ผู้จัดการรายวัน360-กลุ่มผู้เสียหายสหกรณ์ฯ คลองจั่นร้องดีเอสไอตามจับแก๊งโกง หลังพบคณะกรรมการชุดเก่า พยายามทำสำนวนคดีให้อ่อนลง ด้านดีเอสไอเผยดำเนินคดีแล้ว 4 คดี ปลายก.ค.นี้ สั่งฟ้องอีก 3 คดี ระบุยังได้ส่ง ปปง. ตรวจสอบเส้นทางเงินวัดพระธรรมกาย มึนแพทยสภาขอ 5 เดือนตรวจใบรับรองแพทย์ พร้อมสั่งฝ่ายกฎหมายดูคลิป "เสี่ยบุญชัย" ด้านตำรวจรอประสานบุกจับรอบ 2 "บิ๊กต๊อก"ย้ำ ผอ.พศ.ต้องแสดงบทบาท หากนิ่ง มีสิทธิ์โดนเด้ง ศิษย์วัดมุกเดิม หากเช็ค 400 ล้านเป็นเงินสหกรณ์ฯ พร้อมเยียวยา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (22 มิ.ย.) นายธรรมนูญ อัตโชติ ตัวแทนสมาชิกผู้เสียหายสหกรณ์เครดิตยูเนียน คลองจั่น จำกัด พร้อมสมาชิกประมาณ 100 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ และ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผบ.สำนักคดีการเงินการธนาคาร ดีเอสไอ เพื่อสอบถามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้ที่รับเช็คจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯคลองจั่น พร้อมให้ข้อมูลสภาพปัญหา และผลกระทบที่ได้รับจากการถูกยักยอกเงินของสหกรณ์ฯ
นายธรรมนูญกล่าวว่า ต้องการมาทำความเข้าใจในฐานะผู้เสียหายโดยตรงและจะขอเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลคดี เนื่องจากสมาชิกไม่มีความเชื่อมั่นในคณะกรรมการสหกรณ์ฯ ชุดเก่า เพราะมีท่าทีพยายามที่จะทำให้สำนวนคดีที่ดีเอสไอดำเนินคดีกับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และวัดพระธรรมกายอ่อนลง โดยการไกล่เกลี่ยกับกลุ่มลูกศิษย์ของวัดพระธรรมกาย และยอมรับเงินจากกองทุนของกลุ่มลูกศิษย์ของวัด แทนที่จะเป็นเงินจากพระธัมมชโยและวัดพระธรรมกาย
"แม้ปัจจุบันจะมีการเลือกตั้งกรรมการสหกรณ์ฯ ชุดใหม่ มาดำเนินการติดตามคดีนี้แล้ว แต่สมาชิกก็อยู่ระหว่างติดตามพฤติการณ์ของคณะกรรมการชุดนี้ เพราะจากข้อมูลของดีเอสไอที่ออกมาระบุว่า ต้องให้คณะกรรมการชุดปัจจุบันแจ้งความดำเนินคดีทุกคดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทางคณะกรรมการยังไม่มีการแจ้งความในหลายคดี และทำให้เชื่อว่ายังมีเงินของสหกรณ์ที่ไปอยู่กับเครือข่ายวัดพระธรรมกายที่ยังตรวจสอบไม่พบอีกจำนวนมาก"
ทั้งนี้ ทางกลุ่มผู้เสียหาย ยืนยันว่า เงินของผู้ที่เกี่ยวข้องที่วัดพระธรรมกายนำไปลงทุนจนเกิดผลกำไร จะต้องนำผลกำไรส่งคืนให้สหกรณ์ฯ ด้วย ส่วนที่สหกรณ์ฯ จะมีการจ่ายเงินคืนให้สมาชิกสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ สมาชิกบางกลุ่มกว่า 400 คน จะไม่ขอรับเงินจำนวน 700 ล้านบาท ที่คณะกรรมการสหกรณ์ฯ ชุดเก่าไปไกล่เกลี่ยมา เนื่องจากต้องการให้มีการดำเนินคดีกับพระธัมมชโยและวัดพระธรรมกายจนถึงที่สุด
ด้าน พ.ต.ท.สมบูรณ์ กล่าวว่า สำหรับคดีที่เกี่ยวข้องกับสหกรณ์ฯ คลองจั่น มีที่รับเป็นเลขคดีแล้ว 13 คดี โดยดีเอสไอดำเนินการเสร็จแล้ว 4 คดี คือ คดีที่เกี่ยวข้องกับการยักยอกทรัพย์ ฉ้อโกงประชาชน และคดีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำความผิด ซึ่งได้ส่งไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว โดยขณะนี้ยังมีคดีที่ค้างดำเนินการอยู่ 10 คดี ซึ่งใน 10 คดี มี 4 คดีที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย คือ ในคดีที่ 27/2559 โดยพ.ต.ท.ปกรณ์ ได้ดำเนินการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว และส่งให้พนักงานอัยการแล้ว
ส่วนอีก 3 คดีที่เกี่ยวข้อง เช่น คดีของนายสถาพร วัฒนาสิรินุกูล อดีตพระวัดพระธรรมกาย เมื่อสึกออกมาก็ได้ก่อตั้งบริษัท โดยเส้นทางการเงินพบว่ามาจากนายศุภชัย และยังมีคดีที่เกี่ยวข้องกับบริษัท เอ็ม-โฮมฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการถือหุ้นแทนนายศุภชัย และคดีที่ 70/2558 เป็นคดีเกี่ยวกับการซื้อที่ดินเพื่อนำไปสร้างโรงพยาบาลของวัดพระธรรมกาย ซึ่งทั้ง 3 คดีนี้ มีเส้นทางการเงินไปจากนายศุภชัยทั้งสิ้น โดยคาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนเสร็จปลายเดือน ก.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า การตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าที่ดินของวัดพระธรรมกายมีความเกี่ยวข้องหรือไม่ พ.ต.ท.สมบูรณ์ กล่าวว่า ที่ดินส่วนใหญ่ที่ยึดมาได้ เป็นของนายศุภชัย เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาในคดี ในส่วนของวัดพระธรรมกายในคดีที่ 27/2559 ไม่ได้ดำเนินการยึดทรัพย์ที่ดินของวัด แต่ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ไปดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงิน
ขณะที่ พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ได้มีการประชุมกับน.พ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา เพื่อหารือการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการออกใบรับรองแพทย์ของพระธัมมชโย ในนามโรพยาบาลค่ายภานุรังษี จ.ราชบุรี ทั้งที่ไม่มีประวัติการรักษาที่โรงพยาบาลดังกล่าว และผลการตรวจสอบจากโรงพยาบาลก็สรุปว่ามีความผิดชัดเจน โดยแพทยสภาระบุว่าต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ 4-5 เดือน ซึ่งดีเอสไอจะพิจารณาว่ามีความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมหรือไม่ และยังได้หารือถึงแนวทางการการใช้ใบรับรองแพทย์ด้วยว่าหากในอนาคตเกิดปัญหาเกี่ยวกับใบรับรองแพทย์ จะดำเนินการกันอย่างไร
ส่วนกรณีนายบุญชัย เบญจรงคกุล ที่ออกมาชักชวนให้สาวกวัดพระธรรมกายออมาปกป้องพระธัมมชโยนั้น อยู่ระหว่างให้ฝ่ายกฎหมายของดีเอสไอดำเนินการอยู่ โดยจะต้องดูเจตนาและคำที่นายบุญชัยพูดเชิญชวนว่ามีคำไหนที่เป็นการชักชวนหรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ส่วนจะมีความจำเป็นที่จะต้องเรียกนายบุญชัยมาสอบถามหรือไม่นั้น ขณะนี้ตนให้ฝ่ายกฎหมายดูอยู่ เบื้องต้นยังไม่จำเป็น แต่ในส่วนของการดำเนินการเอาผิดกับลูกศิษย์วัดพระธรรมกายที่ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลหลักฐานทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวที่ได้บันทึกไว้ส่งให้กับพนักงานสอบสวนสภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีแล้ว
พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษก ตร. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้รับการประสานข้อมูลจากดีเอสไอ ถึงการเข้าจับกุมพระธัมมชโย ครั้งที่ 2 เพราะการพิจารณาเข้าจับกุมเป็นดุลพินิจของดีเอสไอที่จะพิจารณาเห็นควรว่าจะเข้าจับกุมเมื่อไร และต้องคำนึงถึงผลกระทบที่อาจตามมาด้วย
ด้านพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ต้องทำทุกวิธีเพื่อบังคับใช้กฎหมาย แต่ไม่ได้หมายถึงการเข้าไปกระชากลากถูในวัด และขณะนี้มีเพียงกลุ่มศิษย์ที่ออกมาพูด เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ทำอะไร ขอให้เข้าใจด้วย ส่วนการเชิญผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มาพูดคุย เป็นการมาพูดคุยว่า พศ. จะต้องมีบทบาทมากขึ้น เพราะศาสนสถานเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ไม่ควรถูกใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติไม่เหมาะสม พศ. จะตักเตือนได้หรือไม่ แต่ไม่เคยพูดว่าจะย้าย ผอ.พศ. หากแก้ปัญหาพระธัมมชโยไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องร่วมกันทำงาน แต่อีกมุมหนึ่งตามหลักการทั่วไป หากอยู่ในหน้าที่แล้วแก้ปัญหาไม่ได้ ก็ควรต้องไป
วันเดียวกันนี้ นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้ออกมาแถลงข่าวยืนยันว่าพร้อมเยียวยาผู้เสียหายจากคดีสหกรณ์ฯ คลองจั่น หากพิสูจน์ได้ว่ายอดเงินบริจาคให้วัดพระธรรมกายและพระธัมมชโยอีกกว่า 400 ล้านบาท เป็นเงินที่ผิดกฎหมาย แต่จะต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดก่อน ส่วนกรณีที่มีผู้ไปร้องดีเอสไอไม่ยอมรับเงินกองทุนเยียว และขอให้เดินหน้าดำเนินคดีนั้น ขอให้ผู้เคลื่อนไหวยุติการกระทำ เพราะสหกรณ์ฯ ได้ส่งหนังสือมาขอบคุณที่ตั้งกองทุนเยียวแก่ผู้เสียหายแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (23 มิ.ย.) วัดพระธรรมกาย ได้เตรียมคณะนำสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมในบริเวณเขตพื้นที่ภายในอุโบสถวัดพระธรรมกาย หลังมีกระแสข่าวว่าเป็นสถานที่ซ่องสุมกำลังพลและอาวุธ ส่วนการจัดวางกำลังและการตรวจอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ เป็นเพียงการเฝ้าระวังและป้อนกันมือที่ 3 เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (22 มิ.ย.) นายธรรมนูญ อัตโชติ ตัวแทนสมาชิกผู้เสียหายสหกรณ์เครดิตยูเนียน คลองจั่น จำกัด พร้อมสมาชิกประมาณ 100 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ และ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผบ.สำนักคดีการเงินการธนาคาร ดีเอสไอ เพื่อสอบถามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้ที่รับเช็คจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯคลองจั่น พร้อมให้ข้อมูลสภาพปัญหา และผลกระทบที่ได้รับจากการถูกยักยอกเงินของสหกรณ์ฯ
นายธรรมนูญกล่าวว่า ต้องการมาทำความเข้าใจในฐานะผู้เสียหายโดยตรงและจะขอเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลคดี เนื่องจากสมาชิกไม่มีความเชื่อมั่นในคณะกรรมการสหกรณ์ฯ ชุดเก่า เพราะมีท่าทีพยายามที่จะทำให้สำนวนคดีที่ดีเอสไอดำเนินคดีกับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และวัดพระธรรมกายอ่อนลง โดยการไกล่เกลี่ยกับกลุ่มลูกศิษย์ของวัดพระธรรมกาย และยอมรับเงินจากกองทุนของกลุ่มลูกศิษย์ของวัด แทนที่จะเป็นเงินจากพระธัมมชโยและวัดพระธรรมกาย
"แม้ปัจจุบันจะมีการเลือกตั้งกรรมการสหกรณ์ฯ ชุดใหม่ มาดำเนินการติดตามคดีนี้แล้ว แต่สมาชิกก็อยู่ระหว่างติดตามพฤติการณ์ของคณะกรรมการชุดนี้ เพราะจากข้อมูลของดีเอสไอที่ออกมาระบุว่า ต้องให้คณะกรรมการชุดปัจจุบันแจ้งความดำเนินคดีทุกคดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทางคณะกรรมการยังไม่มีการแจ้งความในหลายคดี และทำให้เชื่อว่ายังมีเงินของสหกรณ์ที่ไปอยู่กับเครือข่ายวัดพระธรรมกายที่ยังตรวจสอบไม่พบอีกจำนวนมาก"
ทั้งนี้ ทางกลุ่มผู้เสียหาย ยืนยันว่า เงินของผู้ที่เกี่ยวข้องที่วัดพระธรรมกายนำไปลงทุนจนเกิดผลกำไร จะต้องนำผลกำไรส่งคืนให้สหกรณ์ฯ ด้วย ส่วนที่สหกรณ์ฯ จะมีการจ่ายเงินคืนให้สมาชิกสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ สมาชิกบางกลุ่มกว่า 400 คน จะไม่ขอรับเงินจำนวน 700 ล้านบาท ที่คณะกรรมการสหกรณ์ฯ ชุดเก่าไปไกล่เกลี่ยมา เนื่องจากต้องการให้มีการดำเนินคดีกับพระธัมมชโยและวัดพระธรรมกายจนถึงที่สุด
ด้าน พ.ต.ท.สมบูรณ์ กล่าวว่า สำหรับคดีที่เกี่ยวข้องกับสหกรณ์ฯ คลองจั่น มีที่รับเป็นเลขคดีแล้ว 13 คดี โดยดีเอสไอดำเนินการเสร็จแล้ว 4 คดี คือ คดีที่เกี่ยวข้องกับการยักยอกทรัพย์ ฉ้อโกงประชาชน และคดีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำความผิด ซึ่งได้ส่งไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว โดยขณะนี้ยังมีคดีที่ค้างดำเนินการอยู่ 10 คดี ซึ่งใน 10 คดี มี 4 คดีที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย คือ ในคดีที่ 27/2559 โดยพ.ต.ท.ปกรณ์ ได้ดำเนินการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว และส่งให้พนักงานอัยการแล้ว
ส่วนอีก 3 คดีที่เกี่ยวข้อง เช่น คดีของนายสถาพร วัฒนาสิรินุกูล อดีตพระวัดพระธรรมกาย เมื่อสึกออกมาก็ได้ก่อตั้งบริษัท โดยเส้นทางการเงินพบว่ามาจากนายศุภชัย และยังมีคดีที่เกี่ยวข้องกับบริษัท เอ็ม-โฮมฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการถือหุ้นแทนนายศุภชัย และคดีที่ 70/2558 เป็นคดีเกี่ยวกับการซื้อที่ดินเพื่อนำไปสร้างโรงพยาบาลของวัดพระธรรมกาย ซึ่งทั้ง 3 คดีนี้ มีเส้นทางการเงินไปจากนายศุภชัยทั้งสิ้น โดยคาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนเสร็จปลายเดือน ก.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า การตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าที่ดินของวัดพระธรรมกายมีความเกี่ยวข้องหรือไม่ พ.ต.ท.สมบูรณ์ กล่าวว่า ที่ดินส่วนใหญ่ที่ยึดมาได้ เป็นของนายศุภชัย เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาในคดี ในส่วนของวัดพระธรรมกายในคดีที่ 27/2559 ไม่ได้ดำเนินการยึดทรัพย์ที่ดินของวัด แต่ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ไปดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงิน
ขณะที่ พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ได้มีการประชุมกับน.พ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา เพื่อหารือการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการออกใบรับรองแพทย์ของพระธัมมชโย ในนามโรพยาบาลค่ายภานุรังษี จ.ราชบุรี ทั้งที่ไม่มีประวัติการรักษาที่โรงพยาบาลดังกล่าว และผลการตรวจสอบจากโรงพยาบาลก็สรุปว่ามีความผิดชัดเจน โดยแพทยสภาระบุว่าต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ 4-5 เดือน ซึ่งดีเอสไอจะพิจารณาว่ามีความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมหรือไม่ และยังได้หารือถึงแนวทางการการใช้ใบรับรองแพทย์ด้วยว่าหากในอนาคตเกิดปัญหาเกี่ยวกับใบรับรองแพทย์ จะดำเนินการกันอย่างไร
ส่วนกรณีนายบุญชัย เบญจรงคกุล ที่ออกมาชักชวนให้สาวกวัดพระธรรมกายออมาปกป้องพระธัมมชโยนั้น อยู่ระหว่างให้ฝ่ายกฎหมายของดีเอสไอดำเนินการอยู่ โดยจะต้องดูเจตนาและคำที่นายบุญชัยพูดเชิญชวนว่ามีคำไหนที่เป็นการชักชวนหรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ส่วนจะมีความจำเป็นที่จะต้องเรียกนายบุญชัยมาสอบถามหรือไม่นั้น ขณะนี้ตนให้ฝ่ายกฎหมายดูอยู่ เบื้องต้นยังไม่จำเป็น แต่ในส่วนของการดำเนินการเอาผิดกับลูกศิษย์วัดพระธรรมกายที่ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลหลักฐานทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวที่ได้บันทึกไว้ส่งให้กับพนักงานสอบสวนสภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีแล้ว
พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษก ตร. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้รับการประสานข้อมูลจากดีเอสไอ ถึงการเข้าจับกุมพระธัมมชโย ครั้งที่ 2 เพราะการพิจารณาเข้าจับกุมเป็นดุลพินิจของดีเอสไอที่จะพิจารณาเห็นควรว่าจะเข้าจับกุมเมื่อไร และต้องคำนึงถึงผลกระทบที่อาจตามมาด้วย
ด้านพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ต้องทำทุกวิธีเพื่อบังคับใช้กฎหมาย แต่ไม่ได้หมายถึงการเข้าไปกระชากลากถูในวัด และขณะนี้มีเพียงกลุ่มศิษย์ที่ออกมาพูด เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ทำอะไร ขอให้เข้าใจด้วย ส่วนการเชิญผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มาพูดคุย เป็นการมาพูดคุยว่า พศ. จะต้องมีบทบาทมากขึ้น เพราะศาสนสถานเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ไม่ควรถูกใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติไม่เหมาะสม พศ. จะตักเตือนได้หรือไม่ แต่ไม่เคยพูดว่าจะย้าย ผอ.พศ. หากแก้ปัญหาพระธัมมชโยไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องร่วมกันทำงาน แต่อีกมุมหนึ่งตามหลักการทั่วไป หากอยู่ในหน้าที่แล้วแก้ปัญหาไม่ได้ ก็ควรต้องไป
วันเดียวกันนี้ นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้ออกมาแถลงข่าวยืนยันว่าพร้อมเยียวยาผู้เสียหายจากคดีสหกรณ์ฯ คลองจั่น หากพิสูจน์ได้ว่ายอดเงินบริจาคให้วัดพระธรรมกายและพระธัมมชโยอีกกว่า 400 ล้านบาท เป็นเงินที่ผิดกฎหมาย แต่จะต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดก่อน ส่วนกรณีที่มีผู้ไปร้องดีเอสไอไม่ยอมรับเงินกองทุนเยียว และขอให้เดินหน้าดำเนินคดีนั้น ขอให้ผู้เคลื่อนไหวยุติการกระทำ เพราะสหกรณ์ฯ ได้ส่งหนังสือมาขอบคุณที่ตั้งกองทุนเยียวแก่ผู้เสียหายแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (23 มิ.ย.) วัดพระธรรมกาย ได้เตรียมคณะนำสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมในบริเวณเขตพื้นที่ภายในอุโบสถวัดพระธรรมกาย หลังมีกระแสข่าวว่าเป็นสถานที่ซ่องสุมกำลังพลและอาวุธ ส่วนการจัดวางกำลังและการตรวจอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ เป็นเพียงการเฝ้าระวังและป้อนกันมือที่ 3 เท่านั้น