ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - แม้จะปิดฉากไปแล้วสำหรับการแข่งขันรอบคัดเลือกเพื่อไปโอลิมปิก “ริโอเกมส์” ของ “ทีมนักวอลเลย์บอลหญิงไทย” แต่ดูเหมือนว่า ควันหลงของเรื่องนี้ยังคงเป็นสิ่งที่สังคมกีฬาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุกปาก เนื่องเพราะ “ต้นตอ” ของความผิดหวังไม่ใช่เรื่องของ “ฝีมือ” หากแต่เป็นเรื่องของ “เหตุผลทางธุรกิจ” ล้วน ๆ
แท็บเล็ตเจ้าปัญหา กฎกติกาที่ถูกนำมาใช้ใหม่ หรือกรรมการตามืดบอด มิใช่แก่นแกนของปัญหา หากแต่เป็นผลมาจากองค์กรที่มีชื่อว่า “สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB)”
แน่นอน สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวนักกีฬาทีมวอลเลย์บอลญี่ปุ่น ซึ่งชั่วโมงนี้ต้องยอมรับว่า “เป็นรอง” สาวไทยอย่างเห็นได้ชัด
ยิ่งเมื่อย้อนหลังกลับไปเมื่อ 4 ปีก่อน ในการแข่งขันรอบคัดเลือกเพื่อไปโอลิมปิก “ลอนดอนเกมส์” ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยก็เคยเจ็บช้ำน้ำใจด้วยน้ำมือของทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติญี่ปุ่นมาแล้ว
ทำไมทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยถึงไม่ได้ไปโอลิมปิก
ทำไมทีมวอลเลย์บอลญี่ปุ่นถึงต้องไปโอลิมปิก
และทำไมถึงเกิดเหตุการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้
นี่คือคำถามที่โลกต้องการรู้คำตอบ
…เมื่อคราวศึกการแข่งขันรอบคัดเลือกเพื่อไปโอลิมปิก ปี 2012 หรือ “ลอนดอนเกมส์” ในการแข่งขันแมตช์สุดท้าย ระหว่างทีมชาติญี่ปุ่น และทีมชาติเซอร์เบีย ซึ่งก่อนการแข่งขันของคู่นี้ ทีมชาติไทยมีคะแนนอยู่ในอันดับที่จะได้เข้ารอบไปโอลิมปิกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ หลังโชว์ฟอร์มเอาชนะทีมชาติคิวบา แชมป์โลก 3 สมัย ไปก่อนหน้านี้ โดยผลการแข่งขันสามารถออกมาในรูปแบบใดก็ได้ ไม่ว่าญี่ปุ่นที่ตีตั๋วไปแน่นอนแล้วจะชนะ 3-0, 3-1 หรือ เซอร์เบีย เป็นฝ่ายชนะ 3-0, 3-1 หรือ 3-2 ทีมชาติไทยก็จะยังได้ไปโลดแล่นที่ “ลอนดอนเกมส์” อยู่ดี โดยผู้แพ้ในการแข่งขันระหว่างญี่ปุ่นกับเซอร์เบียร์จะอดไปแทน
มีเพียงกรณีเดียวเท่านั้นที่สาวไทย และคนไทยทั้งประเทศจะอกหักอดไปสร้างประวัติศาสตร์ที่โอลิมปิกเกมส์ นั่นก็คือ ญี่ปุ่นต้องแพ้เซอร์เบีย 2 - 3 เซต ซึ่งหากเทียบฝีมือและฟอร์มการเล่นในช่วงนั้นแล้วต้องบอกว่า ทีมชาติญี่ปุ่นเหนือกว่าคู่แข่งจากยุโรปมาก
แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อผลการแข่งขันปรากฏว่า ญี่ปุ่นแพ้เซอร์เบีย 2-3 ทำให้คะแนนของทีมชาติไทยหลุดอันดับ พลาดโอกาสไปโอลิมปิกอย่างน่าเสียดาย ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงฟอร์มการเล่นของทีมชาติญี่ปุ่นที่ใครได้ดูต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “แปลก ๆ”
เกมการแข่งขันในวันนั้น ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายได้เซตแรกไปก่อน จากนั้นเซอร์เบียตามตีเสมอ 1-1 แล้วญี่ปุ่นก็ออกนำขึ้นมาเป็น 2-1 ก่อนที่จะถูกไล่ตามมาเป็น 2-2 และแพ้ 2-3 ในที่สุด จากสถิติของผู้เล่นฝ่ายญี่ปุ่น พบว่า มีการตีเสียและเสิร์ฟเสียเองจนผิดปกติ
กระแสวิพากษ์วิจารณ์ทีมชาติญี่ปุ่นเป็นไปอย่างกว้างขวาง โดยตั้งข้อสังเกตว่า เหตุที่ญี่ปุ่นยอมแพ้ในนัดนั้น เพียงแค่ต้องการกีดกันไม่ให้ทีมไทยไปโอลิมปิกเท่านั้น แต่ลึก ๆ แล้วญี่ปุ่นไม่ได้ต้องการแค่กีดกันไทย แต่บังเอิญการแข่งวอลเลย์บอลใน “ลอนดอนเกมส์” มีการจับสลากแบ่งสายในรอบสุดท้ายออกมาก่อน ซึ่งหากญี่ปุ่นชนะเซอร์เบียก็จะต้องไปอยู่ในสายที่แข็งกว่า แต่หากแพ้ 0-3 หรือ 1-3 ก็จะตกรอบอดไปแข่งโอลิมปิก สกอร์ 3-2 จึงวิน-วินกับทั้งญี่ปุ่น และเซอร์เบีย
มองในแง่กีฬาอาจจะต้องบอกไร้น้ำใจ - ขาดสปิริต แต่หากบอกในแง่ความสำเร็จ ก็ต้องบอกว่า ญี่ปุ่นคงตัดสินใจถูก เพราะสามารถฝ่าฝันเข้าไปจนได้อันดับที่ 3 คว้าเหรียญทองแดงให้กับประเทศได้
นั่นคือ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งไม่มีใครเชื่อว่า นักวอลเลย์บอลสาวไทยจะต้องมาเผชิญกับเหตุการณ์ซ้ำซากในอีก 4 ปีถัดมา กับจำเลยชาติเดิมคือ “ญี่ปุ่น”
ในการแข่งขันวอลเลย์บอลรอบคัดเลือกเพื่อไปโอลิมปิกที่ริโอ เดอ จาเนโร ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น ครั้งนี้ มีประเทศ 8 ประเทศเข้าร่วมแข่งขัน ประกอบด้วย ญี่ปุ่น (เจ้าภาพ) ไทย เกาหลีใต้ คาซัคสถาน โดมินิกัน เปรู เนเธอร์แลนด์ และ อิตาลี ซึ่งไทยมีลุ้นที่จะติด 1 ใน 4 ในเปอร์เซ็นต์ที่ค่อนข้างสูงพอสมควร และถ้าไม่มี “แท็กติกบางประการ” ในแมตช์ที่ต้องเจอกับญี่ปุ่น และสาวไทยพ่ายไป 2-3 เซต ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่วาดหวังไว้ทุกประการ
ในการแข่งขันวันนั้น มีจังหวะค้านสายตา ตั้งแต่เหตุการณ์ในเซตที่ 4 ญี่ปุ่นนำ 24-23 และไทยได้ขอเปลี่ยนตัว ทัดดาว นึกแจ้ง ลงมาเน้นเกมบล็อก แต่ว่าทางผู้ตัดสินไม่ยอมให้เปลี่ยนตัว ทำให้ญี่ปุ่นได้เซตนั้นไปครองเสมอกัน 2-2 เซต
ต่อมาในเซตสุดท้าย ทางโค้ชอ๊อต เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร ได้ขอชาเลนจ์ แต่ทางผู้ตัดสินไม่ให้ พร้อมกับแจกใบเหลือง และในจังหวะต่อมาก็ได้แจกใบแดงโค้ชอ๊อด ทำให้โค้ชอ๊อตรู้สึกงง ๆ และญี่ปุ่นได้แต้มฟรีมา 1 แต้ม
จังหวะปัญหาสุดท้าย เกิดขึ้นในช่วงที่ญี่ปุ่นนำ 13-12 คะแนน โค้ชอ๊อด ได้ขอเปลี่ยนตัว แต่ผู้ตัดสินก็ไม่ให้เปลี่ยน ทางนักวอลเลย์บอลไทยได้เข้าไปขอคำอธิบายจากกรรมการ จนกรรมการให้แต้มญี่ปุ่นขึ้นนำ 14-12 และจบเซตด้วย 15-13 คะแนน เอาชนะไทยไปได้
หลังจบการแข่งขันคอกีฬาทั่วโลกต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของคณะผู้ตัดสินซึ่งสังกัด FIVB อย่างหนักหน่วง แต่ดูเหมือนว่า FIVB จะไม่ใส่ใจ แถมยังเปิดฉากฉะทีมวอลเลย์บอลสาวไทยอีกต่างหาก
18 พฤษภาคม 2559 เว็บไซต์ FIVB หรือสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ ลงรายงานข่าวผลการแข่งขังวอลเลย์บอลหญิง แมตช์ทีมชาติไทยปะทะทีมชาติญี่ปุ่น ในรอบคัดเลือกโซนเอเชีย เพื่อชิงตำแหน่งไปโอลิมปิกเกมส์ ณ ประเทศบราซิล โดยระบุว่า การแข่งขันคู่ดังกล่าวเป็นไปอย่างดุเดือดสูสีที่เล่นกันนานถึง 5 เซต และชัยชนะก็ตกเป็นของเจ้าภาพอย่างทีมซามูไรสาวที่คืนฟอร์มกลับมาได้อย่างน่าทึ่ง รวมถึงยังกลายเป็นดรามาที่แม้แต่ สตีเวน สปีลเบิร์ก ก็ไม่อาจจินตนาการได้เลย
ในช่วงแรก ทางเว็บไซต์ FIVB เขียนบรรยายถึงการแข่งขันของทั้งสองทีมตามปกติ แต่ในเซตที่ 5 ซึ่งมีเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างเกิดขึ้นนั้น ทีมไทยนำห่างทีมญี่ปุ่นที่ 9-3 แต้ม โอกาสได้ตั๋วเข้าโอลิมปิกที่ประเทศบราซิลกำลังนอนมา แต่ก็เกิดเหตุการณ์ที่เรียกได้ว่า “ทำลายตัวเอง” อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในวงการกีฬา
นักกีฬาตัวสำรองและสตาฟฟ์โค้ชที่อยู่ ณ ที่นั่งข้างสนาม ได้หาเรื่องให้ทีมพบเจอบทเรียนราคาแพง ด้วยการขาดวินัยและมารยาท ลุกขึ้นมาถกเถียงกับกรรมการในขณะที่ทีมไทยนำอยู่ 12-7
และแทนที่จะหยุดอยู่แค่นั้น พวกเขากลับมีปากเสียงกับกรรมการต่อไป จนกระทั่งได้รับ 2 ใบแดงในเวลาต่อมา และกลายเป็นว่าทีมไทยได้มอบชัยชนะให้ทีมญี่ปุ่นด้วยตัวเอง
นอกจากนี้ FIVB ยังระบุว่า น้ำตาที่ไหลรินของสาวทีมชาติไทยขณะพวกเธอเดินออก จากสนาม สามารถบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดได้เป็นอย่างดี ความหวังที่ประเทศไทยจะได้ไปเยือนโอลิมปิกเกมส์เป็นครั้งแรกนั้น ริบหรี่จนแทบไม่เหลือเลย
รวมทั้งไม่ยอมรับการอุทธรณ์ของทีมไทย โดยนาย Andre Meyer ประธานการแข่งขัน ได้ส่งหนังสือตอบกลับเป็นจดหมายปิดผนึกถึงว่า ไม่สามารถยอมรับได้ เพราะไม่ได้เป็นไปตามกฎระเบียบการแข่งขันมาตรา 9 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอุทธรณ์หรือประท้วงการตัดสินใด ๆ ภายใน 1 ชั่วโมง หลังจากจบการแข่งขัน
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงเบื้องหน้าและเบื้องหลังถึงเหตุผลที่ FIVB ทำเสมือนหนึ่งต้องการให้ญี่ปุ่นได้ไปโอลิมปิกจนเนื้อตัวสั่น ก็มีความคิดเห็นที่น่าสนใจจากบุคคลที่มีชื่อว่า ดร.วิญญู สะตะ ผู้อำนวยการสำนักกิจการสาขาภูมิภาคที่ 3 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ซึ่งแม้จะไม่ใช่บุคคลในแวดวงกีฬา แต่ก็น่ารับฟังอยู่ไม่น้อย
ดร.วิญญู สะตะ ได้ทวีตถึง 19 เหตุผลที่ “ไทย” ต้องตกรอบเพื่อหลีกทางให้ “ญี่ปุ่น” ไปแข่งโอลิมปิก 2016 แทน เอาไว้อย่างมีเหตุมีผลว่า เป็นเรื่องของธุรกิจล้วน ๆ โดยสามารถสรุปสาระสำคัญได้ดังต่อไปนี้
1) ศึกวอลเลย์บอลหญิงคัดโอลิมปิก นอกจากเทคโนโลยีมีอิทธิพลเหนือเกม สิ่งที่เห็นคือ พัฒนาการเล่นของทีมชาติไทย กำลังก้าวข้ามไปสู่ระดับเวิลด์คลาส
2) ในขณะที่ฟอร์มทีมชาติไทยก้าวไปข้างหน้า มูลค่าการตลาดของผู้อุปถัมภ์รายใหญ่อยู่ที่ญี่ปุ่น มูลค่าเหล่านี้จะหายไปทันทีหากญี่ปุ่นพลาดตั๋วโอลิมปิก
3) FIVB เคยลิ้มรสการสูญหายของ Sponsor มูลค่ามหาศาลจนนำไปสู่การงดจัดรายการกรังด์ปรีซ์ระดับโลกมาแล้ว การเลือกต่อลมหายใจญี่ปุ่นคือการต่อลมหายใจ FIVB เอง
4) จีน เกาหลี ญี่ปุ่น และ ไทย คือ มหาอำนาจวอลเลย์บอลหญิงเอเชีย ในขณะที่จีนคว้าตั๋วใบแรกไปแล้ว เหลือที่นั่งใบเดียวคือแชมป์เอเชีย จึงจัดควบกับระดับโลก
5) การจัดชิงแชมป์เอเชียกับระดับโลกเข้าด้วยกัน เปิดกว้างให้มีโควตาเพิ่มเป็น 4 ใบและให้ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่เคยจัดเวิลด์คัพปีที่แล้ว
6) การเลือกเจ้าภาพคัดเวิลด์คัพปีที่แล้ว หมายมั่นให้ญี่ปุ่นได้ตั๋วใบแรก แต่เป็นจีนกับเซอร์เบีย คว้าไปก่อน ญี่ปุ่นอกหัก
7) การคัดเลือกโชนเอเชียควบระดับโลกจึงเป็นโอกาสสุดท้ายของญี่ปุ่น กระนั้นก็เกือบโดนทีมจากลุ่มน้ำเจ้าพระยาดับฝัน
8) การดับฝันสาวไทย คือ การต่อลมหายใจให้มี Japan ในโอลิมปิก และมันคือสายออกซิเจนของ FIVB ที่การันตีมูลค่า Sponsor มหาศาลคงอยู่
9) ชัยชนะของญี่ปุ่นจึงเป็นชัยชนะของ FIVB อย่างแท้จริง สาวไทยพ่ายแพ้จึงไม่ใช่พ่ายแพ้ต่อสาวญี่ปุ่น แต่เป็นการพ่ายแพ้ต่อ FIVB
10) FIVB ออกอาการดีใจจนออกนอกหน้า เมื่อทราบผลว่าญี่ปุ่นได้ตั๋วแบบเฉียดฉิวแสดงให้เห็นชัดเจนในการปกป้องแนวทางที่ตนทำไว้
11) FIVB ตำหนิโค้ชและนักกีฬาทีมชาติไทยขาดวินัย และชื่นชมอย่างออกนอกหน้าในชัยชนะของญี่ปุ่น สวนกระแสออนไลน์ทั่วโลก
12) ในขณะที่ FIVB ออกมาตำหนิทีมชาติไทย และยกย่องสปิริตญี่ปุ่น กระแสโลกออนไลน์ก็กระหน่ำเว็บไซต์และหน้าเพจ FIVB อย่างหนัก
13) ล่าสุด FIVB ออกมาแก้เขินลงข่าวคำสัมภาษณ์ของโค้ชเปรู กล่าวว่า ทีมชาติไทยคือทีมที่ดีที่สุดของเอเชียอย่างแท้จริง
14) แม้เพจ FIVB จะออกมายอมรับว่าทีมชาติไทย คือ ทีมที่ดีที่สุดในเอเชีย แต่ไม่ทำให้กระแสโจมตีหน้าเพจลดลงมีแต่เพิ่มทวีขึ้น
15) เพจ FIVB ไม่กล้าแม้จะลงข่าวความเคลื่อนไหวรายการนี้ กระนั้นชาวออนไลน์ยังไล่โจมตีไม่สนเรื่องที่โพสต์จนล่าสุดทะลุหลักแสน
16) ในขณะที่ดัชนีความเชื่อถือ FIVB เสื่อมศรัทธาลงอย่างหนักขณะนี้ แต่นักกีฬาสาวไทยกลับได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างมาก
เป็นความคิดเห็นที่น่ารับฟังไม่น้อย
...ดังนั้น ต้องบอกว่า วันนี้ แม้สถานการณ์จะไม่สามารถแก้ไขให้กลับคืนมาได้ และนักวอลเลย์บอลสาวไทยไม่ได้ไปริโอ แต่เชื่อเถอะว่า ทุกคนคือ “ขวัญใจ” ของคนไทยทุกคนตลอดกาล ซึ่งนั่นถือเป็นความยิ่งใหญ่ที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก FIVB