ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - พ่อของผมชื่อสมเกียรติ ศรีจันทร์ เวลาพ่อของผมลงมาหาผม เขาจะพาไปบิ๊กซี พ่อจะซื้อของเล่นให้ พ่อของผมใจดีมาก ถึงแม้ว่าพ่อของผม ขาข้างขวาจะไม่ดีแต่พ่อของผมใจดี ผมรักพ่อ”....ข้อความซื่อๆ จาก ด.ช.ปองธรรม ศรีจันทร์ นักเรียน ม.1 หากใครได้อ่านคงต้องน้ำตาซึม หลังจากเกิดความสูญเสียครอบครัว “ศรีจันทร์” ต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงตลอดกาล
ไม่ว่า ด.ช.ปองธรรม หรือด.ช.วรายุส น้องชายคนเล็กจะยังทำใจไม่ได้พร้อมกับความเชื่อที่ว่าสักวันหนึ่งผู้เป็นพ่อจะกลับมาหาแต่เด็กน้อยจะรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่เขาโหยหาอยากให้ความสุข ความอบอุ่นที่ได้รับจากพ่อกลับมานั้นมันเป็นเพียงจิตใต้สำนึกที่เด็กในวัยขนานนี้รับไม่ได้
คุณจุฑามาศ ณ สงขลา อดีตบรรณาธิการสำนักพิมพ์สนุกอ่าน ผู้ผันตัวมาเป็นนักพยาการณ์มีชื่อระดับแถวหน้าของฟ้าเมืองไทย และเป็นเจ้าของพ็อคเก็ตบุ๊ก 54 เล่ม เปิดใจถึงความเป็นมาของหนังสือ “พ่อผมหายไปไหน” เพื่อหารายได้สมทบทุนการศึกษาแก่ 2 หนูน้อยว่าเธอมีศักดิ์เป็นอาของเมธัส หลังเกิดเรื่องมีความคิดเพียงอย่างเดียวว่า จะทำอย่างไรเพื่อหาทุนให้กับลูกชายคนตายซึ่งยังเด็กมาก และอยู่ในวัยเล่าเรียน
“รู้สึกสะเทือนใจมากเมื่อได้คุยกับเด็ก ด้วยความที่เราคุ้นเคยกับการทำหนังสือ จึงถามน้องเขาว่าถ้าป้าจะทำหนังสือแล้วให้หนูเขียนถึงพ่อ จะทำได้ไหม และจะทำอย่างไรปรากฏว่า ด.ช.ปองธรรม เดินไปหยิบกระดาษขนาด เอ 5 มาให้ดู ภาพที่เห็นคือน้องเขาเขียนบรรยายถึงความเสียใจ รวมทั้งความรู้สึกต่างๆพร้อมกับรูปที่เขียนให้กับพ่อ เราจึงบอกไปว่าแบบนี้คงไม่ได้นะ ถ้าหนูอยากทำต้องช่วยป้าด้วยตอนนั้นคิดขึ้นมาว่า ให้เขาเขียนบันทึกความรู้สึกต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.59 จนถึงวันที่ 30 พ.ค. รวมเวลา 1 เดือนพอดี อยากจะเขียนอะไร บอกอะไร ก็เขียนตามที่ชอบ จนถึงเวลามารับเราก็ตกใจ เศร้าใจกับความรู้สึกที่เขาระบายออกมา”
อดีต บก.สำนักพิมพ์ เล่าต่อไปว่า ความคิดของเขา 2 คนเขารับรู้ว่าพ่อได้จากโลกนี้ไปแล้วแต่เด็กก็คือเด็ก...เขาถามเราว่า ป้าครับใก้ลจะเปิดเทอมแล้วเดี๋ยวพ่อจะกลับมามอบตัวผมใช่ไหม....เราตอบไม่ถูก ตั้งหลักไม่ทันคือ แกยอมรับว่าพ่อถูกทำร้าย มีคนบอกว่าพ่อตาย แต่ก็เข้าใจด้วยว่าอีกไม่นานพอถึงเวลาพ่อจะกลับมา...หนังสือที่จัดพิมพ์ขึ้นเป็นอารมณ์เด็ก 2 คนที่บอกเรื่องราวต่างๆ เราคุยกับบรรณาธิการ ที่ดูแลเขาก็มีไอเดีย ขอการ์ตูน 2 ช่องจบ เพื่อมาประกอบเรื่อง เด็กก็รับปากว่าทำได้ภายใต้หัวข้อ...หนูทำอะไรที่โรงเรียนขณะพ่อสมเกียรติ ทำขนมปังอยู่...
สำหรับการออกแบบปก และเขียนภาพประกอบคุณจุฑามาศ บอกว่าในระหว่างรวบรวมต้นฉบับเพื่อส่งสำนักพิมพ์นั้นมีคุณพี่คุณอาใจดีแนะนำให้ติดต่อกับคุณมนตรี สามฉินโฉม นักวาดรูปซึ่งกรุณาให้เลือกใช้ภาพวาดต่างๆโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ต่อมาได้คุณเกียรติภูมิ แก้วปลั่ง มาเป็นคนออกแบบปก พอนำภาพขนมปังมาวางแล้วให้หมีพี่น้องมานั่งมองท้องฟ้าเวิ้งว้างข้างหน้า แล้วขึ้นชื่อหนังสือ “พ่อผมหายไปไหน”เจ้าตัวบอกเราว่าเห็นเพียงเท่านี้น้ำตามันรื้นขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
และต่อไปนี้จะเป็นบางช่วงบางตอนที่คัดมาจากหนังสือ “พ่อผมหายไปไหน” โดยด.ช.ปองธรรม ด.ช.วรายุส ศรีจันทร์ เรียบเรียงโดยจุฑามาศ ณ สงขลา.....
วันที่ 1 วันที่พ่อจากไป....1 พ.ค. 59 วันที่รู้ว่าพ่อจากไป ตอนแรกที่ผมรู้ว่าพ่อจากไปผมเสียใจมาก ผมกินข้าวแทบไม่ลง นอนไม่หลับ ตอนนั้นผมคิดถึงพ่อมาก ผมสงสารน้องมาก ผมไม่รู้จะบอกน้องยังไงว่าเราไม่มีพ่อแล้ว
วันที่ 3 พ.ค.59.....งานศพวันที่สอง.... ผมรักพ่อไม่มีวันไหนที่ผมจะทำใจได้ ผมภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกพ่อ พ่อของผมอยากให้ผมเป็นทหาร ผมจะสานฝันของพ่อให้สำเร็จ แต่พ่อครับ ทีแรกผมอยากเป็นตำรวจนะครับ แต่ตอนนี้ผมคงเปลี่ยนใจแล้ว
วันที่ 4 พ.ค. 59 งานวันสุดท้าย....วันนี้ผมก็ยังเสียใจอยู่ แต่วันนี้เป็นวันที่จะเผาพ่อของผมแต่ก็ไม่ได้เผาเพราะว่ากลัวคดีไม่คืบหน้าเลยเอาศพไปเก็บที่โลงเย็น ย่าเอาแต่ร้องไห้ โตขึ้นผมจะเป็นตัวแทนของพ่อดูแลย่านะครับ
วันที่ 9 พ.ค.59 ถึงแม้ว่าพ่อของผมจะขาพิการแต่ใจเขาไม่พิการ พ่อของผมไปทำอะไรให้ ทั้งที่พ่อของผมไม่ร฿จักพวกเขาแต่พวกเขามาทำร้ายพ่อของผม พวกเขาไม่มีพ่อหรือครับ
วันที่ 11 พ.ค.59 ผมอยากให้พ่อรู้ว่าไม่มีวันไหนที่ผมจะไม่รักและคิดถึง ผมจะทำให้พ่อสบายใจ ผมจะดูแลน้องแม่และย่าเองครับ ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะไม่มีพ่อแล้ว ผมจะรีบโตไวๆ นะครับ
วันที่ 16 พ.ค. 59 พ่อครับ วันนี้ผมที่ สตช.ไปเรียกร้องความเป็นธรรมให้พ่อแล้ว ผมจะไม่ยอมให้พ่อตายฟรี อ้อ! พ่อเคยบอกว่าจะพาผมไปขึ้นรถไฟฟ้า วันนี้ผมได้ขึ้นแล้วนะครับ
วันที่ 19 พ.ค.59 วันนี้ใก้ลถึงวันเกิดของพ่อแล้วนะครับ ผมนั้นอยากให้พ่อมีความสุขมากๆนะครับ พ่อไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะสวดมนต์ให้พ่อทุกคืนนะครับ
วันที่ 21 พ.ค.59 วันนี้เป็นวันเกิดของพ่อ ผมซื้อของขวัญแล้วพอถึงวันเกิดผมจะให้แต่ผมก็ไม่ได้ให้ ผมยังไม่ได้แกะของขวัญเลย ผมคิดถึงมาก ผมอยากให้พ่อแกะของขวัญ ผมจะเก็บของขวัญที่ผมซื้อให้พ่อ เอาไว้อย่างนี้นะครับ
วันที่ 23 พ.ค.59 วันนี้เป็นวันจันทร์ผมกับน้องหยุดเรียน พวกเราไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้พ่อที่ คสช.มีคนมาร่วมด้วยเยอะเลยครับ มีคนบอกผมว่าเราก็ไม่ได้สู้อยู่คนเดียว
วันที่ 27 พ.ค.59 วันนี้ผมรอโทรศัพท์จากพ่อ พ่อจะโทรมาบอกว่าจะมารับผมกับน้องไปนอนบ้านย่า น้องถามว่าพ่อจะมาไหมผมนึกได้ว่าพ่อตายแล้ว พ่อไปอยู่ที่ไหนหรอครับ
วันที่ 30 พ.ค.59 วันนี้โรงเรียนเปิดผมช่วยน้องแต่งตัวไปโรงเรียน พ่ออยากให้พวกเราเรียนสูงสูง ผมจะทำให้ได้แม่ไม่ว่าถ้าผมจะพาน้องไปหาย่าบ่อยๆ ผมจะรักย่าแทนพ่อเอง....
ช่วงท้ายการการสนทนากับคุณจุฑามาศ เธอบอกว่า หนังสือเล่มนี้ทางสำนักพิมพ์คิดราคาขาวดำจากการพิมพ์ 4 สีทั้งเล่ม ซึ่งทำให้ต้นทุนต่ำมากจำหน่ายราคาเล่มละ 300 บาท รายได้ทั้งหมดเมื่อหักค่าสำนักพิมพ์แล้วจะเก็บเป็นค่าเล่าเรียนของ ด.ช.ปองธรรม และด.ช.วรายุส ศรีจันทร์ ลูกชายของคนตายขณะนี้สั่งซื้อเข้ามาประมาณ 200 เล่มจากยอดทั้งหมด 3 พันเล่มจึงอยากเชิญชวนให้ผู้มีจิตเมตตาช่วยกันสนับสนุน
“มีบางท่านโอนเงินเข้ามา 1 หมื่นบาท แต่ขอหนังสือเพียงเล่มเดียว บางท่าน 2 พันบาทของ 2 เล่มทางเรารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นที่สุด หวังว่าจะได้รับความกรุณาหากว่าไปแล้วเรื่องราวที่เกิดขึ้นมีผลกระทบกับหลายคนเมธัส เองเขาอยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบยังมีภาพติดตาฝังใจ เรายังโชคดีที่มีคุณหมอบรรจบ ชุณหสวัสดิกุล กรุณานำสารโฮมีโอพาธีย์ ซึ่งใช้บำบัดจิตที่ตื่นตระหนกให้กลับมาเป็นปกติ ส่วนทางคดีให้ทางทนายอนันตชัย ไชยเดช ท่านทำอย่างสุดกำลังอยู่แล้วม ขอบพระคุณคนไทยทุกคน หนังสือพ่อผมหายไปไหน โดย ด.ช.ปองธรรม และด.ช.วรายุส สั่งซื้อโดยโอนเงินเข้าบัญชีนางธันยชนก ศรีจันทร์ ธนาคารกสิกรไทย สาชาลาดพร้าว 71 บัญชีออมทรัพย์ 012-8-83823-6 หรือโทรฯ 081-668-6965
...นี่คือฉากสุดท้าย หรือบทเริ่มต้นของการตื่นตัวต่อปัญหาต้นธารความยุติธรรมไทย โดยมีเจ้าพนักงานสอบสวน หรือตำรวจไทย ตกเป็นจำเลยสังคมอย่างช่วยไม่ได้..การรณรงค์ต่างๆ ที่ภาคประชาชนมีต่อคดีนี้เช่น “คนพิการ ถูกทำร้าย คนดีๆ ทำอะไรอยู่...ลูกตำรวจแล้วไง” ไปจนถึง “พ่อผมหายไปไหน” ล้วนแต่สะท้อนความรู้สึก หรืออาจเป็นการติดอาวุธทางปัญญาให้มวลชนรวมกลุ่มเพื่อสู้กับความไม่ถูกต้องแบบไม่จำเป็นพึ่งพาอำนาจรัฐ นั่นเพราะทัศนคติของสังคมไทยที่มีต่อผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ซึ่งดูเหมือนว่าจะกลายเป็น “ผู้พิฆาตสันติสุข”ไปเสียแล้ว.