เปิดทีโออาร์ กทม.14 หน้า จัดซื้อ “รถกู้ภัยจิ๋ว-พวงมาลัยซ้าย” สัญชาติเยอรมัน มูลค่า 160 ล้านบาท “ทีมคุณชายหมู” ย้ำคุ้มค่า แจงพวงมาลัยซ้ายไม่ผิดกฎหมาย ทุกคันกรมการขนส่งทางบกออกป้ายทะเบียนสมบูรณ์ ยันเทคโนโลยีไม่ส่งผลต่อการปฏิบัติงาน จวก “วิลาส” เปรียบเทียบกับอะไรว่า กทม.ซื้อแพง เชื่อมีขบวนการส่งลูกรับลูก ขยายผลดิสเครดิตผู้ว่าฯ กทม. สะพัด! ผู้บริหารฟ้องกลับแน่ เผยสภา กทม.เบรกแผนระยะ 2 หลังให้ซื้อระยะแรก
วันนี้ (11 ก.ค.) มีรายงานว่า เมื่อช่วงเที่ยงที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ภายหลังนายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีตสมาชิกผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแถลงถึงโครงการจัดซื้อรถกู้ภัยดับเพลิงขนาดเล็ก จำนวน 20 คัน ที่ กทม.ได้ดำเนินโครงการจัดซื้อไปตั้งแต่ปี 2556 ที่ผ่านมาซึ่งมีการระบุว่า กทม.ดำเนินการจัดซื้อไม่ถูกต้อง และส่อถึงการทุจริตในการดำเนินการนั้น
นายวสันต์ มีวงษ์ โฆษกประจำตัวผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนางเบญทราย กียปัจจ์ รองโฆษกกรุงเทพมหานคร ร่วมแถลงข่าวว่า กรณีที่ กทม.อยากชี้แจงถึงข้อมูลในการดำเนินโครงการซึ่งการจัดซื้อรถดับเพลิงขนาดเล็กถือเป็นโครงการจำเป็น เนื่องจากกรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีซอยขนาดเล็กจำนวนกว่า 5,121 ซอย และมีซอยย่อยที่มีทางเข้าออกกว่าเพียง 1-2 เมตร จำนวนกว่า 100 ซอย โดยซอยต่างๆ หากเกิดปัญหาไฟไหม้ขึ้น รถดับเพลิงขนาดใหญ่จะไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ รถดับเพลิงขนาดเล็กจึงเป็นส่วนช่วยในการเข้าถึงพื้นที่เพื่อระงับเหตุเพลิงไหม้ได้อย่างรวดเร็ว รถดังกล่าวเป็นรถยี่ห้อ polalis เป็นรถที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตของประเทศเยอรมนี ถือเป็นประเทศอันดับต้นๆ ของโลกที่มีประสิทธิภาพในการผลิตรถ ซึ่งไม่ใช่การนำรถเอทีวีมาดัดแปลง โดยรถอาจมีขนาดเท่ากับรถกะป๊อตามที่นายวิลาศระบุจริง แต่ศักยภาพของรถมีศักยภาพเฉพาะด้านมากกว่าหลายเท่า
ส่วนกรณีที่นายวิลาศระบุว่า การจัดซื้อรถดับเพลิงดังกล่าวในรูปแบบพวงมาลัยซ้ายเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.การจราจรทางบกนั้น กทม.ขอยืนยันว่า การใช้รถพวงมาลัยซ้ายไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด สามารถใช้งานได้ตามปกติ รถดับเพลิงทั้ง 20 คันนั้น กทม.ได้ทำการจดทะเบียนรถต่อกรมการขนส่งทางบกตามกฎหมาย มีป้ายทะเบียนอย่างถูกต้องสมบูรณ์ สำหรับกรณีที่ กทม.ต้องทำการจัดซ้ายรถดับเพลิงดังกล่าวในรูปแบบพวงมาลัยซ้ายนั้น เป็นเพราะรถดังกล่าวเป็นรถที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตจากประเทศเยอรมนีซึ่งมีการผลิตในรูปแบบพวงมาลัยซ้าย การใช้รถพวงมาลัยซ้ายก็ไม่ได้ส่งผลใดๆ ต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่
ส่วนที่นายวิลาศระบุว่า รถดับเพลิงเล็กไม่มีการติดตั้งอุปกรณ์ไฟเลี้ยว กระจกมองข้าง และไม่ได้มีการนำมาใช้งานจริงนั้น ตนขอยืนยันว่ารถดับเพลิงดังกล่าวมีการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ อย่างครบถ้วน การใช้งานรถดับเพลิงจะนำออกใช้งานเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ในพื้นที่ต่างๆ แต่หากไม่เกิดเหตุใดๆ รถก็จะต้องจอดประจำอยู่ที่สถานีดับเพลิงเพื่อรอการใช้งานซึ่งเป็นไปตามปกติอยู่แล้ว
“การระบุว่า กทม.จัดซื้อรถด้วยราคาแพงเกินจริงนั้น ก็คงต้องมาดูว่าคำว่าแพงเกินจริงนั้นเปรียบเทียบกับสิ่งใด เพราะหากรถดับเพลิงสามารถช่วยเหลือประชาชนในการเกิดภัยต่างๆ ได้ก็ต้องถือว่าคุ้มค่า การจัดซื้อรถดับเพลิงก็ได้มีการตรวจสอบราคาตามศักยภาพของรถ มีการกำหนดในทีโออาร์อย่างถูกต้อง ขณะนี้มีขบวนการส่งลูกรับลูกและขยายผลเพื่อให้ผู้ว่าฯ กทม.เกิดความเสียหาย โดยมีการออกมาให้ข่าวเพื่อให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น ทั้งที่จริงแล้วโครงการต่างๆ อาจเป็นเพียงการตั้งข้อสังเกต หรืออยู่ระหว่างการตรวจสอบเท่านั้น ดังนั้นจึงอยากให้สังคมเข้าใจ และอย่ากล่าวหาว่า กทม.มีการทุจริตเกิดขึ้นหากกระบวนการตรวจสอบยังไม่ถึงที่สุด ผู้ว่าฯ กทม.ก็พร้อมยอมรับในการกระบวนการตรวจสอบต่างๆ และให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่อยู่แล้ว”
กรณีการจัดซื้อเครื่องสูบน้ำชนิดลากจูง จำนวน 300 เครื่องที่มีการกล่าวหาว่า กทม.จัดซื้อไม่เหมาะสม ไม่สามารถใช้งานได้จริงนั้น ตนขอยืนยันว่าเครื่องสูบน้ำดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการใช้งานตามความเหมาะสม สามารถลากจูงได้ตามปกติ โดยเครื่องสูบน้ำมีน้ำหนัก 1.9 ตัน สามารถใช้รถหรือคนลากจูงได้ โดยการจัดซื้อที่ผ่านมา กทม.ก็ได้ทำการจัดซื้อเครื่องสูบน้ำรูปแบบดังกล่าวแล้วในราคากว่า 8 แสนบาท
ส่วนเครื่องสูบน้ำที่ดำเนินการจัดซื้อเพิ่มเติมนั้น กทม.ได้มีการเพิ่มเติมทีโออาร์ ให้เครื่องสูบน้ำดังกล่าวต้องมีการเก็บเสียง และไม่มีการปล่อยควันสร้างผลกระทบต่อประชาชน เนื่องจากที่ผ่านมาการทำงานของเครื่องสูบน้ำจะเกิดเสียงดังซึ่งอาจรบกวนประชาชนในพื้นที่ได้ การเพิ่มเติมคุณสมบัติในทีโออาร์ก็ทำให้ราคาของเครื่องสูบน้ำเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดย กทม.จัดซื้อในราคาเครื่องละ 930,000 บาท โดยเทคโนโลยีที่ใช้ในการทำงานเครื่องสูบน้ำเป็นของประเทศสเปน แต่มีฐานการผลิตที่ประเทศจีน ยืนยันว่ามีประสิทธิภาพในการใช้งานอย่างสูงสุด
ขณที่มีรายงานจากฝ่ายผู้บริหาร กทม.ว่า ขณะนี้คณะผู้บริหารฝ่ายการเมือง กทม.มีความเห็นพ้องต้องกันว่าจะฟ้องกลับนายวิลาศ เนื่องจากมีการให้ข้อมูลกล่าวหาทำให้หน่วยงาน กทม.ได้รับความเสียหาย
มีรายงานว่า สำหรับโครงการจัดซื้อรถดับเพลิงกู้ภัยขนาดเล็กนั้น ในเว็บไซต์ www.Bangkokfire.com และ www.gprocurement.go.th ของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้เผยแพร่ร่างประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องประมูลโครงการจัดหารถกู้ภัยขนาดเล็กจำนวน 20 คัน ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ประกาศระยะแรก ไว้ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2557 สิ้นสุดประกาศวันที่ 4 เมษายน 2557
ทั้งนี้ ในเว็บไซต์ยังมีการประกาศ กทม.ระยะที่ 2 เรื่อง ประมูลซื้อโครงการจัดหารถกู้ภัยขนาดเล็กจำนวน 20 คัน ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยระบุว่ากรุงเทพมหานครมีความประสงค์จะประมูลซื้อโครงการจัดหารถกู้ภัยขนาดเล็กจำนวน 20 คัน ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ กำหนดยื่นเอกสารประมูลซื้อด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2557 ระหว่าง เวลา 09.30 น. ถึง 11.30 น. ณ ฝ่ายบริหารงานทั่วไป กองปฏิบัติการดับเพลิง 1 และแจ้งผลการพิจารณา คัดเลือกเบื้องต้นให้ผู้ประสงค์จะเสนอราคาทุกรายทราบ ภายในวันที่ 29 กรกฎาคม 2557
มีการกำหนดเสนอราคาในวันที่ 15 สิงหาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป โดยให้ผู้สนใจติดต่อขอรับเอกสารประมูลซื้อด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ที่ฝ่ายบริหารงานทั่วไป กองปฏิบัติการดับเพลิง 1 สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระหว่างวันที่ 7 กรกฎาคม 2557 ถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 10.00 น.ถึงเวลา 16.00 น. ผ่านเว็บไซต์ www.Bangkokfire.com หรือ www.gprocurement.go.th และให้สอบถามทางโทรศัพท์หมายเลข 0-2354-6858 ต่อ 311 ในวันและเวลาราชการ ประกาศเมื่อวันที่ 7 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2557
มีรายงานว่า กทม.ได้วางโครงการออกเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 ดำเนินการจัดซื้อจำนวน 20 คัน ในราคาทั้งสิ้น 160 ล้านบาท ดำเนินการจัดซื้อไปในปี 2556 ส่วนในระยะที่ 2 จะดำเนินการจัดซื้อเพิ่มเติมอีกจำนวน 20 คัน ในราคา 160 ล้านบาทเช่นเดิม ได้ขอจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการจัดซื้อในปีงบประมาณ 2557 ไป แต่สภากรุงเทพมหานครได้ยื่นญัตติในที่ประชุมสภา กทม.ขอให้กรุงเทพมหานครชะลอโครงการจัดหารถกู้ภัยขนาดเล็ก ระยะที่ 2 เนื่องจากสมาชิกสภา กทม.เห็นว่า กทม.มีรถดับเพลิงใช้งานในขณะนี้จำนวนมาก และการจัดซื้อรถดับเพลิงขนาดเล็กก็มีราคาสูงควรมีการพิจารณาถึงความคุ้มค่าในการใช้งานรถดังกล่าวจากรถดับเพลิงระยะที่ 1 ก่อนที่จะมีการจัดซื้อเพิ่มเติมซึ่ง กทม.ก็ได้ดำเนินการชะลอโครงการดังกล่าวในระยะที่ 2 ออกไป