ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -นอกจาก “แมว 9 ชีวิต” แล้ว งานนี้อาจมีรายการ “หมู 9 ชีวิต” ให้พี่น้องประชาชนชาวกรุงได้ระกำกันต่อ
หลังจากที่ กฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทน “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย มีหนังสือด่วนที่สุด ถึง “ชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมแนบสำเนาหนังสือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อ กทม.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามมติของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.)
หลักๆ คือให้ดำเนินการทางอาญากับ “ชายหมู” รวมไปถึงข้าราชการ กทม.และเอกชนที่เกี่ยวข้องกับโครงการค่าใช้จ่ายประดับตกแต่งไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของกรุงเทพฯ มูลค่า 39.5 ล้านบาท หรือ “ซุ้มไฟสวรรค์” ที่ติดตั้งที่ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการ กทม.เมื่อช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังให้ดำเนินการทางวินัยกับข้าราชการที่เกี่ยวข้องอีกหลายรายด้วย
ย้อนกลับไปเมื่อต้อนเดือนพฤษภาคม พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการ สตง.ออกหน้าแถลงเองถึงโครงการ “ซุ้มไฟสวรรค์” สรุปใจความได้ โกงตั้งต้นจนจบโดยมี “ชายหมู” เป็น 1 ใน 9 ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย จึงเป็นเหตุให้ คตง.เห็นชอบเอาผิด ผู้ว่าฯกทม.และพวก ก่อนส่งเรื่องต่อไปให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เช็คบิลต่อ อีกทางหนึ่งก็ส่งเรื่องมาให้กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการกับ กทม.ที่มีศักดิ์เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษในสังกัดด้วย
น่าสนใจที่ว่า สตง.ได้ส่งหนังสือลับมาก-ด่วนที่สุด ที่ ตผ 0019/0461ถึง รมว.มหาดไทยตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2559 แต่คำสั่งจากกระทรวงมหาดไทยที่ไปถึง กทม.ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2559 เป็นหนังสือด่วนที่สุด ที่ มท. 0208.2/1679 กินเวลาเกือบ 2 เดือนเหมือนกระทรวงมหาดไทยไม่ได้ร้อนรนอะไร จนไม่มีความจำเป็นต้องตีตรา “ด่วนที่สุด”
ยิ่งไปกว่านั้นหนังสือฉบับนี้ลงนามโดย ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทน รมวงมหาดไทย อีกต่างหาก จนดูเหมือน “บิ๊กป๊อก” เจ้ากระทรวงพยายาม “ลอยตัว” จากปัญหานี้หรือไม่อย่างไร
หากตามข่าวแบบผิวเผินไม่คิดอะไรมาก คงอดไม่ได้ที่จะโห่ร้องแสดงความดีใจ บางคนถึงขนาดยกมือท่วมหัวร้อง “สาธุ” ว่า ในที่สุด “ชายหมู” ส่อแววต้องระเห็จออกจากเก้าอี้พ่อเมืองกรุงเสียที หลังไม่สามารถแก้ไขปัญหาของกรุงเทพฯ ได้ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ดำรงตำแหน่ง แถมมีปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นให้ลากไส้เป็นขดๆ
สิ่งที่เห็นคือ กระทรวงมหาดไทย ภายใต้การนำของ “บิ๊กป๊อก” คงจะเอาจริงแล้วกับ “ชายหมู” แต่ดูก่อนท่านทั้งหลาย เพราะสิ่งที่เป็นจริงกลับตรงกันข้าม
เอาง่ายๆ ถ้าเป็นหน่วยงานอื่น ที่ถูกว่าวิจารณ์ว่าทำงานไม่เอาอ่าว มีเรื่องทุจริตส่งกลิ่นคุ้งแค่ครึ่งของ กทม. คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ภายใต้การนำของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้ยึดถือ “วาระปราบโกง” นำหน้า คงเชือดทิ้งแบบไม่ใยดี ตัวอย่างมีให้เห็นเป็นร้อยๆ ราย “ข้าราชการกังฉิน” ที่มีเรื่องร้องเรียนต้องออกจากตำแหน่งไปก่อนจนกว่ากระบวนการตรวจสอบจะเสร็จสิ้น ผ่านมือ “บิ๊กต๊อก” พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม และประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.)
เมื่อ “มหาดไทย” ขยับเรื่อง กทม. หลายคนถึงกับอุทานเสียงดัง “ถึงทีละวะคราวนี้”
ตัว “ชายหมู” เองก็เข้าข่ายพัวพันการทุจริตสารพัด แม้กระบวนการตรวจสอบจะยังไม่เสร็จสิ้น ตามบรรทัดฐาน คสช.ต้องพักงานไปก่อนเพื่อเคลียร์ตัวเองให้ได้ ในความเป็นจริงก็มีกระแสข่าวเป็นระยะๆว่า มีการบรรจุชื่อ “ชายหมู” ให้ ศอตช.ของ “บิ๊กต๊อก” ลง “บัญชีดำ” เพื่อส่งให้ “บิ๊กตู่” ลงนามพักงานแล้ว ทำให้หลายคนนับถอยหลังรอ แต่ก็ฝันค้างไปทุกที คำสั่ง คสช.ที่เชือดข้าราชการ 3-4 ครั้งปราศจากชื่อ “ชายหมู” จนกองเชียร์รอเก้อ
ล่าสุดก็มีข่าวอีกว่า สตง.ชงชื่อ “ชายหมู” พร้อมลิ่วล้อใน กทม.เข้าบัญชีดำของ ศอตช.อีกแล้ว แต่ไม่ทันไร “บิ๊ก คสช.” ก็ออกมาสยบข่าวว่า กรณี กทม.ยังไม่จำเป็นต้องให้กลไกพิเศษอย่าง ศอตช. รอให้กระบวนการตรวจสอบปกติทำหน้าที่ไปก่อน
ใครได้ยินก็ร้อง “ห๊ะ!!” ด้วยความสงสัย ที่สอยข้าราชการไปเป็นร้อยๆ คนนั่น กว่าครึ่งความเสียหายยังไม่ได้กระพี้ของ กทม.เลย แล้วต้องรอไปถึงเมื่อไหร่??
เป็นเครื่องการันตีความเหนียวของ “หมูเขี้ยวตัน” ที่ไม่ใช่ว่าจะเคี้ยวกันง่ายๆ แม้แผลจะเหวอหวะเต็มตัวไปหมดก็ยังอยู่รอดสันดรได้อย่างอภินิหาร กระทั่งล่าสุดก็ถูกตั้งคำถามเรื่องงบประมาณของกรุงเทพฯ ที่ตั้งงบประมาณในปี 2560 ถึง 76,577 ล้านบาท รวมทั้งย้อนกลับไปถึงงบประมารเกือบ 5 แสนล้านบาทในช่วงที่เป็นผู้ว่าฯ กทม.มา 8 ปี ที่ถูกใช้ไม่คุ้มค่า มีแต่เรื่องอื้อฉาว
ล่าสุดเจ้าเก่า-ขาประจำ วิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ออกมาแฉการจัดซื้อรถดับเพลิงขนาดเล็กของ กทม.ที่ทำเอาชาวบ้านอ้าปากค้างอีกครั้ง ตะลึงในความใจกล้าหน้าด้านขอบางคน มีอย่างที่ไหน ซื้อรถดับเพลิงแพงหูฉี่คันละ 8 ล้านบาท แบ่งเป็นตัวรถราคา 2.5 ล้านบาท ที่เหลือเป็นอุปกรณ์ดับเพลิงไว้ท้ายรถอีกกว่า 5 ล้านบาท
รถรุ่นนี้ “สเปกเทพ” เพื่อความทนทานต้องดัดแปลงจากรถวิบาก “UTV - ATV” ความหรูหรารถสปอร์ตที่สั่งตรงมาจากยุโรปด้วยพวงมาลัยซ้าย ขนาดเล็ดกะทัดรัดเหมาะแก่การซอกแซกตามตรอกซอกซอยไซส์มินิเท่า “รถกะป๊อ" ไม่มีแอร์เหมือนกับว่าอากาศบ้านเราเย็นสบายน่าอภิรมย์ราวกับสวิตเซอร์แลนด์ ประตูเป็นพลาสติกเพื่อให้สะดวกแก่การกระโดดออกนอกรถในจังหวะเร่งรีบหรืออย่างไรไม่ทราบได้ ไฟเลี้ยวติดอยู่ตรงหัวรถมีขนาดเล็กเท่าหัวนิ้วโป้ง ไฟท้ายเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก เพื่อไม่ให้รบกวนคนรอบข้าง เวลาขับไม่มีกระจกหลังให้ทองฝึกทักษะการเอาชีวิตรอดของคนขับไปในตัว
“วิลาศ” ถึงกับบอกว่าต้องเป็น “ยอดมนุษย์” จึงจะขับรถคันนี้ได้
ส่วนชุดระบบดับเพลิงไม่ได้ติดมากับตัวรถต้องไปไล่หาอุปกรณ์จากแหล่งต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 10 ประเทศ นัยว่าเอาที่ดีที่สุด พิเศษสุดๆตรงที่ราคาปกติ กทม.ไม่ซื้อ ขอราคาพิเศษ ...แพงพิเศษถึงจะถูกใจ ตั้งแต่ถังดับเพลิงหิ้วชนิดน้ำ ราคาท้องตลาด 2,400 บาท แต่มีการจัดซื้อในราคา 8,000 บาท แพง 3 เท่า ก็คงเท่าดับคุณภาพดีเป็น 3 เท่า ระบบฉีดน้ำก็อลังการงานสร้าง ฉีดได้ไกล 100 เมตร นาน 5 นาที แบบที่รดน้ำต้นไม้ยังไม่รอบบ้านบางหลังเลย เป็นต้น
สรุปแล้วสมรรถนะเทียบเท่า “รถกะป๊อเสียบสายยาง” ดีๆ นี่เอง อย่าว่าแต่เอาไปดับเพลิงช่วยชาวบ้านเลย แค่แล่นไปให้ถึงที่หมายยังน่าหวาดเสียว
เพจดัง “Drama Addict” ไปตามต่อ ไม่ได้ติดใจเรื่องเอารถ “UTV - ATV” มาติดอุปกรณ์ดับเพลิง เพราะเมืองนอกก็มีใช้งานในกรณีเข้าไปในเขตชุมชนที่รถใหญ่เข้าไม่สะดวก แต่ติดใจสงสัยกับราคาที่แพงระยับหลักหลายล้านบาท “จ่าพิชิต แห่ง Drama-addict" ตามต่อไปถึงเพจของบริษัทผู้ผลิตรถชลักษณะนี้ของเมืองนอกปรากฏว่า ขายถูกเหลือเชื่อ ATV ติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิงแล้วขายกัน 5 แสนบาทต่อคัน ส่วน UTV ติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิงแล้วขายกัน 8 แสนบาทต่อคัน
มองแบบโลกสวย...สงสัยเจ้าที่ “จ่าพิชิต” ไปดูต้องเป็นของไม่ดี ส่วนที่ กทม.ซื้อมาคุณภาพต้องดีกว่าเป็น 10 เท่าตามราคาที่สูงกว่าเป็น 10 เท่าตัว
ซื้อแพงไม่เท่าไร ยังจะซื้อมาแล้วไม่ใช้งานอีกต่างหาก “วิลาศ” ไปลงพื้นที่พบว่า มีการส่งมอบรถที่ว่าไปให้กับสถานีดับเพลิง 20 แห่งจากทั้งหมด 35 แห่ง บางแห่งได้รับมอบรถที่ไฟฉุกเฉินเสีย ไฟเลี้ยวไม่ติด อุปกรณ์ไม่ครบ บางแห่งรถยังไม่แกะพลาสติกหุ้มรถออกเลยด้วยซ้ำ
อันนี้คงเป็นอีกเรื่องที่ต้องถึง สตง. และ ป.ป.ช.ต่อไป ซ้ำดาบสองจาก โครงการประดับไฟลานคนเมืองมูลค่าซูเปอร์โอเวอร์ 39.5 ล้านบาท ที่ “ชายหมู” คอพาดเขียงอยู่ที่ ป.ป.ช.
ลำบากนิดก็ตรงที่แม้ สตง.จะเห็นว่า กทม.ทุจริตชัดเจน แต่ดันไม่มีอำนาจ ต้องส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีอำนาจลงโทษไต่สวนต่อ ทั้งที่ ป.ป.ช. รวมทั้งกระทรวงมหาดไทยในเรื่องคดีความและทางวินัย รายของ ป.ป.ช.นี่คงใช้เวลาอีกนาน จน “ชายหมู” ไปไหนต่อไหนแล้วก็ยังไม่จบ ส่วนกระทรวงมหาดไทยก็กลัวจะออกแอ็กชันเป็นพิธี ส่งเรื่องไป กทม.แล้วบอกว่าทำหน้าที่ตามหนังสือของ สตง.เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือเป็นเรื่องของหน่วยงานตรวจสอบต่อไป
จาก “ปฏิบัติการ” เชือดกลายเป็น “ปาหี่” ไปเสียอย่างนั้น
การันตีอีกครั้งว่า “ชายหมู” คนนี้ของดีแน่นอน ขนาดถูกตั้งกรรมการสอบ มีเรื่องอยู่ใน สตง. ยังแสดงความอหังการขู่จะฟ้องกลับ สตง.เสียอย่างงั้น แถมยังกล้าพูดอย่างไม่กระดากปากด้วยวรรคทองที่ว่า
“จะไม่มีวันที่จะบริหารกรุงเทพฯ ตามความเห็นของ สตง.เพราะว่าพี่น้องประชาชนกว่า 1.2 ล้านคนเลือกผมมาให้ดำเนินนโยบายตามที่ผมได้หาเสียงไว้ ทั้งนี้ ผมเคารพ สตง.แต่ต้องขออภัยที่ ผมเคารพพี่น้องประชาชนมากกว่าเคารพ สตง.”
คุ้นๆ เหมือนใครบางคนที่เคยอ้าง 14 ล้านเสียง จำได้ไหม??
จริงอยู่คนกรุงเทใจเลือก “ชายหมู” ถึง 1.2 ล้านเสียง แต่ก็เพราะไปหลงวลี “ไม่เลือกเรา เขามาแน่” ในอารมณ์ไม่รู้จะเลือกใครเลยขอเลือกคนที่...น้อยที่สุด แล้วที่สำคัญนโยบายที่ “ท่านผู้ว่าฯ” หาเสียงไว้ ไม่มีตรงไหนระบุว่าจะซื้อของแพงกว่าราคาท้องตลาดเป็น 10 เท่าแบบนี้ หรือไม่ได้บอกว่าจะไปขน “ไฟเซิ่นเจิ้น” มาติดตั้งในราคาคุณภาพเทศกาลไฟที่ซัปโปโร
พอรู้ตัวว่าใครทำอะไรตัวเองไม่ได้จาก “หมูเขี้ยวตัน” ก็หลายเป็น “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” แล้วใครกันที่ทำให้ “ชายหมู” ออกอาการเหลิงได้ใจขนาดนี้ โทษใครไม่ได้ก็ต้องโทษ คสช.แหละที่ไม่เด็ดขาดในทุกๆเรื่องที่มีชื่อ “สุขุมพันธุ์” เข้าไปเกี่ยวข้อง
ขนาด “พี่รองบูรพาพยัคฆ์” ยังออกอาการแหยงๆ เวลาพูดถึง สารภาพว่า การพักงานหรือปลดออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ของ “ชายหมู” จะกระทำได้ต่อเมื่อกระบวนการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว
แต่เดี๋ยวอีกไม่กี่เดือน “ชายหมู” ก็จะหมดวาระแล้ว กว่าจะสอบเสร็จไม่รู้ชาติไหน แบบนี้ “ชายหมู” ได้ไปต่อสร้างประวัติศาสตร์อยู่ครบ 2 วาระได้อย่างไม่ยากเย็น ความดีความชอบยกให้ “แบ็กอัพ” ด้านหลังของเจ้าตัวที่ชื่อ “เดอะเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ แห่ง กปปส.
แม้วันนี้ “ลุงกำนัน” จะถูกหมางเมินจาก “พี่น้อง 3 ป.” แต่หากเป็นเรื่อง กทม.ก็ยังพอจูนกันติด และหากจะว่าไปในบรรดาพี่น้อง 3 ป. แห่งค่ายบูรพาพยัคฆ์ คนที่แนบแน่นกับ “เดอะเทือก” มากที่สุด ไม่ใช่ทั้ง “บิ๊กตู่” และ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม หากแต่เป็นพี่รองที่ชื่อ “บิ๊กป๊อก” นั่นเอง ที่ทำงานร่วมกันในภารกิจสลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี2553 ที่ตอนนั้น “กำนัน” ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ส่วน “บิ๊กป๊อก” ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)
“สุเทพ” คนนี้เป็นคนประกาศกลางที่ประชุม ศอฉ. ตอนหลายคนกังวลว่าจะถูกดำเนินการคดีทางกฎหมายหากทำอะไรพลั้งพลาดว่า “ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นผมรับผิดชอบเอง” เพื่อสร้างความมั่นใจก่อนปฏิบัติภารกิจสลายการชุมนุม ในขณะที่คดีดังกล่าว “บิ๊กป๊อก” แทบไม่ได้ถูกกล่าวหาใดๆ เลย
และถ้าดูท่าทีของ “บิ๊กป๊อก” ต่อการบริหารของ “ชายหมู” ในหลายๆ ครั้งแทบไม่พบการตำหนิใดๆ เลย แม้กระทั่งแผลสดๆ เมื่อไม่นานมานี้ กรณีน้ำ ท่วมขังถนนรัชดาภิเษก จนเกิดศัพท์แสลงหู “น้ำรอการระบาย” ตัว “มท.1” ก็ไม่ได้สวดชยันโตใส่ หนำซ้ำยังแสดงความเข้าอกเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ “ชายหมู” เผลอๆ โดยนิสัยอาจถูก “บิ๊กป๊อก” เขี่ยกระเด็นตกคลองไปแล้ว!
นอกจาก “พ่อเทพ” คุ้มกะลาหัวแล้ว ก็ยังมี “หลวงปู่ขุมทรัพย์ กทม.” คอยคุ้มครองด้วย ก็ตัวเลขงบประมาณของ กทม.ปีๆ หนึ่งตก 6-7 หมื่นล้านบาท หลังจากที่ท่อน้ำเลี้ยง กทม.เบนออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไปที่เวที กปปส. จนเปิดทางให้ คสช.เข้ามา หลังจากนั้นท่อน้ำเลี้ยง กทม.ต่อไปทางไหนไม่ทราบได้
ไม่ใช่ที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งออกมาตัดญาติขาดมิตรกันแล้วแน่นอน หรือทางกลุ่ม กปปส.ที่ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายมากเหมือนสมัยชุมนุม อาจจะมีในเรื่องสะสมระดมทุนไว้สำหรับงานการเมืองในอนาคตบ้าง ปลายท่อน้ำเลี้ยง กทม.วันนี้ จึงอาจจะยิงตรงลง “คลองหลอด” พยุงเก้าอี้ “ชายหมู” อยู่ก็เป็นได้ แค่เศษเสี้ยวจากแสนกว่าล้านในช่วง 2 ปีก็ไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ แค่ “เสือเงียบ” ก็ยิ้มกริ่มแล้ว
อีกเรื่องทำให้ทั้งการทำงานของ “บิ๊กป๊อก - ชายหมู” ราบรื่นไม่ติดขัด โดยเฉพาะเวลายกคณะไปดูงานที่เกี่ยวกับการจัดการขยะของ กทม. ก็มักจะเห็นภาพทั้งคู่อี๊อ๋อ-เอิ๊กอ๊ากกันเป็นพิเศษ หรือย่างล่าสุดที่ “บิ๊กป๊อก” ขึงขังคอนเฟิร์มเรื่องตั้งกรรมการสอบผู้ว่าฯ กทม. พอตกบ่ายก็ควงคู่กันไปตรวจจัดการคุณภาพน้ำที่บึงหนองบอน ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทำให้นึกย้อนกลับไปที่คำสั่งกระทรวงมหาดไทย หรือท่าทางเข้มขรึมของ “บิ๊กป๊อก” เวลาพูดถึงเรื่องการทุจริตใน กทม. ก็อีกแค่ละครฉากหนึ่ง หรือ “ปาหี่” ดีๆ นี่เอง เพราะใจจริงก็ไม่ได้คิดจะจัดการ “ชายหมู” ให้เด็ดขาดตามเสียงเชียร์ แถมยังมีข่าวว่าอาจดึงมาร่วมเป็นเสนาบดีในรัฐบาล คสช.หลังหมดภาระจาดงานที่ศาลาเสาชิงช้าอีกต่างหาก
แบบนี้ทำใจไว้ล่วงหน้า บัญชีเชือด “ข้าราชการกังฉิน” ล็อต 4 ของ ศอตช.ที่กำลังจะคลอดเร็วๆนี้ อาจทำให้ใครหลายคนถอนหายใจดังๆ พลางอุทานว่า “ทั้งชีวิตเราคงต้องดูแลตัวเองต่อไป” เมื่อไม่มีชื่อ “ชายหมู” และคณะ
ถ้า คสช.ที่ว่าแน่ๆยังไม่แตะต้อง ก็พิสูจน์แล้วว่า พลานุภาพของ “ตุ๊กตาลูกเทพ” ช่างทรงอิทธิฤทธิ์จริงๆ.