ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ยังคงตั้งตระหง่าน ณ ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้คนไทยได้เชยชมกันต่อไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคมนี้ สำหรับ “แผงไฟ LED” สนนราคาค่าเช่า 39 ล้าน ผลงานอันเอกอุของ กทม.ภายใต้การบริหารของ “ชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.ขวัญใจมหาชน
“ผู้ว่าฯสุขุมพันธุ์” บอกไว้ในวันเปิดซุ้มไฟเมื่อปลายปีก่อนด้วยว่า “เป็นของขวัญที่ กทม.ตั้งใจมอบให้คนกรุงเทพฯและคนไทย ทุกคนหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสุขในปีใหม่นี้”เจ้า “ซุ้มอุโมงค์ไฟ LED” ที่จัดทำขึ้นตามคอนเซ็ปต์ “กรุงเทพฯ แสงสีแห่งความสุข” (Bangkok Light of Happiness) ที่ลานคนเมือง ถือเป็น“แลนด์มาร์ก” ยอดฮิตที่มีการกล่าวขวัญถึงตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา แบบที่ว่าใครได้ไปชมต้องเอามือทาบอกอุทานว่า “เป็นบุญตา” จริงๆ
คนทำโว “คุ้มค่า” - คนไปดูบอก “กากมาก”
ดูเหมือน "คุณชายหมู" จะมั่นอกมั่นใจกับโปรเจ็กต์นี้เป็นพิเศษจนกล้าเที่ยวโพนทะนาว่า แค่ไปเห็นครั้งหนึ่งในชีวิต ก็มีค่าเกินกว่า "ตัวเงิน" ที่สูญเสียไป ตอกกลับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องความคุ้มค่าของโครงการ
จากความไม่พอใจในตัวผู้ว่าฯกทม.เป็นทุนเดิม ผสมกับอารมณ์หมั่นไส้กับคำพูดที่ดูเหมือนจะไม่แยแสกับเสียงติติง ส่งผลให้ “แผงไฟ LED 39ล้าน” กลายเป็นประเด็นล้วงแคะแกะเกาใน “โลกโซเชียล” จนเหวอะหวะ เริ่มจากรูปแบบ-คอนเซ็ปต์ “ลานคนเมืองสวนสวรรค์” ที่ออกจะไปคล้ายคลึงกับซุ้มไฟระย้าในต่างประเทศ ทั้งที่เทศกาลไฟประดับเมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น หรือเทศกาลไฟประดับเมืองเกนท์ ประเทศเบลเยียม
แบบนี้ภาษาสวยๆ เรียก “แรงบันดาลใจ” แต่ภาษาชาวบ้านเรียก “เลียนแบบ”
ไม่เพียงเท่านั้น “ทีมชายหมู” ยังคงมั่นอกมั่นใจในความ “อลังการเวอร์วัง” กว่าของที่อื่น อวดโอ้ว่าใช้งบประมาณ 39 ล้านบาท จัดเต็มใช้ LEDไปทั้งหมด 5 ล้านดวง จนคนฟังต้องร้องอู้หู!! แต่พอนำภาพถ่ายมาเทียบกันชอตต่อชอตกับเทศกาลแสดงไฟของประเทศเบลเยียม ที่ใช้ไฟไปเพียง 5.5 หมื่นดวง ก็มีอาการ “ถุย!!” พร้อมกันแบบไม่นัดหมาย
ไม่เท่านั้นคนยังขำกันกลิ้งก็กระทู้ในหัวข้อ “ลานคนเมือง กทม. กับไฟ 39 ล้าน เป็นสถานที่เคาท์ดาวน์ที่กากมาก” โดยผู้เขียนที่ใช้ชื่อว่า“จุ๋มจิ๋มเดินป่า” ที่โพสต์ในเวบไซต์ชื่อดังอย่าง “พันทิป” จนมีคนกดไลค์กดแชร์กันกระหน่ำ เนื้อหาว่าไปถึงบรรยากาศที่ได้ไปร่วมดาวน์นับถอยหลังขึ้นปีใหม่ที่ลานคนเมือง เคียงคู่ “แผงไฟ LED” แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง
ผู้เขียนบรรยายตอนหนึ่งว่า “จุดพีคเลยคือตอนเคาท์ดาวน์ พิธีกรประกาศออกไมค์ 5 4 3 2 1.... เงียบ ให้ตายยย แทบได้ยินเสียงจิ้งหลีด ทุกคนยืนเอ๋อ... พร้อมได้ยินเสียงพึมพำ “ไหนวะพลุ” ไม่มีพลุ หรือดอกไม้ไฟอะไรเลย เคาท์ดาวน์จริงๆ มีแค่นับถอยหลัง อยากจะร้องไห้...”
บางความเห็นถึงขนาดเหน็บแรงว่า สมองเท่าเม็ดถั่วจัดแค่ “งานวัด” ยังแย่หาญกล้าจะผุด “แลนด์มาร์ค” เทียบกับงานระดับเวิลด์คลาส
เป็นนิยามที่ขยายความคำว่า “กากมาก” ได้เป็นอย่างดี
พิรุธประมูลงาน-ถลุงงบ กทม.จนถังแตก
ความรู้สึกไม่คุ้มค่า และความไม่เหมาะสมในการใช้จ่ายงบประมาณซึ่งมาจาก “ภาษีประชาชน” ที่ “ทีม กทม.” โฆษณาออกมา “แผงไฟ LED 39ล้าน” จึงถูกขุดคุ้ยต่อไปถึงการจัดซื้อจัดจ้าง ที่มี “ปมพิรุธ” เพียบไปหมด โดยล่าสุด สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เริ่มเข้าตรวจสอบและพบความผิดปกติ ทั้งการใช้งบประมาณสูงเว่อร์ถึง 39.5 ล้านบาท ทั้งที่เป็นเพียงการจัดจ้างแสดงไฟประดับ โดย กทม.อ้างว่าแพงเพราะเป็น “งานทำมือ” แต่ที่สำคัญหลอดไฟ LED และหลอดไฟคริสตัล 3 มิติ รวม 5 ล้านดวงเป็นลักษณะ “การเช่า” เท่านั้น
โดยสามารถแจกแจงงบประมาณ 39.5 ล้านบาท ได้ดังนี้ ค่าประกอบและสร้างแผงไฟให้เป็นลวดลายมีสีสันสวยงาม 29.51 ล้านบาท ค่าออกแบบจัดทำโครงสร้าง 2.9 ล้านบาท ค่าแนวคิด 2 แสนบาท ค่ารื้อถอนโครงสร้าง 4 แสนบาท นอกจากนั้นเป็นรายจ่ายยิบย่อยที่ดูจะ “ซ้ำซ้อน” กันเอง อาทิ ค่าติดตั้งระบบไฟฟ้า ค่าติดตั้งแผงไฟ และค่าตรวจสอบดูแลระบบ เป็นต้น
ยังมีพิรุธสำคัญเกิดขึ้นในช่วงขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้างที่กินเวลาเพียง 1 เดือนเศษเท่านั้น โดยเริ่มประกาศร่างข้อกำหนดและขอบเขตงาน (TOR) เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2558ออกประกาศเชิญชวนประกวดราคาเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 เอกชนเสนอราคาเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2558ประกาศผลและลงนามในสัญญาจัดจ้าง เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2558
แต่ปรากฏว่า “ผู้รับจ้าง” คือ บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด ได้เข้าพื้นที่ลานคนเมืองเพื่อเริ่มดำเนินการไปก่อนแล้ว ทั้งที่ยังไม่ประกาศผลการประกวดราคาและลงนามเซ็นสัญญาจ้าง
มีข้อมูลเปิดเผยด้วยว่า “บ.คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล” จดทะเบียนเป็นบริษัทที่มี “กิจการนำเที่ยว” เป็นหลัก เรียกง่ายๆคือ “บริษัททัวร์” แต่เมื่อช่วงเดือนกันยายน 2558 ได้แจ้งขอเพิ่มวัตถุประสงค์ประกอบกิจการต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยมีบางข้อที่เกี่ยวข้องกับการรับจัดงานแสดงสินค้า งานประชาสัมพันธ์ รับประมูลงานจากหน่ายงานรัฐ และจำหน่วยไฟประดับตกแต่ง
น่าแปลกที่โครงการใหญ่เกือบ 40 ล้านบาท เจ้าของโครงการอย่าง กทม.กลับไม่ระบุ “คุณสมบัติ” ของผู้รับเหมาว่าต้องมีประสบการณ์ในการจัดงานประเภทนี้มาก่อน แถมผลการประมูลที่มีเอกชนเข้าแข่งขัน 2 เจ้า "เฉือนหวิว" กันแค่ 1.3 แสนบาท และตำกว่าราคากลางเพียง 3.8 แสนบาท ไม่ถึง 1เปอร์เซ็นต์ของราคากลางที่กำหนดไว้เกือบ 40 ล้านบาท
ประเมินด้วยสายตาต้องบอกว่ามีกลิ่นตุๆ แต่โปร่งใสหรือไม่อย่างไรคงต้องฝากให้ สตง.ช่วยตัดสิน
นอกจากนี้ยังมีประเด็นการถลุงงบของ กทม. ที่ใช้อำนาจผู้ว่าฯกทม.อนุมัติ “งบกลาง” มาใช้สำหรับ “แผงไฟ LED 39 ล้าน” โดยอ้างข้างๆคูๆว่าเข้าเงื่อนไขที่ว่า “รายจ่ายตามนโยบายของผู้ว่าฯกทม. ที่มีไปถึงประชาชนโดยตรง” ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่นานมีกรณี “หนุ่มตกท่อ” ในซอยรัชดาภิเษก36 ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ กทม.จนทำให้ได้รับบาดเจ็บเย็บไปถึง 100 เข็ม พอร้องเรียนไปถึง กทม. กลับได้รับคำตอบจาก “ชายหมู” เจ้าของสโลแกน“ทั้งชีวิต เราดูแล” ว่า ทางระเบียบราชการยังไม่มีข้อกำหนดให้สามารถมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาใดๆได้
ล่าสุด สุทธิชัย ทรรศนสฤษดิ์ อดีตรอง ปลัด กทม. ที่วันนี้ได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ก็ตั้งกระทู้ถาม “บิ๊ก กทม.” กลางที่ประชุม เรื่องการใช้งบประมาณ 39 ล้านบาทติดตั้งแผงไฟ LED ทั้งที่ปีนี้ กทม.ไม่มี "โบนัส" ให้เจ้าหน้าที่นับแสนคน แถมยังต้องไปขอยืมกองทุนเงินสะสมมาจ่าย "บำนาญ" อีก
ตบท้ายด้วยประโยคที่ว่า “กทม.สุดแสนยากจน แต่ดันใช้เงินฟุ่มเฟือย" ตอกหน้าบรรดา “บิ๊ก กทม.” ในที่ประชุมจนหน้าชา
ชะตา “ชายหมู” กับ 1 ปีที่เหลืออยู่
เหลือวาระดำรงตำแหน่ง “พ่อเมืองกรุงเทพ” อีกเพียง 1 ปี แต่กลับโดนมรสุมห่าใหญ่ถล่มใส่ “หม่อมสุขุมพันธุ์” ไม่ยั้ง ทั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ใน“ความห่วยแตก” ของการบริหาร แถมยังถูกสาวไส้พัวพันกับโครงการทุจริตหลายโครงการ หนำซ้ำสถานะในพรรคประชาธิปัตย์ก็แทบไม่มีที่ยืน เจอ “วิลาศ จันทร์พิทักษ์-วัชระ เพชรทอง” ลุยปะฉะดะจับ “ชายหมู” ขึ้นเขียงล่อทุกเม็ด จับทุจริตใน กทม.ให้ได้
ล่าสุด “เฮียวิลาศ” ได้ยื่นหนังสือต่อ สตง.และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้าง 3โครงการของ กทม.ที่ส่อว่ามีการทุจริต ได้แก่ การจัดซื้อจัดจ้างกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) โครงการติดตั้งไฟประดับบริเวณลานคนเมือง กทม. ที่ใช้งบประมาณ 39.5 ล้านบาท และการต่อสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส กับบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ออกไปอีก 30 ปี ทั้งๆ ที่สัญญาเดิมยังเหลืออีก 17 ปี
ขณะที่ข่าวปล่อยว่า “ชายหมู” เตรียมแตะมือ “กำนันเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ ลงขันตั้ง "พรรคใหม่” มีทุนในกระเป๋าเบาะๆ 3 พันล้านบาท ก็กลายเป็น “ข่าวโจ๊ก” ไปเสียอีก
ดูท่า “ปีวอก” นี้น่าจะไม่ใช่ปีที่ดีของ “ชายหมู”
ถึงจะดูชิลชิลเพราะเป็นปีสุดท้ายในตำแหน่ง อยู่ไปวันๆให้ครบวาระ ไม่ต้องแคร์เรตติ้ง ใครจะด่าจะว่ายังไงก็ช่าง เตรียม “เป๋าตุง” อำลาเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.เท่านั้น ส่วนเรื่องพัวพันการทุจริต ก็ดูจะ “ลอยตัว” เพราะส่วนใหญ่โยนให้ “อมร กิจเชวงกุล” รองผู้ว่าฯกทม. ลงนามในแทบทุกโครงการของ กทม. หากโดน “ฟัน” ก็คงต้องยอมรับผิดแทนนายกันไป
อย่าง “โครงการพัฒนาทักษะทางด้านดนตรี” ตั้งแต่ปี 2551 ใช้งบประมาณไปแล้วทั้งหมด 732 ล้านบาท โดย “บริษัท เคพีเอ็น มิวสิค จำกัด”เป็นผู้รับจ้างในการจัดการเครื่องดนตรีเพียงรายเดียว แต่มีข้อผิดสังเกตตรงที่ “บริษัท ธีระมิวสิค จำกัด” ปรากฎชื่อเป็นผู้กำหนดราคากลางในโครงการดังกล่าวให้ กทม. แต่อีกสถานะหนึ่งก็เป็นบริษัทซับพลายเออร์ (จัดหาเครื่องดนตรี) ให้กับ “เคพีเอ็น”
แบบนี้ภาษาในวงการเขาเรียกว่า “ฮั้ว” ตอนนี้ สตง.ก็รับลูกไปสอบต่อ ทว่า “ชายหมู” ยังนิ่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เพราะมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เซ็นลงนามจึงไม่เดือดร้อนในภายหลัง ซึ่งดูตามรูปการณ์แล้วก็น่าจะรอดอยู่
ผิดกับโครงการ “แผงไฟ LED 39 ล้าน” ที่แม้ “ชายหมู” จะเล่นลูกไม้เดิม พูดทั้งวงลับ-วงเปิดว่าไม่มีการทุจริต และไม่ได้ลงนามเซ็นสัญญาโครงการด้วยตัวเอง แต่งวดนี้ขอบอกว่า พลาดเสียแล้ว เพราะในประกาศร่าง TOR กลับระบุว่า โครงการดังกล่าวเป็นนโยบายของ “ผู้ว่าฯกทม.” ชัดเจน
เมื่อเขียนออกมาแบบนี้ “ชายหมู” อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ได้เลย เพราะอย่าลืมว่าใน “มาตรา 157” ระบุถึงพฤติกรรมที่ส่อในทางประพฤติไม่ชอบร่วมอยู่ด้วย
ทั้งเอกสารประกวดราคา รวมไปถึงคำให้สัมภาษณ์ในโอกาสต่างๆชี้ชัดว่า “หม่อมสุขุมพันธุ์” รู้เห็นเป็นใจกับ “แผงไฟ LED 39 ล้าน” มาตลอด จะมากล่าวอ้างว่าไม่รู้-ไม่เห็น-ไม่เซ็นต์ ก็คงไม่ได้ อีกทั้งคำให้สัมภาษณ์ของ “หม่อมสุขุมพันธุ์” ที่ว่า “โครงการนี้ไม่มีปัญหาดีที่สุดในโลกและสุดคุ้ม” มีสิทธิที่จะย้อนศรทิ่มแทงตัวเองตายคาไฟ 39 ล้านบาทก็เป็นได้
มีตัวอย่างมาแล้วกับ “โครงการรับจำนำข้าว” ของรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่ในสำนวนของ ป.ป.ช.ระบุชัดเจนว่าโครงการรับจำนำข้าวเป็นนโยบายของรัฐบาล “หนูปู” รับรู้ทุกขั้นตอน แต่ไม่ระงับยับยั้ง รวมไปถึงคำให้สัมภาษณ์ที่ถูกผูกโยงเป็นหลักฐานที่ใช้ฟ้องในชั้นศาลด้วย จนคอพาดอยู่บนเขียง แม้จะไม่มีส่วนทุจริตด้วยก็ตาม
ดังนั้นหาก สตง. หรือ ป.ป.ช.ที่รับเรื่อง “แผงไฟ LED 39 ล้าน” ไปสอบแล้วสรุปมาว่าผิด งานนี้ “หมู” ก็ต้อง “หนาว”
อีกประเด็นที่น่าจับตาคือการระบุหลักการและเหตุผลในทีโออาร์ โดยปกติโครงการที่ผ่านมา กทม.ไม่ได้บรรจุว่าเป็นนโยบายของผู้ว่าฯกทม เพราะป้องกันไม่ให้เป็น “จุดอ่อน” จนถูกตีความได้ จึงมีกระแสข่าวปล่อยออกมาว่า งานนี้ “ชายหมู” โดนวางยาเข้าเต็มเปา หลังรอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราชเป็น “คนดีมือสะอาด” มาตลอด
ชั่วโมงนี้เส้นสนกลใน กทม.มีเยอะหลายขั้ว รู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ บรรดา “รองผู้ว่าฯกทม.” และระดับรองลงมา ฟันธงได้เลยว่ามีหลายคนไม่พอใจ“หม่อมหมู” หลังโดนหักหลังกันมาเยอะ จึงคิดกันว่าถึงเวลาแล้วที่เอาคืนบ้าง
งานนี้จะบอกว่า “หมู” ไม่กลัวน้ำร้อนไม่ได้แล้ว เพราะหลักฐานเริ่มสาวยิ่งลึก-ยิ่งลึก-ยิ่งใกล้ถึงตัว “ชายหมู” เต็มที