xs
xsm
sm
md
lg

ซ่อนเล่ห์สุมหัวฮั้ว เสีย"ค่าโง่คลองด่าน"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**คดีค่าโง่คลองด่าน ที่ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง สั่งให้“กรมควบคุมมลพิษ”ปฏิบัติตามคำชี้ขาดคณะอนุญาโตตุลาการ จ่ายเงินผิดสัญญาค่างวดงาน 4 งวด บวกดอกเบี้ยกว่า 9 พันล้าน ที่กำลังอยู่ในความสนใจของประชาชนขณะนี้ นับเป็นความเสียหายของรัฐในคดีค่าโง่ ที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญาระหว่างรัฐกับเอกชนคดีแรกที่ถือว่าสิ้นสุดแล้ว
เท่ากับว่าเอกชน ที่เกี่ยวข้องซึ่งมีความเชื่อมโยงกับการเมืองรอรับเงินอย่างเดียว
สิ่งที่น่าสนใจคือ ทำไมรัฐจึงแพ้คดีอย่างราบคาบเสมือนไม่มีประตูสู้เช่นนี้ !
การหาคำตอบในเรื่องดังกล่าว ต้องย้อนกลับไปดูสาเหตุที่มีการบอกยกเลิกสัญญาซึ่งเกิดขึ้นในยุคที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กำลังเรืองอำนาจ มี ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ เป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญคือ การยกเลิกสัญญาครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากรัฐ แต่เป็นความต้องการของภาคเอกชน บนความสมยอมของรัฐบาลในขณะนั้น
**นี่คือประเด็นสำคัญที่เป็นต้นเหตุของการจ่ายค่าโง่คลองด่าน
รัฐบาลทักษิณ มีท่าทีขึงขังในขณะนั้นว่าจะต้องยกเลิกสัญญา ถึงขนาดพ.ต.ท.ทักษิณ ออกโรงให้สัมภาษณ์เอง ในวันที่ 25 ก.พ.2546 ว่า “จะต้องยกเลิกสัญญา หากไม่ดำเนินการเจ้าหน้าที่ก็จะมีความผิด”แต่ในความเป็นจริงกลับมิได้ยกเลิกสัญญาในทันที ตามที่มีการประโคมข่าว โดย ประพัฒน์ รับบททำหน้าที่สั่งยุติโครงการ
ต่อมามีการเจรจากับบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยประพัฒน์ อ้างเหตุผลว่า สัญญาดังกล่าวเป็นโมฆะ และจะไม่เจรจากับฝ่ายเอกชนอีก
“แม้ว่าบริษัทกลุ่มกิจการร่วมค้า จะยื่นหนังสือเพื่อขอให้ยกเลิกโครงการก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสียคลองด่าน และเรียกร้องให้เปิดให้มีการเจรจาภายใน 14 วัน ขอยืนยันว่า ไม่ว่าจะให้เวลาขนาดไหนก็คงตอบได้คำตอบเดียวคือ สัญญาดังกล่าวเป็นโมฆะตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องเจรจาอีกต่อไป ซึ่งที่สุดแล้ว บริษัทก็สามารถฟ้องร้องได้เลย”
ในวันเดียวกับที่ ประพัฒน์ท้าให้เอกชนฟ้อง ท่าทีของเอกชนก็ชัดเจนว่า ต้องการยกเลิกสัญญา โดยนายสุธี ธีรกุล ผอ.โครงการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียฯ ตัวแทนจากกลุ่มกิจการร่วมการค้า พร้อมทนายความ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ นายอภิชัย ชวเจริญพันธ์ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เพื่อขอยกเลิกสัญญา หลังจากที่กรมควบคุมมลพิษระบุว่า การทำสัญญาดังกล่าวเป็นโมฆะ เนื่องจากไม่ได้แจ้งการถอนตัวของ บริษัท NWWI
“กลุ่มกิจการร่วมค้าได้ปฏิเสธมาโดยตลอดว่า สัญญาไม่ได้เป็นโมฆะ และยืนยันว่า การลงนามในสัญญาได้ทำถูกต้อง นอกจากนี้ได้มีการก่อสร้างงานตามโครงการโดยมีวิศวกรที่ปรึกษาของกรมควบคุมมลพิษควบคุมอย่างใกล้ชิดเป็นระยะเวลา 5 ปี และสามารถก่อสร้างได้กว่าร้อยละ 98 แล้ว ดังนั้นการที่กรมควบคุมมลพิษกล่าวอ้างว่า สัญญาเป็นโมฆะ จึงไม่มีผลตามกฎหมาย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทำหนังสือขอยกเลิกสัญญา เพราะกรมควบคุมมลพิษทำผิดเงื่อนไข เป็นสาเหตุให้ยกเลิกสัญญาได้ คือ กรมควบคุมมลพิษผิดนัดการชำระเงินรวมทั้งหมด 3,200 ล้านบาท”
ประเด็นการฟ้องร้องในคดีบ่อบำบัดน้ำเสีย จึงไม่ใช่เรื่องรัฐยกเลิกสัญญา เพราะสัญญามีปัญหา หรือมีการทุจริตในโครงการนี้ แต่เป็นเรื่องที่“รัฐไม่ปฏิบัติตามสัญญา”สอดคล้องกับคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ระบุว่า “บริษัทได้ส่งมอบงานตามสัญญา งวดงานที่ 55-58 แล้วจริง เมื่อกรมควบคุมมลพิษไม่จ่ายค่างวดงาน จึงต้องตกเป็นฝ่ายผิดสัญญา จึงมีคำพิพากษาให้บังคับคดีตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ 12 ม.ค.54
ที่ให้กรมควบคุมมลพิษ ชำระเงินกับบริษัทเอกชนทั้ง 6 รวมดอกเบี้ย 9,058,906,853.61 บาท
**จึงต้องตั้งคำถามถึงผู้เกี่ยวข้องในขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมีท่าทีแข็งกร้าวให้ยกเลิกสัญญา ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ที่รับลูกมาดำเนินการ โดยอ้างว่าสัญญาเป็นโมฆะ และ อภิชัย ชวเจริญพันธ์ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ว่า ทำไมจึงไม่จ่ายเงินค่าก่อสร้างตามสัญญาจนกลายเป็นช่องโหว่ทำให้บริษัทเอกชนใช้เป็นเหตุในการฟ้อง จนชนะคดี
เพราะถ้ามีการจ่ายเงินค่างวดก่อนที่จะมีการยกเลิกสัญญา และสู้คดีในประเด็นปัญหาเกี่ยวกับการทำสัญญาว่ามิชอบด้วยกฎหมาย ก็จะทำให้รัฐมีโอกาสชนะคดีได้อยู่แล้ว เนื่องจากในคดีนี้ กรมควบคุมมลพิษยื่นฟ้องบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องในความผิดฐานฉ้อโกงสัญญา ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษา เมื่อวันที่ 12 พ.ย.52 ว่ามีการกระทำผิดร่วมกัน ทั้งข้าราชการ นักการเมือง และบริษัทเอกชน โดยมี วัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย รวมอยู่ด้วย แม้ว่าต่อมาศาลอุทธรณ์ จะกลับคำพิพากษายกฟ้อง แต่คดียังไม่สิ้นสุดเนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลฎีกา
ความจริงที่เกิดขึ้น ทำให้ตั้งข้อสังเกตได้ว่า การสร้างความสับสนให้คนเข้าใจไปว่า ปัญหาเกี่ยวกับสัญญาคลองด่าน ที่มีการฟ้องร้องเป็นเรื่องความมิชอบในสัญญานั้น เป็นภาพมายากลบเกลื่อนความจริงที่อาจจะมีการฮั้วกัน ระหว่างรัฐบาลทักษิณ กับบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเปิดช่องให้บริษัทเอกชน ได้เงินชดเชยจากการที่รัฐทำผิดสัญญา
**การติดตามเพื่อหาคนรับผิดชอบจ่ายค่าโง่นี้ จึงไม่ใช่การไปเรียกเงินจาก วัฒนา อัศวเหม ที่ทุจริตที่ดิน เพราะเป็นคนละประเด็นกัน แต่ต้องไปเรียกเก็บกับ ทักษิณ ประพัฒน์ และ อภิชัย เพราะเป็นตัวละครหลัก ที่เกี่ยวข้องกับการทำผิดสัญญา
กำลังโหลดความคิดเห็น