เอเอฟพี/MGRออนไลน์ - โบลิเวียรวบตัวผู้ต้องสงสัยเป็นคนร้ายรวม 5 คน ในข้อหาพยายามฝึกอบรมเด็กชายคนหนึ่งให้ปลอมตัวเป็นบุตรชายของประธานาธิบดีอีโว โมราเลส โดยที่พวกเขายังจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ครอบครัวของเด็กผู้นี้ด้วย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่หลายๆ คนเปิดเผยกรณีอื้อฉาวที่คล้ายๆ ท้องเรื่องของละครน้ำเน่าเรื่องนี้เมื่อวันเสาร์ (11 มิ.ย.) ที่ผ่านมา
“คนร้ายบอกกับเด็กคนนี้ว่าจะจ่ายค่าเล่าเรียนของเขาทั้งหมดจนจบการศึกษา ตลอดจนยังจะให้ที่ดินแก่เขาแปลงหนึ่ง นอกเหนือจากจ่ายเงินให้พ่อแม่ของเด็กราว 15,000 ดอลลาร์แล้ว” อัยการสูงสุดโบลิเวีย รามิโร เกร์เรโร แถลงกับพวกผู้สื่อข่าว
ทางการโบลิเวียยังไม่ได้เปิดเผยชื่อผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวเหล่านี้ แต่ เกร์เรโร ระบุว่า คนเหล่านี้ใกล้ชิดกับ กาเบรียลา ซาปาตา อดีตแฟนสาวของประธานาธิบดีผู้ยังครองตัวเป็นโสดจนถึงบัดนี้ โดยที่ทั้งคู่มีบุตรชายด้วยกันคนหนึ่งซึ่งได้เสียชีวิตไปในปี 2009
ผู้ต้องสงสัยเหล่านี้ถูกตั้งข้อหาในความผิดฐานคบคิดกันกระทำผิดกฎหมาย, ค้ามนุษย์, และขัดขวางการปฏิบัติตามพันธกรณีของรัฐบาล
โมราเลส ซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนแรกของโบลิเวียที่เป็นชาวพื้นถิ่นดั้งเดิม ได้ออกมายืนยันว่าเขามีบุตรคนหนึ่งกับซาปาตา แต่บอกว่าทารกชายผู้นั้นเสียชีวิตภายหลังถือกำเนิดออกมาไม่นาน ขณะที่ซาปาตาเคยยืนยันเรื่อยมาว่าเด็กชายผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ ก่อนที่จะกลับเปลี่ยนแปลงเรื่องราวของเธอในช่วงหลังๆ นี้
ซาปาตาซึ่งปัจจุบันอายุ 28 ปี เคยเป็นผู้จัดการอาวุโสคนหนึ่งในโบลิเวียของกลุ่มกิจการด้านวิศวกรรม CAMC ของจีน เธอกำลังถูกกล่าวหาว่าใช้สายสัมพันธ์ที่มีอยู่กับประธานาธิบดีโมราเลส เพื่อให้บริษัทแห่งนี้ได้ทำสัญญากับรัฐบาลโบลิเวียรวมเป็นมูลค่าถึง 560 ล้านดอลลาร์
กรณีฉาวโฉ่ความสัมพันธ์ระหว่างโมราเลสกับซาปาตา และการที่ซาปาตาใช้ความผูกพันนี้มาเอื้อประโยชน์แก่บริษัทจีนที่เธอทำงานอยู่ ได้ถูกเปิดโปงกลายเป็นเรื่องร้อนระอุทางการเมือง ในช่วงเวลาเดียวกับที่โบลิเวียเวลานั้นกำลังเตรียมจัดการลงประชามติตัดสินประเด็นที่ว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดทางให้โมราเลส สามารถลงสมัครเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 4 หรือไม่
โมราเลสซึ่งปัจจุบันอายุ 56 ปี และดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมาตั้งแต่ปี 2006 ประสบความพ่ายแพ้ในการลงประชามติซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ต่อมาในเดือนเมษายน เขาได้เข้ารับการตรวจดีเอ็นเอตามคำสั่งของศาล เพื่อคลี่คลายกรณีที่ซาปาตาอ้างว่า บุตรชายที่เธอมีกับโมราเลสยังมีชีวิตอยู่
แต่ปรากฏว่า ซาปาตาปฏิเสธไม่ยอมนำตัวเด็กชายผู้นี้มารับการตรวจดีเอ็มเอ โดยกล่าวว่าพวกเจ้าหน้าที่การแพทย์ของรัฐซึ่งทำเรื่องนี้อาจจะปลอมแปลงผลการทดสอบ
ในท่ามกลางความฉาวโฉ่เหล่านี้ รัฐสภาได้เปิดการสอบสวนภายหลังรัฐบาลยอมรับว่า ซาปาตาได้ใช้พวกเจ้าหน้าที่และลูกจ้างของรัฐ ไปในการดำเนินธุรกิจของ CAMC ทว่าได้ลงมติตัดสินว่าโมราเลสไม่ได้มีความผิดในเรื่องเหล่านี้