ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -มหากาพย์ฉาวโฉ่แฉ “ทุจริต กทม.” ค่อยๆ โผล่ออกมาทีละเรื่องสองเรื่อง ตีแสกหน้า “คุณชายหมู - มรว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในช่วงโค้งสุดท้ายของการทำงานจนแทบไปไม่เป็น โดยคนที่มาวางมวยเปิดสังเวียนในครั้งนี้ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เป็นคนพรรคเดียวกันอย่าง “วิลาศ จันทร์พิทักษ์” อดีต ส.ส. กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ที่มาจัดหนักจัดเต็มลากไส้เหม็นคาวใน กทม. ออกมาแฉกันโต่งๆ ไม่รู้กี่ขดต่อกี่ขด
ไล่บี้โครงการทุจริตจัดซื้อจัดจ้างทั้งหลายทั้งแหล่ ย้อนกลับไปตั้งแต่กรณี ละลายงบซื้อเครื่องดนตรีพัน 30 ล้าน, เบิกซื้อกล้อง CCTV 47,000 ตัว แต่ซื้อจริงเพียง 12,000 ตัว, ฮั้วประมูลอุโมงค์ไฟ 39 ล้าน ฯลฯ มาจนถึงกรณี ล่าสุด กินส่วนต่างรถกะป๊อกู้ภัย 160 ล้าน หรือการจัดซื้อรถกู้ภัยขนาดเล็ก จำนวน 20 คัน ราคาคันละ8 ล้าน ยิ่งหักลบราคากลางส่วนต่างนั้นมากโขทีเดียว
นอกจากแฉเรื่องทุจริต เขายังเป็นหนึ่งเสียงที่ผลักดันให้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้มาตรา 44 ดำเนินการปลด คุณชายหมู จากตำแหน่งผู้ว่าฯ อีกด้วย จนถูกจับตาว่าการออกมาแฉสารพัดสารพันเรื่องฉาวของ “อดีต ส.ส. จอมแฉ” รายนี้มีนัยทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร 'วิลาศ จันทร์พิทักษ์' จะมาตีแผ่ตัวตนผ่าน ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับนี้
เรื่องทุจริต กทม. ถูกแฉออกมาอย่างต่อเนื่อง จากการตรวจสอบอย่างเข้มข้นเกิดการเปลี่ยนแปลงบ้างหรือยัง
ในส่วนผู้บริหาร ผมไม่รู้ว่าท่านผู้ว่าฯ ไปสั่งอะไรหรือเปล่า แต่ผมเห็นความเปลี่ยนแปลงตรงนี้ครับว่า วันนี้รองผู้ว่าฯ 3 คน งบประมาณ กทม. จะเข้า 21 กรกฎาคม นี้ ปรากฏว่ารองผู้ว่าฯ 3 คนนั่งเฉย ไม่เข้าไปแทรกแซงให้ต้องทำอย่างนี้ทำอย่างนั้น เท่าที่ตรวจทราบยังไม่เข้าไปแทรกแซงอะไรเลย อาจจะมีหรือผมรู้ไม่ถึงอันนั้นยกประโยชน์ให้ แต่ยังมีรองว่าฯ อีกคนเดียวเท่านั้นที่กล้าได้กล้าเสียสั่งให้โอนอันนี้ไปนั่นโอนอันนั้นไปโน้น และผมยังเชื่อว่าวันนี้คนทั้ง กทม. เขาสาปแช่งกันว่าเกิดเรื่องขนาดนี้ยังโยกย้ายงบไป แล้วโยกย้ายไปไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรนะครับ โยกย้ายไปเพื่อตั้งโครงการหาเงินทั้งนั้น แล้วข้าราชการก็ส่งเรื่องมาให้ผมทั้งหมดไม่รู้ว่าถึงหูเขาบ้างหรือยัง
กทม. จะมีสำนักงบประมาณ เขาก็จะให้กรม กอง สำนักต่างๆ เสนองบประมาณมา สำนักงบประมาณก็จะมีการวิเคราะห์ว่าอะไรทำก่อนอะไรทำหลัง เพราะเงินมีจำนวนจำกัดเขาจะพิจารณาตามลำดับความจำเป็น แต่ทุกปีพิจารณาเสร็จมันจะมีคนใน กทม. นั้นบอกไม่เอาหรือเอาอันนี้ มันก็แทรกแซงยั้วเยี้ยกันไปหมดข้าราชการเขาก็ปวดหัวกัน ผมเปิดประเด็นทุจริต กทม. ลำดับแรกจัดซื้อจัดจ้าง ลำดับสองเปียโน มาเรื่อง CCTVอุโมงค์ไฟ เครื่องสูบน้ำ ลากจูง มาถึงรถดับเพลิง ทั้งหมดก็ประมาณ 20 เรื่องนะครับ ปัญหาการแทรกแซงเป็นปัญหาใหญ่ของ กทม. ครับ งบประมาณทั้งหมดมันเกิดจากการที่ไปคุยกันเรียบร้อยหมดแล้ว แล้วค่อยไปโยงงบมาว่าจะมาใช้ทำอะไร อย่างกรณีห้องผู้บริหารก็ไปสั่งเขาก่อนทั้งนั้นก่อนไปหาเงินมา หรือกรณีมีรองผู้ว่าฯ ท่านนึงไปสั่งสำนักงบประมาณงบสำนักต่างๆ ไปซ่อนไว้ในงบกลาง 3,400 ล้าน ใจกล้าขนาดตัดทีเดียว 3,400 ไปซ่อนไว้
ตอนที่ผมไปยื่นเรื่องครั้งแรกผมบอกไปหมด ข้าราชการ กทม. ผู้บริหาร กทม. ชอบเดินทางไปต่างประเทศ ไปดูของพวกนี้แหละครับ ไปหาบริษัทสั่งเข้ามา เพราะว่าซื้อของในประเทศมันมีคู่เทียบว่าราคาเท่าไหร่ จะบวกเพิ่มเยอะมันไม่ได้ ก็ไปเอาที่ต่างประเทศ บวกเงิน 100 เปอร์เซ็นต์มันก็ไม่รู้ ดูตัวอย่างกรณีรถกู้ภัย ล่าสุดที่ผมเปิดประเด็นขึ้นมา จะเห็นนะครับ รถกู้ภัยมีอุปกรณ์ทั้งหมดรวมทั้งตัวรถประมาณ 20 ชนิด และ 20 ชนิดนี้ มาหลากหลายประเทศมาก ผมเลยเรียก รถสหประชาชาติ เพราะมันมีของทั้งหมดมาจากประมาณ 10 ประเทศ เครื่องตัดถาง เยอรมัน, เครื่องดับเพลิง ออสเตรีย, สายฉีดน้ำ อิสราเอล ฯลฯ ผมมอง แล้วมันไม่มีวัตถุประสงค์อื่นหรอกครับ คือจะได้ไม่ต้องเทียบราคา
แต่มันก็พลาด อยู่ดีๆ ในรายการนั้นมีมันถังดับเพลิงเคมีอยู่อันนึงมาซื้อของเมืองไทย เสนอราคามา 8,000 บาท ผมเคยสอบเรื่องดับเพลิงสอบมาหลายทีรู้ว่ามันโกงอย่างไรรู้หมดแล้ว เพราะฉะนั้นผมรู้ว่าทำอย่างไร สอบถามบริษัทราคาอยู่ที่ 2,500-2,900 บาท ปรากฏกทม. ซื้อมา 8,000 บาท มันก็เห็นได้ชัดเลยว่า ขนาดของเล็กๆ มันยังเอาเลย ที่เหลือนั้นราคาเป็นแสนนะครับ
คำโฆษณาของรถรุ่นนี้เอาไว้ขับกินลมชมวิว ไม่มีใครที่ไหนหรอกครับ เอารถเปิดประทุนเอามาทำรถดับเพลิง แล้วประตูมันทำด้วยพลาศติก ไม่มีเหล็กแม้แต่ชิ้นเดียว ผมยังสงสัยมันไปดับไฟมันจะละลายก่อนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตัวถังก็พลาศติกแล้วราคารถ 12,599 US คิดเป็นเงินไทยไม่เกิน 450,000 บาท ตรวจสอบไปทางกรมสรรพสามิตรถเสียภาษีอย่างไรปรากฏว่าไม่เสีย อาจจะมีบ้างก็ภาษีศุลกากรเป็นส่วนน้อยแล้วซื้อมาได้อย่างไรราคา 2,500,000 บาท ที่เหลือไม่ต้องไปคิดอะไรมากแล้ว ไม่ต้องไปสงสัยหรอก สันนิษฐานไว้ก่อนเลยแพงเกินความจริง
โดยตำแหน่งจะเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไรก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ
จริงๆ ผมคิดว่าตัวท่านผู้ว่าฯ ท่านไม่เกี่ยวข้อง เพียงแต่ว่าท่านในฐานะได้รับเลือกตั้งขึ้นมา คนที่เป็นตัวแทนของหน่วยงานตัวจริง ท่านไปมอบอำนาจให้คนอื่นที่มันโกง ท่านเลยต้องรับผิดชอบไปด้วย แต่ผมไม่เชื่อว่าท่านจะมาร่วมมือร่วมใจในการทุจริต และผมคิดว่าท่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีการทุจริตรถดับเพลิง ผมเห็นทั้งหมดตั้งแต่ผมตรวจมาเกี่ยวกับการจัดซื้อ จัดจ้าง ผมยังไม่เคยเห็นแม้แต่ลายเซ็นคุณชายเลย ผมตรวจมาไม่น้อยกว่าแสนหน้า ผมยังไม่รู้เลยว่าคุณชายแกเซ็นอย่างไร
ผมว่านักการเมืองประเทศไทย ความรับผิดชอบมันน้อยกว่าประเทศอื่นนะ ประเทศอื่นเขาลาออกแล้วถ้าคนชี้กันขนาดนี้ แค่ไปกล่าวหานิดเดียวว่าไปช่วยใครสักคนหนึ่งเขายังลาออกเลย ของประเทศไทยอย่าไปหาความรับผิดชอบส่วนนั้น ก็วันก่อนที่ผมยกตัวอย่างกรณี เบร็กซิท นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดวิด คาเมรอน เขาก็ประกาศลาออก เขารับผิดชอบโดยการลาออก ของเราเนี้ยบอกให้ออกแล้วยังบอก เดี๋ยว! อยู่เพื่อที่จะแก้ปัญหาที่มันเกิดขึ้นอีก
คุณวิลาศมีโอกาสพูดคุยส่วนตัวกับคุณชายหมูหรือเปล่า
ถ้าผมไปคุยแล้วเกิดการขอกัน พอไม่ให้แล้วมันจะเกิดการผิดใจกัน ก็ไม่ต้องเจอกันเสียเลยดีกว่า และผมเรียนเลยนะครับว่า ผมไม่มีอะไรกับคุณชาย และก็ไม่มีอะไรกับหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผมไม่เคยไปรับคำสั่งหรือเดินไปแล้วบอกจะแถลงเรื่องโน้นเรื่องนี้ ไม่เคยนะครับ (เรื่องผลประโยชน์?) ไม่มีครับ ไม่มีแน่นอนครับ ที่จะไปโค่นล้มใคร ช่วยเหลือใคร ไม่มีโดยเด็ดขาด กับหัวหน้าพรรคตั้งแต่มีเรื่องมาทั้งหมด 6 เดือน เคยโทรศัพท์คุยกันครั้งหนึ่ง หน้าก็ไม่เคยเจอกัน เข้าพรรคหัวหน้าอยู่ข้างบนผมแถลงข่าวอยู่ข้างล่าง ไม่เคยจะขึ้นไปเลย ผมบอกเลย กทม. ทำไปก็มีคนมาขอ แต่ผมปฏิเสธทั้งหมด
ความเคลื่อนไหวล่าสุดทาง กทม. อาจจะฟ้องร้องคุณวิลาศเพราะทำให้เสื่อมเสีย
ผมถึงต้องบอกตลอดไง ผมไม่กลัว แล้วก็อย่ามาขู่ วันที่เขาแถลงข่าวอุโมงค์ไฟ กทม. ก็บอกผมแบบนี้แหละครับ กำลังรวบรวมเอกสารฟ้องผมที่ทำให้ กทม. เสียหาย ผมก็บอกว่าผมยินดี สิ่งที่ผมพูดไปทั้งหมดผมไม่ได้มีเจตนาที่จะไปกลั่นแกล้ง ผมมีเอกสารหลักฐาน แล้วเอกสารนั้นไม่ใช่เอกสารที่อื่นเลย อีกส่วนไปเอามาจากกระทรวงพาณิชย์ที่คุณไปจดทะเบียนวัตถุประสงค์เพิ่ม ผมไม่ได้พิมพ์เอกสารขึ้นมาเอง เพราะฉะนั้นคุณฟ้องก็ดี ผมจะได้เรียกเอกสารเพิ่ม ปรากฏว่าครั้งนั้นผมก็นอนรอ 3 เดือน เพราะว่าอายุความ 3 เดือน ก็ไม่เห็นฟ้องผมนี่ครับ ไปๆ มาก็เรื่องรถกู้ภัยก็บอกจะฟ้อง เที่ยวนี้เลยตะโกนดังๆ “ฟ้องเลย” เดี๋ยวมันจะหมดอายุความอีก ผมไม่กลัวใดๆ ทั้งสิ้น อยากให้ฟ้องเพราะว่าจะได้เรียกเอกสารที่คุณไม่ยอมให้ที่ขอไปแล้วคุณไม่ให้จะได้เรียกมาทั้งหมดเลย ไม่ต้องมารอยืดเยื้อ ศาลจะได้ตัดสินความผิดจะได้ลงโทษเลย ฉะนั้น เชิญตามสบาย
ถูกจับตาว่าการออกมาแฉทุจริต กทม. มีนัยกลั่นแกล้งทางการเมือง
เทอมผู้ว่าฯ จะหมดแล้วทำไมผมเพิ่งเอามาแฉหลายเรื่องมันเหมือนกับผมมีนัยไปกลั่นแกล้งหรือเปล่า? ผมก็บอกว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้กลั่นแกล้งมีแนวคิดหรอกครับ กทม. เป็นเขตการปกครองพิเศษ มันโกงอะไรกันได้ก็ไม่เคยมานั่งติดตามเลย จนกระทั่งวันหนึ่งมีคนมาร้องว่ามันมีการทุจริต พอเราเปิดประเด็นไปเท่านั้นแหละเรื่องมันก็ไหลมา เรื่องนั้นก็จริงเรื่องนี้ก็จริง จริงหมดเลยทำไมมันเยอะอย่างนี้ และต้องบอกมันไม่ได้มีอยู่แค่นั้นที่แฉไปแล้ว ทุกวันนี้ถ้าผมจะแฉทุกอาทิตย์ก็จะหาว่าผมอคติมีการกลั่นแกล้ง นี่ก็พยายามเว้นช่วง แต่อยู่ดีๆ คุณวสันต์ มีวงษ์ ก็มาพูดเป็นตัวเร่ง ก็กำลังคิดว่าจะเปลี่ยน2 อาทิตย์ ต่อเรื่องดีไหม เพราะมีเรื่องคั่งค้างอยู่เป็นสิบเรื่อง เรื่อง Metro TV โทรทัศน์มหานคร ที่เปิดประเด็นไปก็เป็นอีกหนึ่งเรื่อง ตอนนี้สอบเสร็จแล้ว 4 - 5 เรื่อง จะค่อยๆ แถลงต่อไป รอคิวอยู่
ดูท่าแล้วภารกิจแฉทุจริต กทม. ยังคงมีอีกหลายเรื่องที่ต้องติดตาม
ผมจะตามไปเรื่อยๆ เมื่อไหร่มันเลิกโกงผมก็เลิกตาม ไม่ตามเฉพาะ กทม. นะครับ อาทิตย์ที่แล้วผมก็เล่นงาน การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่อยู่ดีๆ ไปสร้างทางรถไฟส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน แล้วไปใช้วิธีเจรจาต่อเนื่องแทนที่จะประกวดราคา คือการทุจริตมันก็ไม่ได้มีแต่ใน กทม. แก้ปัญหาการทุจริตมันต้องทำทั้งระบบ ประการแรกตั้งแต่ตัวคนรับผิดชอบหัวแถวเลย นายกฯ ท่านต้องทำตัวเป็นตัวอย่าง ท่านต้องเลิกนะครับ คนไหนเป็นพวกคนไหนเป็นเพื่อนต้องซัดเต็มที่เลยนะครับ ประการต่อมา องค์กรที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบ การทุจริต การปราบปรามทุจริต ต้องไปออกกรอบระยะเวลาการทำงานทั้งหมด การไม่กำหนดกรอบระยะเวลาทำให้ประวิงเวลาเป็นช่องทางหาเงิน เกิดการทุจริตตามมาอีก เรื่องทุจริตของ กทม. ถือว่ายังน้อยนะ หน่วยงานอีกเสียอีก โดยเฉพาะองค์กรอิสระโดนไปกี่ครั้งแล้วไม่รู้ ไปต่างประเทศ เอาเงินหลวงไปไม่ได้ทำอะไรเลย