วานนี้ (12พ.ค.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการธุรกรรม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีมติให้อายัดทรัพย์สินจากการกระทำผิดของกลุ่มบุคคล ซึ่งเป็นสิทธิ์เรียกร้องในหนี้ตามข้อตกลงที่กรมควบคุมมลพิษจะต้องจ่ายให้แก่กลุ่มกิจการร่วมค้า NVPSKG ในคดีบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ว่า ปปง.ใช้อำนาจตามมาตรา 48 ของพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สั่งอายัดสิทธิเรียกร้องของกลุ่มกิจการร่วมค้า NVPSKG จากรัฐ ในการชำระเงินงวดที่ 2 ในวันที่ 21 พ.ค. และการชำระงวดที่ 3 ในวันที่ 21 พ.ย.นี้ ซึ่งตามกฎหมายปปง. สามารถทำได้ และทำมาเยอะแล้ว เพราะถือว่าสิทธิเรียกร้องเป็นทรัพย์สินชนิดหนึ่ง เรื่องนี้เป็นเรื่องของปปง. ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล และไม่ใช่เรื่องของคู่สัญญาอย่างกรมควบคุมมลพิษ อีกทั้งไม่ใช่การเบี้ยว หรือบิดพลิ้ว เพราะรัฐบาลพร้อมจะชำระ แต่เมื่อ ปปง.มีคำสั่งเช่นนั้น กระบวนการจึงต้องหยุดก่อน
นอกจากนี้ คำสั่งอายัดของปปง. ถือเป็นคนละเรื่องกับคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดที่รัฐจ่ายค่าเสียหายให้แก่กลุ่มกิจการร่วมค้า NVPSKG
ทั้งนี้ ปปง. มีอำนาจอายัดทรัพย์ได้ 90 วัน โดยกลุ่มกิจการร่วมค้าต้องมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงภายใน 30 วัน ถ้าไม่เกี่ยวข้อง ปปง.จะปล่อยไป แต่ถ้าเกี่ยวข้อง ปปง.ไม่เชื่อตามที่มีการชี้แจง จะมีการนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการปปง. เพื่อให้ลงมติว่าจะฟ้องต่อศาลให้ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินเลยหรือไม่ และถ้ามีมติให้ฟ้อง คดีจะไปสู่ชั้นศาล ปปง.เป็นโจกท์ กิจการร่วมค้าเป็นจำเลย ศาลตัดสินอย่างไร ก็ตามนั้น แต่ถ้ากิจการร่วมค้าชี้แจงได้จนปปง.ไม่ติดใจ ปปง.ถอนอายัดเมื่อไร รัฐบาลก็ยินดีจะจ่าย และถึงตอนนั้นหากจะเจรจาขอลดหย่อนอะไรกัน ก็แล้วแต่ ทั้งนี้ระหว่างที่มีการอายัด รัฐไม่จำ เป็นต้องจ่ายเงินในงวดที่ 2 และไม่มีดอกเบี้ยเพิ่ม
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่มีการเสนอให้รัฐบาลยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุด ให้รื้อฟื้นคดีคลองด่านขึ้นมาอีกครั้ง นายวิษณุ กล่าวว่า ขอพูดเท่าที่พูดได้ บางส่วนยังไม่สมควรที่จะพูด เนื่องจากต้องไปหาข้อมูลให้ชัดเจนกว่านี้ โดย 3–4 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเป็นผู้ดำเนินการ ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องหนึ่งที่มีคนเสนอทางออก แต่ตนขอยังไม่พูด เพราะเป็นสิ่งที่ตกลงกันไว้ว่า ยังไม่ควรที่จะพูดเรื่องนี้ เดี๋ยวเสียรูปคดี
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการยกแนวคำพิพากษาศาลฎีกา คดีค่าโง่ทางด่วนบางนา-บางปะกง 6,000 ล้านบาท ซึ่งศาลฎีกาฯ วินิจฉัยว่า เป็นสัญญาไม่ชอบกฎหมาย เพราะมีการทุจริตตามที่ป.ป.ช. ชี้มูล ทำให้รัฐบาลไม่ต้องจ่ายเงินชดใช้ให้กับบริษัทเอกชน มาเป็นแนวทางในการต่อสู้คดีนี้ นายวิษณุ กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการหยิบยกตัวอย่างเรื่องนี้ในที่ประชุม เพื่อให้เห็นอะไรบางอย่าง แต่หลายฝ่ายในที่ประชุมมองว่า เป็นคนละนัยกัน ส่วนการรื้อฟื้นคดีในศาลปกครองสูงสุดนั้น ตามมาตรา 75 ของกฎหมายจัดตั้งศาลปกครองบัญญัติว่า เมื่อคดีที่ศาลปกครองตัดสินถึงที่ สุดแล้ว หากปรากฏว่ามีข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลงไป ก็สามารถให้คู่กรณีหรือบุคคลที่มีส่วนได้เสียยื่นคำร้องขอให้ศาลปกครองรับเรื่องไว้พิจารณาใหม่ได้ แต่ต้องทำภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่รู้ หรือควรรู้ว่าข้อเท็จจริงมันเปลี่ยนแปลง ซึ่งตนไม่ขอตอบว่า กระบวนการดังกล่าวเริ่มต้นแล้วหรือไม่ และไม่ขอตอบว่า จะได้ความชัดเจนเรื่องนี้เมื่อใด เพราะตนก็ไม่ทราบ
เมื่อถามว่า การที่ ปปง.อายัดทรัพย์โดยอ้างคำพิพากษาของศาลอาญา ถือว่ามีแนวโน้มที่ดีต่อรัฐบาลหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ศาลอาญาไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว ศาลอาญาเพียงแค่ตัดสิน เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.58 ในคดีบุคคลที่เกี่ยวข้อง 3 ราย ประกอบด้วย นายปกิต กิระวานิช อดีตอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายศิริธัญญ์ ไพโรจน์พิบูรณ์ อดีตรองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และ นางยุวรี อินนา ขณะดำรงตำแหน่งนักวิชาการสิ่งแวดล้อม 7 เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.58 ว่ามีความผิดจริง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูล ซึ่งคำพิพากษาของศาล ยังพูดเลยไปว่า เนื่องจากไปกระทำสิ่งที่เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มกิจการร่วมค้า แต่ต้องเข้าใจว่ายังไม่ถึงที่สิ้นสุด ทราบว่าจำเลยได้อุทธรณ์ ขณะเดียวกัน กลุ่มกิจการร่วมค้า ไม่ได้เป็นจำเลยร่วมด้วย จึงจะเอาคำพิพากษาไปบอกว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เองไม่ได้ ดังนั้นในส่วนของรัฐที่จะไปดำเนินการอะไรตรงนี้ มันจะยาก
รองนายกฯ กล่าวว่า อีกเรื่องที่ตนขอย้ำว่า เรื่องนี้ป.ป.ช. เป็นคนชี้มูลและส่งฟ้องต่อศาลอาญา เลยถามว่าทำไมเมื่อเริ่มตั้งแต่ต้น ป.ป.ช.ไม่ฟ้องเอกชนไปด้วย ตรงนี้คือคำถามที่ยังต้องการคำตอบ เพราะมันเริ่มมาด้วยกัน มีผู้เกี่ยวข้องมาจำนวนหนึ่ง แล้วบอกว่าคนอื่นไม่เกี่ยวข้อง ปล่อยไปให้หมด เอาเฉพาะจำเลยทั้ง 3 คนนี้ แต่เมื่อศาลลงโทษ 3 คนนี้ ก็เป็นข้อเท็จจริงที่ยังไม่ควรพูด มีอะไรที่ต้องไปหาคำตอบบางอย่าง
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) เปิดเผยว่าหลังจากสตง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการชำระค่าโง่คลองด่าน ได้ประชุมหารือในการจ่ายเงินค่าเสียหายส่วนที่เหลือ ทำให้เห็นช่องทางในการยื่นเรื่องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้พิจารณาคดีใหม่ เพราะเห็นว่า ในการพิจารณาคดีของศาลปกครอง ไม่ได้นำข้อมูลในคดีอาญาในเรื่องดังกล่าวมาร่วมพิจารณา เช่น การฉ้อฉลของภาคเอกชน ตั้งแต่การซื้อที่ดิน และฉ้อฉลในคำสัญญาร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐ และล่าสุด ศาลอาญาก็เพิ่มมีการพิจารณาลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว อีกทั้ง การที่ ปปง. มีมติให้อายัดทรัพย์สินจากการกระทำผิดของกลุ่มบุคคล ซึ่งเป็นสิทธิ์เรียกร้องในหนี้ตามข้อตกลงที่กรมควบคุมมลพิษจะต้องจ่ายให้แก่กลุ่มกิจการร่วมค้าฯ ยิ่งเป็นผลดี ทำให้ยังไม่ต้องจ่ายเงินในงวดที่ 2 และ 3 โดยกรณีนี้ ต้องให้ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นกระทรวงการคลังเป็นผู้ยื่นเรื่องต่อศาลปกครอง เราจึงได้มีหนังสือไปยังกระทรวงการคลัง ให้ดำเนินการยื่นเรื่องต่อศาลปกครองกลาง ให้พิจารณาคดีใหม่ หาก กระทรวงการคลัง ไม่สะดวกในการยื่นเรื่อง ก็ขอให้มอบหมาย สตง. ดำเนินการแทน เพราะเรามีข้อมูลในส่วนนี้อยู่แล้ว
นอกจากนี้ คำสั่งอายัดของปปง. ถือเป็นคนละเรื่องกับคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดที่รัฐจ่ายค่าเสียหายให้แก่กลุ่มกิจการร่วมค้า NVPSKG
ทั้งนี้ ปปง. มีอำนาจอายัดทรัพย์ได้ 90 วัน โดยกลุ่มกิจการร่วมค้าต้องมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงภายใน 30 วัน ถ้าไม่เกี่ยวข้อง ปปง.จะปล่อยไป แต่ถ้าเกี่ยวข้อง ปปง.ไม่เชื่อตามที่มีการชี้แจง จะมีการนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการปปง. เพื่อให้ลงมติว่าจะฟ้องต่อศาลให้ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินเลยหรือไม่ และถ้ามีมติให้ฟ้อง คดีจะไปสู่ชั้นศาล ปปง.เป็นโจกท์ กิจการร่วมค้าเป็นจำเลย ศาลตัดสินอย่างไร ก็ตามนั้น แต่ถ้ากิจการร่วมค้าชี้แจงได้จนปปง.ไม่ติดใจ ปปง.ถอนอายัดเมื่อไร รัฐบาลก็ยินดีจะจ่าย และถึงตอนนั้นหากจะเจรจาขอลดหย่อนอะไรกัน ก็แล้วแต่ ทั้งนี้ระหว่างที่มีการอายัด รัฐไม่จำ เป็นต้องจ่ายเงินในงวดที่ 2 และไม่มีดอกเบี้ยเพิ่ม
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่มีการเสนอให้รัฐบาลยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุด ให้รื้อฟื้นคดีคลองด่านขึ้นมาอีกครั้ง นายวิษณุ กล่าวว่า ขอพูดเท่าที่พูดได้ บางส่วนยังไม่สมควรที่จะพูด เนื่องจากต้องไปหาข้อมูลให้ชัดเจนกว่านี้ โดย 3–4 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเป็นผู้ดำเนินการ ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องหนึ่งที่มีคนเสนอทางออก แต่ตนขอยังไม่พูด เพราะเป็นสิ่งที่ตกลงกันไว้ว่า ยังไม่ควรที่จะพูดเรื่องนี้ เดี๋ยวเสียรูปคดี
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการยกแนวคำพิพากษาศาลฎีกา คดีค่าโง่ทางด่วนบางนา-บางปะกง 6,000 ล้านบาท ซึ่งศาลฎีกาฯ วินิจฉัยว่า เป็นสัญญาไม่ชอบกฎหมาย เพราะมีการทุจริตตามที่ป.ป.ช. ชี้มูล ทำให้รัฐบาลไม่ต้องจ่ายเงินชดใช้ให้กับบริษัทเอกชน มาเป็นแนวทางในการต่อสู้คดีนี้ นายวิษณุ กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการหยิบยกตัวอย่างเรื่องนี้ในที่ประชุม เพื่อให้เห็นอะไรบางอย่าง แต่หลายฝ่ายในที่ประชุมมองว่า เป็นคนละนัยกัน ส่วนการรื้อฟื้นคดีในศาลปกครองสูงสุดนั้น ตามมาตรา 75 ของกฎหมายจัดตั้งศาลปกครองบัญญัติว่า เมื่อคดีที่ศาลปกครองตัดสินถึงที่ สุดแล้ว หากปรากฏว่ามีข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลงไป ก็สามารถให้คู่กรณีหรือบุคคลที่มีส่วนได้เสียยื่นคำร้องขอให้ศาลปกครองรับเรื่องไว้พิจารณาใหม่ได้ แต่ต้องทำภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่รู้ หรือควรรู้ว่าข้อเท็จจริงมันเปลี่ยนแปลง ซึ่งตนไม่ขอตอบว่า กระบวนการดังกล่าวเริ่มต้นแล้วหรือไม่ และไม่ขอตอบว่า จะได้ความชัดเจนเรื่องนี้เมื่อใด เพราะตนก็ไม่ทราบ
เมื่อถามว่า การที่ ปปง.อายัดทรัพย์โดยอ้างคำพิพากษาของศาลอาญา ถือว่ามีแนวโน้มที่ดีต่อรัฐบาลหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ศาลอาญาไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว ศาลอาญาเพียงแค่ตัดสิน เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.58 ในคดีบุคคลที่เกี่ยวข้อง 3 ราย ประกอบด้วย นายปกิต กิระวานิช อดีตอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายศิริธัญญ์ ไพโรจน์พิบูรณ์ อดีตรองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และ นางยุวรี อินนา ขณะดำรงตำแหน่งนักวิชาการสิ่งแวดล้อม 7 เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.58 ว่ามีความผิดจริง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูล ซึ่งคำพิพากษาของศาล ยังพูดเลยไปว่า เนื่องจากไปกระทำสิ่งที่เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มกิจการร่วมค้า แต่ต้องเข้าใจว่ายังไม่ถึงที่สิ้นสุด ทราบว่าจำเลยได้อุทธรณ์ ขณะเดียวกัน กลุ่มกิจการร่วมค้า ไม่ได้เป็นจำเลยร่วมด้วย จึงจะเอาคำพิพากษาไปบอกว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เองไม่ได้ ดังนั้นในส่วนของรัฐที่จะไปดำเนินการอะไรตรงนี้ มันจะยาก
รองนายกฯ กล่าวว่า อีกเรื่องที่ตนขอย้ำว่า เรื่องนี้ป.ป.ช. เป็นคนชี้มูลและส่งฟ้องต่อศาลอาญา เลยถามว่าทำไมเมื่อเริ่มตั้งแต่ต้น ป.ป.ช.ไม่ฟ้องเอกชนไปด้วย ตรงนี้คือคำถามที่ยังต้องการคำตอบ เพราะมันเริ่มมาด้วยกัน มีผู้เกี่ยวข้องมาจำนวนหนึ่ง แล้วบอกว่าคนอื่นไม่เกี่ยวข้อง ปล่อยไปให้หมด เอาเฉพาะจำเลยทั้ง 3 คนนี้ แต่เมื่อศาลลงโทษ 3 คนนี้ ก็เป็นข้อเท็จจริงที่ยังไม่ควรพูด มีอะไรที่ต้องไปหาคำตอบบางอย่าง
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) เปิดเผยว่าหลังจากสตง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการชำระค่าโง่คลองด่าน ได้ประชุมหารือในการจ่ายเงินค่าเสียหายส่วนที่เหลือ ทำให้เห็นช่องทางในการยื่นเรื่องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้พิจารณาคดีใหม่ เพราะเห็นว่า ในการพิจารณาคดีของศาลปกครอง ไม่ได้นำข้อมูลในคดีอาญาในเรื่องดังกล่าวมาร่วมพิจารณา เช่น การฉ้อฉลของภาคเอกชน ตั้งแต่การซื้อที่ดิน และฉ้อฉลในคำสัญญาร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐ และล่าสุด ศาลอาญาก็เพิ่มมีการพิจารณาลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว อีกทั้ง การที่ ปปง. มีมติให้อายัดทรัพย์สินจากการกระทำผิดของกลุ่มบุคคล ซึ่งเป็นสิทธิ์เรียกร้องในหนี้ตามข้อตกลงที่กรมควบคุมมลพิษจะต้องจ่ายให้แก่กลุ่มกิจการร่วมค้าฯ ยิ่งเป็นผลดี ทำให้ยังไม่ต้องจ่ายเงินในงวดที่ 2 และ 3 โดยกรณีนี้ ต้องให้ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นกระทรวงการคลังเป็นผู้ยื่นเรื่องต่อศาลปกครอง เราจึงได้มีหนังสือไปยังกระทรวงการคลัง ให้ดำเนินการยื่นเรื่องต่อศาลปกครองกลาง ให้พิจารณาคดีใหม่ หาก กระทรวงการคลัง ไม่สะดวกในการยื่นเรื่อง ก็ขอให้มอบหมาย สตง. ดำเนินการแทน เพราะเรามีข้อมูลในส่วนนี้อยู่แล้ว