม่เห็นสวยเลย”
“ช่างเถอะน่า เราไปกินข้าวหมูสับกันเถอะ”
ยิ่วเชียนฟังอย่างสนใจ และยิ้มดีใจ
“น้ำตานางฟ้า”
ยิ่วเชียนดั้นด้นไปจนเจอทะเลสาบนางฟ้า และนำขวดไปตักน้ำจากทะเลสาบนั้นมาจนได้ ขากลับเขาเดินมาในป่า แต่เกิดลื่นไถล ล้มกลิ้งไปชนต้นไม้
“โอ้ย”
ขวดน้ำกระเด็นไป เขาพยายามเอื้อมมือไปหยิบอย่างยากลำบาก กว่าจะคว้าขวดนั้นกลับมาได้ แต่ก็ทำให้เขาหมดแรงสลบไป เวลาต่อมา หน่วยกู้ภัยได้ออกตามหายิ่วเชียนมาในป่า
“คุณเซี่ยๆ เซี่ยยิ่วเชียน คุณเซี่ย เซี่ยยิ่วเชียน พบผู้บาดเจ็บแล้วเตรียมอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บแจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยเตรียมตัวให้พร้อม ระวัง จับให้แน่น ยึดเชือกให้แน่นเตรียมพร้อม หนึ่งสองสาม”
“หนึ่งสองสาม”
“อุณหภูมิของผู้ป่วยลดลง ไม่มีสติเลย ต้องใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ เครื่องกระตุ้นหัวใจ”
เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยนำร่างหมดสติของยิ่งเชียนออกจากป่า ช่วยกันปฐมพยาบาลอย่างเร่งด่วน โดยยิ่วเชียนยังกำขวดน้ำตานางฟ้าไว้แน่น
ยิ่วเชียนนึกมาถึงตรงนี้ก็หน้าเศร้า น้อยใจ พลางนึกถึงคำพูดของอันซีในวันที่เขานำขวดน้ำตาฟ้ามาให้
“เรื่องโง่ๆ อย่างนี้นายก็ทำได้ คำพูดปัญญาอ่อนนายก็เชื่อ นายสมองเสื่อมรึไง โลกนี้ไม่มีคำว่าชั่วนิรันดร์ แม้แต่คำพูดของพ่อแม่ยังหลอกกันได้ คำพูดของฉันนายก็เชื่อ ทำไมนายโง่อย่างนี้ ทำไมถึงโง่อย่างนี้ หะ”
อันซีปาขวดน้ำฟ้าแตกตรงหน้ายิ่วเชียน เขาตะลึงงัน เสียใจ ในขณะที่อันซีก็รู้สึกผิด ยิ่วเชียนเดินกลับไปบ้านอย่างอ่อนแรง ไป๋คังเดินออกมาเจอหลานชาย
“เอ๊ะ ไปโรงพยาบาลคนเดียวทำไมไม่บอกปู่ ยังไม่ได้ตรวจร่างกายให้ละเอียดเลย”
“คุณปู่”
เสียงยิ่วเชียนอ่อนแรง แล้วเขาก็เป็นลมล้มลงไปตรงหน้าไป๋คัง ชายแก่ตกใจมาก
“เอ๊ะ ยิ่วเชียน เอ๊ะ ยิ่วเชียน ยิ่วเชียนๆ”
ยิ่วเชียนถูกนำส่งโรงพยาบาล เช้าวันหนึ่งไป๋คังเข็นรถให้หลานชายนั่งมารับอากาศบริสุทธิ์
“คุณปู่ เมื่อไหร่เราจะได้กลับบ้าน เราอยู่ที่โรงพยาบาลเกือบเดือนแล้วนะ คุณปู่ คุณปู่”
ไป๋คังหน้าเศร้า ไม่ตอบอะไรแม้แต่น้อย จากนั้นเขาเข็นรถพายิ่วเชียนมาที่บ้าน ยิ่วเชียนมองสภาพบ้านแล้วแปลกใจ
“ทำไมบ้านว่างเปล่าอย่างนี้ล่ะ”
“ปู่ขายบ้านไปแล้ว”
ยิ่วเชียนสะอื้น “เพราะว่า เพราะการผ่าตัดของผมใช่มั้ย คุณปู่ ขอโทษครับ”
คิดมาถึงตอนนี้ยิ่วเชียนตื่นจากภวังค์ ยืนมองบ้านด้วยสีหน้าหมองเศร้า คิดในใจ
“ฉันลืมไปว่า ฉันเป็นคนทำให้คุณปู่ไม่มีบ้านอยู่ ตอนนี้ ฉันกลับต้องไปเช่าบ้านพักคนอื่นอยู่”
อ่านต่อหน้า 3
อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see You again ตอนที่6 (ต่อ)
ส่วนที่บริเวณแปลงต้นหอม ไห่โค่ยังคงนั่งรออยู่ ในขณะที่อันซีมองนาฬิกาอย่างร้อนใจ
“เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมเซี่ยยิ่วเชียนยังไม่มาอีก”
“ทำยังไงดี” จื้อหลิงร้อนใจเช่นกัน
ยิ่วเชียนขับรถมาตามทาง พลางคิดในใจ
“คุณปู่ ถึงคุณปู่บอกว่าคนอื่นทำให้เราผิดหวังได้ แต่เราห้ามทำให้คนอื่นผิดหวัง แต่ว่า ผมไม่ใช่คนใจกว้างอย่างนั้น”
ยิ่วเชียนขับรถต่อไป
ไห่โค่นั่งยิ้มอารมณ์ดี คิดว่ายิ่วเชียนไม่มาแข่งขันแน่นอน
“อันตูตู ฉันว่าเธอไม่ต้องรอแล้ว เธอเป็นของฉัน”
ไห่โค่ลุกขึ้นมาจับมืออันซี แต่เธอรีบสะบัดออก
“ในเมื่อเป็นของฉัน โรงแรมที่จะฉลองฉันจองไว้แล้ว เส้นทางรักครั้งนี้จะมีเพียงเราสองคน จุ๊บๆ ตู่ตูตูตู”
ไห่โค่กับลูกน้องเริ่มร้องเพลงอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่อันซีและจื้อหลิงพยายามอุดหู
“อันตูตูที่รัก เธอเป็นทุกอย่างของฉัน อันตูตู ที่รักจับมือเดินไปด้วยกัน อันตูตูที่รัก เธอเป็นของฉัน”
“เดี๋ยวๆๆ ลูกพี่”
เสี่ยวหูหันไปเห็นอะไรบางอย่าง ทั้งอันซีและจื้อหลิงก็หันไปมอง เห็นรถยิ่วเชียนกำลังขับเข้ามา
“คุณเซี่ย คุณเซี่ยมาแล้ว”
“เซี่ยยิ่วเชียน”
ไห่โค่หน้าเสีย “ไหนแกบอกว่า ไม่มีปัญหา มาทางนี้เลย ไหนแกบอกไม่มีปัญหา”
ลูกน้องทั้งสองหน้าเสีย กลัวลนลาน ยิ่วเชียนลงมาจากรถ อันซีรีบวิ่งเข้าไปหา
“เซี่ยยิ่วเชียน”
“ในที่สุดคุณก็มาแล้ว” จื้อหลิงปลื้ม
“เปลี่ยนชุดเร็ว” อันซีบอก
ไห่โค่ลุกไปหายิ่วเชียน
“ฉันจะบอกนาย”
“ฉันต้องชนะ ให้เร็วหน่อย ไม่งั้นนายจะแพ้ฉัน”
ยิ่วเชียนลงไปที่แปลงผักทันที อันซีและจื้อหลิงเชียร์สุดตัว ยิ่วเชียนดึงต้นหอมอย่างคล่องแคล่ว อันซียิ้มหน้าบาน ไห่โค่และลูกน้องมองตะลึง ก่อนที่ไห่โค่จะนึกได้รีบวิ่งลงไปในแปลงผัก แล้วเกิดถลาล้มลง
“โอ้ยๆๆ”
“ลูกพี่ๆๆ”
ไห่โค่รีบลุกไปดึงต้นหอม จื้อหลิงเห็นรีบพูดขึ้น
“โอ๊ะโอ ที่ขาดแล้วไม่นับนะจ๊ะ”
“เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย” ต้าหูตวาด
“นี่ ไม่เกี่ยวกับฉัน แต่ฉันว่าลูกพี่ของพวกแกคงต้องการกำลังใจ ส่งกำลังใจให้เขาหน่อยสิ ดูสิขาดอีกแล้ว โธ่เอ๊ยสู้ๆ หน่อยน้า”
“ขาดอีกแล้ว” เสี่ยวหูเซ็ง
“ลูกพี่ สู้สู้ๆ ๆ”
อันซีไม่ยอมแพ้ “นี่ คิดว่ามีกองเชียร์ฝ่ายเดียวเหรอ เราก็มีกองเชียร์เหมือนกัน”
สองสาวตะโกนเชียร์
“ยิ่วเชียน ส้สู้ๆ ๆ ๆ”
ต้าหูกับเสี่ยวหูก็ร้องเชียร์เจ้านายไม่ลดละ เวลาผ่านไป อันเริ่มนับถอยหลัง
“ยิ่วเชียนสู้ๆ นับถอยหลัง 10,9,8,7,6,5,4,3,2,1”
“ลูกพี่ใกล้หมดเวลาแล้ว” เสี่ยวหูตะโกน
“หยุดหมดเวลาแล้ว” อันซีร้องบอก
“โห หมดเวลาแล้วยังไม่หยุด อันสุดท้ายไม่นับนะ” จื้อหลิงไม่ยอม
อันซีเดินลงไปในแปลงผัก
“ขอทางหน่อยนะ ฉันว่าไม่ต้องนับแล้ว เห็นได้ชัดเจนอยู่แล้ว ยินดีด้วยยิ่วเชียน เย่ๆๆ”
ยิ่วเชียนหันไปมองหน้าไห่โค่ แต่ไห่โค่เอามือปิดกระเป๋าเสื้อไว้
ยิ่วเชียนเดินไปดึงสัญญาออกมาจากระเป๋าไห่โค่จนได้
“นับตั้งแต่นี้ไป มันคือของฉัน อย่าว่าฉันเอาเปรียบนายเลย นี่เงินแปดล้านเก้าแสน”
ยิ่วเชียนยื่นเช็คให้ ไห่โค่จำต้องรับไป สองสาวมองอย่างดีใจ ยิ่วเชียนหันมามองหน้าอันซี
“นับจากนี้ไป แกไม่มีสิทธิ์มาตามตอแยอันซีอีก ราชาต้นหอม เฮอะ” จื้อหลิงประกาศ
ไห่โค่มองหน้าอันซีอย่างอาลัยอาวรณ์ ในขณะที่อันซีสบายใจหันมายิ้มให้ยิ่วเชียน ชายหนุ่มยิ้มตอบ
เมื่อกลับมาบ้านพัก ยิ่วเชียนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จลงมาตรงบันได สามสาวรอต้อนรับอยู่ เหม่ยเหวินพูดขึ้น
“มาแล้วๆ”
“เฮ่อ ยินดีต้อนรับผู้มีพระคุณของเย่จือไห่”
“เซี่ยใต้ซือ” สามสาวประสานเสียงพร้อมกัน
“เซี่ยใต้ซือราชาแห่งต้นหอม ฉันขอเป็นตัวแทนของเย่จือไห่ขอบคุณคุณที่ช่วยพวกเราเอาบ้านหลังนี้กลับคืนมา ขอบคุณคุณมาก ขอบคุณค่ะๆ”
อันซีจะเอาสัญญาคืนจากยิ่วเชียน แต่เขาไม่ส่งให้
“ฉันเคยรับปากว่า จะช่วยเอาบ้านคืนมาให้เธอจากเจียงไห่โค่ แต่ฉันไม่ได้บอกว่า จะยกหนี้ให้เธอนี่”
“หมายความว่าไง” เหม่นเหวินงง
“เจียงไห่โค่ไม่ใช่เจ้าหนี้ของเธอแล้ว นับจากนี้ไป เจ้าหนี้ของเธอก็คือฉัน”
ยิ่วเชียนประกาศทีท่าขึงขัง
อ่านต่อหน้า 4
อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see You again ตอนที่6 (ต่อ)
ยิ่วเชียน อันซีและเพื่อนๆ นั่งกินข้าวด้วยกัน อันซีเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า
“ไก่สไปซี่เป็นอาหารจานพิเศษของเหม่ยเหวิน วันนี้คุณดึงต้นหอมทั้งวัน ต้องกินเยอะๆ หน่อยนะจะได้มีแรง”
อันซีหยิบจานมาจะตัดไก่ให้
“ฉันตักเอง”
อันซีดึงจานกลับยิ้มๆ “ฉันตักให้ๆ เซี่ยใต้ซือให้ฉันรับใช้เถอะค่ะไม่ต้องเกรงใจ มาค่ะ อร่อยมากนะ มีจานนี้ด้วย จานนี้ก็อร่อยมาก และจานนี้ด้วย มาค่ะ”
ยิ่วเชียนมองอันซีนิ่ง จนเหม่ยเหวินสงสัย แอบคิดในใจ
“เอ๊ะทำไมวันนี้คุณเซี่ยดูท่าทางแปลกๆ”
“เหม่ยเหวิน” อันซีเรียก
“หา”
“วันนี้เธอไม่ได้ไปด้วยน่าเสียดายมาก เธอคงไม่รู้ว่าวันนี้ ฉันกับจื้อหลิง ตอนที่รอยิ่วเชียนมากังวลจะแย่ คิดไม่ถึงว่าราชาดึงต้นหอมจะมาทัน ใช้เวลาดึงไม่นานก็เกือบหมดแถว แซงหน้าเจียงไห่โค่และดึงได้มากกว่า เจียงไห่โค่ตั้งสองเท่าตัวแน่ะ สุดยอดจริงๆ”
“นั่นนะสิ”
จื้อหลิงเห็นด้วย เอามือไปนวดๆ ยิ่วเชียน เหม่ยเหวินรีบปราม
“มือของเธอ”
“ฮิๆๆๆ”
“คนเรา เมื่อเจอคนที่ดี ชีวิตก็เต็มไปด้วยสีสัน” อันซีบอก
“ดูเธอมีความสุขนะ” ยิ่วเชียนถามนิ่งๆ
“แน่นอน ฉันจะบอกคุณนะ ฉันเป็นคนอารมณ์ดีเข้ากับคนง่าย”
“สนุกเฮฮา” อันซีกับจื้อหลิงพูดพร้อมกัน
ยิ่วเชียนไม่รับมุกของสองสาว เหม่ยเหวินสังเกตเห็นจึงกระแอมเตือน แต่อันซีไม่เข้าใจ
“เหม่ยเหวินเธอเป็นอะไร”
“เอ่อสำลักน้ำน่ะ”
“ดื่มน้ำมากๆ หน่อย”
“ได้ ฉันไปเอาน้ำก่อนนะ”
“ได้”
อันซีสังเกตแก้วน้ำของยิ่วเชียน “เอ๊ะ เซี่ยใต้ซือ น้ำของคุณหมดแล้วฉันไปเอาให้นะ”
อันซีเดินไปที่เคาน์เตอร์ใกล้ๆ กัน
“เอ๊ะ พี่เหม่ยเหวิน”
“อืม”
“จะดื่มน้ำอีกมั้ย”
“ไม่ล่ะๆ”
“งั้นฉันรินน้ำนะ”
“อืม นี่ ตอนนี้เธอจะทำยังไงกับหนี้สินบ้านพัก”
“อะไรยังไง”
“จะอะไรซะอีกล่ะ ฉันคิดว่าคุณเซี่ยจะช่วยเธอใช้หนี้สินทั้งหมด สถานการณ์ตอนนี้มันยังไงกัน”
“ฉันก็คิดว่าเขาจะยกหนี้ให้ฉันฟรี เพียงแต่ ยิ่วเชียนเป็นคนให้เช็คเจียงไห่โค่ ดังนั้นเจ้าหนี้จึงกลายเป็นยิ่วเชียน มันก็ถูกต้องแล้ว”
“แต่ฉันรู้สึกว่า”
“โธ่เอ๊ย เดิมทีฉันก็คิดว่า ถ้าฉันเอาใบสัญญาคืนมาได้ฉันจะค่อยๆ ใช้หนี้ให้เจียงไห่โค่ เพียงแต่ ยิ่วเชียนเอาเช็คให้เจียงไห่โค่ก่อนแล้ว สำหรับฉันแล้ว ก็แค่ เปลี่ยนเป็นเจ้าหนี้คนใหม่เท่านั้น อีกอย่าง เจ้าหนี้คนนี้ไม่มีทางบังคับให้ฉันแต่งงาน และไม่กดขี่ข่มเหงฉันแน่ๆ เฮ้อ ในที่สุดฉันก็สามารถนอนหลับสบายได้เหมือนคนอื่นซะที”
ยิ่วเชียนนั่งอยู่ที่โต๊ะได้ยินเสียงสองสาวคุยกัน เขาคิดๆ ในใจ
“นอนหลับสบายเหรอ งั้นเรามาดูกัน ถ้าเจ้าหนี้เปลี่ยนเป็นฉันแล้ว เธอยังนอนหลับสบายมั้ย”
อันซีถือแก้วน้ำมาให้ยิ่วเชียน
“มาค่ะๆ เซี่ยใต้ซือ ดื่มน้ำค่ะ ค่อยๆ ดื่มระวังสำลักนะ”
ยิ่วเชียนรับแก้วน้ำไปจะดื่ม แล้วชะงัก หันมาพูดกับอันซี
“จริงสิ”
“หะ”
“เดี๋ยวฉันจะหารือเรื่องบ้านกับทุกคน”
“ห๋ะ” เหม่นเหวินแปลกใจ
อันซีและเพื่อนพายิ่วเชียนมาที่ห้องๆ หนึ่ง
“ห้องนี้เป็นห้องที่บรรยากาศดีที่สุด”
“ไปอีกห้อง”
อันซีพาไปดูอีกห้องหนึ่ง
“ห้องนี้ตกแต่งเป็นสไตล์บ้านนอก เพราะแขกบางคนชอบความรู้สึกที่ผ่อนคลา”
“ไปอีกห้อง”
อันซีงง ๆแต่ก็ยอมพาไปดูอีกห้อง
“นี่เป็นโซฟาเก่าที่ทำด้วยมือนะ”
“ไปอีกห้อง”
อันซีกับเหม่ยเหวินเริ่มไม่พอใจ แต่จื้อหลิงไม่ได้สนใจมัวแต่มองอย่างหลงใหล ยิ่วเชียนเดินไปที่หน้าห้องๆ หนึ่ง อันซีรีบท้วง
“เอ๊ะๆๆๆ นั่นมันห้องของฉัน”
“แล้วไง ดูไม่ได้เหรอ”
“อ้อ ใช่ว่าดูไม่ได้”
ยิ่วเชียนเปิดเข้าไปทันที
“เอ๊ะรอเดี๋ยว นี่ๆๆ เอ่อ ก็ใช่ว่าเข้ามาดูไม่ได้หรอก”
“ห้องนี้แล้วกัน เดี๋ยวไปขนกระเป๋าฉันมาห้องนี้”
“หะ”
สาวสาวร้องเสียงหลง
เหม่ยเหวินกับจื้อหลิงต้องช่วยกันขนย้ายข้าวของของอันซีไปไว้อีกห้องหนึ่ง เหม่ยเหวินบ่น
“หรือว่ามีแต่ฉันคนเดียวที่รู้สึกแปลกๆ ชั่วโมงก่อนยังบอกว่าช่วยเรา ชั่วโมงต่อมากลับมากลั่นแกล้งเรา นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”
“จริงด้วย เขาเป็นอะไรของเขา ทำไมน่ารักอย่างนี้”
“หะ”
“เวลายิ้มมีเสน่ห์มาก เวลาเท่ห์ก็เท่ห์อย่างมีสไตล์ แม้แต่กิริยาท่าทางก็ดูหล่อไปหมด”
“เธอก็พอๆ กับเขานั่นแหละ นอกจากความหล่อแล้วเธอไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ”
“มองไม่เห็นๆ”
“เฮ้อ เสร็จสักที เหนื่อยจะแย่แล้ว”
อันซีล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน
“เฮ้อ เอ๊ะ ฉันไม่เคยนอนดูเพดานจากมุมนี้มาก่อนเลย”
“หะ” เหม่ยเหวินงงๆ
“รู้สึกแปลกดีนะ”
“มันยังไงกันอันซี เธอมีสติหน่อยได้มั้ย ถูกแย่งห้องไปแล้วยังมีอารมณ์มานอนดูเพดานอีก”
ทั้งสามนอนลงบนเตียงมองดูเพดานด้วยกัน
“โธ่เอ๊ย นอนดูเพดานห้องจากมุมห้องของแขกก็ไม่เลวนะ ไม่แน่อาจจะพบว่าต้องแก้ไขตรงไหนบ้าง”
“ยัยโง่ มองโลกในแง่ดีอย่างเธอเนี่ยนะ”
“เหม่ยเหวิน เธอว่าเราสามคนได้มานอนสบายอยู่ตรงนี้ เป็นความดีของใคร”
“เจียงไห่โค่ไง”
“ว่าไงนะ” อันซีกับจื้อหลิงถามอย่างปลกใจ
“ต้องขอบคุณที่เจียงไห่โค่แพ้ไง”
“โธ่ ต้องขอบคุณคุณเซี่ยที่ชนะแน่นอน”
“ถูกต้อง” อันซีรับคำ
“ถ้าไม่ได้เขา ตอนนี้บ้านพักคงถูกเจียงไห่โค่รื้อไปแล้ว ไม่แน่อันซีอาจไม่อยู่ที่นี่แล้วด้วย”
“แบบนั้นอันตรายมาก ดูเหมือนเราต้องตอบแทนเซี่ยใต้ซือที่ช่วยเหลือเราแล้วล่ะ”
“ตอบแทนคุณเซี่ยเหรอ แต่เขามีพร้อมทุกอย่างเราจะตอบแทนอะไรเขาได้”
“จริงด้วย ดูเหมือนเขาจะมีพร้อมหมดแล้ว”
“บริการรับใช้เขา ฉันยินดีรับใช้เขา” จื้อหลองเสนอตัว
“ตอนนี้เขาต้องการพักผ่อน พวกเธออย่าไปรบกวนเขามาก” เหม่นเหวอนปราม
“เขามาบ้านพักของเราเพื่อพักผ่อนไม่ใช่เหรอ” อันซีย้อนถาม
“แต่ฉันคิดว่าเขาไม่ได้มาพักผ่อน แม้ภายนอกเขาจะดูเย็นชา แต่ว่าเขามองคนได้อย่างรวดเร็วแสดงว่ามีการเตรียมพร้อมอยู่เสมอ แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเลือกมาที่นี่”
อันซีคิดตาม “เตรียมพร้อมเสมอ ทำอย่างนี้ไม่เหนื่อยไปหน่อยเหรอ”
ยิ่วเชียนสำรวจไปรอบๆ ห้องอันซี พึมพำ
“ผ่านไปสิบปีแล้ว เธอมีความทรงจำมากมาย แต่ฉันกลับไม่มีเลย ฉันจะทำให้เธอเสียใจ ผ่านไปสิบปี ผ่านไปสิบปี เธอก็มาเจอฉันอีก”
ยิ่วเชียนนอนไม่หลับ พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง
“เฮ้อ”
ยิ่วเชียนหงุดหงิดปาหมอนไปถูกตะกร้าใบหนึ่งล้มคว่ำลงมาจากชั้น เผยให้เห็นกล่องของขวัญมากมาย
“นี่อะไร ของขวัญเยอะมาก คนอื่นให้เธอ เธอก็เก็บรักษาไว้อย่างดี ฉันให้เธอ แต่เธอกลับโยนมันทิ้ง เฮ่อ โชคดีที่ฉันจำเรื่องราวเมื่อสิบปีก่อนได้ ฉันมันโง่จริงๆ”
ตอนเช้า อันซีมาเคาะประตูห้องยิ่วเชียน เขาเปิดประตูออกมา
“มอร์นิ่ง กินข้าวเช้าแล้ว”
“ฉันไม่กิน”
ยิ่วเชียนจะปิดประตูเข้าห้อง แต่อันซีรั้งไว้
“เอ๊ะเดี๋ยวๆๆ มานี่ก่อน”
อันซีคว้าแขนชายหนุ่มจะดึงออกไป แต่เขาสะบัดออก
“นี่ บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาแตะต้องฉัน”
“เฮ่อ ฉันแค่อยากถามว่า คุณขาดเหลืออะไรมั้ย ทางที่ดี อย่าเป็นของมีค่า คุณก็รู้ว่าบ้านพักเรากำลังลำบาก ของเล็กน้อยน่ะพอได้”
“ถามเรื่องนี้ทำไม”
“ฉันกับเหม่ยเหวิน จื้อหลิง ปรึกษากันว่า ไม่รู้ว่า คุณต้องการอะไรอีกบ้าง”
“ต้องการเหรอ อยากรู้ความต้องการของฉันเหรอ เธออยากรู้ไปทำไม”
“ไม่ทำไมหรอก ฉันจะได้ตอบสนองคุณไงล่ะ”
“เธอต้องการโจมตีฉันมากกว่า เพราะความต้องการคือจุดอ่อน ถ้ามีความต้องการ แสดงถึงความร้ายแรง ถ้ารู้ความต้องการของอีกฝ่าย ก็พร้อมโจมตีได้ตลอดเวลา”
“บ้าไปแล้ว ชีวิตของคุณมืดมนไปหน่อยมั้ย ใช่ว่าทุกคนจะเป็นอย่างที่คุณคิดนะ”
“แต่คนที่ฉันรู้จัก เป็นแบบนี้กันทุกคน”
“ตกลงพวกเขาเป็นคนยังไงเนี่ย”
“เฮ่อ พวกเขาก็ปกติดี”
“ฉันต่างหากเป็นคนปกติ ห่วงใยกันช่วยเหลือกันและกัน”
ยิ่วเชียนขำ
“คุณหัวเราะอะไร”
“เธอตัดสินมนุษย์ผิดไปรึเปล่า เพื่อปากท้องของตัวเองถึงต้องโจมตีคนอื่น ทำให้คนอื่นเกือบตาย นี่ต่างหากคือมนุษย์”
“คุณดูถูกมนุษย์เกินไปรึเปล่า ไม่ใช่แค่ทำเพื่อปากท้องตัวเอง แต่ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นี่ต่างหากคือมนุษย์”
“เฮ่อ”
“ฉันต้องหาทางพิสูจน์ให้คุณเห็น”
“ดี ฉันจะคอยดูว่าเธอได้แค่ไหน”
ยิ่วเชียนปิดประตูใส่ อันซีโมโหแต่พยายามระงับอารมณ์
อันซีทำความสะอาดบ้านกับจื้อหลิงและเหม่ยเหวิน พลางบ่น
“ทำไมถึงเป็นคนแปลกอย่างนี้นะ ครั้งหน้าฉันต้องพิสูจน์ให้เขาเห็น”
“คุณเซี่ยไม่อยู่เหรอ” เหม่ยเหวินถาม
“เขาออกไปแล้ว”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น จื้อหลิงไปรับสาย
“เย่จือไห่ สวัสดีค่ะ อ้อ หยาลู่ เป็นยังไงบ้าง หมอบอกว่าหยาเอินดีขึ้นแล้วเหรอ งั้นก็ใกล้กลับบ้านได้แล้วสิ อื้ม ดีๆ งั้นเราจะรอพวกเธอกลับมา ได้ บ๊ายบาย”
จื้อหลิงวางสาย เหม่ยเหวินรีบถาม
“ออกโรงพยาบาลแล้ว”
“หยาเอินดีขึ้นแล้วเหรอ” อันซีถาม
“อื้ม”
“เย่ หยาเอินดีขึ้นแล้ว ฮิๆๆ”
อันซีดีใจ ฮัมเพลงพลางทำความสะอาดไปด้วย จื้อหลิงเห็นยิ้มๆ แลวหันมากระซิบเหม่ยเหวิน
“เขายังไม่กังวลเรื่องค่ารักษาใช่มั้ย”
“เขาเคยกังวลที่ไหนล่ะ” เหม่ยเหวินบอก
“อ้อ ทำซุปบำรุงดีกว่า” อันซีนึกขึ้นได้
“เธอจะกินซุปบำรุงเหรอ” เหม่ยเหวินถาม
“ไม่ใช่ฉัน แต่ทำให้หยาลู่บำรุง”
“อ้อ”
“หยาลู่ดูแลทุ่มเทดูแลหยาเอินมาก ตั้งแต่พ่อแม่หยาเอินกลัวว่าหยาเอินจะเป็นภาระจึงทอดทิ้งไป หยาลู่ก็ดูแลหยาเอินมาตลอด เขาอายุมากกว่าหยาเอินแค่ปีเดียวเอง”
“นั่นน่ะสิ” จื้อหลิงเห็นด้วย
“สองพี่น้องเหนื่อยมามากแล้ว ต้องบำรุงสักหน่อย” เหม่ยเหวินพูดอย่างเห็นใจ
“ใช่” จื้อหลิงเห็นด้วย
“นี่ไปทำงาน” เหม่ยเหวินเรียกจื้อหลิง
“อ้อ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อันซีรับสาย
“ฮัลโหล เย่จือไห่สวัสดีค่ะ ยิ่วเชียนเหรอ คุณอยู่ที่ไหน ค่ะๆ ฉันจะรีบไป รอฉันนะ”
อันซีรีบเดินออกไป เหม่ยเหวินสงสัย
“เอ๊ะ เธอจะรีบไปไหน”
“หมู่บ้านเฟยอี๋”
“หมู่บ้านเฟยอี๋ไกลเป็นสิบกิโลเลยนะ” เหม่ยเหวินตะโกนบอก แต่อันซีเดินออกไปแล้ว
อันซีปั่นจักรยานมาถึงรถยิ่วเชียนที่จอดอยู่ด้วยความเหนื่อยหอบ ยิ่วเชียนเปิดประตูรถออกมา
“คุณเป็นไงบ้าง เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่มีอะไร ก็แค่รถของฉัน ยางแบนเท่านั้น”
“เฮ่อ คุณมีล้อรถสำรองมั้ย”
“มีสิ”
อันซียิ้มๆ ทั้งที่ยังหอบเหนื่อย “ดี งั้นเรามาช่วยกันเปลี่ยน”
ยิ่วเชียนยิ้มตอบ
อ่านต่อตอนที่ 7