"วิลาศ"ปูดผู้บริหาร กทม. ขอให้หยุดแฉปมรถกระป๊อดับเพลิง เชื่อหวังแคลมส่วนต่าง เงินทอน ระบุขนาดพนักงานยังเอ่ยปาก คนหรือควาย ด้านกระบอกเสียง "ชายหมู" ออกโรงแจงรถกู้ภัยจิ๋วคุ้มค่า บอกกรุงเทพฯ ซอยเล็กซอยน้อยเยอะ ทำให้เข้าถึงได้ง่าย ส่วนพวกมาลัยซ้าย ไม่มีปัญหาในการทำงาน เชื่อมีขบวนการดิสเครดิตผู้ว่าฯ กทม. ลือหึ่ง ผู้บริหารสั่งฟ้องกลับ ด้านสภา กทม. สั่งเบรกโครงการระยะที่ 2 ทันควัน
นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงกรณีการทุจริตจัดซื้อรถดับเพลิงขนาดเล็กของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า หลังจากตนแถลงข่าว ทราบว่าผู้บริหารในกทม. พยายามขอให้ยุติเรื่องนี้ ทั้งที่ซื้อแพงเกินจริงจนน่าเกลียด ราคาคันละ 8 ล้านบาท ระบุตัวรถ 2.5 ล้านบาท ที่เหลือเป็นอุปกรณ์ดับเพลิงไว้ท้ายรถอีกกว่า 5 ล้านบาท ซ้ำอุปกรณ์ดับเพลิงแพงเกินจริง ชัดเจนว่า เป็นกรณีการจัดซื้อโดยหวังส่วนต่างของเปอร์เซ็นเงินทอนแน่นอน
"นี่ขนาดอยู่ในรัฐบาล คสช. ที่กำชับให้เข้มงวดเรื่องการทุจริต ยังทำถึงขนาดนี้ จนพนักงานดับเพลิง กทม. ที่ให้ข้อมูลยังพูดว่า ไม่คิดว่าผู้บริหาร กทม. จะโง่ถึงขนาดนี้ ไม่รู้ว่าคนหรือควาย ที่ใช้งบประมาณจากภาษีประชาชน ซื้อรถกระป๊อดับเพลิงเทวดา คันละ 8 ล้าน ที่สำคัญอุปกรณ์ดับเพลิงที่มีมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท กลับไม่มีตู้เก็บเป็นกิจลักษณะ แต่ใช้เพียงผืนผ้าใบปิดคลุมอุปกรณ์ดับเพลิงไว้เท่านั้น ซึ่งง่ายต่อการสูญหาย จึงเป็นการซื้อเพื่อโกง หวังเงินส่วนต่าง และกำลังผลักดันตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 60 จากสภากทม. เพื่อซื้อเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง"
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณรายจ่ายปี 2557 สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. เคยใช้งบประมาณ 50 ล้านบาท ซื้อถังดับเพลิงมือหิ้วแบบเดียวกันนี้จำนวนมหาศาล โดยแจกไปตามสถานีดับเพลิงทั่ว กทม. ทั้ง 35 สถานี บางสถานีติดข้างฝาห้องต่างๆ ถึง 200-300 ลูก
ก่อนหน้านี้ นายวิลาศได้ออกมาแถลงเกี่ยวกับปัญหาการทุจริตในกทม. เกี่ยวกับโครงการการจัดซื้อรถกู้ภัยขนาดเล็กจำนวน 20 คัน ราคาคันละเกือบ 8 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นตัวรถ 2.5 ล้านบาท นอกนั้นเป็นค่าอุปกรณ์ดับเพลิงกว่า 5 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 160 ล้านบาท และบริษัทที่ได้รับงานจากข้อมูลของข้าราชการใน กทม. พบว่า มี 2 บริษัทที่มีการยื่นประมูล คือ บริษัท ทีเจ แอ็ดวานซ์ เอ็นจิเนียริ่ง และบริษัท ริเวอร์เอ็นจิเนียริ่ง โดยบริษัทที่ได้งานไป คือ บริษัท ทีเจเอ็นจิเนียริ่ง ซึ่งตนกำลังตรวจสอบอยู่ว่า สองบริษัทนี้มีความเชื่อมโยงกันจริงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นมีข้อสังเกตว่าในส่วนของบริษัท ทีเจ เอ็นจิเนียริ่ง มีการเพิ่มวัตถุประสงค์ในวันที่ 22 มิ.ย.2554 เป็น 45 ข้อ โดยในข้อ 26 ระบุว่า ซื้อและขายเครื่องดับเพลิง ข้อ 34 ประมูลซื้อและขายรถดับเพลิง ส่วนบริษัท ริเวอร์เอ็นจิเนียริ่ง เริ่มก่อตั้งปี 2533 ทุนจดทะเบียนเริ่มต้นหนึ่งล้านบาท จดวัตถุประสงค์ไว้ 46 ข้อ แต่จนถึงปัจจุบัน มีวัตถุประสงค์เป็น 100 ข้อ คือ ทำหมดเลยเหลือแค่เครื่องบินอย่างเดียว ที่น่าสนใจ คือ เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2556 มีการจดวัตถุประสงค์ข้อ 94 ขายอุปกรณ์ดับไฟ สอดรับกับการตั้งงบประมาณครั้งแรก เพื่อจัดซื้อรถกู้ภัยขนาดเล็กในปี 2556
วันเดียวกันนี้ นายวสันต์ มีวงษ์ โฆษกประจำตัวผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนางเบญทราย กียปัจจ์ รองโฆษกกรุงเทพมหานคร ร่วมแถลงข่าว โดยยืนยันว่า การจัดซื้อรถดับเพลิงขนาดเล็ก ถือเป็นโครงการจำเป็น เนื่องจากกรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีซอยขนาดเล็กจำนวนกว่า 5,121 ซอยและมีซอยย่อย ที่มีทางเข้าออกกว่าเพียง 1-2เมตร จำนวนกว่า 100 ซอย โดยซอยต่างๆ หากเกิดปัญหาไฟไหม้ขึ้น รถดับเพลิงขนาดใหญ่จะไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ รถดับเพลิงขนาดเล็กจึงเป็นส่วนช่วยในการเข้าถึงพื้นที่เพื่อระงับเหตุเพลิงไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งรถดังกล่าว เป็นรถยี่ห้อ polalis ซึ่งเป็นรถที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตของประเทศเยอรมนี ซึ่งถือเป็นประเทศอันดับต้นๆ ของโลกที่มีประสิทธิภาพในการผลิตรถ ซึ่งไม่ใช่การนำรถเอทีวีมาดัดแปลง โดยรถอาจมีขนาดเท่ากับรถกะป้อตามที่นายวิลาศระบุจริง แต่ศักยภาพของรถมีศักยภาพเฉพาะด้านมากกว่าหลายเท่า
ส่วนในเรื่องของพวงมาลัยซ้าย ไม่ผิดกฎหมาย สามารถใช้งานได้ตามปกติ ไม่ได้ส่งผลต่อการทำงานแต่อย่างใด ซึ่ง กทม. ได้ทำการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกแล้ว และยืนยันว่า การจัดซื้อไม่ได้แพงเกินจริง เพราะหากช่วยเหลือประชาชนในการเกิดภัยต่างๆ ได้ ก็ต้องถือว่าคุ้มค่า ส่วนเรื่องทุจริต เชื่อว่ามีขบวนการรับลูกส่งลุกและขยายผลเพื่อให้ผู้ว่าฯ กทม. เกิดความเสียหาย
สำหรับการจัดซื้อเครื่องสูบน้ำชนิดลากจูง จำนวน 300 เครื่องที่มีการกล่าวหาจัดซื้อไม่เหมาะสม ใช้งานไม่ได้นั้น ขอยืนยันว่า ใช้งานได้ มีประสิทธิภาพการใช้งานสูงสุด
มีรายงานจากฝ่ายผู้บริหาร กทม. ว่า ขณะนี้คณะผู้บริหารฝ่ายการเมือง กทม. มีความเห็นพ้องต้องกันว่าจะฟ้องกลับนายวิลาศ เนื่องจากมีการให้ข้อมูลกล่าวหา และทำให้หน่วยงาน กทม. ได้รับความเสียหาย
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีข่าวการทุจริตจัดซื้อรถดับเพลิงขนาดเล็กออกมา สภา กทม. ได้สั่งให้ชะลอโครงการจัดซื้อระยะที่ 2 อีก 20 คัน วงเงิน 160 ล้านบาทออกไปก่อน
นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงกรณีการทุจริตจัดซื้อรถดับเพลิงขนาดเล็กของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า หลังจากตนแถลงข่าว ทราบว่าผู้บริหารในกทม. พยายามขอให้ยุติเรื่องนี้ ทั้งที่ซื้อแพงเกินจริงจนน่าเกลียด ราคาคันละ 8 ล้านบาท ระบุตัวรถ 2.5 ล้านบาท ที่เหลือเป็นอุปกรณ์ดับเพลิงไว้ท้ายรถอีกกว่า 5 ล้านบาท ซ้ำอุปกรณ์ดับเพลิงแพงเกินจริง ชัดเจนว่า เป็นกรณีการจัดซื้อโดยหวังส่วนต่างของเปอร์เซ็นเงินทอนแน่นอน
"นี่ขนาดอยู่ในรัฐบาล คสช. ที่กำชับให้เข้มงวดเรื่องการทุจริต ยังทำถึงขนาดนี้ จนพนักงานดับเพลิง กทม. ที่ให้ข้อมูลยังพูดว่า ไม่คิดว่าผู้บริหาร กทม. จะโง่ถึงขนาดนี้ ไม่รู้ว่าคนหรือควาย ที่ใช้งบประมาณจากภาษีประชาชน ซื้อรถกระป๊อดับเพลิงเทวดา คันละ 8 ล้าน ที่สำคัญอุปกรณ์ดับเพลิงที่มีมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท กลับไม่มีตู้เก็บเป็นกิจลักษณะ แต่ใช้เพียงผืนผ้าใบปิดคลุมอุปกรณ์ดับเพลิงไว้เท่านั้น ซึ่งง่ายต่อการสูญหาย จึงเป็นการซื้อเพื่อโกง หวังเงินส่วนต่าง และกำลังผลักดันตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 60 จากสภากทม. เพื่อซื้อเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง"
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณรายจ่ายปี 2557 สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. เคยใช้งบประมาณ 50 ล้านบาท ซื้อถังดับเพลิงมือหิ้วแบบเดียวกันนี้จำนวนมหาศาล โดยแจกไปตามสถานีดับเพลิงทั่ว กทม. ทั้ง 35 สถานี บางสถานีติดข้างฝาห้องต่างๆ ถึง 200-300 ลูก
ก่อนหน้านี้ นายวิลาศได้ออกมาแถลงเกี่ยวกับปัญหาการทุจริตในกทม. เกี่ยวกับโครงการการจัดซื้อรถกู้ภัยขนาดเล็กจำนวน 20 คัน ราคาคันละเกือบ 8 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นตัวรถ 2.5 ล้านบาท นอกนั้นเป็นค่าอุปกรณ์ดับเพลิงกว่า 5 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 160 ล้านบาท และบริษัทที่ได้รับงานจากข้อมูลของข้าราชการใน กทม. พบว่า มี 2 บริษัทที่มีการยื่นประมูล คือ บริษัท ทีเจ แอ็ดวานซ์ เอ็นจิเนียริ่ง และบริษัท ริเวอร์เอ็นจิเนียริ่ง โดยบริษัทที่ได้งานไป คือ บริษัท ทีเจเอ็นจิเนียริ่ง ซึ่งตนกำลังตรวจสอบอยู่ว่า สองบริษัทนี้มีความเชื่อมโยงกันจริงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นมีข้อสังเกตว่าในส่วนของบริษัท ทีเจ เอ็นจิเนียริ่ง มีการเพิ่มวัตถุประสงค์ในวันที่ 22 มิ.ย.2554 เป็น 45 ข้อ โดยในข้อ 26 ระบุว่า ซื้อและขายเครื่องดับเพลิง ข้อ 34 ประมูลซื้อและขายรถดับเพลิง ส่วนบริษัท ริเวอร์เอ็นจิเนียริ่ง เริ่มก่อตั้งปี 2533 ทุนจดทะเบียนเริ่มต้นหนึ่งล้านบาท จดวัตถุประสงค์ไว้ 46 ข้อ แต่จนถึงปัจจุบัน มีวัตถุประสงค์เป็น 100 ข้อ คือ ทำหมดเลยเหลือแค่เครื่องบินอย่างเดียว ที่น่าสนใจ คือ เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2556 มีการจดวัตถุประสงค์ข้อ 94 ขายอุปกรณ์ดับไฟ สอดรับกับการตั้งงบประมาณครั้งแรก เพื่อจัดซื้อรถกู้ภัยขนาดเล็กในปี 2556
วันเดียวกันนี้ นายวสันต์ มีวงษ์ โฆษกประจำตัวผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนางเบญทราย กียปัจจ์ รองโฆษกกรุงเทพมหานคร ร่วมแถลงข่าว โดยยืนยันว่า การจัดซื้อรถดับเพลิงขนาดเล็ก ถือเป็นโครงการจำเป็น เนื่องจากกรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีซอยขนาดเล็กจำนวนกว่า 5,121 ซอยและมีซอยย่อย ที่มีทางเข้าออกกว่าเพียง 1-2เมตร จำนวนกว่า 100 ซอย โดยซอยต่างๆ หากเกิดปัญหาไฟไหม้ขึ้น รถดับเพลิงขนาดใหญ่จะไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ รถดับเพลิงขนาดเล็กจึงเป็นส่วนช่วยในการเข้าถึงพื้นที่เพื่อระงับเหตุเพลิงไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งรถดังกล่าว เป็นรถยี่ห้อ polalis ซึ่งเป็นรถที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตของประเทศเยอรมนี ซึ่งถือเป็นประเทศอันดับต้นๆ ของโลกที่มีประสิทธิภาพในการผลิตรถ ซึ่งไม่ใช่การนำรถเอทีวีมาดัดแปลง โดยรถอาจมีขนาดเท่ากับรถกะป้อตามที่นายวิลาศระบุจริง แต่ศักยภาพของรถมีศักยภาพเฉพาะด้านมากกว่าหลายเท่า
ส่วนในเรื่องของพวงมาลัยซ้าย ไม่ผิดกฎหมาย สามารถใช้งานได้ตามปกติ ไม่ได้ส่งผลต่อการทำงานแต่อย่างใด ซึ่ง กทม. ได้ทำการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกแล้ว และยืนยันว่า การจัดซื้อไม่ได้แพงเกินจริง เพราะหากช่วยเหลือประชาชนในการเกิดภัยต่างๆ ได้ ก็ต้องถือว่าคุ้มค่า ส่วนเรื่องทุจริต เชื่อว่ามีขบวนการรับลูกส่งลุกและขยายผลเพื่อให้ผู้ว่าฯ กทม. เกิดความเสียหาย
สำหรับการจัดซื้อเครื่องสูบน้ำชนิดลากจูง จำนวน 300 เครื่องที่มีการกล่าวหาจัดซื้อไม่เหมาะสม ใช้งานไม่ได้นั้น ขอยืนยันว่า ใช้งานได้ มีประสิทธิภาพการใช้งานสูงสุด
มีรายงานจากฝ่ายผู้บริหาร กทม. ว่า ขณะนี้คณะผู้บริหารฝ่ายการเมือง กทม. มีความเห็นพ้องต้องกันว่าจะฟ้องกลับนายวิลาศ เนื่องจากมีการให้ข้อมูลกล่าวหา และทำให้หน่วยงาน กทม. ได้รับความเสียหาย
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีข่าวการทุจริตจัดซื้อรถดับเพลิงขนาดเล็กออกมา สภา กทม. ได้สั่งให้ชะลอโครงการจัดซื้อระยะที่ 2 อีก 20 คัน วงเงิน 160 ล้านบาทออกไปก่อน
