xs
xsm
sm
md
lg

ทุจริตกทม.ภาค2 แฉรถดับเพลิงสเปกกะป๊อ2.5ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"วิลาศ"แฉทุจริตรถดับเพลิงภาคสอง สุดพิสดารพวงมาลัยซ้าย ราคา 2.5 ล้าน แต่สเปกคล้าย รถกะป๊อ จอดนิ่ง 20 สถานี จนท.ไม่กล้าใช้เหตุกลัวตาย พร้อมสาปแช่งผู้บริหารคนชงโครงการ พบพิรุธอุปกรณ์ติดตั้งโคตรแพง จี้ “ชายหมู”ระงับ พร้อมทบทวน จ่อยื่น สตง.-ป.ป.ช. ฟันสัปดาห์หน้า

วานนี้ (10ก.ค.) นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงปัญหาการทุจริตใน กทม.เกี่ยวกับโครงการการจัดซื้อรถกู้ภัยขนาดเล็กจำนวน 20 คัน ราคาคันละเกือบ 8 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นตัวรถ 2.5 ล้านบาท นอกนั้นเป็นค่าอุปกรณ์ดับเพลิงรวมวงเงิน 160 ล้านบาท และบริษัทที่ได้รับงานจากข้อมูลของข้าราชการใน กทม. พบว่ามีสองบริษัทที่มีการยื่นประมูล คือ บริษัท ทีเจ แอ็ดวานซ์ เอ็นจิเนียริ่ง และ บริษัท ริเวอร์เอ็นจิเนียริ่ง โดยบริษัทที่ได้งานไปคือ บริษัท ทีเจเอ็นจิเนียริ่ง ซึ่งตนกำลังตรวจสอบอยู่ว่า สองบริษัทนี้มีความเชื่อมโยงกันจริงหรือไม่ แต่เบื้องต้นมีข้อสังเกตว่าในส่วนของบริษัท ทีเจ เอ็นจิเนียริ่ง มีการเพิ่มวัตถุประสงค์ในวันที่ 22 มิ.ย. 54 เป็น 45 ข้อ โดยในข้อ 26 ระบุว่า ซื้อและขายเครื่องดับเพลิง ข้อ 34 ประมูลซื้อและขายรถดับเพลิง ส่วนบริษัท ริเวอร์เอ็นจิเนียริ่ง เริ่มก่อตั้งปี 33 ทุนจดทะเบียนเริ่มต้นหนึ่งล้านบาท จดวัตถุประสงค์ไว้ 46 ข้อ แต่จนถึงปัจจุบัน มีวัตถุประสงค์เป็น 100 ข้อ คือ ทำหมดเลยเหลือแค่เครื่องบินอย่างเดียว ที่น่าสนใจคือ เมื่อวันที่ 14 พ.ย.56 มีการจดวัตถุประสงค์ข้อ 94 ขายอุปกรณ์ดับไฟ สอดรับกับการตั้งงบประมาณครั้งแรก เพื่อจัดซื้อรถกู้ภัยขนาดเล็กในปี 56 เช่นกัน

"เรื่องนี้ สตง.เคยมีการทำหนังสือทักท้วงไปว่า การซื้อรถพวงมาลัยซ้ายน่าจะผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก แต่ระเบียบไม่ได้ห้าม ทำให้ กทม.ไม่กล้าเซ็นต์สัญญาต้องชะลอออกไป 60 วัน จนสุดท้ายก็หาทางเลี่ยงด้วยการชี้แจงว่า เป็นรถยนต์ขนาดเล็ก แม้จะเป็นพวงมาลัยซ้ายก็ไม่ก่อให้เกิดอันตราย และทำการเซ็นต์สัญญาในวันที่ 12 มี.ค. 58 มีข้อสังเกตว่า วันที่ 29 ธ.ค.58 มีการแก้สัญญา ทั้งที่ลงนามไปแล้วให้เปลี่ยนแปลงขนาดของรถ จากความกว้างประมาณ 1,595 มม. ความยาวประมาณ 3,407 มม. ความสูงประมาณ 1,807 มม. เป็นกว้าง 1,595 มม. ยาว 3,530 มม. และสูง 1,750มม. โดยตัดคำว่า ‘ประมาณ’ออกทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ทำเพื่ออะไร" นายวิลาศ กล่าว

นายวิลาศ กล่าวว่า ในส่วนสเปกรถที่มีปัญหาคือ เป็นรถพวงมาลัยซ้าย โดยมีการนำรถเอทีวี หรือที่ในต่างประเทศใช้ชมวิวในป่า มาแปลงสภาพ ใส่กระจกติดตั้งเครื่องดับเพลิง ถือเป็นรถค่อนข้างพิสดาร คือ รถราคา 2.5 ล้านบาท แต่ไฟเลี้ยวติดอยู่ตรงหัวรถมีขนาดเล็กเท่าหัวนิ้วโป้ง และไม่มีแอร์ ส่วนไฟท้ายเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก เวลาที่ขับไม่สามารถมองกระจกหลังได้ ต้องเป็นยอดมนุษย์จึงจะใช้ได้ นอกจากนี้ ตัวถังเป็นไฟเบอร์ ไม่ใช่เหล็ก ส่วนประตูเป็นพลาสติก ขนาดของรถเท่าๆ กับรถกะป๊อ ที่ใช้ขับในซอย ถ้าไปซื้อรถกะป๊อจะสวยกว่า และบรรทุกของได้แถมพวงมาลัยขวาไม่ตายง่ายด้วย จึงคิดว่าที่ต้องซื้อ เพราะเป็นของแปลกจะได้เพิ่มมูลค่าเพิ่มราคา เท่านี้ ถ้ามาขายตน 3 แสนบาท ตนยังไม่ซื้อ ซึ่งจากที่ได้ไปตรวจสอบมา 3 สถานี และมีบางหน่วยที่ได้รับรถแล้ว แต่ไฟฉุกเฉินเสีย ไฟเลี้ยวไม่ติด ส่วนบางหน่วย เมื่อเอาไปใช้แล้วถังดับเพลิงหาย ซึ่งตนคิดว่าที่ไม่ติดตั้งอุปกรณ์บางประเภท เป็นเพราะกลัวว่าจะหาย

นอกจากนี้ ยังพบว่าชุดระบบดับเพลิงที่ติดตั้งในรถนั้นอุปกรณ์แต่ละอย่าง มาจากประเทศที่ต่างกันประมาณ 10 ประเทศ โดยเมื่อตรวจสอบพบว่า อุปกรณ์แต่ละชนิดมีราคาสูงเกินจริง เช่น ถังดับเพลิงหิ้วชนิดน้ำ ราคาท้องตลาด 2,400 บาท แต่ระบุในรายการจัดซื้อราคา 8,000 บาท ซึ่งแพงเป็นสามเท่าตัว รวมทั้งยังมีการกำหนดสเปกเป็นถังเหล็ก ทั้งที่ปกติจะผลิตเป็นแบบสแตนเลส เพื่อป้องกันการผุกร่อน โดยในขณะนี้มีการส่งมอบรถไปให้กับสถานีดับเพลิง 20 แห่ง จากทั้งหมด 35 แห่ง และทราบมาว่า มีการสั่งการที่จะจัดซื้อเพิ่มเติมอีก 15 คัน โดยใช้เงินจากงบประมาณปี 60 จึงอยากให้มีการระงับเรื่องนี้ และขอให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.และผู้เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบเพื่อทบทวน โดยโครงการนี้ผู้เสนอคือ นายจุมพล สำเภาทอง รองผู้ว่าฯ แต่คนที่เซ็นลงนามคือพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รอง ผู้ว่าฯ ที่ต้องทำตามหน้าที่ ทั้งนี้ ตนจะได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อยื่นต่อ สตง. และป.ป.ช. ให้ตรวจสอบข้อหาทุจริต ผิด พ.ร.บ.ฮั๊ว ภายในสัปดาห์หน้า

"ผมคิดว่าโครงการนี้เป็นภาคต่อของรถดับเพลิงที่ศาลฎีกาฯ เคยพิพากษาจำคุก อดีตรมช.มหาดไทย และคนที่เกี่ยวข้องอีกหนึ่งคนรวมเป็นสองคน แต่กรณีนี้ถ้าเอาผิด น่าจะเป็นพวงเพราะมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก และเป็นโครงการที่ถือว่าเป็นโครงการบาป เนื่องจากเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยด้วย ถือเป็นการสร้างเวรสร้างกรรม รถกู้ภัยแบบนี้นอกจากไม่พร้อมใช้งานแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยด้วย เพราะไม่มีประกันภัย เจ้าหน้าที่ไม่กล้าใช้ ได้แต่สาปแช่งผู้บริหารที่จัดซื้อรถเหล่านี้" นายวิลาศ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงข่าว นายวิลาศ ได้นำผู้สื่อข่าวไปยังสถานีดับเพลิงดุสิต เพื่อดูรถดับเพลิงของจริง โดยนายวิลาศ ทำการตรวจสอบรถ เอทีวี พร้อมอุปกรณ์ต่างๆ โดยระบุว่า จากที่ได้พบเห็น เป็นไปตามที่ตนแถลงทุกอย่าง โดยรถยังอยู่ในสภาพใหม่ หุ้มพลาสติกแสดงว่าไม่เคยมีการนำออกไปใช้งานเลย.
กำลังโหลดความคิดเห็น