xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

อุโมงค์ไฟ “ช็อต” ชายหมูไหม้เกรียม เมื่อ สตง.ฟันเปรี้ยง “ฮั้ว” 39 ล้านนนน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - สะท้านไปถึงขั้วหัวใจชนิดที่ “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) อาจต้องหยิบ “ไวน์” ราคาแพงระยับมาดับทุกข์กันเลยทีเดียวเมื่อ “คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน” หรือ “คตง.” มีมติเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมาว่า “โครงการค่าใช้จ่ายในการประดับตกแต่งไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว(Motif of Light) ของ กทม.” หรือ “โครงการอุโมงค์ไฟ” ซึ่งใช้งบประมาณทั้งสิ้น 39.5 ล้านบาทนั้น ไม่เป็นไปตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ มีการทุจริตตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือ พ.ร.บ.ฮั้ว

พร้อมทั้งมีมติเห็นชอบที่จะดำเนินการเอาผิดต่อผู้กระทำความผิดทั้งหมด 9 รายคือ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. นางปราณี สัตยประกอบ ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว กทม. นายธวัชชัย จันทร์งาม ผู้อำนวยการกองการท่องเที่ยว กทม. นายยศศักดิ์ คงมาก ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กทม. ส่วนที่เหลืออีก 5 คนเป็นคณะกรรมการทีโออาร์ประกอบด้วย นายสิโรฒม์ แสงเจริญ น.ส.วันทนา เตชะสุวรรณ นายพงษ์พันธ์ ธัญญเจริญ นายมรกต ภูมิพานิชและนายสิทธิโชค อภิบาล

ทั้งนี้ สิ่งที่ คตง. โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ที่มี “นายพิศิษฐ ลีลาวชิโรภาส” เป็น ผู้ว่าฯ จะดำเนินการต่อไปก็คือ จะดำเนินการแจ้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อให้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแก่ผู้ว่าฯ กทม.รวมทั้งส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อให้ดำเนินการทางวินัยแก่เจ้าหน้าที่ละผู้ที่เกี่ยวข้อง

กล่าวสำหรับโครงการประดับไฟตกแต่งเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของ กทม.บริเวณลานคนเมืองนั้น ได้จัดทำเป็นซุ้มอุโมงค์ไฟประดับแอลอีดีจำนวน 5 ล้านดวง เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ 2559 โดยเริ่มเปิดไฟให้คนไทยและนักท่องเที่ยวได้ชมตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2558 เป็นเวลา 1 เดือน โดย บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด ชนะการประมูล และทำสัญญาไปเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2558

ทั้งนี้ ภายหลังเปิดให้ได้ชมก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความคุ้มค่ากับงบประมาณและภาษีอากรที่ต้องจ่ายไปให้กับโครงการนี้ โดยเฉพาะในโลกโซเชียลที่มีการนำไปเปรียบเทียบกันแบบชอตต่อชอตกับเทศกาลแสดงไฟของประเทศเบลเยียมที่ใช้ไฟไปเพียง 5.5 หมื่นดวง แต่กลับมีรสนิยมและดูดีกว่าอุโมงค์ไฟของ กทม.ที่ใช้หลอดแอลอีดีไปถึง 5 ล้านดวงเป็นไหนๆ

และสิ่งที่ตามมาภายหลังเห็นว่าอุโมงค์ไฟมูลค่า 39 ล้านซึ่งปรากฏอยู่ข้างหน้าไม่สวยสมกับงบประมาณที่จ่ายไปก็คือการตรวจสอบ “พิรุธ” และร่องรอยของ “ความผิดปกติ” ที่เกิดขึ้น ทั้งที่เป็นเพียงการจัดจ้างแสดงไฟประดับ โดย กทม.อ้างว่าแพงเพราะเป็น “งานทำมือ” แต่ที่สำคัญหลอดไฟ LED และหลอดไฟคริสตัล 3 มิติ รวม 5 ล้านดวงเป็นลักษณะ “การเช่า” เท่านั้น

จากนั้นก็ตามมาด้วยการตรวจสอบว่า บริษัท คิวโร โอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัดนี้มีใครเป็นเจ้าของและมีความสัมพันธ์กับ กทม.อย่างไร และในที่สุดก็พบพิรุธสารพัดสารพันเกิดขึ้น เพราะโดยข้อเท็จจริงก็คือบริษัทแห่งนี้จดทะเบียนเป็นบริษัทที่มี “กิจการนำเที่ยว” เป็นหลัก เรียกง่าย ๆ คือ “บริษัททัวร์” โดยเคยจัดคณะทัวร์ต่างประเทศให้แก่ กทม. แต่เมื่อช่วงเดือนกันยายน 2558 ได้แจ้งขอเพิ่มวัตถุประสงค์ประกอบกิจการต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยมีบางข้อที่เกี่ยวข้องกับการรับจัดงานแสดงสินค้า งานประชาสัมพันธ์ รับประมูลงานจากหน่ายงานรัฐ และจำหน่วยไฟประดับตกแต่ง กระทั่ง สตง.เข้ามาตรวจสอบและ และพบว่า เข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้ว

ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบที่ สตง.สรุปเอาไว้เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2559 มีสาระสำคัญดังต่อไปนี้คือ

1.กรุงเทพมหานครอนุมัติเงินงบกลาง ประเภทเงินสำรองจ่ายทั่วไป กรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดจ้างเหมาโครงการ ซึ่งเป็นการอนุมัติงบประมาณที่ไม่ถูกต้อง ผิดวัตถุประสงค์ เนื่องจากการใช้จ่ายงบกลางจะต้องดำเนินการกิจการที่เป็นเรื่องเร่งด่วน หรือฉุกเฉิน เพื่อป้องกัน แก้ไขและบรรเทาปัญหาแก่ประชาชนในพื้นที่ เช่น ภัยน้ำท่วม ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเสนอให้สภากทม. แต่ไม่ได้รับการเห็นชอบ ต่อมาผู้ว่าฯ กทม. พยายามผลักดันที่จะใช้งบกลางดังกล่าวอีกครั้ง

2.การจัดจ้างโครงการไม่เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้วประมูล โดยพบว่าผู้บริหารระดับสูง รวมเจ้าหน้าที่ 9 ราย และเอกชนทั้ง 3 ราย ได้แก่ บริษัท จิปาถะ ไอเดีย จำกัด, บริษัท สยาม เอ็ม อี อี จำกัด และ บริษัท คิวริโอ ทัวร์ จำกัด มีพฤติการณ์ที่เอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน ร่วมกันเสนอราคาโดยหลีกเลี่ยงการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม รวมทั้งพบว่าบริษัทที่เข้าร่วมประมูลไม่เคยประกอบธุรกิจเช่นนี้มาก่อน โดยจดทะเบียนเพิ่มวัตถุประสงค์ให้ตรงกับทีโออาร์ รวมถึงคณะกรรมการทีโออาร์ ไม่สืบราคาตามอำนาจหน้าที่ แต่ใช้ข้อมูลการสืบราคาที่ผู้บริหารระดับสูงสืบราคาให้

หนักไปกว่านั้นคือ สตง.มีข้อมูลด้วยว่า บริษัท คิวริโอ ทัวร์ มีการนำเข้าอุปกรณ์แสดงอุโมงค์ไฟจากประเทศจีนมาล่วงหน้าถึง 3 ล็อตก่อนที่จะได้รับคัดเลือกจาก กทม.ด้วยซ้ำ แถมยังเป็นการนำเข้าทางเรืออีกต่างหาก ซึ่งนั่นหมายความว่า บริษัทแห่งนี้รู้อยู่แก่ใจแล้วว่า ต้องชนะการประกวดราคา ใช่หรือไม่

ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศราได้ทำการตรวจสอบข้อมูลเอกสารการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเอกชนทั้ง 3 ราย ที่เข้าร่วมการประกวดราคาโครงการนี้ คือ บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด (ผู้ชนะการประกวดราคา) บริษัท สรรค์สร้าง จำกัด (คู่เทียบการเสนอราคา) และ บริษัท จิปาถะ ไอเดีย จำกัด (ร่วมซื้อซองประกวดราคาแต่ไม่ได้ยื่นซองประกวดราคา) ทำให้พบหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชี้ให้เห็นว่า บริษัทเอกชนทั้ง 3 แห่ง มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันผ่านพฤติการณ์ของ หญิงสาว จำนวน 4 ราย ดังต่อไปนี้

หญิงสาวคนแรก “น.ส.คณัณญา จรูญภาพิมล”

ปรากฏชื่อเป็นผู้รับมอบอำนาจจากกรรมการผู้มีอำนาจของ 3 บริษัท ไปติดต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แจ้งวัตถุประสงค์ประกอบธุรกิจจำหน่าย ปลีก-ส่ง ไฟฟ้าประดับตกแต่ง ไฟฟ้าให้แสงสว่างทุกชนิด เพิ่มเติม ก่อนเข้าซื้อซอง

หญิงสาวคนที่สอง 'น.ส.สิริพร ชาวปราการ'

ปรากฏข้อมูลเชื่อมโยง 3 บริษัท ดังนี้

หนึ่ง - บริษัท จิปาถะ ไอเดีย จำกัด - น.ส.สิริพร ปรากฏชื่อเป็นผู้ก่อการตั้งบริษัท ผู้ถือหุ้น(ช่วงแรก) จองชื่อตั้งบริษัท และเป็นผู้ทำบัญชีให้บริษัทตั้งแต่ช่วงตั้งบริษัทฯ จนถึงปัจจุบัน

สอง - บริษัท สรรค์สร้าง จำกัด - น.ส. สิริพร ปรากฏชื่อเป็นพยานลงลายมือชื่อรับรอง การรับมอบอำนาจของ น.ส.คณัณญาไปติดต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แจ้งวัตถุประสงค์ประกอบธุรกิจจำหน่าย ปลีก-ส่ง ไฟฟ้าประดับตกแต่ง ไฟฟ้าให้แสงสว่างทุกชนิด เพิ่มเติม ก่อนเข้าซื้อซอง

สาม-บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด - น.ส.สิริพร ปรากฏชื่อเป็นพยานรับรองการมอบอำนาจของบริษัทเพื่อติดต่อกรมพัฒนาธุรกิจฯ มาตั้งแต่ปี 2557

นอกจากนี้ น.ส. สิริพร ยังปรากฏชื่อ เป็นผู้รับทำบัญชีให้บริษัทฯ ตั้งแต่ช่วง ตั้งบริษัท ถึงปัจจุบัน

หญิงสาวคนที่สาม “น.ส.กมลวรรณ บุษปวนิช”

ปรากฏชื่อเป็นพยานรับรอง การรับมอบอำนาจของน.ส.คณัณญา ไปติดต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แจ้งวัตถุประสงค์ประกอบธุรกิจจำหน่าย ปลีก-ส่ง ไฟฟ้าประดับตกแต่ง ไฟฟ้าให้แสงสว่างทุกชนิด เพิ่มเติม ก่อนเข้าซื้อซอง ของ บริษัท จิปาถะ ไอเดีย จำกัด และ บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด

และยังปรากฏชื่อเป็นพยานรับรองการมอบอำนาจของบริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด เพื่อติดต่อกรมพัฒนาธุรกิจฯ มาตั้งแต่ปี 2557 ร่วมกับ น.ส. สิริพร ชาวปราการ

หญิงสาวคนที่สี่ “น.ส.วิวรรธณี ปัญญาไว”

ปรากฏชื่อเป็นพยานในการมอบแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์บริษัท เมื่อ 17 ก.ย.56 และเป็นผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท เมื่อ 1 ก.ย.57 ของ บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด และเป็นพยานในการมอบอำนาจจัดตั้งบริษัท จิปาถะ ไอเดีย จำกัด

และที่ต้องขีดเส้นใต้ก็คือ ยังพบข้อมูลเพิ่มเติมว่า น.ส.คุณัณญา จรูญภาพิมล และ นางสาวกมลวรรณ บุษปวนิช ยังทำธุรกิจส่งออก-นำเข้าปาล์มน้ำมัน ซากสัตว์ แช่แข็งมีชื่อว่า บริษัท เคเอ็มเอส ซัพพลายส์ จำกัด โดย น.ส.คุณัณญาปรากฏชื่อเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ และ นางสาวกมลวรรณ เข้าไปถือหุ้นอยู่ด้วย

บริษัทฯ แห่งนี้ จดทะเบียนเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2556 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 9/1 ซอยศรีสมุทร 1 ถนนศรีสมุทร ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ แจ้งที่อยู่เดียวกับ บริษัท จิปาถะไอเดีย จำกัด, สำนักงานบัญชีชื่อว่า ‘คุฑาทิพธิ์ การบัญชีและกฎหมาย’ และใช้เบอร์โทรศัพท์เดียวกัน

นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเสนอให้เพิ่มข้อกล่าวหากับบริษัท คิวริโอ้ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า บริษัทนี้ถือว่าเป็นบริษัทสารพัดนึก มีการจัดอีเวนต์โฆษณาการท่องเที่ยว กทม.ในต่างประเทศ โดยมีเอกสารว่าสำนักวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจ้างบริษัทนี้ 9 ครั้ง ครั้งแรกในปี 2553 ทำมาเรื่อยๆ จนถึงปี 2558 รวมงบประมาณ 36 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีโครงการในปีงบประมาณ 2558 มีการจัดซื้อเครื่องดนตรีไทยซึ่งบริษัทนี้ก็ได้งานอีก ทั้งที่เพิ่งจดทะเบียนเพิ่มวัตถุประสงค์ในปี 2558 จากนั้นก็ส่งมอบของใช้วงเงินกว่า 2 ล้านบาท มีการต่อรองราคาลดลงไปประมาณพันกว่าบาท ทำให้น่าสงสัยเพราะบริษัททัวร์ทำไมขายทุกอย่าง ถ้าเข้าไปใน กทม.คนจะรู้จักหมด คือ “ทัวร์ก้อย” โดยมีการทำมาหากินในการพา ส.ก.และ ส.ข.ทัวร์นอกด้วย โดยตนเองทราบมาว่าเจ้าของบริษัทเพิ่งสร้างบ้านใหม่หลังใหญ่ช่วงที่มีการประดับไฟอยู่ที่ถนนเฉลิมพระเกียรติ 23 ทั้งนี้จะยื่นให้ สตง.สอบภายในสัปดาห์หน้า

คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะชี้แจงหรือแก้ตัวว่าอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ยืนยันมาโดยตลอด “โครงการนี้ไม่มีปัญหาดีที่สุดในโลกและสุดคุ้ม”

4 พฤษภาคม 2559 บรรดา “กองแช่ง” และ “กองเชียร์” ที่คาดหวังว่าจะได้สัมผัสกับ “สปิริต” ด้วยการประกาศลาออก ก็ผิดหวังไปตามๆ กันเมื่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ตั้งโต๊ะแถลงข่าวโดยแทบมิได้ชี้แจงแถลงไขหรืออรรถาธิบายสิ่งที่ คตง.มีมติว่า “ผิด” เลยแม้แต่น้อย ราวกับเป็นการแถลงข่าวอย่างปัจจุบันทันด่วนโดยที่มิได้เตรียมเนื้อเตรียมตัวมาแต่อย่างใด แถมคุยฟุ้งด้วยว่า โครงการฉาวโฉ่ดังกล่าวประสบความสำเร็จล้นหลาม

“มีคนเข้าชมงานไฟเนี่ยเกือบ 1.7 ล้านคน และการใช้จ่ายในพื้นที่ที่เราได้จัดไว้ในระยะเวลา 33 วันนั้น 10 ล้านกว่าบาทครับ อันนี้ยังไม่ได้นับร้านค้าที่อยู่บริเวณพื้นที่โดยรอบนะครับ ลองไปถามดูสิว่าช่วงนั้นขายเป็นยังไง สิบล้านครับ สมมติถ้าโครงการนี้จ่าย 39 ล้าน หนึ่งล้านหกแสนเจ็ดหมื่นกว่าคนเนี่ยมาชมงานหากออกมาตกหัวละ 20 กว่าบาทครับ แล้วไม่นับที่ส่งต่อไปทางโซเชียลมีเดียต่อไปนะครับ ถ้าหนึ่งคนแชร์สิบคน ก็คูณไปครับ 16 ล้าน 17 ล้าน อันนี้มันนับลำบากครับ แต่ทุกท่านที่ไปงานไฟเนี่ยก็จะเห็นว่าชาวต่างชาติเนี่ยไปมากมาย”

“ดังนั้นผมขอยืนยันครับ ขอยืนยันว่านโยบายเป็นนโยบายที่ถูกต้อง ตามความเห็นของผม และถ้า สตง.มีปัญหาเรื่องนี้ก็ควรจะให้คำแนะนำตั้งแต่ต้นครับ อย่าลืมนะครับว่า ในอันดับแรก สตง.ต้องให้คำแนะนำเรื่องการใช้งบประมาณ แต่ไม่มีการให้คำแนะนำ แล้วผมถือว่าเป็นเรื่องนโยบาย ผมไม่ได้มาอยู่ตรงนี้เพื่อไม่ทำอะไรเลย อยู่นิ่ง ยอมรับสภาพ ยอมให้การท่องเที่ยวมีปัญหา ยอมให้พี่น้องประชาชนไม่มีโอกาส (ชูนิ้วชี้) ผมไม่ได้มาอยู่ตรงนี้เพื่อการนี้ครับ และใครที่คิดว่าผมจะมาอยู่ตรงนี้เพื่อการนี้ผมก็ช่วยไม่ได้ครับ ผมช่วยไม่ได้จริงๆ ครับ”

ขณะเดียวกัน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ยังขู่ด้วยว่า นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการที่จะต้องดำเนินการต่อไป ยังไม่มีใครผิดใครถูกตามกฎหมาย ดังนั้น ใครจะเขียนอะไรต้องระวังเรื่องกฎหมาย เพราะนับจากนี้ไปจะ “ฟ้อง” แบบไม่ไว้หน้า

งานนี้ คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า งานนี้ จุดจบของ “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์” จากวิบากกรรม “โครงการอุโมงค์ไฟ” อย่างไร....เพราะหากไล่เรียงข้อมูลดูแล้วกล่าวได้คำเดียวว่า “รอดยาก” เพราะข้อมูลที่ออกมาจาก สตง.นั้นชี้ชัดในทุกประเด็น

เฉกเช่นเดียวกับความสัมพันธ์กับ “พรรคประชาธิปัตย์” ที่ตลอดการแถลงข่าว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์แสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่า ได้ “ตัดญาติขาดมิตร” กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วดังได้ประกาศเอาไว้ว่า “ผมขอพักผ่อนได้ไหมครับ ผมมีอยู่พัก(พรรค) เดียวครับ คือพักผ่อนครับ”



กำลังโหลดความคิดเห็น